ขอแสดงความยินดีกับแร็ปเปอร์รุ่นใหญ่ โจอี้ บอย ที่ได้ควงแขนแฟนสาว น้องเตย เมษินี เข้าสู่ประตู่วิวาห์ สละโสดอย่างเป็นเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ในบรรยากาศสุดอบอุ่น ที่อบอวลไปด้วยความรัก
ล่าสุดในวันที่ (3 สิงหาคม 2567) โจอี้ บอย และเจ้าสาว น้องเตย เมษินี ได้จัดงานฉลองมงคลสมรส ท่ามกลางบรรยากาศสุดชื่นมื่น โดยมีพี่น้องเพื่อนสนิทในวงการมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม
ซึ่ง โจอี้ บอย ได้เล่าถึงโมเมนต์วันที่ตัดสินแต่งแฟนสาวว่า “หลังจากคบหากันนานนาน เราก็คิดว่าตัดสินใจดีแล้ว เลยจูงมือเตยไปบอกพ่อแม่เลยว่าจะแต่งงาน ซึ่งเรทได้จูงมือไปบอกพ่อแม่พี่โจ้ก่อน แลพค่อยจูงมือเตยไปบอกพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาว“
หลายคนเซอร์ไพรส์มาตั้งแต่ปล่อยภาพพรีเวดดิ้ง พี่โจ้จะแต่งงานแล้ว?โจอี้ บอย : “คบกันมาได้ซักพักแล้วก็รู้สึกว่ามันถึงเวลา แต่งงานกันดีกว่า เรารู้สึกว่าอยากแต่งงานด้วย เป็นแพลนที่เรามองกันมานานแล้ว ไม่ได้ปุ๊บปั๊บ แต่อยู่ๆที่ปุ๊บปั๊บเพราะซินแสตระกูลผมกำหนดมาว่าต้องวันนี้เท่านั้น วันที่ 26 ก.ค. เราแต่งกับครอบครัวไปแล้ว เป็นวันที่ซินแสกำหนด เขาไม่ดูคิวงานเราเลย วันที่ 27 มีงานที่เชียงใหม่ แต่งงานเสร็จก็ตีรถไปเล่นคอนเสิร์ตเลย วันนั้นก็จะเป็นงานสำหรับครอบครัว มีแต่คนในครอบครัวของเจ้าบ่าว เจ้าสาวกับเพื่อนอีกนิดหน่อย วันนี้จะเป็นวันฉลองสำหรับเพื่อนๆ และทุกคนที่เรารัก ทุกคนที่เราอยากเห็นเขาในงานสำคัญของเรา เราเชิญมาจอยกันวันนี้”
ซินแสว่าไงบ้างถึงต้องวันนี้เท่านั้น?โจอี้ บอย : “เป็นซินแสประจำตระกูล พ่อแม่เราจะเชื่อมากๆ ก็ให้เขาสบายใจ”
รู้สึกอย่างไรบ้างได้เป็นเจ้าสาวของพี่โจ้?เตย : “ดีใจ เราคบกันมาสักพักแล้ว ผ่านอะไรหลายๆอย่างมาด้วยกัน จนเรารู้สึกว่าเราเข้ากันได้
โมเมนต์ขอแต่งงาน?โจอี้ บอย : ”คุกเข่าขอแต่งงานไม่มี แต่เราจูงมือกันไปบอกพ่อแม่เลย ก็บอกบ้านผมก่อน แล้วค่อยบอกบ้านเขา แล้วค่อยพาพ่อแม่ผมไปขอพ่อแม่เตย เป็นอะไรที่ปกติธรรมดา เรียบง่ายมาก“เตย : ”ก็เซอร์ไพรส์นะคะเพราะวันที่พี่โจ้มาคุยเรื่องแต่งงาน ตัวเราเองไม่เคยคิดว่าจะคุยเรื่องนี้กัน ซึ่งจริงๆมันเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันอยู่แล้ว“โจอี้ บอย : “ผู้ใหญ่ก็จะกดดันตลอด เมื่อไหร่ๆ เราก็ยัง จนมาถึงวันที่เรารู้สึกว่าได้เวลาแล้วแหละ เรารู้สึกว่าเราอยากจะแต่งงานกัน“
