จากกรณีที่มีการแชร์กันในโชเชียล พูดถึงเรื่องราวความเชื่อ หลัง “พระฉัตราวุธ ปิยธมฺโม หรือหลวงฉัตร” อายุ 40 ปี หัวหน้าสงฆ์ ได้พาทีมข่าวเข้าตรวจสอบ หินลักษณะเป็นเหมือนหัวช้าง ที่ขุดเจอเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2560 ขณะกำลังก่อสร้างถนนรอบวัด โดยหินดังกล่าวลักษณะเป็นรูปหัวช้างขนาดใหญ่ ส่วนหัวมีขนาดประมาณ 2.5 เมตร ซึ่งตอนที่รถแบคโฮกำลังขุดไปโดนหินก้อนนี้ ปรากฏว่าฟันบุ้งกี๋ ตีนตะขาบของรถแบกคโฮหลุด จนเป็นเหตุให้ต้องซ่อมแซมหลายวัน
เมื่อซ่อมเสร็จก็จะขุดต่อ รถแบคโฮเครื่องดับ สตาร์ทเครื่องไม่ติด จึงไปนิมนต์พระฉัตราวุธมาดู แม้จะขุดหินตรงนี้เท่าไหร่ก็ขุดไม่ออก จนช่วงหัวค่ำกลับไปที่กุฏิ ขณะจำวัดก็ฝันเห็นหินก้อนนี้ว่าคือ พญาฉัททันต์
ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลายคนต่างให้ความสนใจและแชร์กันจำนวนมาก ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่เองก็ต่างให้ความศรัทธาและเชื่อถึงเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น
ล่าสุดวันนี้ทางทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปตรวจสอบและสำรวจ ที่สำนักสงฆ์ธาตุสุขสำราญ พื้นที่บ้านนาไม้ไผ่ หมู่ 2 ต.บ้าหวี อ.สำราญ จ.ตรัง ซึ่งบริเวณวัดจะอยู่ติดเชิงเขาใกล้กับสวนของชาวบ้าน ทั้งนี้จุดที่มีการขุดพบหินลักษณะคล้ายหัวช้างจะอยู่บริเวณด้านหลังวัด
ทีมข่าวลงสำรวจพบว่าบริเวณจุดดังกล่าวมีการก่อสร้างเป็นอาคารโล่งกว้าง มุงหลังคาและมีการตกแต่งประดิษฐานพระพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงมีการกั้นรั้วและล้อมรอบบริเวณหินที่เป็นหัวช้าง ประกอบกับมีป้ายบทสวด และชื่อของหินก้อนนี้ว่า “ พญาฉัททันต์ ” ซึ่งเมื่อมองด้วยสายตา ปรากฏว่ารูปลักษณ์ค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับหัวช้างจริง แม้ว่าบางส่วนจะมีการปั้นและบูรณะตกแต่งให้บางส่วนคล้ายหัวช้าง มีการเพิ่มงาและงวง ซึ่งของจริงที่เป็นก้อนหินจะอยู่บริเวณใต้ดินเลยไม่สามารถขุดขึ้นมาได้ มีการตกแต่งใส่ลูกแก้วที่ดวงตา เพิ่มหู และ ตกแต่งเพิ่มเติม
ทีมข่าวได้มีการเข้าไปกราบสักการะและไหว้ รวมไปถึงลูบบริเวณแก้ม พร้อมกับอธิษฐานจิตขอพร ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าสภาพแวดล้อม และก้อนหินก้อนดังกล่าว กลับทำให้ทีมข่าวรู้สึกขนลุก
