Home ข่าว ท้องถิ่น อดีตพุทธะอิสระ โพสต์ถึงเรื่อง ศาสนจักร ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์สนั่น

อดีตพุทธะอิสระ โพสต์ถึงเรื่อง ศาสนจักร ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์สนั่น

76

วันนี้ 22 ก.ค. 68 อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ถึงเรื่องศาสนจักร ท่ามกลางชาวเน็ตคอมเมนต์สนั่น

ระบุว่า ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุและความดับเหตุแห่งธรรมนั้น ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘

ได้ยินข่าวว่า พระชนชั้นปกครองบอกให้ฆราวาสเขียนกฎหมายมาเพิ่มโทษพระภิกษุผู้กระทำผิดพระธรรมวินัย

ทำให้คิดต่อไปว่า เดี๋ยวนี้ศาสนจักรอ่อนแอไร้ความสามารถที่จักแก้ปัญหาภายในของตนเองแล้วหรือ จึงได้หันไปพึ่งอาณาจักรให้เข้ามาแก้ปัญหา

ว่าที่จริงแล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นในศาสนจักรในเวลานี้และตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นศาสนจักรแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้จริงๆ เลยสักครั้งเดียว

ไม่ว่าจะเป็นคดีนิกร ยศคำจู ยันตระ พุทโธภาวนา เณรคำ ธรรมกาย และล่าสุด คดีเหม็นคาวฉาวโฉ่ที่เกิดขึ้นในหมู่พระภิกษุระดับชนชั้นปกครอง

แม้จักมีการร้องเรียน ร้องทุกข์ กล่าวโทษกันมาตลอด แต่ทุกอย่างก็เงียบกริบ จนเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาญาจักต้องยื่นมือเข้ามากดดันและโพทนา ฝ่ายศาสนจักรจึงเพิ่งจะตื่น

แต่ก็ตื่นขึ้นมาแบบงัวเงีย สะลึมสะลือ แล้วสุดท้ายก็โยนให้อาณาจักรไปดำเนินการเขียนกฎกติกามาบังคับพระเณรทั้ง ๒๙๐,๑๔๓ รูป

ที่มีอยู่ในวัดจำนวน ๔๓,๐๐๕ วัด ทั้งที่พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ หาได้ประพฤติผิดชั่วบาปกันทุกองค์ แต่ทุกองค์ก็ต้องมารับผลกระทบต่อมาตรการบังคับใช้ไปด้วย

ว่าที่จริงแล้วหากพระภิกษุชนชั้นปกครอง รู้จักมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อภาระ ธุระหน้าที่ที่ตนมีต่อหมู่คณะ น่าจะมีความละอายว่า

การทำงานทำหน้าที่บริหารจัดการ ดูแลปกครองคณะสงฆ์ของตนมันบกพร่อง ไม่สามารถระมัดระวัง ยับยั้ง เหตุแห่งปัญหาที่มีอยู่ทั้งในอดีตและปัจจุบันได้

พวกพระภิกษุชนชั้นปกครองแต่ละระดับสมควรต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อความบกพร่องในการทำหน้าที่ของตนกันบ้างหรือไม่

ไม่ใช่เอะอะอะไรก็มาลงที่พระเณรชั้นผู้น้อย ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรกับการประพฤติชั่วผิดบาปของพระภิกษุชนชั้นปกครองเหล่านั้นเลย

แต่หลายครั้งหลายคราที่เกิดเหตุ เวลามีเรื่อง พวกพระภิกษุชนชั้นปกครองก็ทำได้แต่เพียงออกกฎ กำหนดกติกา ตั้งระเบียบข้อบังคับขึ้นมา

โดยที่ไม่ได้เข้าไปดู ไม่ได้เข้าไปศึกษาเลยว่า ที่จริงแล้วปัญหามันเกิดมาจากเหตุอะไร จนกลายเป็นช่องว่างระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง

เหตุที่ฝ่ายศาสนจักรไม่สามารถเห็นปัญหา ไม่สามารถแก้ปัญหาของตนเองได้ ก็เพราะศาสนจักรกลายเป็นองค์กรที่อ่อนแอ และถูกทำให้อ่อนแอด้วยการติดเชื้อโรคร้ายที่พระบรมศาสดาทรงตรัสสอนว่า

คือ โลกธรรมทั้ง ๘ ที่องค์พระบรมศาสดาทรงตรัสสอนเอาไว้ว่าเป็นเครื่องผูกสัตว์ให้ติดขัด ขุ่นข้องและพร่องอยู่เป็นนิจ

ได้แก่การเสพติดในลาภ เสพติดในยศ เสพติดในการสรรเสริญเยินยอ และติดในสุข คือ ความสบายกาย ความบันเทิงใจ พร้อมทั้งกลัวที่จักเสียลาภ กลัวที่จักเสื่อมยศ

และกลัวที่จักถูกนินทา จึงไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง และสุดท้ายกลัวที่จักเป็นทุกข์ เป็นภาระต่อการที่ต้องเข้าไปรับรู้ปัญหา

เหล่านี้คือโรคร้ายที่ทำให้ศาสนจักรอ่อนแอ แม้ในครั้งที่องค์พระบรมศาสดาทรงตรัสรู้แล้วยังได้ทรงสุบินนิมิตไปว่า

ธรรมที่เราตถาคตได้ตรัสรู้และแสดงไว้ดีแล้ว จักมีลาภสักการะกองเป็นภูเขาเลากา ดุจดังภูเขามูตรคูถ

สุบินนิมิต ๑ ใน ๕ ประการที่พระพุทธเจ้าทรงสุบินนิมิต: “เสด็จขึ้นไปเดินจงกรมบนยอดเขาที่เต็มไปด้วยของเสีย (อาจม) แต่อาจมเหล่านั้นไม่เปรอะเปื้อนพระยุคลบาท”

• ทำนายว่าพระองค์จะได้รับลาภสักการะจากชาวโลกมากมาย แต่จะไม่ยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น

แต่ในยุคปัจจุบัน กลับมีหมู่ภิกษุ (โดยเฉพาะพระภิกษุชนชั้นปกครองกลับไต่ลงจากจีวรไปเกลือกกลั้วอยู่กับกองอาจมจนติดหล่มติดโลก)

เหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้ศาสนจักรอ่อนแอ จึงต้องปล่อยให้อาณาจักรเข้ามาแทรกแซงดังที่ปรากฎ

วันนี้เขียนทิ้งเอาไว้แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ วันหน้าจะนำเอาเหตุแห่งความอ่อนแอ ที่เกิดขึ้นในศาสนจักรนี้มาเล่าสู่กันฟังใหม่ เจริญธรรม พุทธะอิสระ

ขอบคุณข้อมูล : หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)