ตั้งแต่คบกันมา 4 ปี เจ้าบ่าวเราเป็นอย่างไรบ้าง?เตย : ”พี่โจ้เป็นคนน่ารัก เสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่วันแรกที่เขามาจีบเรา ความเป็นสุภาพบุรุษ การดูแลเอาใจใส่เรา เขาทำมาได้ดีตลอด เขาเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆตลอดเวลา เตยชอบในความใจดีของเขาที่เขามีต่อคนรอบตัวเรา ไม่ใช่เขามีให้เราแค่คนเดียว“
เจ้าสาวน่ารักยังไงถึงทำให้เรายอมทิ้งความตั้งใจโสดตลอดชีวิตมาแต่งงานด้วย?โจอี้ บอย : ”นอกจากรูปร่างหน้าตาที่ถูกสเป็กเราแล้ว มีหลายๆอย่างที่ผมชอบเขามากๆคือเขาเป็นคนใจดี สำคัญที่สุดเลยคือถ้าผู้หญิงใจดี ผู้ชายจะใจอ่อน เขาเข้าใจเรา เขาเป็นผู้หญิงที่สมาร์ท เขาฉลาด เขารู้จักการดีลกับชีวิตเรา เขาไม่เคยห้ามเราทำอะไรเลย แต่เขามีวิธีการพูด หรืออะไรหลายๆอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าคนนี้แหละ มันเหมือนเราบอกตัวเองมาเรื่อยๆ จริงๆเรามีความรักที่ผ่านมาก็มากมาย พอได้มาเจอคนทึ่น่ารักขนาดนี้ ในวัยนี้ เรารู้สึกว่าเราปล่อยเขาไปไม่ได้แล้ว ต้องพร้อมลุยแล้วครับ“
เพื่อนๆว้าวแค่ไหนที่ได้ยินว่าเราจะสละโสด?โจอี้ บอย : ”เพื่อนหลายๆคนก็ผิดหวัง มึงจะทิ้งกูไปแล้วเหรอ (หัวเราะ) ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง บอกมึงจะไปแล้วเหรอ เฮ้ย…ผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกเราจะไปแล้ว เราจะมีกลุ่มชายโสดอยู่ ก็จะคุยกันว่าเราจะอยู่เป็นเพื่อนๆกันนะ จับมือกันไว้นะพวกเรา จับมือกันไว้ให้แน่นๆนะตอนนี้ พอเราไปแล้วก็บอกทุกคน โชคดีนะ ขอไปก่อน เราคิดว่าลึกๆคนที่เป็นหนุ่มโสดมันก็จะมีความกลัวการผูกมัด แต่วันนึงที่เราได้เจอเขาจริงๆขี้นมา เราจะไม่รู้สึกอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นความรู้สึกที่เราอยากจะอยู่กับเขาตลอด แล้วมองเห็นภาพที่เราอยากจะอยู่กับเขาไปนานๆ จนมาถึงวันนี้แล้วมันมั่นใจแน่นอน ไม่ต้องสืบเลย“
โจอี้ บอย : ”ทายาทมีแน่ๆครับ จะพยายาม(หัวเราะ) เราคิดนะเพราะเราอายุขนาดนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมียากแค่ไหน แล้วก็คิดว่าลูกโตแล้วเราจะทันเล่นกับเขาไหม เราก็พยายามจะทำสุขภาพให้แข็งแรงที่สุดเพื่อที่จะได้อยู่เล่นกับเขาให้ได้ ยังไงผมต้องพาลูกเล่นสารพัดกีฬาให้ได้ มันคือความฝันอีกฝันของผม ก็คงจะต้องมีเร็วๆนี้แล้ว เราคุยกันว่าถ้ามีก็คงจะมี 2 คน เพราะถ้าพ่อแก่ไปแล้วเขาก็อยู่ดูแลกันได้ อยู่เป็นเพื่อนแม่ได้ ผมวางแผนหมดแล้ว“
เตย : ”ก็อยากมี เพราะดูจากพี่โจ้ที่เราเลี้ยงน้องหมาด้วยกันมา ทำให้เราได้เห็นอีกมุมของเขาเลยที่มันน่ารักมากๆ เขามีความคุณพ่อที่น่ารัก ดูแลใส่ใจรายละเอียดจริงๆ มุมที่เราไม่เคยได้เห็นเขาเราก็ได้เห็นจากตอนเลี้ยงน้องหมา ซึ่งมันเป็นมุมที่เราอยากจะเห็นอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเราไม่ผิดหวังเลยที่เราได้ร่วมดูแลสิ่งใดสิ่งหนึ่งกับเขา”
