ล่าสุด ณวัฒน์ อิสรไกรศีล แถลงประเด็นอัยการสั่งไม่ฟ้อง มิน พิชญา และ แซม ยุรนันท์ ในคดีดิไอคอน โดย ณวัฒน์ กล่าวว่า กรณีที่ มิน และ แซม ได้ออกจากเรือนจำ อัยการไม่ฟ้องและออกมาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่โชคดี แต่สำหรับตนรู้สึกเฉย ๆ ไม่รู้ว่าต้องแสดงความยินดีหรือไม่ยินดี

ตอนนี้หลายคนกำลังหลงประเด็นกันไปเยอะ ทันทีที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ระบบกฎหมายของเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา ดังนั้นชัดเจนว่าเมื่อถูกข้อกล่าวหา ตำรวจมีสิทธิ์ที่จะฝากขัง เพื่อไม่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวในช่วงที่หาหลักฐานส่งอัยการ ช่วงระหว่างการกล่าวหายังไม่ได้ถูกพิพากษาว่าเป็นคนผิดหรือถูก

เมื่อไม่ถูกสั่งฟ้อง 2 คน หลายคนคิดว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ที่ไม่เคยกระทำความผิด ซึ่งตนตอบเลยว่า ไม่ใช่ คดียังไม่สิ้นสุด ตำรวจไม่สามารถส่งฟ้องเองได้ ต้องให้อัยการเป็นคนสั่งฟ้อง ซึ่งอัยการก็มีอยู่ 2 เลเวล คืออัยการปกติและอัยการสูงสุด เมื่อสั่งไม่ฟ้องก็โยนกลับไปที่ดีเอสไอ เหตุผลคือ

มีหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งดีเอสไอมีหน้าที่ไปเพิ่มหลักฐานหรือไปใช้คำอธิบายในจำนวนที่กฎหมายกำหนดและส่งกลับไปที่อัยการสูงสุด เพื่อวินิจฉัยและหาข้อสรุปอีกครั้ง หากข้อสรุปเหมือนกับอัยการก็ถือว่าสิ้นสุด จะไม่มีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้นในเรื่องของคดีอาญา แต่มักจะมีพวกอวตารยุยง ให้มาฟ้องผม

ฟ้อง กรรชัย กำเนิดพลอย ก็อยากให้ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งวู่วาม เพราะคดียังไม่สิ้นสุด ผมไม่ได้เดือดร้อน แต่คนที่จะเดือดร้อนคือ คนที่คุณกำลังเชียร์อยู่ คุณต้องรู้ว่าตอนนี้ที่ออกมาได้ถือเป็นบุญ ต้องทำตัวให้นิ่ง คนที่จะเชียร์ ถ้าหากรักอีกฝ่ายจริงต้องใจเย็น เพื่อให้ผ่านพ้นอัยการสูงสุด

ถ้าหากให้มาฟ้องผม คดียังไม่สิ้นสุด ถ้าหากฟ้องขึ้นมาปัญหาจะอยู่ที่คนฟ้อง ถ้าฟ้องมาแล้วศาลยกฟ้องก็ถูกฟ้องกลับกลายเป็นคดีอาญา เพราะแจ้งความเท็จ ดังนั้นคนที่แนะนำ ถ้ารักน้องอย่าทำแบบนั้น เคยว่า น้องมิน ในกรณีที่หลังจากน้องแถลงข่าว แล้วบอกว่าเป็นแค่นี้ แต่ว่ามีคลิปที่พูดว่า

ไม่ได้เป็นเพียงแค่พรีเซนเตอร์ ยังเข้ามาเป็นบอส เป็นผู้บริหาร ทุกอย่างเหมือนหนังคนละม้วน แต่คนเดียวกันเล่น ผมเป็นคนยอมไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ ถ้าหากแถลงข่าวแล้วบอกว่าเป็นแบบนี้ เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อันนี้น่ารัก แต่ถ้าหากบอกว่าไม่ใช่ แต่คลิปมันวนโลกโซเชียลอยู่

การที่ไม่ให้ความร่วมมือในการบอกที่มาของค่าพรีเซนเตอร์ต่าง ๆ ก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ และอีกส่วนหนึ่งคือ วันที่ไปมอบตัว ทุกคนเข้าตามประตูปกติ ผ่านสื่อมวลชนไป แต่มีน้องคนเดียว ไม่รู้ว่าไปเข้าทางไหน ตนพูดในลักษณะที่กฎหมายควรมีไว้สำหรับมาตรฐานเดียวกันกับทุกคน

วิธีปฏิบัติต้องมีไว้ ไม่ว่าใครก็ตาม ตนไม่ได้จงเกลียดจงชังน้อง แต่อยากให้กระบวนการยุติธรรมและเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล จงอย่าละเว้นและให้ความเสมอภาคในการใช้กฎหมายกับทุกคนไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ตนไม่รู้จะขอโทษเรื่องอะไร ต้องถามใจทุกคนว่า

คุณลืมผู้เสียหายเกือบ 10,000 คนไปแล้วหรือ ที่บางคนต้องหมดตัว ขายบ้าน ตนอยู่กับประชาชนอยู่กับเสียงข้างมาก และอยู่กับผู้เสียหาย ดังนั้นถ้าหากขอโทษ ก็เท่ากับว่าทิ้งผู้เสียหาย ตนยังยืนอยู่ข้างผู้เสียหาย 100 % แต่ถ้าวันหนึ่งไม่โดนคดีอะไรเลย ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง

ก็ฟ้องตนได้ แต่ต้องฟ้องในวันที่มีบทสรุป เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากอีกฝ่ายจะฟ้องร้องตอนนี้ ณวัฒน์ ตอบว่า อยากให้ฟ้องตอนนี้เลยก็ได้ แต่เชื่อมั่นว่าคนที่เรียนกฎหมาย คงจะรู้ จึงถามว่าฟ้องในข้อหาอะไร คำไหนคือการหมิ่นประมาท อดีตที่เคยพูดว่าไม่ชอบในวันนี้

ผมก็เคารพในสิ่งที่ตัวเองพูดไป ผมเคารพตัวเอง คำว่า “ไม่ชอบ” เป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมไม่ชอบที่ทำไมไม่เข้าประตูด้านหน้า ทำไมเข้าอีกประตูนึง ไม่ชอบที่ไปแถลงข่าวพร้อมกับทนายความ และคำตอบที่ตอบกับสิ่งที่ปรากฏ ผมก็ไม่ชอบ แต่ถ้าหากเจอในวันหน้าที่ไม่มีเรื่องนี้

วันนั้นอาจจะชอบก็ได้มันไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกคนอย่าแบ่งว่า ถ้าหากเป็นคนนี้แล้วจะมีแต่ข้อดีเสมอและชั่วเสมอ คนเราไม่ได้เป็นแบบนั้น