Home ข่าววันนี้ สั่งย้ายแล้ว หนุ่มเวรเปลทำร้ายแม่บ้าน ผอ.รพ.ย้ำไม่ได้เข้าข้างใคร พร้อมมอบหลักฐานให้ ตร.

สั่งย้ายแล้ว หนุ่มเวรเปลทำร้ายแม่บ้าน ผอ.รพ.ย้ำไม่ได้เข้าข้างใคร พร้อมมอบหลักฐานให้ ตร.

23

จากเหตุการณ์นางน้ำผึ้ง นามศรี อายุ 54 ปี แม่บ้านทำความสะอาดของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่รับจ้างทำงานให้กับโรงพยาบาลพิมลราช ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ถูกนายปิติ ปัญญาเลิศ อายุ 40 ปี พนักงานเวรเปลทำร้ายร่างกายด้วยการผลักนางน้ำผึ้งจนล้มศีรษะฟาดพื้นอย่างแรง จนได้รับบาดเจ็บ โดยทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกันที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล หลังเกิดเหตุได้มีการเจรจายินยอมชดใช้ค่าเสียหายโดยเยียวยาเป็นเงินจำนวน 5 หมื่นบาท เมื่อถึงเวลานัดจ่ายเงินงวดแรก นายปิติไม่มีเงินมาจ่ายตามที่ตกลงกันไว้ นางน้ำผึ้ง จึงนำเรื่องราวดังกล่าวร้องเพจข่าวเพื่อความเป็นธรรม

คืบหน้าล่าสุด วันที่ 18 ก.พ. 2568 นพ.เอกวุฒิ ตั้งตรงไพโรจน์ ผอ.รพ.พิมลราช เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ตนรู้สึกเสียใจมากที่มาเกิดเหตุทะเลาวิวาทในสถานที่ราชการแบบนี้ เบื้องต้นได้สั่งลงโทษพนักงานเวรเปลด้วยการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรตามระเบียบราชการ พร้อมกับสั่งย้ายให้ไปทำหน้าที่แผนกอื่น ซึ่งเป็นแผนกที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้คน พร้อมกับติดตามดูพฤติกรรม ทางโรงพยาบาลไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง

ส่วนอาการของทางแม่บ้านที่ได้รับบาดเจ็บนั้นหลังเกิดเหตุทางโรงพยาบาล ก็ดูแลรักษาอาการเป็นอย่างดีเพราะแม่บ้านรายนี้ก็เป็นคนไข้ของทางโรงพยาบาลอยู่ก่อนแล้ว ทางโรงพยาบาลได้ตรวจดูอาการในเบื้องต้น จากนั้นส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลบางบัวทอง ก่อนจะถูกส่งตัวกลับมาพักฟื้นที่โรงพยาบาลพิมลราชเพื่อดูอาการจนกระทั่งหายดี

นพ.เอกวุฒิ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาสอบถามข้อเท็จจริงทันที ซึ่งทางพนักงานเวรเปลชายรายนี้ก็ยอมรับว่า เขาเกิดบันดาลโทสะจากการโต้เถียงกับแม่บ้านจริง สาเหตุมาจากแม่บ้านจะเข้าไปทำความสะอาดในห้องฉุกเฉิน แต่สื่อสารกันไม่เข้าใจ จนกลายเป็นการโต้เถียงกัน ทำให้พนักงานเวรเปลบันดาลโทสะเข้าไปทำร้ายร่างกายด้วยการผลักแม่บ้านจนล้ม วันที่เรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบถาม ทางพนักงานเวรเปลก็ได้ทำการขอโทษแม่บ้านต่อหน้าตนไปแล้ว

นอกจากนี้ยังทราบอีกว่าทางพนักงานเวรเปลได้ไปเยี่ยมแม่บ้านพร้อมกับนำกระเช้าดอกไม้ไปขอโทษที่โรงพยาบาลด้วย ไม่ได้มีพฤติกรรมตามราวีหรือข่มขู่แต่อย่างใดซึ่งที่ผ่านมาทางพนักงานเวรเปลรายนี้ก็ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกับใครในโรงพยาบาลมาก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดครั้งแรก ทางโรงพยาบาลจึงลงโทษด้วยการตักเตือนและย้ายตำแหน่งงานที่ทำ ไม่ใช่ว่าโรงพยาบาลไม่สั่งลงโทษหรือเข้าข้างส่วนเรื่องความคืบหน้าในคดีนั้น ทางโรงพยาบาลได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี โดยมอบภาพจากกล้องวงจรปิดตอนเกิดเหตุให้กับทางพนักงานสอบสวนไปแล้ว ขั้นตอนที่เหลือจึงเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย เพราะทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการตามขั้นตอนของโรงพยาบาลไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี รายงาน