เมื่อเวลา 14:00 น วันที่ 31 มกราคม 68 ตำรวจ สภ. โคกตูมอำเภอเมืองลพบุรีได้รับแจ้งมีผู้พบศพชาย ภายในบ้านร้างหมู่ที่ 7 ตำบลโคกตูมอำเภอเมืองลพบุรี ร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์สุวรรณศรี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ. โคกตูม จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.นิวัฒน์ การสิทธิ์ ผกก.สภ.โคกตูมทราบ พร้อมประสานตำรวจงานสืบสวน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร กำนัน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ
เกิดเหตุพบเป็นห้องแถวร้าง จำนวน 5 หลัง ภายในห้อง หลังที่ 2 พบร่างนายภาสกร หรือบอม กลิ่นหอม อายุ 22 ปี สภาพนอนคว่ำ สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขายาว ยังสวมรองเท้าทั้งสองข้าง มีเลือดน้ำเหลือง แมลงวันไต่ตอม ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์สภาพเก่าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ในเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้ คาดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วัน
นายกิตติ พันบุญนาค อายุ 34 ปี ผู้พบศพ เล่าว่า ตนเองขับรถจักรยานยนต์มา เห็นลักษณะผิดสังเกต คล้ายว่ามีผู้จอดรถจักรยานยนต์ภายในห้อง จึงได้เดินเข้าไปดู กลับได้กลิ่นเน่าเหม็นจนพบว่ามีผู้เสียชีวิต จึงได้ประสาน กำนันวิรุจน์ อินเลิศ กำนันตำบลโคกตูม ให้ประสานไปยัง นายวิโรจน์ กลิ่นหอมอายุ 55 ปีอยู่บ้านเลขที่ 71/1 หมู่ที่ 9 ตำบลโคกตูม ซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียชีวิต เมื่อนายวิโรจน์ เกินทางมาถึงพบว่าเป็นร่างของลูก นายวิโรจน์ได้ปล่อยโฮ โดยนายวิโรจน์ เล่าว่าลูกชายยังเป็นพลทหารได้ลาพัก มาหลายวันแล้ว เมื่อวันพุธที่ 29 ม.ค. 68 ก่อนตายได้เดินทางไปหาเพื่อน และไม่ทราบว่ามาตายอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ไม่ทราบประเด็นสาเหตุเลย เพราะลูกมีเพื่อนเยอะ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รอแพทย์ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่หาสาเหตุในเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และประเด็นสาเหตุการเสียชีวิต
ด้านพ.ต.อ.นิวัฒน์ การสิทธิ์ ผกก.สภ.โคกตูม ได้กล่าวว่าในเบื้องต้นพบว่าที่บริเวณขมับซ้ายของผู้ตายมีร่องรอยฉีกขาด ซึ่งไม่สามารถระบุบาดแผลเกิดจากสาเหตุใด และพบท่อเหล็กยาวประมาณ 2 ฟุต ไม่ได้ปิดหัวท้ายที่ใต้ศพ และระเบิดชนิดปิงปองที่เกษตรกรนำมาใช้ไล่นกพิราบ ที่ขณะนี้กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตดอกทานตะวันอีกจำวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าผู้ได้ได้มารับจ้างไล่นกพิราบ ซึ่งเดินทางมากับใครยังไม่ทราบแน่ชัด โดยในระเบิดปิงปองใส่ท่อเหล็กจุดไฟแล้วเล็งออกไป เป็นความประมาทเลินเล่อ ซึ่งระเบิดปิงปองอาจจะไหลลงมาระเบิดใส่ขมับจนได้รับบากเจ็บสาหัส ไม่มีใครทราบจนตายอยู่บริเวณดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รอแพทย์ชันสูตรพลิกศพอีกครั้ง หรือติดตามเพื่อนคนสุดท้ายของผู้ตายมาสอบสวน รวมถึงกล้องวงจรปิดตามเส้นทางดังกล่าว โดยญาติติดใจการตายจะได้นำส่งสถาบันนิติเวชต่อไป
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.ลพบุรี รายงาน