เว็บไซต์ New York Post รายงานว่า หญิงสาวคนหนึ่งออกมาเล่าถึงช่วงเวลาที่เธอรู้ว่าชีวิตแต่งงานของเธอไม่มีทางราบรื่น หลังจากที่สามีเอ่ยคำพูดประโยคเดียว หลังจากที่ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกัน
เจ้าสาวที่ใช้ชื่อ @noiwontthanks บน TikTok ออกมาเล่าถึงช่วงเวลาสุดปวดใจ โดยบอกว่ามันได้ตามหลอกหลอนเธอมาเป็นเวลา 11 ปี
“สามีของฉันทำลายวันแต่งงานของเรา” เธอเขียนในคลิปวิดีโอที่กลายเป็นไวรัลก่อนจะถูกลบออก
เธอยอมรับว่าไม่เคยคิดจะเล่าเรื่องนี้มาก่อน แต่ตัดสินใจเปิดใจเมื่อได้เห็นผู้หญิงอีกมากมายที่สารภาพว่า พวกเธอรู้ตัวในวันแต่งงานว่าได้ตัดสินใจผิดพลาด
เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว หญิงสาวและแฟนหนุ่มที่คบกันเพียง 4 เดือน ตัดสินใจไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานเขต โดยเธอไม่ต้องการความวุ่นวายจากการจัดงานแต่งใหญ่โต
หลังจากแต่งงานที่ศาลท้องถิ่น ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น เจ้าสาวรู้สึกมีความสุขมาก แต่ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าบ่าวเอ่ยคำพูดประโยคหนึ่งที่เธอไม่มีวันลืม
ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานได้เพียง 60 วินาที เมื่อผู้พิพากษาซึ่งชื่นชอบการทำพิธีแต่งงาน กล่าวว่า ท่านอยากทราบเรื่องราวความสัมพันธ์ของพวกเขาอีกครั้งในอีก 10 ปีข้างหน้า
เจ้าสาวตอบตกลง และพูดว่าเธอยินดีที่จะทำตามนั้น พร้อมกับพูดติดตลกว่า “หวังว่าฉันจะใส่ชุดเดิมได้นะ”
ขณะที่สามีที่เพิ่งแต่งงานได้ 60 วินาที ตอบทันทีว่า “หรือเล็กลง” เธออธิบาย พร้อมเสริมว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดการทะเลาะกันภายหลัง
เธอเล่าว่าได้มองหน้าสามีเพื่อหาสัญญาณว่าเขาพูดเล่นหรือไม่ แต่เขากลับไม่หัวเราะ
“ฉันรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น และยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก” เธอกล่าวต่อ
มันเหมือนจุดเริ่มต้นของจุดจบในความสัมพันธ์ของพวกเขา และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
“หัวใจของฉันแตกสลายไปเลย ฉันมองไปที่ผู้พิพากษา เขาดูตกใจและพูดว่า “ลูกชาย, นายเพิ่งแต่งงาน” และตอนนั้นฉันก็รู้สึกว่า โอ้ ฉันไม่บ้า ความรู้สึกของฉันถูกต้อง ฉันไม่บ้า นี่มันไม่ดีเลย”
แม้จะเริ่มต้นไม่สวยงาม แต่หญิงสาวก็ยังคงอยู่กับสามีอีก 10 ปี ก่อนที่พวกเขาจะแยกทางกันในที่สุด
เธออ้างว่าเธอต้องเผชิญกับการ “ถูกทำร้ายทางจิตใจ” “ถูกบิดเบือนความจริง” และ “ถูกเอาอกเอาใจเกินจริง” เป็นเวลาหลายปี และยังคงเชื่อว่าคำพูดในวันแต่งงานเป็นสัญญาณเตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“เขาจะโน้มน้าวฉันว่าฉันบ้าหรือเป็นคนเกินเหตุ แต่จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่เลย”
“เขาเกลียดฉันตั้งแต่แรกเริ่ม ฉันหวังว่านี่จะช่วยคนอื่นๆ ได้”
