ลูกชาย 5 ขวบ ไข้ขึ้นสูงมาก ช็อกหมอนำ “ต้นเหตุ” ออกมาจากหู ของใกล้ตัวเด็กทุกบ้าน!
การที่เด็กเล็กมักจะชอบใส่สิ่งของเข้าไปในช่องต่างๆ ของร่างกาย เช่น จมูก ปาก หรือหู อาจเป็นหนึ่งในวิธีที่พวกเขาใช้สำรวจสิ่งต่างๆ บนโลก อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นี้เอง หากผู้ปกครองไม่ได้ให้ความสนใจมากพอผลกระทบที่ตามมาอาจร้ายแรงเกินคาดการณ์ได้ ดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม เวลา 9 โมงเช้าของหนึ่ง ศูนย์การแพทย์อำเภอแคนล็อก (ฮาทิญ) ได้รับเด็กชายอายุ5 ปี เข้ารักษาด้วยอาการไข้สูง ที่นี่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาหู คอ จมูก ได้ตรวจพบว่ามี “ยางลบสีชมพู” อยู่ในหูของเด็ก และมันปิดท่อหูแทบทั้งหมด ตามที่แพทย์ระบุ ยางลบอยู่ในหูของเด็กมาเป็นเวลานาน จนเริ่มมีเชื้อราและขยายตัวจนปิดท่อหู ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก ซึ่งได้ช่วยนำสิ่งแปลกปลอมนั้นออกมาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเฝ้าติดตามอาการที่ศูนย์การแพทย์ นอกจากนี้ แพทย์ยังแนะนำให้พ่อแม่คอยดูแลและสังเกต ผ่านทางช่วงเวลาที่ทำความสะอาดร่างกายของเด็กอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต หากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร และจะรู้ได้อย่างไร? เนื่องจากเด็กมักจะไม่บอกพ่อแม่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามคำแนะนำของ KidHealth หากเด็กมีอาการหายใจลำบาก พูดลำบาก หรือกลืนน้ำลายลำบาก ควรรีบนำเด็กไปยังห้องฉุกเฉินทันที เนื่องจากพ่อแม่มักจะพบความยากลำบากหรือแทบจะไม่สามารถนำสิ่งแปลกปลอมออกได้เอง ในขณะที่แพทย์มีวิธีการและความเชี่ยวชาญมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น หากเด็กใส่สิ่งของเข้าไปในจมูก สิ่งแปลกปลอมที่ยังหลงเหลือในจมูกอาจทำให้ผนังกั้นจมูกเสียหาย หรืออาจถูกดูดเข้าไปในปอดได้ สิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในจมูกนานๆ มักจะทำให้มีน้ำมูกไหลข้างเดียว และมักมีกลิ่นเหม็น ซึ่งต่างจากการเป็นหวัดหรือภูมิแพ้ ที่มักจะมีน้ำมูกไหลทั้งสองข้าง หากพ่อแม่พบอาการนี้ ควรไปที่ห้องฉุกเฉิน หรือไปพบแพทย์หู คอจมูกทันท
เกิดเหตุไฟไหม้ รถบัสรับส่งคนงาน
เมื่อวันที่ 20 ก.พ.68 เพจ JS100 Radio ได้แจ้งข่าวระบุว่า เมื่อเวลา 06:00 น. เหตุเพลิงไหม้รถบัสรับส่งคนงาน บริเวณหมู่ที่4บ้านระหาร ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รถดับเพลิงอบต.กำเนิดนพคุณ เข้าทำการดับเพลิงเรียบร้อย (Cr.อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย ธน34-00 ฐานบุญวิภา)
นพ.ยง เปิดเหตุผล “ไข้หวัดใหญ่” ระบาดหนักปีนี้ เตือน “กลุ่มเสี่ยง” ควรฉีดวัคซีนก่อนต้น พ.ค.