โจอี้ บอย : ”ทดลองเลี้ยงหมากันมาปีกว่า ลูกจะมาแบบไหนก็มาได้เลย ถ้ามีความเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว เราก็พร้อมทุกอย่าง เรานึกภาพตัวเองออก เราเห็นภาพตัวเองอุ้มลูกแล้ว ผมแพลนทุกอย่างไว้หมดแล้วว่าอยากจะทำอะไรกับลูกบ้าง กลัวอย่างเดียวว่าลูกออกมาแล้วเขาจะชอบอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน พ่อจะผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง(หัวเราะ) วันๆดูแต่คลิปคนอุ้ม ว่ามันอุ้มยังไงวะ มันก็มีความรู้สึกแบบนั้นไปโดยปริยาย รอชมทายาทกันเลยนะ”
ดูพี่โจ้เปลี่ยนไปมาก มีความมุ้งมิ้ง?โจอี้ บอย : ”จริงๆผมก็เซอร์ไพรส์ตัวเองอยู่เหมือนกัน พอได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขาหลายๆอย่างมันเปลี่ยนไป ทำให้เราตัดสินใจตรงนี้ได้เลย อย่างเรื่องการมีหมา ที่ผ่านมาผมเป็นคนมีหมา แต่มีแบบให้คนอื่นเลี้ยง เราเล่นอย่างเดียว พ่อแม่เลี้ยง เราเล่น แต่พอมาเลี้ยงด้วยกันกับเขา รับผิดชอบร่วมกัน เก็บอึ เช็ดฉี่ มันก็เห้ย… มันโอเคนี่หว่า มันรู้สึกว่าเราเลี้ยงมาด้วยกันแล้วเรารักหมาแบบที่เราไม่เคยรักมาก่อน หลายๆอย่างมันรู้สึกว่ามันใช่ ก็น่าจะพร้อม“
แต่งงานเสร็จก็โดฟเลย?โจอี้ บอย : ”แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เดินหน้าปั้มลูก”
โจอี้ บอย : “เล็งไว้หลายที่ครับ ส่วนเรือนหอมีอยู่แล้วแต่เราก็คุยกันไว้ว่าจะสร้างอีกซักหลังเล็กๆใกล้บ้านพ่อแม่จะได้เจอเขาบ่อยขึ้น“
จะมีเพลงที่จะแต่งให้เจ้าสาว?โจอี้ บอย : “มีเพลงที่พี่บอย โกสิยพงษ์ แต่งเอาไว้ เขาบอกว่าเราวันนี้ วันที่โจ้จะแต่งงานมานานแล้ว จะให้โจ้ร้อง แกแต่งเก็บไว้มานานแล้ว วันนี้ก็เลยนำเพลงลงซีดี เป็นของชำร่วยให้แขก เพลงชื่อว่าทาสเธอ จะยอมเป็นทาสของเธอ ชีวิตจริงก็คือต่างก็เป็นทาสซึ่งกันและกัน”
คำมั่นสัญญา?โจอี้ บอย : ”ผมก็บอกกับคุณแม่เขาไว้ว่าจะดูแลเขาด้วยชีวิตของตัวผมเอง“เตย : เตยก็อยากจะดูแลพี่โจ้แบบนี้ไปเรื่อยๆ เราก็เป็นเรากันในไปทุกๆวัน อยู่ให้มีความสุข ไม่คาดหวังอะไรจากกัน“ โจอี้ บอย : “เขาดูแลดีมากๆเลยนะ“เตย : ”แหวน2กะรัต“
มารู้จักกันได้ยังไง?โจอี้ บอย : “ขำมากเลยนะ ต้องขอบคุณ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก รู้จักกันทางเฟซบุ๊ก (หัวเราะ)”
ใครทักใครก่อน?โจอี้ บอย : “ยังเถียงกันจนถึงทุกวันนี้ว่าใครแอดใครไป แต่ว่าผมน่าจะเป็นคนทักหาเขา ถ้าทักไปจีบก็คงเป็นผมเลย”
