เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างประเทศ ได้มีการเผยแพร่กรณีการทารุณกรรมเด็กที่น่าสะเทือนใจในไต้หวัน เมื่อเด็กชายวัยเพียง 2 ขวบ ถูกพาตัวมาโรงพยาบาลหลังเกิดอาการหมดสติ ทางแพทย์พบร่องรอยบาดแผลทั้งเก่าและใหม่บนตัวของเด็ก จึงสงสัยว่ามีการทำร้ายร่างกายจึงได้แจ้งไปยังตำรวจ หลังจากการสอบสวนพบเรื่องราวที่น่าตกใจ เมื่อพ่อแม่ของเด็กทิ้งลูกให้ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังทั้งวันกับขวดนมเพียง 1 ขวด
จากการรายงานเผยว่า พ่อแม่ของเด็กคือ นายอู๋ อายุ 34 ปี และ นางเฉิน อายุ 32 ปี อาศัยอยู่ในที่พักบนถนนฟู่เซียง เขตถูเฉิง เมืองนิวไทเป ของไต้หวัน ทั้งสองอ้างว่างานยุ่งมาก ก่อนหน้านี้ได้นำลูกชายไปฝากให้พ่อแม่ของพวกเขาที่เขตซินจวง ให้ช่วยดูแลหลาน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้ไปรับลูกกลับมาอยู่ที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ได้ปล่อยให้ลูกชายวัย 2 ขวบ อยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว ในขณะที่ตัวเองออกไปทำงาน โดยมีขวดนมเพียง 1 ขวดที่พวกเขาเตรียมเอาไว้ให้ลูกชาย สำหรับการใช้ชีวิตตลอดทั้งวัน และพวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้นเพียงวันเดียว จนกระทั่งในคืนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากที่ทั้งสองกลับมาจากที่ทำงาน ก็พบว่าลูกชายนอนหมดสติอยู่ที่พื้นข้างเตียง จึงรีบแจ้งหน่วยฉุกเฉินพาส่งโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่กู้ภัย เผยว่า ตอนที่ไปพบตัวเด็กชาย เขายังรู้สึกตัวแต่อาการอ่อนแรงมาก ตามตัวมีบาดแผลที่เหมือนถูกทำร้าย พ่อแม่เขาอ้างว่าลูกชายกลิ้งตกลงมาจากเตียงจึงได้รับบาดเจ็บ เด็กชายถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในไอซียู โดยขณะนี้อาการโคม่ายังอยู่ในภาวะวิกฤต
ภายหลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน ในที่สุดทางพ่อแม่ก็ยอมรับสารภาพว่า ได้ทิ้งลูกชายให้อยู่ตามลำพังที่บ้านโดยให้ขวดนมไว้ 1 ขวด บาดแผลเก่าของลูกชายเกิดตอนที่อยู่บ้านครอบครัว โดยญาติของพวกเขาเป็นคนอบรมสั่งสอนเด็ก อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจได้ตรวจสอบประวัติการบันทึกการแจ้งความและพบว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อแม่คู่นี้ละเลยการเลี้ยงดูลูกของตน
ทางตำรวจได้ประสานไปยังสำนักงานกิจการสังคมของเมืองไทเปเพื่อให้เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์มาประเมินสถานการณ์ รวมทั้งได้รายงานเรื่องไปยังสำนักงานอัยการเขตให้ดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมาย ในขณะที่ทางแพทย์พยายามช่วยเหลือรักษาเด็กอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนทางพ่อแม่ของเด็กหากผลการสอบสวนพบว่าพวกเขาไม่สามารถจัดหาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับลูกของตนเองได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะส่งเด็กให้ไปอยู่ในที่ที่เหมาะสม