หมอยง เปิด 3 เหตุผล “ไข้หวัดใหญ่” ระบาดหนักปีนี้ เตือนกลุ่มเสี่ยงควรฉีดวัคซีน! นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬา เปิดเผยถึงสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ว่า “ไข้หวัดใหญ่” เป็นโรคที่สามารถพบได้ตลอดปี การระบาดในไทยส่วนใหญ่จะพบมากในช่วงฤดูฝน หรือช่วงเปิดเทอม รองลงมา เป็นการระบาดในฤดูหนาว หรือช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. สำหรับเหตุผลที่ในปีนี้ ประเทศไทยมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้น คือ – เหตุผลที่ 1 คือเป็นการใช้หนี้ เนื่องจากในช่วงของโควิด-19 ระบาด มีมาตรการป้องกันโรคทางเดินหายใจอย่างเข้มข้น ใน 2-3 ปีแรกของการควบคุม จึงพบไข้หวัดใหญ่น้อยมาก และไม่มีการเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่เลย โดยประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้ติดเชื้อ ก็ไม่ได้มีภูมิต้านทานจากธรรมชาติ และเมื่อมีการผ่อนปรนเข้าสู่ภาวะปกติ ประชากรส่วนใหญ่ที่ยังไม่มีภูมิหรือไม่เคยติดเชื้อ ในช่วงเวลาดังกล่าว ก็เกิดการใช้หนี้เก่า จากที่ไม่มีผู้ป่วย จึงทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่ปีที่แล้วมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่า 6.6 แสนราย และยังเพิ่มต่อในปีนี้ในช่วงต้นปี และเชื่อว่าทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติ หลังใช้หนี้หมดแล้ว – เหตุผลที่ 2 ไข้หวัดใหญ่ทางซีกโลกเหนือ จะระบาดมากในฤดูหนาว แต่เดิมทีประเทศไทยมีฤดูหนาวไม่ชัดเจน แต่ต้นปีนี้ เป็นปีที่มีฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นเป็นระยะเวลานานพอสมควร โดยเฉพาะทางภาคเหนือ และภาคอีสาน จึงเป็นฤดูที่เหมาะสำหรับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่...
ชื่นชม 2 นร. แลกเงิน 5,000 ได้ไป 32,000 นำมาคืนร้าน ร้านเผยทำไมถึงให้เกินเป็นหมื่น
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปลงกลุ่ม “ข่าวด่วน สระบุรี V2” เล่าเรื่องนักเรียนหญิงนำเงินที่ได้รับเกินจากการแลกเงินมาคืนร้านทอง พร้อมข้อความชื่นชมว่า นักเรียนมาแลกเงิน 5,000 บาท แต่ทางร้านกำลังยุ่งจึงให้เงินเกินไปกว่า 30,000 บาท โดยเข้าใจผิดว่าเงินปึกละ 10,000 บาทเป็นปึกละ 1,000 บาท วันรุ่งขึ้นนักเรียนจึงนำเงินมาคืน ทางร้านมอบรางวัลเป็นกำลังใจให้ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านเพชรทองเยาวราช อ.เมือง จ.สระบุรี สอบถามเจ้าของร้าน เล่าว่า วันนั้นมีนักเรียนหญิง 2 คนมาแลกเงิน 5,000 บาท แต่ทางร้านให้เงินเกินไปเป็น 32,000 บาทโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น แม่ของนักเรียนพาลูกกลับมาคืนเงินให้ ซึ่งทางร้านรู้สึกดีใจและชื่นชม พร้อมมอบสินน้ำใจให้เด็กทั้งสองคน 1,000 บาท ด้าน น.ส.ธีราพร เลาภูสิงห์ อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สระบุรี หนึ่งในผู้คืนเงิน เล่าว่า เงินที่แลกเป็นเงินห้องที่รวบรวมจากเพื่อน ๆ เพื่อส่งคืนก่อนจบการศึกษา ตอนแรกไม่ได้รู้ว่าได้เงินเกิน เพราะเห็นพนักงานนับให้ครบเป็นปึก แต่เมื่อเพื่อนที่เป็นเหรัญญิกกลับไปนับอีกครั้งจึงพบว่าเงินเกิน จึงรีบแจ้งแม่และนำเงินมาคืน เหตุการณ์นี้สร้างความประทับใจแก่เจ้าของร้านและผู้ที่ทราบเรื่อง ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความซื่อสัตย์ ซึ่งทางร้านเองก็ขอบคุณนักเรียนทั้งสองคนที่นำเงินมาคืนโดยไม่มีใครทวงถาม พร้อมสนับสนุนให้ทำความดีต่อไป