เป็นเพื่อนร่วมกันหรือบังเอิญ?โจอี้ บอย : “เนี่ย…ไม่รู้ว่าแอดกันมาได้ยังไง”เตย : “ไม่รู้ว่าแอดมาได้ยังไง เหมือนแป๊บนึงก็มีเจาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”โจอี้ : “แล้วผมก็ไปจีบเขา”
คบกันมากี่ปีแล้ว?โจอี้ บอย : “ประมาณ 4 จะ 5 ปีแล้ว”
ตอนเตยรู้ว่าเป็นพี่โจอี้ บอยทักมาเรารู้สึกยังไงบ้าง?เตย : “ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็รู้สึกว่าคุ้นๆ ว่าเขาน่าจะเป็นคนนี้แหละค่ะ”
ไม่คิดว่าเฟซปลอมหรือเปล่า?เตย : “ก็แอบมีคิดเหมือนนะคะ แต่ดูแล้วก็ไม่ใช่“โจอี้ บอย : (หัวเราะ) ใครจะปลอมเป็นโจอี้ บอย ปลอมเป็นณเดชน์ มาริโอ้ ดีกว่า”เตย : “พอเขามาคุยก็สุภาพดี เขาเป็นคนน่ารักค่ะ เราก็ไม่ได้รู้ไม่ดีอะไรที่จะคุยกับเขา”
เรียกว่ารักจริงหวังแต่งเลย เพราะเคยแต่งเพลงให้เขาบอกว่ารักจริงหวังแต่ง?โจอี้ บอย : ”ก็คือจริงๆ แล้ว ตอนไปจีบก็ยังไม่รู้หรอก จีบกันไปเรื่อยๆ จีบกันไปปีแรกๆ ผมก็ยังเกกมะเหรกเกเรอยู่เลย ก็ค่อยๆๆๆ มันใช้เวลานี่แหละ ที่เหมือนกับเขารู้นิสัยเราจริงๆ แล้วเขาก็ดีลกับมันแบบสุดยอดเลย“
จริงๆ เตยรู้ไหม หรือก็ไปตามสัญชาตญาณ?เตย : ”มันน่าจะเป็นแบบว่า วิธีการสื่อสารมากกว่าค่ะ ถ้าเราอยากให้ใครทำอะไร ก็ต้องมีวิธีการสื่อสารให้ดี แค่นี้เอง“
โจอี้ : ”ปีแรกๆ เกเร เขาตั้งชื่อโทรศัพท์ชื่อผม (หัวเราะ) มีวันนึงเขาโทรศัพท์ไม่เจอ ผมก็กดไป ไปเจอตี๊ดๆๆ ตั้งว่าอะไรนะ (หันไปตามเตย) ไอ้ห่านี่เป็นไรอ่ะ (หัวเราะ)“
เตย : ”ตั้งว่า เป็นไรอ่ะ“โจอี้ บอย : ”ไม่มันหยาบกว่านั้นเธอ ก็โมโหทำไมตั้งชื่อ กูแบบนี้วะ (หัวเราะ) แล้วมันก็รู้ตัวสะท้อนที่เราทำตัวไม่ดี เราก็รู้สึกว่าต้องมุมานะเพิ่มแล้วก็ค่อยๆ เรียนรู้กันเพิ่ม มันก็มีวันนี้ครับ“
เตยคิดไหมว่าจากวันที่เขาเกเรจะมามีวันนี้?เตย : ”ไม่คิดเลยค่ะ“โจอี้ บอย : ”ต่างคนต่างไม่คิดนะ ตัวเองก็รู้สึกไม่อยากจะแต่งงานหรือจริงจังมากๆ ก็ลองคบกันดูเฉยๆ“
เตย : ”เพราะว่าพี่โจ้เขาซนจริงๆ แต่ว่าเขาก็เป็นสไตล์ผู้ชายค่ะ เขาก็มีมุมของเขาด้วย แต่เตยเชื่อว่าสำหรับทุกๆ คนมันไม่ใช่เรื่องยาก เราแค่เปลี่ยนมายด์เซ็ตแล้วก็ปรับการสื่อสารให้เหมาะสมกับเขา“
โจอี้ บอย : ”อย่างเช่น เขาไม่เคยห้ามผมออกไปเที่ยวกลางคืน เขาจะมีวิธีที่เดี๋ยวเราจะทำอาหารอันนี้ให้กินไหม กลับมากินไหม เดี๋ยวเย็นนี้กินข้าวด้วยกันไหม มีเมคแพลน เราก็ต้องชั่งน้ำหนัก ว่าเราจะไปดีไหม เนี่ย..มันวิธีการดีลของเขาที่ไม่ห้ามผมทำอะไรทั้งสิ้น“
วันนี้ต้องร้องเพลง หยุด แล้วไหม ตามที่เคยบอกในเพลงที่เคยแต่งให้เขา?โจอี้ : ”เดี๋ยว บุรินทร์ มาร้องให้ เขาเล่นคอนเสิร์ตอยู่ฝั่งตรงข้าม บอกว่าเล่นเสร็จแล้วกรุณามาร้องเพลงนี้ ในงานแต่งกู เพราะเราเขียนไปในเพลงเขานะ“