จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ภูเขา พิชชี่ บาย พิชยา ได้ออกมาปกป้องร้านของตน ที่โดนโพสต์ประจานเสียๆ หายๆ ในกลุ่มน้องใหม่ มมส 68 อ่านข่าว สาวโพสต์เดือด ประจานร้านบุฟเฟต์ เจ้าของงัดหลักฐานโต้ โร่ขอโทษ ไม่มีเงินจ่าย โดนแจ้งความ
ล่าสุดเมื่อเวลา 17.42 น. วันที่ 1 ส.ค.67 คุณภูเขา เจ้าของโพสต์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีลูกค้า 6 ท่านเข้ามาใช้บริการทางร้าน ทางร้านก็ให้บริการตามปกติ ต่อมาลูกค้าก็เลือกน้ำซุป และตักน้ำจิ้ม กดเครื่องดื่ม เพื่อมานั่งทานที่โต๊ะกัน
จากนั้นลูกค้าท่านนึงในกลุ่มนี้ก็ทำท่าเอื้อมมือไปหยิบถ้วยใส่แป้งต็อก ซึ่งเป็นของส่วนกลางของสายพาน หยิบลงมาแล้วไปวางไว้ที่ตัก เพื่อแกะฟิล์มถนอมอาหารออก เมื่อผู้จัดการเห็นว่าลูกค้าทำอย่างนั้น จึงแจ้งไปว่า “หนูอย่าแกะออกหมดนะลูก ถ้าแกะแล้วให้ปิดด้วย” ซึ่งพูดด้วยคำสุภาพ ไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่ไม่ดี แต่ด้วยความที่น้ำเสียงของผู้จัดการ เป็นคนพูดเสียงดังและมีบุคลิกแบบนั้น อาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของคนฟังอย่างไร ทางร้านก็ไม่ทราบ
หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ลูกค้ากลุ่มนี้ก็รับประทานเสร็จและเช็คบิลออกไป ผ่านไปประมาณ 4 ชม. เวลาประมาณ 22.00 น. ก็มีการโพสต์รีวิวร้านแบบเสียๆ หายๆ ขึ้นมาในกลุ่มเฟซบุ๊ก น้องใหม่ มมส 68
เมื่อเจ้าของร้านได้อ่านแล้ว ก็รู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ไล่อ่านคอมเมนต์ในนั้นเกือบร้อยกว่าคอมเมนต์ มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวการให้บริการจำนวนมาก เจ้าของร้านจึงได้เข้าไปขออภัยลูกค้าที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยที่ตอนนั้นทางร้านก็ยังไม่ได้เปิดกล้องวงจรปิด เพราะร้านมองว่า อาจจะเกิดการผิดพลาดขึ้นได้ ไม่รู้ว่าในร้านตอนนั้นเป็นยังไง จึงขอโทษลูกค้าไปก่อนในคอมเมนต์ของโพสต์นั้น และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในส่วนตรงนี้
แต่หลังจากขอโทษไปแล้ว กระแสในนั้นก็ยังไม่ลดลงเลย มีทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มคนที่ไม่เคยมาทานที่ร้าน มาคอมเมนต์ปั่นให้ร้านเสียหาย ต่อมาเวลา 22.30 น. ทางร้านจึงโทรไปหาผจก. เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวผู้จัดการก็บอกว่าก่อนหน้านี้เหมือนจะมีปัญหากับลูกค้า 6 ท่าน ตนเลยถามว่าทำไมถึงมั่นใจว่าเป็น 6 คนนี้ ทางผู้จัดการเลยบอกว่า ลูกค้ากลุ่มนี้มีปัญหาตั้งแต่รับเข้าร้านมา โดยลูกค้าอยากจะเลือกที่นั่งตามใจชอบ ซึ่งในตอนนั้นผู้จัดการร้านอีกคนซึ่งเป็นผู้ชาย ได้บอกลูกค้าว่า สามารถเลือกที่นั่งได้ แต่รบกวนขอให้เว้นไว้เป็นที่นั่งคู่ เพราะจะทำให้การจัดการที่นั่งให้ลูกค้าคนอื่นง่ายขึ้น ซึ่งพอดูจากกล้องวงจรปิดก็เห็นได้ว่า ลูกค้ามีสีหน้าไม่พอใจตั้งแต่ช่วงนั้น
เจ้าของร้านจึงรู้สึกว่า ในเมื่อเราขอโทษไปแล้ว ยินดีปรับปรุงแก้ไขไปแล้ว ทำเต็มที่สุดความสามารถแล้ว ในความคิดของตนเคสแบบนี้มันไม่ควรมาถึงจุดนี้ด้วยซ้ำ มันควรจะจบที่ตรงนั้น แต่เขาไม่จบ เจ้าของโพสยังดึงเอาตัวผู้จัดการมาต่อว่า พูดจาในลักษณะที่เหยียด ทำร้ายจิตใจไม่หยุด รวมไปถึงมีการเอาเฟซบุ๊กผู้จัดการผู้หญิงมาคอมเมนต์ โดยใช้ถ้อยคำหยาบคาย ท้าทายให้ออกมาบ้าง ผู้จัดการเองก็บอกว่า ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไม่คิดว่าเขาก็จะโพสต์ว่าได้รุนแรงขนาดนี้