ช็อก! นักยกน้ำหนักหญิงแชมป์เยาวชนวัย 17 ปี เสียชีวิตแล้ว หลังถูกบาร์เหล็กทับคอขณะฝึกซ้อม
จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เกิดเหตุช็อกสะเทือนใจ ยัชติกา อาชาร์ยา (Yashtika Acharya) นักยกน้ำหนักหญิงชาวอินเดีย วัย 17 ปี เจ้าของรางวัลเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประสบอุบัติเหตุถูกบาร์เหล็กยกน้ำหนักทับคอจนถึงแก่ชีวิต ในระหว่างการฝึกซ้อมยกน้ำหนัก 270 กิโลกรัม ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่ยิมแห่งหนึ่ง ในเมืองบิคาเนอร์ รัฐราชสถาน ทางตอนเหนือของอินเดีย คลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นว่า อาชาร์ยากำลังฝึกซ้อมยกน้ำหนักด้วยท่าทางที่มุ่งมั่นตั้งใจ โดยมีโค้ชของเธอคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ในขณะที่อาชาร์ยาพยายามยกบาร์เหล็กที่มีน้ำหนักมากถึง 270 กิโลกรัม เธอเกิดเสียการทรงตัว เซไปทางด้านหลัง ก่อนที่จะล้มลงจนทำให้บาร์เหล็กทับบริเวณคอและแน่นิ่งไป ท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้คนที่อยู่รอบข้าง ด้านโค้ชพยายามช่วยยกบาร์เหล็กขึ้นจากนักกีฬา ทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หลังเกิดเหตุ อาชาร์ยาได้รับความช่วยเหลือถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลโดยทันที แต่แพทย์ไม่สามารถช่วยยื้อชีวิตได้ จึงได้ประกาศการเสียชีวิตในที่สุด ทางครอบครัวของเธอไม่ได้ติดใจยื่นเรื่องร้องเรียนใด ๆ และหลังการชันสูตรพลิกศพ เจ้าหน้าที่ก็ได้ส่งมอบร่างให้กับครอบครัวของเธอ ทั้งนี้ รายงานระบุว่า อาชาร์ยา เป็นนักกีฬายกน้ำหนักมืออาชีพประเภทพาวเวอร์ลิฟติ้ง (Powerlifting) แม้เธอจะมีอายุน้อยแต่สามารถคว้าชัยชนะมาได้หลายครั้งตลอดเส้นทางของเธอ รวมถึงรางวัลเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติของประเทศอินเดีย
“กบ สุวนันท์” ติดใจลุคเซ็กซี่ สวยจึ้งทุกช็อต ไม่คิดว่าจะคอมเมนต์แบบนี้
เห็นภาพของนางเอกตลอดกาลอย่าง กบ สุวนันท์ กับลุคหวานๆ เป็นสาวเรียบร้อยมาตลอดที่อยู่ในวงการบันเทิง เรียกว่าแทบจะไม่เคยเห็นภาพเซ็กซี่ของ กบ สุวนันท์ เลยก็ว่าได้ แต่ล่าสุดถึงกับต้องขยี้ตารัวๆ เมื่อได้เห็นภาพ กบ สุวนันท์ ในลุคสวยเซ็กซี่ ใส่เสื้อผีเสื้อ ที่เป็นภาพ AI ที่กำลังเป็นเทรนด์ฮิตอยู่ตอนนี้ ซึ่งแฟนคลับนั้นทำให้ดู และโพสต์ลง IG@ allaboutkob ซึ่งงานนี้บอกเลยว่าผิดคาด เพราะนึกว่าเจ้าตัวจะไม่ชอบหรือเปล่า? แต่งานนี้กลับทำให้ กบ สุวนันท์ ที่ได้เห็นถึงกับติดใจเข้ามาคอมเมนต์ว่า “5555!! เอาอีกๆ ชอบๆ”
ลูกชาย 5 ขวบ ไข้ขึ้นสูงมาก ช็อกหมอนำ “ต้นเหตุ” ออกมาจากหู ของใกล้ตัวเด็กทุกบ้าน!
