เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.ย.67 ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงภาพประชุม สส.เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในวันละ 2 และวาระ 3 วันแรกว่า เป็นไปอย่างราบรื่น เดินหน้าได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในช่วงเช้ามีการเจรจาระหว่างสองฝ่าย ก็คาดว่าจะเดินหน้าได้ 13 ถึง 14 มาตรา และจบในเวลา 4 ทุ่มเมื่อคืนนี้ ส่วนการลงมติก็ผ่านความเห็นชอบไปได้ด้วยดี ขณะที่การอภิปรายในสภา เป็นการหยิบยกเอาประเด็นข้อสงสัยข้อห่วงใยและมีการถามตอบชี้แจงได้ครบถ้วนในแต่ละประเด็น ซึ่งภาพรวมเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อถามว่าเรื่องนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถชี้แจงให้ความมั่นใจแก่ฝ่ายค้านได้มากน้อยแค่ไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราสามารถยืนยันได้ว่า นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าจะเดินหน้าโครงการดิจิทัล 10,000 บาท แต่แน่นอนว่ารูปแบบอาจจะมีการปรับเปลี่ยน แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการแถลงนโยบาย แม้ว่าตนเองจะพอรับทราบโครงสร้างใหม่มาแล้วบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนต้องรอให้กระบวนการครบถ้วนก่อน ซึ่งคาดว่าประมาณ 10 วันน่าจะรู้เรื่อง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า

ช่วงราววันที่ 15-17 ก.ย. คาดจะมีการแถลงนโยบาย ซึ่งหากเป็นไปตามกรอบเวลา จะทราบว่าโครงสร้างของโครงการ ปรับเปลี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตามเงินที่ได้เตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นงบกลางปี 67 จำนวน 1.22 แสนล้าน และงบ 68 ที่กำลังพิจารณาอยู่ จะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติมเงินให้กับประชาชนได้อย่างแน่นอน เมื่อถามอีกว่าเรื่องการจ่ายเงินสดเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เนื่องจากกลัวว่าการจ่ายเงินสดจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายและไม่กระจายลงฐานรากอย่างแท้จริง นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า มีหลายมุมมอง เพราะลักษณะการดำเนินนโยบายสาธารณะมีมุมมองที่แตกต่าง และในวันที่เราจะทำในรูปแบบดิจิทัล 100% ก็มีข้อท้วงติงบอกว่าให้ไปดูกลุ่มเปราะบาง และทางวุฒิสภา (สว.) ก็เห็นร้องห่มร้องไห้ ให้แจกเป็นเงินสด

ซึ่งต้องยอมรับว่าได้ยินมาจริงๆ จากตัวแทนของประชาชน ซึ่งทางเราก็รับฟัง และตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา มาจนถึงรัฐบาลแพทองธาร ก็เชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน และทุกฝ่าย รวมถึงฝ่ายค้านและภาคราชการ

ซึ่งเมื่อมีเสียงสะท้อนมาเราก็รับฟัง เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่าควรเป็นแบบไหนเพื่อให้การใช้จ่ายง่ายขึ้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่อยากตอบ อยากให้รอฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล แต่สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนประเด็นแรก กลไกการเดินหน้ารัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยเต็มไปด้วยนักร้อง เมื่อมีการลองเข้ามาแล้วก็มีการสะดุดติดขัดไม่ใช่แต่เพียงรัฐบาลเท่านั้น แต่กระทบไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง

ซึ่งเมื่อมีเรื่องร้องเข้ามาและคาอยู่เป็นปี ทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นต่อการบริโภค การลงทุน การเดินหน้าชีวิตให้สะดุดติดขัดขัดไป วันนี้มองว่า อะไรที่เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง ตนมองว่ารัฐบาลแพองธาร ต้องปรับให้มีความปลอดภัยมากขึ้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่สอง มีข้อสังเกตและข้อห่วงใยจากหน่วยงานของรัฐ

และจากประชาชนฝ่ายค้านในเรื่องของการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางจุด เพื่อให้เกิดประโยชน์โดยเร็ว กระตุ้นเศรษฐกิจในการเป็นเม็ดเงินให้กับประชาชน ซึ่งเราก็รับฟังมา และยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนเป็นเงินสดมีความเป็นไปได้ในบางส่วน แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ต้องให้มีการพิจารณาร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งวันนี้ก็ได้รับหนังสือจากพรรคภูมิใจไทยแล้วจะต้องนำทั้งหมดมารวมกัน คลุกรวมกัน เพื่อให้เป็นแนวนโยบายแห่งรัฐที่ทุกคนยอมรับกันได้

เมื่อถามว่าประชาชนที่ลงไปทะเบียนไปแล้วจะทำอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังเดินหน้าต่อ ตนไม่ได้หมายความว่าไม่มีโครงการที่เป็นในลักษณะของดิจิทัลวอลเล็ต เราต้องมาดูรายละเอียดกัน แต่เรื่องการทำโครงการเงินดิทัลวอลเล็ต ยังมีอีกหนึ่งวัตถุประสงค์ที่ทราบกันมาตลอดคือ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราไม่อัดละเลยได้ ยังอยู่ในวัตถุประสงค์อยู่ แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับที่น่าพึงพอใจในระดับที่ยอมรับได้ เรื่องนั้นต่างหากที่เป็นคำตอบ เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนรูปแบบจะมีผลต่อแรงส่งต่อพายุหมุนที่ตั้งไว้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า แน่นอนครับ การปรับเปลี่ยนอะไรก็ตาม ก็มีทั้งในแง่บวกและแง่ลบในตัวของมันเอง เราต้องหาจุดสมดุลที่มีความเหมาะสมที่สุดเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ และบรรลุวัตถุประสงค์ ทำอย่างไรให้ได้ทุกอย่างในระดับที่ยอมรับได้