ตนเลยใช้เวลานั่งดูกล้องวงจรปิดเกือบ 2 ชม. ตั้งแต่รับลูกค้าจนลูกค้าออกไป พบพฤติกรรมของลูกค้าตามที่ผู้จัดการเล่า คือหยิบอาหารตรงถาดกลางลงมาบนตักตัวเอง และก็แจ้งลูกค้าไป แต่ไม่มีเหตุการณ์ตามที่ลูกค้าโพสต์ต่อว่าร้านเสียๆ หายๆ เลยขอดูไปอีกว่าใครเป็นคนถ่ายรูปร้านไปลง พอไปเปิดกล้องหน้าร้านดู ก็เห็นจังหวะที่เขาถ่ายมาพอดี หลังจากที่ทราบแล้วว่าเป็นลูกค้าท่านนี้ ตนเลยกลับมาดูที่สลิปโอนเงินและตามไปดูที่เฟซบุ๊กเจ้าของบัญชีนี้ เจอว่าคือกลุ่มลูกค้าเดียวกัน เลยสืบต่อ จนทราบว่าเป็นน้องคนที่โพสต์จริงๆ
เจ้าของร้านยังบอกอีกว่า พ่อค้าแม่ค้าในระแวกนี้จะกลัวการที่โดนแขวนในกลุ่มเฟซบุ๊ก น้องใหม่ มมส 68 มาก เพราะบางทีน้องๆ ไม่ได้ไตร่ตรองก่อนที่จะโพสต์อะไรลงไป ทำให้ร้านในระแวกนี้บางร้านเจ๊ง ปิดกิจการไปเยอะเหมือนกัน จากการโพสต์รีวิวเสียๆ หายๆ ในส่วนที่น้องคนดังกล่าวทักมาขอโทษ ต้องบอกตามตรงเลยว่า ยังไม่ได้มีความรู้สึกที่จะให้อภัยน้องได้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น กระทบกระเทือนจิตใจความรู้สึกของเจ้าของร้านและผู้จัดการมากๆ ทำให้สุขภาพจิตไม่ดีและจิตตกวิตกกังวลไปเลย
รวมถึงหลังเหตุการณ์นี้ ในวันที่ 30 ก.ค. ทั้งวัน ยอดขายจากปกติ ก็ตกลงมาครึ่งต่อครึ่ง ยอดของร้านไม่เคยตกแบบนี้มาก่อน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากที่น้องโพสต์ 100 เปอร์เซนต์ เจ้าของร้านเองก็มั่นใจว่า ถ้าในมุมที่ตนเป็นลูกค้าเจอโพสต์แบบนี้ ก็ไม่กล้าไปลองทานร้านแบบนี้เหมือนกัน ตอนนี้จึงยังไม่อยากจะคุยอะไรกับน้องเป็นการส่วนตัวเอง ขอให้เป็นการดำเนินคดีตามกฎหมายไปเลย ไม่อยากคุยอะไรหลังไมค์กับน้องอีกแล้ว เบื้องต้นได้อ่านรับทราบข้อความของน้องแล้ว แต่มันเยียวยาความรู้สึกไม่ได้ตอนนี้
จากที่ถามน้องเจ้าของโพสต์ว่า ทำไปทำไม เขาก็ไม่ตอบ แต่บอกแค่ว่า เขาไม่รู้ แต่คิดว่าอาจจะด้วยนิสัยส่วนตัวของน้องเขาด้วย เพราะคนรอบข้างของน้องก็ส่งข้อความมาเล่าให้ตนฟังว่า เขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าเขาไม่พอใจอะไรหรืออารมณ์เสีย ก็จะมีอาการแบบนี้
นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตไปเจอมาว่า เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว น้องคนนี้ก็เคยไปรีวิวร้านอาหารในมหาสารคามแบบเสียๆ หายๆ เช่นกัน
ทั้งนี้เจ้าของร้านยังฝากถึงลูกค้าทุกท่านด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า ร้านทุกร้าที่ดำเนินกิจการมา ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะบริการลูกค้าให้ประทับใจที่สุดเท่าที่ร้านนึงจะทำได้ กว่าที่จะเป็นร้านมาขนาดนี้ ผู้ประกอบการทุกคนเขาตั้งใจมาก ซึ่งตนก็เคยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มีร้านที่มันเจ๊งจากการรีวิวแบบนี้มาแล้ว
ถ้าทางร้านบริการผิดพลาดหรือมีเรื่องที่ขาดตกบกพร่อง ทางร้านมั่นใจเลยว่าทุกร้านยินดีที่จะรับคำ complain พร้อมรับฟังปัญหาจากลูกค้าอยู่แล้ว ไม่มีร้านไหนที่ปล่อยปละเลยลูกค้า เขาก็ต้องเอามาปรับปรุงแก้ไข เพื่อที่อยากจะดำเนินกิจการต่อไป ถ้าลูกค้าไม่พอใจหรือไม่ถูกใจ แนะนำให้ทักเพจหรือ complain ที่น่าเคาน์เตอร์ไปเลยจะดีกว่า กว่าจะสร้างร้านร้านนึงได้มันยากจริงๆ เราก็ยังอยากที่จะบริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ขอแค่ลูกค้าบอกจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาด เราก็พร้อมจะปรับปรุงแก้ไข