ระวัง! เด็กเล็กชอบใส่ของในหู เจอกรณี ด.ช. 5 ขวบไข้สูง หมอพบ "ยางลบสีชมพู" ปิดท่อหูจนเกิดเชื้อรา การที่เด็กเล็กมักจะชอบใส่สิ่งของเข้าไปในช่องต่างๆ ของร่างกาย เช่น จมูก ปาก หรือหู อาจเป็นหนึ่งในวิธีที่พวกเขาใช้สำรวจสิ่งต่างๆ บนโลก อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นี้เอง หากผู้ปกครองไม่ได้ให้ความสนใจมากพอผลกระทบที่ตามมาอาจร้ายแรงเกินคาดการณ์ได้ ดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม เวลา 9 โมงเช้าของหนึ่ง ศูนย์การแพทย์อำเภอแคนล็อก (ฮาทิญ) ได้รับเด็กชายอายุ5 ปี เข้ารักษาด้วยอาการไข้สูง ที่นี่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาหู คอ จมูก ได้ตรวจพบว่ามี “ยางลบสีชมพู” อยู่ในหูของเด็ก และมันปิดท่อหูแทบทั้งหมด ตามที่แพทย์ระบุ ยางลบอยู่ในหูของเด็กมาเป็นเวลานาน จนเริ่มมีเชื้อราและขยายตัวจนปิดท่อหู ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก ซึ่งได้ช่วยนำสิ่งแปลกปลอมนั้นออกมาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเฝ้าติดตามอาการที่ศูนย์การแพทย์ นอกจากนี้ แพทย์ยังแนะนำให้พ่อแม่คอยดูแลและสังเกต ผ่านทางช่วงเวลาที่ทำความสะอาดร่างกายของเด็กอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต หากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร และจะรู้ได้อย่างไร? เนื่องจากเด็กมักจะไม่บอกพ่อแม่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตามคำแนะนำของ KidHealth หากเด็กมีอาการหายใจลำบาก พูดลำบาก หรือกลืนน้ำลายลำบาก ควรรีบนำเด็กไปยังห้องฉุกเฉินทันที เนื่องจากพ่อแม่มักจะพบความยากลำบากหรือแทบจะไม่สามารถนำสิ่งแปลกปลอมออกได้เอง ในขณะที่แพทย์มีวิธีการและความเชี่ยวชาญมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น หากเด็กใส่สิ่งของเข้าไปในจมูก สิ่งแปลกปลอมที่ยังหลงเหลือในจมูกอาจทำให้ผนังกั้นจมูกเสียหาย หรืออาจถูกดูดเข้าไปในปอดได้ สิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในจมูกนานๆ มักจะทำให้มีน้ำมูกไหลข้างเดียว และมักมีกลิ่นเหม็น ซึ่งต่างจากการเป็นหวัดหรือภูมิแพ้ ที่มักจะมีน้ำมูกไหลทั้งสองข้าง...
