วันนี้ (23 ม.ค. 68) ที่บ้านบงเหนือ ต.บงเหนือ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าเกิดกรณีที่มีญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง ซึ่งได้รับการแจ้งจากจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บรบือ ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ว่ามีการพบศพชายรายหนึ่ง ถูกพบว่าเสียชีวิตจากอากากาศที่หนาวเย็น เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ในพื้นที่สภ.บรบือ โดยเมื่อตำรวจตรวจสอบรูปพรรณสันฐานในเบื้องต้นพบว่าตรงกับนายเพชร มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านบงเหนือ ต.บงเหนือ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ทางตำรวจจึงแจ้งให้ญาติทราบและนำหลักฐานไปเพื่อตรวจสอบ
ทางด้านญาติพี่น้องของนายเพชร ที่ถูกระบุว่าเสียชีวิตนั้น หลังจากทราบข่าวจากตำรวจเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ได้มีการเตรียมงานศพ จัดสถานที่กางเต็นท์ จัดโต๊ะเก้าอี้สำหรับแขก ทำอาหาร สั่งน้ำดื่ม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งร่างดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อยืนยันตัวตนอีกครั้ง แต่ว่าน้องชายนายเพชร ตั้งข้อสังเกตว่าบนร่างที่ถูกระบุว่าคือนายเพชร ไม่มีรอยสัก เนื่องจากน้องชายนายเพชรจำได้ว่า นายเพชรมีรอยสักที่ด้านหลัง และขณะนั้นเองญาติพี่น้องที่จังหวัดสกลนคร ได้โทรศัพท์บอกน้องชายนายเพชรว่า นายเพชรกลับมาถึงบ้านแล้ว จึงทราบว่าร่างผู้เสียชีวิตดังกล่าวไม่ใช่ร่างของนายเพชร ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง
นายเกศร อายุ 66 ปี พ่อของนายเพชร เล่าว่า ตอนนั้นตำรวจ สภ.บรบือ โทรศัพท์มาแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตชื่อนายเพชร เสียชีวิตอยู่ในป่าละเมาะข้างถนน พร้อมแจ้งบ้านเลขที่ ซึ่งตรงกับบ้านของตน พร้อมทั้งส่งรูปผู้เสียชีวิตมาก็เหมือนกับลูกชายตน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังแจ้งอีกว่า หากยังไม่มั่นใจว่าใช่นายเพชรที่เป็นลูกชายของตน ก็ให้โทรศัพท์มาตามเบอร์ที่ให้ไว้ จากนั้นลูกชายตนซึ่งกำลังเดินทางมาจากจังหวัดระยองจึงเดินทางต่อไปเพื่อดูว่าผู้เสียชีวิตใช่พี่ชายหรือไม่
ต่อมาตำรวจได้ส่งศพมาตรวจที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น เมื่อลูกชายเดินทางไปถึงพบว่าศพหน้าตาคล้ายคลึงกันกับนายเพชร แต่สงสัยว่าศพดังกล่าวไม่มีรอยสักที่หลัง ซึ่งนายเพชร มีรอยสักที่บนหลัง จึงคิดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะไม่ใช่นายเพชร ปรากฏว่าจู่ๆ นายเพชรก็ขี่ซาเล้งเดินทางกลับมาบ้าน ตนพร้อมญาติพี่น้องก็เฮขึ้น จากงานศพจึงกลายเป็นงานผูกแขนรับขวัญ ซึ่งต่อมาทราบว่า ก่อนหน้าที่นายเพชร เคยไปมีเรื่องมีราวอยู่ในพื้นที่ สภ.บรบือ จึงได้มีการถ่ายรูปทำประวัติไว้ คาดว่าทางตำรวจน่าจะนำชื่อกับประวัตินายเพชร ไปเทียบกับผู้เสียชีวิต ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกันนายเพชร จึงมีการโทรแจ้งดังกล่าว
นายเกษตร ยังเล่าต่ออีกว่า นายเพชร ลูกชายตนเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ปกติจะชอบขับรถซาเล้ง ไปเก็บของเก่าขาย เมื่อเจอร้านรับซื้อก็ขายแลกเงินแล้วเดินทางต่อไป ครั้งล่าสุดก่อนที่จะเกิดเหตุนายเพชรได้แจ้งกับตนไว้ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดหนองบัวลำภู ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะกลับมาบ้านที่สกลนคร ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งจากตำรวจ สภ.บรบือ จ.มหาสารคาม จึงสงสัยว่าจะเป็นลูกชายตนจริง แต่เมื่อมีการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่ ตนก็รู้สึกดีใจมากที่ลูกชายยังมีชีวิตอยู่ เพราะภรรยาตนเสียชีวิตไปนานแล้ว ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับนายเพชรลูกชายคนเล็กแค่ 2 คน
ส่วนค่าจัดเตรียมงานศพที่ใช้จ่ายไปประมาณ 10,000 บาท ตนและญาติพี่น้องถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์รับขวัญที่ลูกชายยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งสำหรับสถานที่จัดงานที่ก็กำลังทยอยจัดเก็บ ทั้งเต็นท์ โต๊ะ เก้าอี้ ลังน้ำแข็ง เพื่อนำส่งคืนวัด