เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 6 ม.ค.2568 พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ เพ็ชรประกอบ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ที่บ้านหลังหนึ่ง แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ

จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ปรีชา หนูสลุงผกก.สน.แสมดำ, พ.ต.ท.บุญเสริม ศรีสุข รอง ผกก.ป. ฝ่ายสืบสวน สน.แสมดำ แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้น รวม 10 คูหา ต่อเติมด้านหลังเป็นโรงงาน เปิดเป็นบริษัทประกอบกิจการผลิตยางอะไหล่อุตสาหกรรม ที่ระเบียงชั้น 3 พบร่างผู้เสียชีวิต นายเอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ลูกชายเจ้าของบริษัท

สภาพศพนั่งหงายหลังจมกองเลือด สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำแขนยาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลถูกอาวุธปืน ยิงเข้าที่ขมับซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ มีเลือดกระจายที่กำแพง นั่งเสียชีวิตในสระว่ายน้ำแบบเป่าลม ใกล้กันพบอาวุธปืนลูกซองยาว ยี่ห้อ Derya สีดำ ด้ามไม้สีน้ำตาล มีทะเบียน ตกอยู่ 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถาม แม่บ้าน กล่าวว่า ปกติทุกเช้าตนจะขึ้นไปทำความสะอาดตามปกติ ก็เห็นผู้ตายเดินไม่สวมเสื้อไป-มา เดินอยู่บนบ้าน ท่าทีผู้ตายก็ปกติดีไม่ได้มีท่าทีเครียดอะไร จากนั้นตนได้พูดกับผู้ตายประมาณว่า “เดี๋ยวจะกลับมาทำความสะอาดให้นะ ขอลงไปใส่บาตรก่อน เพราะวันนี้เป็นวันพระ” ก่อนที่ตนจะลงมาเตรียมของใส่บาตร

แม่บ้าน กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนใส่บาตรเสร็จแล้ว ตนได้ขึ้นมาทำความสะอาดข้างบนอีกครั้ง ซึ่งตนสังเกตเห็นก้อนเนื้อ กระจัดกระจายอยู่บริเวณระเบียงชั้น 3 ก็เลยจะเข้าไปเก็บ เพราะคิดว่า นกตีกันตาย

แม่บ้าน กล่าวอีกว่า และในจังหวะนั้นตนมีความรู้สึกว่า คล้ายเหมือนมีคนมอง ก็เลยหันไปดู จึงพบร่างของนายเกรียงไกรนั่งเสียชีวิตอยู่ในสระว่ายน้ำยางเป่าลม ด้วยความตกใจ ตนจึงรีบตะโกนร้องขอความช่วยเหลือกับพนักพนักงานในบริษัททันที

จากการสอบถามพนักงานในบริษัทให้ข้อมูลว่า ช่วงเวลาประมาณ 07.30 น. ได้ยินเสียงคล้ายอาวุธปืนดังขึ้น 1 นัด แต่ก็ไม่ได้มีใครเอะใจอะไร เพราะนึกว่ามีคนจุดบรรทัดกัน ส่วนนิสัยใจคอของผู้ตาย เท่าที่ตนรู้จักผู้ตายจะมีโลกส่วนตัวสูง นิสัยดี พูดจาน่ารัก ไม่เคยเห็นผู้ตายมีท่าทีเครียดอะไร

ส่วนเรื่องอาวุธนั้นไม่ทราบว่า ผู้ตายเอาปืนมาจากไหน เพราะปกติห้องนอนของผู้ตายจะถูกล็อกไว้ไม่ให้เข้าไปทำความสะอาด

ด้าน พี่ชาย เปิดเผยว่า ปกติน้องชายพักอาศัยอยู่ที่ตึกนี้เพียงคนเดียว ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็เพิ่งมาทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าน้องชายได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต เบื้องต้นทางครอบครัวไม่ได้มีใครติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เพราะน้องชายเคยมีท่าทีที่จะทำร้ายตัวเองมาหลายครั้ง ที่ผ่านมาตนและครอบครัวก็เคยเตือน

พี่ชาย กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ส่วนตัวตนเชื่อว่าน่าจะเกิดจากปัญหาสะสม ตนมีโอกาสเจอน้องชายครั้งล่าสุดเมื่อช่วงงานปีใหม่ของบริษัท ที่มีการจัดเลี้ยงสังสรรค์กัน ซึ่งวันนั้นน้องชายดูท่าทีเป็นปกติเฮฮา สนุกสนาน ไม่ได้มีอาการบ่งบอกว่าเครียดหรือน้อยใจอะไร จึงไม่คิดที่จะระวังหรือเตือนน้องชายอีก

พี่ชาย กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องอาวุธปืน แม่เคยบอกว่า น้องชายมีอาวุธปืนลูกซอง เนื่องจากเคยเห็นน้องชายลืมเอาปืนดังกล่าววางไว้ที่รถ แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นปืนปลอม หรือปืนของเล่น

พี่ชาย กล่าวยอมรับว่า สภาพจิตใจครอบครัวย่ำแย่ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ โดยเฉพาะสภาพจิตใจของผู้เป็นแม่ ที่ ณ ตอนนี้ค่อนข้างจะทำใจยาก เขาสูญเสียลูกชายไป 2 คน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ให้อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู นำศพส่งไปชันสูตรที่ นิติเวชฯโรงพยาบาลศิริราช