อาลัย สิ้นครูโยคะชื่อดัง เสียชีวิตกะทันหัน ในวัยเพียง 35 ปี
นับว่าช่วงนี้วงการบันเทิงเกาหลีมีเรื่องเศร้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ยูจู สาวสวยสุดฮอต ซึ่งเป็นครูสอนโยคะชื่อดังได้จากไปแล้ว ด้วยวัย 35 ปี โดย ครูยูจู ได้เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ตามความประสงค์ของครอบครัว จึงไม่มีการจัดงานศพหรือห้องรับแขกแต่ทางสตูโยคะจะจัดพื้นที่ให้สามารถมาส่งความอาลัยได้จนถึงวันศุกร์นี้ ยูจูเป็นครูสอนโยคะที่มีชื่อเสียงจากความสามารถที่แข็งแกร่งและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยได้รับความนิยมจากการสอนโยคะ หนึ่งวันก่อนที่เธอจะเสียชีวิตอียูจูโพสต์โซเชียลด้วยข้อความสั้นๆว่า “บาย” ก่อนที่ต่อมาจะมีการประกาศข่าวเศร้านี้ สำหรับอียูจูเป็นครูสอนโยคะชื่อดังและได้รับความรักจากประชาชนจากรายการ Infinite Challenge ช่อง MBC ที่เธอเคยไปสอนโยคะให้กับสมาชิกรายการ
ปัญหา “กีนูน” ของสาวๆ เมื่อ น้อง “โหนกนูน” เกินไป ทำให้ใช้ชีวิตยาก!
"ปัญหาของสาว 'โหนกนูน' เมื่ออวัยวะตรงนั้นโหนกนูนเด่นเกินไป ทำให้ใช้ชีวิตยาก" การมีลักษณะโหนกนูนในบริเวณอวัยวะเพศของผู้หญิงถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่พบได้ทั่วไป แต่สำหรับบางคน การที่โหนกนูนเด่นเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความไม่สบายกาย ความไม่มั่นใจ หรือแม้แต่ความลำบากในการเลือกเสื้อผ้าและทำกิจกรรมบางอย่าง เรื่องเหล่านี้อาจกลายเป็นปัญหาที่สร้างความอึดอัดให้กับชีวิตได้ 1. ความไม่สบายในการใส่เสื้อผ้ารัดรูป สาวๆ ที่มีลักษณะโหนกนูนเด่นชัดมักจะเจอปัญหาเวลาต้องใส่เสื้อผ้ารัดรูป เช่น กางเกงยีนส์ ชุดออกกำลังกาย หรือแม้แต่ชุดว่ายน้ำ ซึ่งทำให้เกิดการเสียดสีหรือกดทับบริเวณดังกล่าว บางคนรู้สึกไม่สบายตัว แถมอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือรอยแดงขึ้นได้ ปัญหานี้อาจทำให้ต้องคิดหนักเวลาจะเลือกเสื้อผ้า หรือทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเวลาต้องออกจากบ้าน ผลการศึกษา: มีการศึกษาจาก Journal of Sexual Medicine ในปี 2018 ที่พบว่า ผู้หญิงประมาณ 18% มีปัญหาจากการเสียดสีและอับชื้นในบริเวณโหนกนูนเมื่อใส่เสื้อผ้ารัดรูป โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีลักษณะโหนกนูนเด่นชัด 2. การออกกำลังกายและการทำกิจกรรมที่ลำบากขึ้น เวลาที่ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น วิ่ง ขี่จักรยาน หรือเล่นโยคะ ผู้หญิงที่มีโหนกนูนชัดเจนมักจะรู้สึกไม่สบาย เพราะเกิดการเสียดสีและอาจทำให้ผิวบริเวณนั้นระคายเคือง จนบางคนถึงขั้นหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมเหล่านี้ไปเลย ทั้งที่ปกติก็อยากออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แต่พอเจอปัญหาแบบนี้ก็รู้สึกไม่อยากทำกิจกรรมเท่าเดิม ผลการสำรวจ: การสำรวจจาก International Journal of Sports Medicine ในปี 2019 พบว่า 12% ของผู้หญิงที่ออกกำลังกายประเภทวิ่งและปั่นจักรยานมีปัญหาจากการเสียดสีบริเวณโหนกนูน โดยเฉพาะผู้ที่มีลักษณะเด่นชัด 3. รู้สึกไม่มั่นใจเมื่อถูกคนอื่นจ้องมอง หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเวลาที่ต้องใส่เสื้อผ้าที่เน้นรูปร่าง หรือเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงจะถูกคนอื่นจ้องมองบริเวณนั้น เช่น การใส่บิกินี่หรือกางเกงรัดรูป...
