แอน ทองประสม โล่งใจ ความยุติธรรมมีจริง ได้เพชรชิ้นสุดท้ายคืน ปิดจ๊อบมหากาพย์ ตามทวงนาน 2 ปี แต่เหตุการณ์นี้ทำให้กลัวไม่กล้าใส่

ปิดจ๊อบมหากาพย์คดีลักทรัพย์ มูลค่ากว่า 20 ล้าน หลังจากที่เมื่อวานนี้ผู้จัดและนางเอกสาว “แอน ทองประสม” ได้ขึ้นศาลครั้งแรก นัดสืบพยานในคดีถูกอดีตผู้ช่วยเลขาขโมยทรัพย์สินนำไปขายและจำนำ ก่อนที่นางเอกสาวจะทำการอายัดทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปคืนกลับมา แต่ยังเหลือเพชรที่มีมูลค่าเยอะกว่าทุกชิ้น ที่เจ้าตัวยังไม่ได้คืน

โดยวันนี้ (29 ส.ค. 67) ‘แอน’ ที่มาร่วมงาน “เปิดตัวคอลเลกชัน UNIQLO FallWinter 2024” ที่เกษรอัมรินทร์ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเรื่องนี้ว่า “ปิดจ๊อบแล้วค่ะ แอนลุ้นมากค่ะ เมื่อวานนี้แอนไปศาลนัดสืบพยานทั้งฝั่งเราและเขามา แอนก็เตรียมสคริปต์ที่ต้องพูดไปแต่ก็ไม่ได้ใช้ เพราะก็มีการสรุปกันได้เร็วกว่านั้น”

“มันเป็นอะไรที่เรารู้สึกมันน่าขมขื่นมาก ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับเรา มันเหมือนในละคร ฉันทำอะไรเนี่ย ณ ตอนนั้นแอนไม่เคยได้บอกเลยว่ารู้สึกอะไร บอกแค่ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง แต่วันนี้ก็พอเล่าได้แล้ว“

“แต่ท้ายสุดแอนโชคดีที่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเดินกวักมือเรียกแอน แล้วบอกว่า แอนมานี่หน่อย เล่าให้พี่ฟังหน่อยว่าไปถึงไหนแล้ว แอนบอกเม็ดสุดท้ายนี่ยากสุดเลย แอนคงหมดใจแล้วที่จะตามอาจจะต้องไปจ่ายเงินทั้งหมด เขาก็บอกไม่ต้อง มันมีทางออก ก็เลยมาเริ่มศึกษากัน แอนก็มีผู้ใหญ่ท่านนี้คอยให้คำแนะนำ”

“ที่ตามมาได้ก็หืดสุด เหนื่อยสุดเลย มันเป็นเม็ดใหญ่สุด แล้วมูลค่ามันสูง มันก็ทำให้ทางฝั่งเขาทำใจยากที่จะคืนกลับมา คือคนอาจจะงงว่าแอนเอาคืนมาจากไหน คนที่ขโมยไปเขาได้รับโทษเรียบร้อย แต่แอนต้องไปต่อสู้กับร้านเพชรร้านนี้แหละที่เขารับซื้อไป ซึ่งในแต่ละร้านที่ผ่านมาทุกท่านก็คืนให้ด้วยเงื่อนไขต่างๆ นานา แต่ส่วนใหญ่ก็จะเห็นใจแอนกันหมด มีอันสุดท้ายนี่แหละที่ต้องใช้เวลา”

“อย่างที่แอนบอกว่าแอนไม่ได้อยากเดินทางมาถึงจุดที่ต้องขึ้นศาล อยากเอาเวลาไปใช้ชีวิต ทำมาหากินกันเหมือนเดิม แต่มันตกลงกันไม่ได้เราเลยต้องมาถึงสเต็ปนี้”

ได้เพชรคืนมาแล้ว? ”ได้คืนแล้ว เอาจริงๆ แอนก็ยังมีความไม่กล้าใส่อยู่ มันยังกล้าๆ กลัวๆ มันเป็นเรื่องของอีโมชั่นจัดๆ เลยว่าเราใส่ได้ใช่ไหมเขาเป็นของเราใช่ไหมทำไมมันยากจัง เพราะตอนแอนได้เขามาแอนแทบจะไม่ได้ใช้เขาเลยก็อย่างที่บอกว่าซื้อมาลงทุน“

