เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจรถโดยสาร เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มมีบริษัทจากประเทศจีน ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและเดินรถ เริ่มเข้ามาเจรจากับผู้ประกอบการไทย โดยสนใจจะขอซื้อกิจการ เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจและขยายตลาดมายังประเทศไทย หลังจากผู้ประกอบการไทยหลายรายมีปัญหาธุรกิจที่ไม่สามารถไปต่อได้ เนื่องจากประสบปัญาขาดทุน รวมถึงมีภาระต้นทุนสูงขึ้น จึงทำให้ไม่มีเงินทุนสำหรับปรับปรุงตัวรถหรือเดินหน้าธุรกิจ หากจะขอกู้เงินจากธนาคารต้องมีกำไร 2 ปีเป็นอย่างน้อย ทางธนาคารถึงจะปล่อยกู้ให้ ทางจีนเขาสนใจจะนำรถโดยสารที่เป็นรถอีวีมาขยายธุรกิจที่ประเทศไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าปัจจุบันสถานการณ์ธุรกิจรถโดยสารในไทย ไม่ค่อยดีมานานแล้ว และผู้ประกอบการของไทยเอง มีจำนวนมากที่ประสบปัญหา และต้องการจะขายกิจการ
ขณะนี้มีรถโดยสารหายไปจากระบบ 50% แหล่งข่าว กล่าว ขณะที่น.ส.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด เปิดเผยว่า การเข้ามาของกลุ่มทุนจีน ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของภาคการท่องเที่ยวทั้งหมด รวมถึงธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วย เนื่องจากทุนจีนที่เข้ามา จะมาทำเองเบ็ดเสร็จ เหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญ คือ มาเที่ยวและมากินอาหารในร้านของคนจีนด้วยกัน ซึ่งขณะนี้เริ่มกลับมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักหลังโควิดคลี่คลาย
อยากให้ภาครัฐลงมาดูพื้นที่จริงอย่างจริงจังว่าภาคธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ซึ่งจริงๆธุรกิจร้านอาหาร ต้องสงวนไว้สำหรับคนไทย และจากปัจจุบันด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและกำลังซื้อที่หายไป 50% ทำให้ธุรกิจร้านอาหารมีการปิดกิจการไปถึง 50% อย่างไรก็ตามแม้จะมีปิดตัวไป แต่ก็มีรายใหม่เข้ามา เพราะธุรกิจร้านอาหาร เป็นธุรกิจที่เปิดง่าย และเจ๊งง่ายเช่นกัน ถ้าสายป่านไม่ยาวพอก็ยากที่จะไปต่อ ” น.ส.ประภัสสร กล่าวและว่า คาดการณ์ว่าสิ้นปี 2567 สถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารน่าจะสาหัสมากกว่านี้
ซึ่งเมื่อเราอ่อนแอ จะทำให้มีกลุ่มทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนเข้ามาช้อนซื้อทรัพย์สิน เพื่อทำธุรกิจของเขาเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่เข้ามาอยู่ในหลายพื้นที่ เช่น รัชดา ห้วยขวาง เป็นต้น โดยเปิดเป็นร้านอาหารจีน เช่น สายพานหมาล่า ภัตตาคารโต๊ะจีน ซึ่งในร้านจะมีพนักงานจีนทั้งหมด
ที่มา matichon