Home ข่าววันนี้ เงิน 10,000 เฟส 3 จ่อเปลี่ยนเงื่อนไขรับเงิน กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนรอลงทะเบียนเลย

เงิน 10,000 เฟส 3 จ่อเปลี่ยนเงื่อนไขรับเงิน กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนรอลงทะเบียนเลย

24

วันที่ 7 ก.พ. 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหารือกันเรื่องโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 ซึ่งจะมีเม็ดเงินที่จะเติมเข้าระบบค่อนข้างสูง ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โดยยืนยันชัดเจนว่าจะเดินหน้าแน่นอนภายในไตรมาส 2/2568 ซึ่งจะมีการประชุม 1-2 ก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณาได้ในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ และนำเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

นอกจากนี้ในการประชุมมีการพิจารณาในการลดเงื่อนไขบางอย่าง เพื่อให้กลไกในการหมุนของเม็ดเงินง่ายขึ้น และให้ประชาชนสามารถนำเม็ดเงินไปเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือเดินหน้าธุรกิจได้ง่ายขึ้น

สำหรับการเชื่อมโยงระบบในรูปแบบ Open Loop นั้น ขณะนี้ได้มีการหารือกับสถาบันการเงิน และน็อนแบงก์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งหลักๆ จะนำร่องกับสถาบันการเงินขนาดใหญ่ก่อน โดยส่วนใหญ่ยืนยันที่จะเข้าร่วมในโครงการผ่านการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” เพื่อให้ประชาชนใช้จ่ายได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากแนวทางการโอนเงินในเฟส 3 จะเป็นในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ใช่เงินสด โดยยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย และความมั่นใจของระบบบล็อกเชนที่จะนำมาใช้งานในครั้งนี้อย่างมาก

เชื่อว่ากลไกที่เราทำเป็นกลไกที่เกิดประโยชน์และตั้งใจที่จะเดินหน้าโครงการดังกล่าวให้เสร็จสิ้น เรามีการพูดคุยกับกลุ่มธนาคารทั้งแบงก์-น็อนแบงก์ และได้รับการตอบรับในการที่จะเชื่อมต่อระบบ Open-Loop เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อประชาชน

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้นรัฐบาลจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนอย่างแน่นอน โดยต้องรอดูความชัดเจนภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ใกล้เคียงกับการดำเนินการจ่ายเงินในเฟสที่ 3

ทั้งนี้ จากรายละเอียดที่มีการเสนอต่อคณะอนุกรรมการวันนี้ เป็นการทำสรุปที่มีการสำรวจจากสำนักงานเศรษฐกิจแห่งชาติ และใช้กลไกในการสำรวจของกระทรวงการคลังจะเห็นได้ว่าตัวเลขการเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

โดยมีเม็ดเงินที่นำไปใช้ในรูปแบบของการออมหรือชำระหนี้ ซึ่งไม่เกิดการหมุนเวียนต่อเศรษฐกิจเพียง 5% จาก 100% ของเม็ดเงินที่ได้ลงทุนไป 1.5 แสนล้านบาท