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับทาง “หลวงฉัตร” อายุ 40 ปี หัวหน้าสงฆ์ พาผู้สื่อข่าวไปชมหินลักษณะเป็นเหมือนหัวช้างก่อนจะเล่าเรื่องราวและตำนานว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงวันที่ 11 มิ.ย.2560 ตอนนั้นทางเจ้าของพื้นที่ได้มีการบริจาคที่ดิน ให้สร้างสำนักสงฆ์เพิ่มเติม ตนเลยตั้งใจจะสร้างถนนเพิ่มเติมในรอบเขาสำนักสงฆ์ เลยมีการจ้างช่างและก่อสร้างถนนรอบ ทำไปได้ไม่นาน จุดที่พบหินลักษณะคล้ายรูปหัวช้าง ปรากฏว่าเกิดเรื่องราวตามความเชื่อ ตอนที่รถแบคโฮกำลังขุดไปโดนหินก้อนนี้ ปรากฏว่าฟันบุ้งกี๋ ตีนตะขาบของรถแบกคโฮหลุด ในช่วงที่ขุดบริเวณดังกล่าว เมื่อมีการสับเปลี่ยนใหม่ก็หลุดอีกครั้ง และไม่สามารถขุดทำถนนได้ หลังจากนั้นทางช่างก่อสร้างได้หยุดทำงาน และกลับมาเริ่มทำถนนใหม่
แต่ปรากฏว่ารถแแบคโฮกลับดับไม่สามารถสตาร์ทเครื่องได้ ต้องทำพิธีขอเปิดทาง จนทางคนขับรถแบคโฮต้องไปตามตนที่กุฎิด้านบน และลงมาดูพบว่ารูปลักษณะคล้ายหัวช้าง ตนเลยให้ช่างหยุดขุดก่อนและค่อยหาทางอีกที ปรากฏว่าช่วงหัวค่ำกลับไปที่กุฏิ ขณะจำวัดก็ฝันเห็นหินก้อนดังกล่าว พร้อมกับมีลักษณะช้าง 1 เชือก มาปรากฏให้เห็นลักษณะเป็นสีน้ำตาล ร่างใหญ่และสูงกว่าช้างปกติ ก่อนที่จะมีการบอกชื่อว่าเป็น “ พญาฉัททันต์ ” และบอกให้คนขับรถแบคโฮ ทำพิธีขอขมาเนื่องจากขุดไปโดนบริเวณส่วนหนึ่งของหัวช้าง
ซึ่งหลังจากที่ตนตื่นขึ้นมายอมรับว่าตอนนั้นยังคงเชื่อ เนื่องจากที่ผ่านมาตนไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของช้างหรือเรื่องเล่าตำนานเกี่ยวกับช้าง กระทั่งตนเองนำชื่อที่ได้ยินในฝันไปค้นข้อมูลจนพบว่า “พญาฉัททันต์” เป็นตำนานช้างในพระพุทธศาสนา และมีความเชื่อมโยงกับพระพุทธเจ้า ซึ่งตอนนั้นตนเองก็เริ่มรู้สึกศรัทธาและมองว่าหินก้อนดังกล่าวต้องทำอะไรซักอย่าง เมื่อพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่จึงมีความเห็นร่วมกันว่าอาจจะทำเป็นสถานที่หรือทำเป็นหนึ่งจุดที่ให้ชาวบ้านได้เข้ามาไหว้และศรัทธา
ก่อนที่ตนเองจะได้มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านโซเชียลจึงทำให้มีชาวบ้านบางส่วนรวมไปถึงคนที่ฝันเห็นและมีบางคนที่สัมผัสได้เห็นโพสต์ เลยมาสร้างศาลาครอบหินรูปช้างไว้ ก่อนจะมีการต่อเติมงาและงวงที่ถูกรถแบคโฮขุดไป ด้วยการนำปูนมาปั้นขึ้นรูปงาสองข้างพร้อมงวงชูขึ้น ปลายงวงมีดอกบัว 3 ดอก และการติดตา เพื่อเป็นการเปิดเนตร จากนั้นได้มีการประกอบพิธีขอขมาและบวงสรวงแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 8 ก.พ.67 ที่ผ่านมา