ควรระวัง! ร่างกายมีอาการคัน 2 ส่วนนี้ อาจเป็นสัญญาณของ “มะเร็งตับ” ไม่ใช่อาการแพ้
ระวังไว้ดีกว่า เมื่อร่างกายมีอาการคันที่ 2 ส่วนนี้ อาจเป็นสัญญาณของ “มะเร็งตับ” ไม่ใช่อาการแพ้อย่างที่เข้าใจ! เมื่อรู้สึกคันหลายคนมักนึกถึงอาการแพ้ แต่บางครั้งอาการคันก็อาจเป็นสัญญาณของมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีอาการคันที่ 2 ส่วนนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “มะเร็งตับ” ตับเป็นอวัยวะที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย เปลี่ยนแปลงยา ประมวลผลสารอาหาร และผลิตโปรตีนและสารเคมีที่สำคัญต่อสุขภาพ ดังนั้นตับจึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหาย ซึ่งหากความเสียหายที่เกิดขึ้นในตับไม่ได้รับการตรวจพบและรักษา ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับได้ มะเร็งตับ เป็นหนึ่งในมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก ผู้ป่วยหลายรายจะไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น และมักไม่ได้รับการตรวจพบจนกระทั่งเป็นระยะที่ล่าช้า ซึ่งจะทำให้การรักษายากขึ้น ดังนั้น การตรวจพบสัญญาณของมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นและการดูแลตับเมื่อมีปัญหา จึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันมะเร็งตับ อาการคันที่ 2 ส่วนนี้อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งตับ อาการคันที่ผิวหนัง อาการคันที่ผิวหนังเป็นอาการทั่วไปของการแพ้หรือปัญหาผิวหนังต่างๆ เช่น ผื่นผิวหนัง หรือภูมิแพ้ผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาการคันที่ผิวหนังอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งตับ ซึ่งมักเกิดจากกระบวนการการเปลี่ยนแปลงของน้ำดีที่ถูกรบกวนเมื่อเกิดปัญหากับตับ ทำให้สารน้ำดีสะสมในร่างกายมากเกินไป และเมื่อสารน้ำดีเข้าไปในเลือดจะทำให้เกิดการระคายเคืองและคันที่ผิวหนัง นอกจากอาการคันแล้ว มะเร็งตับอาจทำให้เกิดผื่นและความเสียหายที่ผิวหนังหลายรูปแบบ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถขับสารพิษออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สารพิษสะสมและทำให้เกิดการระคายเคืองผิว ผู้ป่วยอาจพบผื่นแดง คัน หรือมีแผลที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์ อาการคันที่ดวงตา หากรู้สึกคันที่ดวงตาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ได้ลองทุกวิธีเพื่อบรรเทาอาการแล้ว ควรระวังเรื่องมะเร็งตับด้วยเช่นเดียวกัน บางคนเชื่อว่าเมื่อเป็นมะเร็งตับ ดวงตามักจะขาดเลือดส่งผลให้ตาแห้งและคัน แต่โดยทั่วไปแล้วในกรณีของมะเร็งตับ อาการคันที่ผิวหนังจะพบได้บ่อยกว่าคันที่ดวงตา **คำเตือน: แม้ว่าทั้งสองอาการนี้อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งตับ แต่ไม่ต้องตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะอาการคันที่ผิวหนังและดวงตายังเป็นอาการของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ด้วย สิ่งสำคัญคือการสังเกตสัญญาณผิดปกติในร่างกาย และควรไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคร้ายต่างๆ อาการอื่นๆ ของมะเร็งตับ นอกเหนือจากอาการคัน มะเร็งตับอาจทำให้เกิดอาการอื่นๆ ที่สำคัญ...