วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์มิเรอร์มีเดีย เผยว่า มีคดีประหลาดน่าตกใจเกิดขึ้นในไต้หวัน เมื่อมีหญิงรายหนึ่งถูกพบว่าอาศัยอยู่ศพของลูกสาวมานานถึง 6 ปี ภายหลังจากที่ลูกเสียชีวิต แต่ผู้เป็นแม่กลับไม่ยอมให้ร่างไร้วิญญาณของลูกจากไปไหน จึงเก็บรักษาโดยการ เปิดแอร์ให้นอน อยู่ภายในห้อง สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่ทราบเรื่องราวไปตาม ๆ กัน
ตามรายงานเผยว่า หญิงรายชื่อสกุลหลี่ อายุ 75 ปี อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่เขตรุ่ยฟาง นิวไทเป ของไต้หวัน ซึ่งเธอและลูกสาวได้ซื้ออยู่ด้วยกันเมื่อ 7-8 ปีก่อน จนกระทั่งเมื่อ 6 ปีก่อน ลูกสาวของเธอเกิดเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่ไม่ทราบแน่ชัด นางหลี่อ้างว่าลูกสาวของเธอเคยขอไว้ว่า หากเสียชีวิตอย่าเพิ่งฝังศพทันที ให้รอ 7 ปีก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าพาร่างของลูกสาวไปทำพิธีเผาหรือฝังที่ไหน
นางหลี่เก็บลูกสาวเอาไว้ในห้องหนึ่ง พร้อมเปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ความเย็นรักษาสภาพของศพเอาไว้ นอกจากนี้ ศพยังถูกเคลือบด้วยน้ำมันบางอย่าง ทำให้ไม่ส่งกลิ่นออกมา เพื่อนบ้านจึงไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตหรือพบความผิดปกติใด ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เพื่อนบ้านบางคนยังเข้าใจไปว่านางหลี่เป็นผู้อาศัยวัยชราที่อยู่เพียงลำพัง
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อทางเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์มาเยี่ยมที่บ้าน อยู่ ๆ นางหลี่ได้เธอยอมรับสารภาพว่าอยู่กับศพลูกสาวมานาน 6 ปี โดยเหตุที่เธอตัดสินใจบอกความจริงเป็นเพราะเธอมีอาการป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ไม่สามารถดูแลร่างของลูกได้เช่นเดิม นอกจากนี้เธอยังประสบปัญหาเรื่องค่าไฟที่สูงมาก สถานะทางการเงินของเธอย่ำแย่และไม่สามารถจ่ายได้ไหวอีกต่อไป
หลังจากได้ทราบเรื่อง ทางเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ได้รับแจ้งตำรวจทันที หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็เข้าไปห้องดังกล่าวและพบศพของลูกสาวนางหลี่อยู่ในสภาพลักษณะคล้ายกับมัมมี่ จึงได้ล้อมที่เกิดเหตุไว้ และรายงานไปยังอัยการให้ดำเนินเรื่องชันสูตรพลิกศพ
เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง รวมไปถึงหัวหน้าชุมชนต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเผยว่า นางหลี่แทบจะไม่เคยพบปะกับใครเลย และทุกคนคิดว่าเธออาศัยอยู่คนเดียว เราไม่เคยเห็นลูกสาวของเธอ หรือได้กลิ่นแปลก ๆ เลย เราจึงไม่เคยสงสัยว่ามีศพซ่อนอยู่ในบ้าน
ภายหลังจากการชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้น ประกอบกับคำให้การของนางหลี่รวมไปถึงความเชื่อทางศาสนาของลูกสาวเธอก่อนที่จะเสียชีวิต อัยการตัดความเป็นไปได้เรื่องการฆาตกรรม โดยเชื่อว่าเป็นการเสียชีวิตโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการชันสูตรพลิกศพโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด รวมถึงรายละเอียดของคดี
