ถ้ามันมีเรื่องไม่สบายใจจนสุดทาง มักจะจบด้วยการหย่าร้างเป็นเรื่องปกติ ล่าสุด หนิง ปณิตา ก็ได้พา น้องณิริน มาออกรายการ คุยแซ่บโชว์ ทางช่องวัน 31 พูดเปิดใจวิธีการรับมือ เวลาเจอปัญหาเราจับมือลูกผ่านช่วงที่ยากลำบากด้วยกัน แก้ไขปัญหา ทำอย่างไรให้น้องเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลง

ด้าน หนิง บอกว่า ตัว หนิง เองยังไม่ผ่านมรสุมไปเลย เพราะชีวิตของคนมักจะมีเรื่องใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา อยู่ที่ว่าเรามองว่าเรื่องนั้นคือเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ปัญหาในเรื่องส่วนตัวเราก็มี และปัญหาในเรื่องครอบครัวก็เป็นเรื่องของครอบครัว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น อยู่ในช่วงที่ น้องณิริน เข้าสู่วัยรุ่น เขาจะมีความเป็นวัยรุ่นของเขา ฮอร์โมนแปรปรวน หากเกิดปัญหาตอนน้องเป็นเด็ก เรื่องอาจจะง่าย

แต่เวลาที่เกิดปัญหา เราก็ปิดไม่ให้ลูกรู้เรื่อง เมื่อเกิดเรื่องอะไร เราก็พยายามอธิบายให้ลูกว่า มันไม่ใช่แบบนั้น เราจะทำให้ลูกสบายใจและพูดในสิ่งที่ลูกอยากได้ยิน เพื่อไม่ให้กระทบความรู้สึกลูก แต่สุดท้าย กลายเป็นตัว หนิง ที่ล้ม เหนื่อย และรู้สึกเหมือนตัวคนเดียว หนิง ได้ไปพบจิตแพทย์ และได้รับคำแนะนำว่า เราต้องสอนให้ลูกเรียนรู้จากความจริงที่เกิดขึ้น ในมุมที่เบาที่สุด

ด้าน น้องณิริน เผยว่า เมื่อตนรู้เรื่อง ตอนแรกตนก็เสียใจที่สุด แต่เราก็มานั่งคุยกัน 3 คนว่า เหตุผลอะไรที่พ่อแม่ต้องแยกทางกัน คุณแม่ก็อธิบายให้ฟัง การที่พ่อแม่แยกทางกัน มันไม่ใช่เรื่องที่แย่ แต่มันคือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ ครอบครัวในโลก

พ่อแม่รักเราเหมือนเดิม พ่อแม่แค่เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกัน น้องณิริน ยังได้เจอ คุณปู่ คุณย่า เหมือนเดิม เรื่องนี้ทำให้ น้องณิริน มานั่งคิดกับตัวเองว่า ถ้าพ่อแม่แยกกัน จะไม่มีการที่พ่อแม่ต้องมานั่งทะเลาะกันทุกวัน เคยถูกเพื่อนบูลลี่ในโรงเรียน ตอนนั้นเป็นคลาสว่ายน้ำ เพื่อนคนนึงตะโกนว่า เฮ้ พวกเธอรู้ไหมว่า พ่อแม่ณิริน เขาหย่ากัน บอกต่อหน้าครู

และเพื่อน ๆ ทุกคน ตอนนั้นรู้สึกว่า จะมายุ่งเรื่องของบ้านเราทำไม แต่หนูก็ไม่ได้พูดอะไร เขาจะพูดอะไรปล่อยให้เขาพูดไป เราไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว ทำให้เสียความมั่นใจในตรงนั้น หนูก็เลยไม่กล้าทำอะไรเลยในโรงเรียน เก็บตัวปิดหน้าปิดตาเงียบ ๆ คนเดียวในโรงเรียนเหมือนไม่มีตัวตน

หนิง ก็ได้บอกต่อว่า เรื่องนี้มันไม่ใช่ว่า พูดแล้วลูกจะเข้าใจเลย มันต้องใช้เวลา เรื่องนี้มันใหม่สำหรับเขา และเราต้องทำให้รู้ว่า เรื่องนี้มันไม่ได้สร้างปัญหา และทำให้เขาเรียนรู้ต่อไปว่า เวลาเรามีเรื่องอะไรเข้ามา ต่อให้ไม่ใช่เรื่องนี้ เป็นเรื่องอื่น แต่ทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามสเต็ป เราต้องพยายามใจเย็นและพูดกับเขาในทุก ๆ วัน อีกอย่างคือ

คำพูดไม่มีประโยชน์ การกระทำมีประโยชน์ที่สุด เราต้องโฟกัสกับลูกมากขึ้นหลายเท่าตัว และโชคดีที่คนรอบข้างคอยทำงานเป็นทีม ซึ่งก็ต้องขอบคุณตรงนี้ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา บางทีลูกอาจจะมีหลุดบ้าง แสดงพฤติกรรมบางอย่างทำให้รู้ว่าไม่น่ารัก ทุกคนก็เข้าใจ และ หนิง ก็ต้องมาอธิบายให้ลูกรู้ว่า ไม่ว่าจะเจอใคร ทุกคนพร้อมจะซัพพอร์ตน้อง แต่น้องก็ต้องน่ารักเองด้วย