”เมื่อวานที่นักข่าวจะมาถามแอน แอน ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรได้เพราะไม่รู้ว่าตอนนั้นจะผิดหวังหรือสมหวัง แต่วันนี้ความรู้สึกมันก็เปลี่ยนและทำให้เรารู้ว่าบางทีการที่เราถูกต้องถ้าเราไม่เตรียมข้อมูลเพียงพอมันก็จะไม่ใช่เป็นฝ่ายเราที่จะได้ไปเช่นกัน“

ในมุมที่สู้มาจนชนะวันนี้? “คือเราเก็บของต้องมีทั้งใบเซอร์ ทั้งหลักฐานที่เป็นของๆ เรา ถ้าหายไปแล้วในการแจ้งความเราก็ต้องชัดเจนว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริง เพราะวันหนึ่งมันจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นของเราจริงหรือไม่”

หลังจากนี้จะกล้าซื้อทรัพย์สินอะไรใหม่ๆ อีกมั้ย? “แอนไม่ได้อยากให้ทุกคนหลอนคนใกล้ตัวนะ แต่เราไม่เปิดช่องไม่เปิดโอกาสให้ใครมันก็จะดีกว่า บางทีเขาอาจจะไม่เคยมีนิสัยคิดอยากจะทำแบบนั้น แต่พอเราไปวางโต้งๆ ให้เห็น มันอาจจะหวานหรือเกินอยากจะหยิบหรืออะไร ซึ่งกับใครมันก็เกิดขึ้นได้ เราก็ไม่ได้อยากทำให้คนๆ หนึ่งต้องมาติดคุกเพราะเรา อย่าได้เกิดกับใครเลย แอนแค่รู้สึกแบบนั้น”

“แอนเดินเข้าไปบอกอันนี้เป็นของแอน แอนขอดูหน่อยได้ไหม อยากยืนยันว่าของที่คุณรับไปมันเป็นของเรา บางร้านเขาก็เหมือนจะเรียกตำรวจกันไว้กลัวเราจะฉกของเราไปเลยทันที มันเลยทำให้เกิดสัจธรรมว่า ของของเราแต่เราแตะต้องเขาไม่ได้ วันหนึ่งมันถูกเปลี่ยนสถานะ ตรงนั้นมันไม่มีความหมายเลยเรายืนดูแบบไม่สามารถแตะต้องมันได้ในทุกชิ้นที่แอนไป”

“มันเลยทำให้แอนเกิดความรู้สึกว่าไม่ได้อยากได้อะไรอีกแล้วในตอนนั้น ตอนนี้ก็พอก่อน ทำงาน คือเราไม่ได้ขยาดขนาดนั้นแต่มันไม่ได้เร่าร้อนจะอยากได้ คือถ้าต้องมางานแอนก็ใส่ปกติได้ เพียงแต่ว่าต้องให้เวลาแอนคลายตัวอีกหน่อยนึงเท่านั้นเอง”

ณ วันนี้ แอนยอมรับว่าสบายใจขึ้นเพราะตอนแรกไม่รู้ว่าจะชนะคดีไหม มีความกลัวที่จะขาดความเคารพความยุติธรรม เพราะชอบมโนซ้อมความรู้สึกที่จะไม่ได้ว่าจะรู้สึกยังไง คงจะดาวน์เหมือนโดนเตะซ้ำๆ จนเจ็บ แล้วถ้าหากจะโดนอีกคงไม่ไหวถ้าความยุติธรรมไม่เกิดขึ้นกับเรา”

“ปรากฏว่าความยุติธรรมเกิดจริงๆ เรายังเชื่อมั่นและเรายังมีใจฟูขึ้นมาในการที่จะทำอะไรต่อ ตอนนี้ก็รู้สึกโล่งใจ อย่าขึ้นโรงขึ้นศาลดีที่สุด”