Home ข่าววันนี้ นพ.ยง เปิดเหตุผล “ไข้หวัดใหญ่” ระบาดหนักปีนี้ เตือน “กลุ่มเสี่ยง” ควรฉีดวัคซีนก่อนต้น พ.ค.

นพ.ยง เปิดเหตุผล “ไข้หวัดใหญ่” ระบาดหนักปีนี้ เตือน “กลุ่มเสี่ยง” ควรฉีดวัคซีนก่อนต้น พ.ค.

17

หมอยง เปิด 3 เหตุผล “ไข้หวัดใหญ่” ระบาดหนักปีนี้ เตือนกลุ่มเสี่ยงควรฉีดวัคซีน!

นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬา เปิดเผยถึงสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ว่า “ไข้หวัดใหญ่” เป็นโรคที่สามารถพบได้ตลอดปี การระบาดในไทยส่วนใหญ่จะพบมากในช่วงฤดูฝน หรือช่วงเปิดเทอม รองลงมา เป็นการระบาดในฤดูหนาว หรือช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.

สำหรับเหตุผลที่ในปีนี้ ประเทศไทยมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้น คือ

– เหตุผลที่ 1 คือเป็นการใช้หนี้ เนื่องจากในช่วงของโควิด-19 ระบาด มีมาตรการป้องกันโรคทางเดินหายใจอย่างเข้มข้น ใน 2-3 ปีแรกของการควบคุม จึงพบไข้หวัดใหญ่น้อยมาก และไม่มีการเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่เลย โดยประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้ติดเชื้อ ก็ไม่ได้มีภูมิต้านทานจากธรรมชาติ และเมื่อมีการผ่อนปรนเข้าสู่ภาวะปกติ ประชากรส่วนใหญ่ที่ยังไม่มีภูมิหรือไม่เคยติดเชื้อ ในช่วงเวลาดังกล่าว ก็เกิดการใช้หนี้เก่า จากที่ไม่มีผู้ป่วย จึงทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่ปีที่แล้วมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่า 6.6 แสนราย และยังเพิ่มต่อในปีนี้ในช่วงต้นปี และเชื่อว่าทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติ หลังใช้หนี้หมดแล้ว

– เหตุผลที่ 2 ไข้หวัดใหญ่ทางซีกโลกเหนือ จะระบาดมากในฤดูหนาว แต่เดิมทีประเทศไทยมีฤดูหนาวไม่ชัดเจน แต่ต้นปีนี้ เป็นปีที่มีฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นเป็นระยะเวลานานพอสมควร โดยเฉพาะทางภาคเหนือ และภาคอีสาน จึงเป็นฤดูที่เหมาะสำหรับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ ทำให้มีไข้หวัดใหญ่มากในต้นปีนี้ พบในภาคอีสานเป็นจำนวนมาก ส่วนในกรุงเทพฯ ยังเพิ่มไม่ชัดเจน

ดังนั้น จึงพบผู้ป่วยมากตั้งแต่ต้นปีร่วมแสนราย แต่ทั้งปีเมื่อรวมกันของปีนี้ ก็คาดว่าไม่น่าสูงกว่าปีที่แล้วมากนัก เพราะกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน และจะไประบาดใหม่ในช่วงนักเรียนเปิดเทอม และเชื่อว่ามีการใช้หนี้ไปแล้ว และมีภูมิต้านทานขึ้นมาบ้างแล้ว รวมทั้งการรณรงค์ต่าง ๆ ในการป้องกัน

– เหตุผลที่ 3 คือการตรวจหาไข้หวัดใหญ่ง่ายขึ้น ปัจจุบันมีการตรวจ ATK จึงทำให้พบยอดสูงขึ้น

“หากย้อนไป 20 ปีก่อน ไข้หวัดใหญ่พบน้อยมาก เพราะไม่ได้ตรวจ เริ่มเห็นการตรวจพบมากขึ้นในปี 52 ที่มีการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ 2009 และกลับมาตรวจเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงโควิด-19 โดยในปี 66 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 486,973 ราย ส่วนปี 67 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 650,931 ราย และในปี 68 ช่วงเกือบ 2 เดือน พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่แล้ว 112,184 ราย เชื่อว่าตัวเลขปีนี้ น่าจะเยอะกว่าปีก่อน ทั้งปีน่าจะพบประมาณ 700,000 คน แต่ไม่เกิน 800,000 คน เพราะมีการตรวจที่ง่ายขึ้น” นพ.ยง กล่าว

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ ในปี 67 พบผู้เสียชีวิต 50 ราย ขณะที่ตั้งแต่ต้นปี 68 พบผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ราย และเชื่อว่าปีนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย แต่สถานการณ์จะไม่เหมือนปี 52 ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 200 กว่าคน ดังนั้น สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ

“เหตุผลที่ว่า ทำไมปีนี้ไข้หวัดใหญ่ถึงเป็นที่กล่าวถึงนั้น เนื่องจากดาราต่างประเทศเป็น และเสียชีวิต และในช่วงเดือนนี้ ในประเทศญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน และเกาหลี เป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาดมากอยู่แล้ว” นพ.ยง กล่าว

นพ.ยง กล่าวว่า คนไทยควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง โดยแนะนำให้ฉีดก่อนฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ หรือในฤดูฝน ช่วงต้นพ.ค. จะเป็นช่วงที่ดีที่สุด โดยผู้ที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่มากที่สุด คือ เด็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง ส่วนคนทั่วไปที่แข็งแรงดี ให้พิจารณาตามความเหมาะสมและความสมัครใจว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ส่วนผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ และหากประเทศนั้นกำลังอยู่ในช่วงระบาด ก็ควรได้รับวัคซีนป้องกัน และควรฉีดก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 สัปดาห์จะดีที่สุด

สำหรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ควรฉีดป้องกัน แนะนำว่าเป็นวัคซีนสำหรับ 3 สายพันธุ์ก็เพียงพอ เนื่องจากสายพันธุ์ที่พบบ่อยมากที่สุด คือ สายพันธุ์ A (H1N1 รองลงมา คือ H3N2) และสายพันธุ์ B ตระกูล Victoria โดยทั้ง 3 สายพันธุ์นี้ ยังพบการระบาดอยู่ทั่วโลก อย่างไรก็ดี สำหรับอาการข้างเคียงหลังได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่กังวลที่สุด คือ อาการเส้นประสาทอักเสบ แต่โอกาสเกิดภาวะดังกล่าว มีน้อยมาก

“วัคซีน 4 สายพันธุ์ จะเพิ่มสายพันธุ์ B ตระกูล Yamagata เข้ามา แต่มองว่าไม่มีความจำเป็นต้องฉีด เนื่องจากไม่พบ Yamagata มามากกว่า 4 ปีแล้ว” นพ.ยง ระบุ