ป้าวัย64 ร้องสายไหมต้องรอด ชายอ้างตัวเป็นชาวต่างชาติ หลอกคุณยายโอนเงินค่าประกันตัว กว่า4 แสนบาท ป้ากุ้งเล่าว่า ช่วงเดือนตุลาคม 2567 มีชายคนหนึ่งทักมาในเฟซบุ๊ก แนะนำตัวว่าชื่อมาร์ค อายุ 58 ปี เป็นชาวฟิลิปปินส์ ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พูดคุยกันไปมาจนสนิทและเริ่มพัฒนาเป็นความสัมพันธ์แบบคนรัก
ต่อมาเดือนพฤศจิกายน มาร์คบอกว่าจะส่งเงินมาให้ 25,000 ดอลลาร์ พร้อมเครื่องประดับเพชร สร้อยคอ แหวน นาฬิกา แต่เนื่องจากไม่มีบัญชีธนาคารจึงต้องส่งพัสดุผ่านไปรษณีย์ไทย เมื่อของมาถึงประเทศไทย ป้ากุ้งได้รับโทรศัพท์จากคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ จะต้องเสียค่าภาษีพัสดุจำนวน 3,000 บาท แต่พอจ่ายไปแล้ว กลับถูกเรียกเก็บเพิ่มอีก 7,000 บาท ซึ่งตนไม่มีเงินมาร์คจึงช่วยออกให้ 3,000 บาท และให้ป้ากุ้งจ่ายเพิ่ม 4,000 บาท
แต่เรื่องไม่จบเท่านั้น พัสดุกลับถูกอายัดต่อที่กรมศุลกากรอ้างว่าเป็นเครื่องประดับมีค่า ต้องเสียภาษีเพิ่มอีกหลายหมื่นบาท ป้ากุ้งจ่ายไปเรื่อย ๆ รวมแล้ว 200,000 บาท โดยที่ตัวเองจ่ายไป 40,000 บาท และมาร์คช่วยจ่าย 160,000 บาท แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ของ เพราะอ้างว่ายังติดขั้นตอนเซ็นเอกสารจากตัวมาร์คเอง
จากนั้นถึงช่วงเดือนพฤศจิกายน มาร์คอ้างว่าจะบินมาไทยเพื่อมาจัดการเรื่องพัสดุ แต่หลังจากเดินทางมาถึง กลับบอกว่าถูกตำรวจจับ และต้องการเงินไถ่ตัว ตอนแรกเรียก 2,000 บาท แต่หลังจากนั้น มีการเรียกเงินเพิ่มทุกวันวันละ 2,000 , 1,000 จนล่าสุดตนไม่มีเงินเลยต้องจ่ายวันละ 500 บาท ถ้าวันไหนไม่ให้ตำรวจก็จะมีการนำตัวนายมาร์คไปทำโทษโดยพาไปทำสวนหรือตักน้ำ โดยตำรวจคนนั้นอ้างว่าตำรวจเป็นระดับผู้ใหญ่และถ้าไม่จ่ายมาร์คอาจถูกฆ่า
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการส่งรูปมาร์คถูกช็อตไฟฟ้า และเสียงร้องมาแสดงความเจ็บปวด เมื่อป้ากุ้งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งเชื่อ จึงโอนเงินช่วยไปอีกกว่า 400,000 บาท รวมแล้วเธอสูญเงินไปกว่า 440,000 บาท โดยต้องไปยืมเงินจากครอบครัวและเพื่อนฝูง จนเป็นหนี้สินทุกวันนี้ไม่มีใครคบ
ป้ากุ้งยอมรับว่ารู้เรื่องมิจฉาชีพออนไลน์มาบ้าง แต่เธอมั่นใจว่ามาร์คมีตัวตนจริง เพราะเคยเห็นหน้าในวิดีโอคอล และได้ยินเสียงคุยกันโดยตรง ตอนนี้เธอหมดตัวแล้วไม่มีเงินให้มาร์คอีก แต่ยังอยากให้ “สายไหมต้องรอด” ช่วยนำตัวมาร์คออกจากตำรวจไทย เพราะมาร์คบอกว่าพกเงินมาไทยหลายล้านบาท หากออกมาได้จะคืนเงินให้ทั้งหมด
แม้ป้ากุ้งจะสูญเงินไปเยอะ และถูกลูกเตือนมาก่อนว่าโดนหลอก แต่เธอยังเชื่อว่ามาร์คไม่ได้โกหก และหวังว่าทาง สายไหมต้องรอดจะช่วยเธอให้มาร์คเป็นอิสระ จากการถูกตำรวจจับตัวประกันครั้งนี้
ทุกวันนี้ป้ากุ้งเครียดมากบางวันอยากจะฆ่าตัวตายไม่อยากมีชีวิตอยู่เพราะไม่มีเงินไปจ่ายให้กับตำรวจ และยังไปกู้หนี้ยืมสินมาจากเพื่อนฝูงครอบครัวจนทุกวันนี้แทบจะไม่มีใครคบหรือคุยด้วยแล้ว ปัจจุบันเหลือเงินติดตัว 3 บาท
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ชี้แจงกับป้ากุ้งว่านายมาร์คไม่มีตัวตนจริง แต่เป็นมิจฉาชีพประเภทโรแมนซ์สแกม หรือ แก๊งสแกมเมอร์ ที่ใช้วิธีทักแชตพูดคุยกับผู้สูงอายุ อ้างว่าจะส่งเงินและของมีค่าให้ ก่อนจะหลอกให้โอนเงิน ซึ่งมีเหยื่อจำนวนมากเคยตกเป็นเหยื่อกลโกงแบบนี้
นายเอกภพระบุว่า จะพาป้ากุ้งไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อดำเนินคดีกับแก๊งมิจฉาชีพและติดตามเงินคืน พร้อมฝากเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ควรระมัดระวังมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบของความรักและความห่วงใย
อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าคนที่โดนหลอกก็มักจะเชื่อจริงๆ ไม่อยากให้ไปต่อว่าคุณป้า เพราะใครเจอแบบนี้ก็มีโอกาสหลงเชื่อได้ พร้อมยืนยันว่าจะ ประสานตำรวจอายัดบัญชีมิจฉาชีพทั้งหมด และ ออกหมายเรียกเจ้าของบัญชี เพราะป้ากุ้งถูกหลอกให้โอนไปหลายบัญชี เชื่อว่าสามารถติดตามเงินคืนได้อย่างแน่นอน