วันที่ 22 มกราคม 2568 เรียกได้ว่ากลายเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจเห็นแล้วหดหู่อย่างมาก เมื่อเพจเฟสบุ๊ค มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย, ประเทศไทย (Soi Dog – in Thai) ได้เผยเรื่องราวของสัตว์ถูกทิ้ง สุดเวทนาไซบีเรียน 9 ตัว ถูกทิ้งไว้ในบ้านพร้อมแมว 12 ตัว ขาดน้ำ ขาดอาหาร ร้องโหยหวนสภาพหิวโซ คาดเป็นเหยื่อถูกเพาะพันธุ์ผิดกฎหมาย
โดยระบุข้อความ่า เหตุการณ์สะเทือนใจเกิดขึ้น เมื่อไซบีเรียนและแมวเหล่าถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพหิวโซภายในบ้านหลังหนึ่ง เสียงร้องโหยหวนของเหล่าน้องหมาที่อดอยาก ทำให้เพื่อนบ้านใจบุญต้องช่วยเหลือด้วยการโยนอาหารข้ามรั้วไปให้กินเพื่อประทังชีวิต ก่อนแจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือมายังซอยด๊อก
หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของซอยด๊อกเข้าให้ความช่วยเหลือ พบว่านอกจากไซบีเรียน 9 ตัวและแมวอีก 12 ตัวที่ถูกทิ้ง ยังมีซากศพของชูการ์ไกลเดอร์นอนตายอยู่ภายในบ้าน ในสภาพขาดน้ำ ขาดอาหาร มากไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ของเราเคยเจอกับเจ้าของเก่ามาก่อน
ซึ่งขณะนั้นมีสุนัขพันธุ์แท้ภายในบ้านกว่า 60 ตัว โดยเจ้าหน้าที่ของเรามีความห่วงใยเรื่องสวัสดิภาพสัตว์จึงให้ความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องนี้ และจากประสบการณ์การช่วยเหลือสัตว์ของเจ้าหน้าที่ทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าการครอบครองสุนัขพันธุ์แท้ไว้ในจำนวนมาก อาจเป็นไปเพื่อเพาะพันธุ์ทางการค้าแบบผิดกฎหมาย จึงแนะนำให้เจ้าของเก่าผู้นี้จดทะเบียนฟาร์มกับกรมปศุสัตว์เพื่อดำเนินการเพาะพันธุ์อย่างถูกกฎหมาย แต่เจ้าของปฏิเสธและอ้างว่าเลี้ยงสุนัขเป็นการส่วนตัวไม่ได้เพาะพันธุ์แต่อย่างใด
ในระหว่างรอกระบวนการทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่ของซอยด๊อกดำเนินการร่วมกับท้องถิ่นและปศุสัตว์ ในการให้ความช่วยเหลือไซบีเรียนด้วยการส่งตัวน้อง ๆ ไปยังบ้านพักพิงสุนัขจรจัดจังหวัดภูเก็ต สวนป่าบางขนุน โดยซอยด๊อกเป็นผู้ทำหมัน ฉีดวัคซีน และคอยให้การรักษาทางการแพทย์เมื่อน้องมีอาการเจ็บป่วยตลอดช่วงเวลาที่อยู่ที่นั่น ในส่วนของเจ้าของเก่าที่ทอดทิ้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการสืบสวน ไต่สวน และดำเนินคดี
เหตุการณ์สุนัขพันธุ์แท้จำนวนมากถูกนำมาเพาะพันธุ์อย่างผิดกฎหมายเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แม้เจ้าของอ้างว่าเลี้ยงดูในฐานะสัตว์เลี้ยงก็ตาม สะท้อนให้เห็นว่ายังมีการเพาะพันธุ์ผิดกฎหมายอีกมากในสังคม ซึ่งละเลยการมอบความรัก การเอาใจใส่ และสวัสดิภาพที่ดีให้แก่สัตว์ ทั้งนี้การเพาะพันธุ์ควรทำอย่างถูกกฎหมาย และวางแผนอย่างรอบคอบในทุกด้าน รวมถึงการเตรียมแผนสำรองกรณีไม่สามารถดูแลสุนัขได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ขอบคุณเฟสบุ๊ค มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย, ประเทศไทย (Soi Dog – in Thai)
