Home Blog Page 177

ตั้งแต่เข้าวงการมาไม่เคยถอด แซม ยุรนันท์ เปิดใจอวดซิกซ์แพ็ก ในวัยเฉียด 62 ปี

ตั้งแต่เข้าวงการมาไม่เคยถอดแบบนี้ แซม ยุรนันท์ เปิดใจครั้งแรก หลังอวดซิกซ์แพ็กแน่น ในวัยเฉียด 62 ปี พร้อมเคลียร์แซ่บเกินจนภรรยาหึง

เปิดใจครั้งแรก นักแสดงรุ่นเก๋า แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี หลังโชว์หุ่นแซ่บอวดซิกซ์แพ็กแน่นๆ เปิดเบื้องหลังหุ่นฟิตจนเกือบทำภาพหลุดมาแล้ว พร้อมเคลียร์ประเด็นภรรยาหวง หลังกลับมาฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้น ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา, ซินแสเป็นหนึ่ง และดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกร

แซม ยุรนันท์ เปิดใจ อวดหุ่นแซ่บ วัย 61

ภาพเซ็ตนี้กระชากใจคนดูมาก ทำให้สาวๆ เรียกแด๊ดดี้แซม รู้สึกอย่างไรบ้าง? แซม : “จุดประสงค์จริงๆ แค่ทำให้เห็นว่ารูปร่างเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นผลพลอยได้ หลายคนอาจจะบอกว่ารูปร่างที่ดีคือเป้าหมายหลักสุขภาพต่างหากที่สำคัญ ภาพที่เราเห็นเป็นแรงกระตุ้นแต่ผลลัพธ์คือสุขภาพกลับมาดี”

นอกจากได้สุขภาพแล้ว มีคอนเมนต์อย่างไรบ้างสำหรับคนที่เห็นภาพเซ็ตนี้แล้ว? แซม :“ส่วนใหญ่ก็ตรงวัตถุประสงค์ที่อยากให้เป็นก็คือเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คน คนอายุปูนนี้เขายังทำได้เลยแล้วเราทำไมถึงไม่ทำ เขาทำได้ในเวลาแค่เดือนกว่าเอง อย่าไปบอกว่าอายุเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราดูแลสุขภาพไม่ได้ หรือเวลา อย่าบอกว่าไม่มีเวลาเลย พี่ถ่ายละครอยู่ 2 เรื่อง งานบริษัทอีก งานเต็ม 7 วันทำไมถึงแบ่งเวลาได้ มันเป็นข้ออ้างของคนที่ไปไม่ถึงสักที”

จุดเริ่มต้นการถ่ายรูปโชว์หุ่น? แซม : “จริงๆ เป็นคนขี้อายมากนะ เล่นหนัง เล่นละคร ให้ถอด ไม่ถอดครับ ขนาดเล่นแม่เบี้ยเป็นอีโรติก หนังก็ไม่เล่นเพราะมันต้องถอดเยอะ พอเป็นละครผมไม่เล่นนะ 1.เราขี้อาย 2.เราเป็นตัวอย่างของคนหลายๆ คน การวางตัวต้องระวังเพราะต้องบอกว่าเราเป็นไอดอลของคนหลายๆ กลุ่ม พยายามที่สุดที่จะไม่ทำอะไรที่มันล่อแหลม แต่อันนี้มันเป็นชาเลนจ์ของบริษัท ดิไอคอน เขากำลังจะบอกว่าคนเราดูแลสุขภาพ ผู้หญิงก็ต้องลดหุ่นประมาณนี้ ผู้ชายถ้าลดหุ่นให้สุดมันก็ต้องมีซิกซ์แพ็ก เขาก็แข่งกัน คนไหนจะทำได้เดือนไหน เขาไม่มองพี่เลยนะ ข้ามกันไปข้ามกันมา ทำไมล่ะ คนเกษียณเราไม่มีส่วนเหรอ”

แซม ยุรนันท์ เปิดใจ อวดหุ่นแซ่บ วัย 61

ระหว่างที่นั่งฟังเขาท้าทายชาเลนจ์ตอนนั้นรู้สึกยังไง? แซม : “ก็รู้สึกว่าข้ามกันไปเลยแล้วก็บอกว่าคุณพ่อหรือคุณพี่แซมสะดวกเมื่อไหร่ยังไงก็มาด้วยกันนะ ก็ไปถามเทรนเนอร์ว่าอย่างนี้จะเป็นได้กี่เดือน เขาก็บอกได้ครับพี่ก็ประมาณ 3-4 เดือน แล้วถ้าเดือนกว่าๆ ล่ะ มันก็ต้องมีวินัยเยอะมาก ทุ่มเทเยอะมาก โอเคทำได้ใช่มั้ยแต่ต้องทุ่มเทใช่มั้ย ก็ไม่ได้บอกนะครับเพราะกะว่าจะเซอร์ไพรส์ ถ้าไม่ได้ก็เนียนๆ ไปไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าได้กูเสียงดังนะ ก็แอบซุ่ม เทรนเนอร์ก็ให้เวลามีแค่นี้นะ ที่เหลือก็ไปทำต่อเองที่บ้านหรือไปทำที่ฟิตเนสที่อื่น เอาให้รู้ว่าวินัยมีเป็นยังไง”

ทั้งหมดใช้เวลาเท่าไหร่ถึงได้มา? “เดือนครึ่งครับ เพราะว่ามันจะต้องขึ้นเวทีวันเสาร์ มันจะต้องมีประกาศผลวันเสาร์ อีกทีต้องรอเป็นเดือนหน้าแล้วก็อีกเดือนโน้น คือวันศุกร์ต้องตั้งเป้าถ่ายรูปวันศุกร์นี้ให้ได้ ส่วนอาทิตย์ก่อนก็ไปริมสระน้ำปิ้งบาร์บีคิวลองซ้อมก่อนว่าได้มั้ย พอได้ปุ๊บอีก 5 วัน เข้าสตูฯ ถ้าไม่ได้ก็เจียมตัวว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้”

เดือนครึ่งมีอุปสรรคอะไรบ้างมั้ย? “เยอะแยะเหมือนกันครับ ลองทายดูว่าพี่ลงไปกี่กิโล คนเรามันลงได้แค่ไหน”

เป๊กกี้ : “รู้จักกับพี่แซมมานานแล้วเกิน 10 ปีแล้ว พี่แซมจะทรงตัวสูงและตัวใหญ่กว่านี้ ตอนนี้พี่แซมตัวเล็กเลย”

แซม : “คือเราสูง 180 กว่า ฝรั่งผู้ชายลบ 100 แล้วหนัก 80 ได้ แต่คนไทยลบสัก 110 จะดูบางลงหน่อย พี่หนัก 70-72 มาตลอดเป็น 10 ปีเพราะพี่ชั่งน้ำหนักทุกวัน แต่ว่าถ้าอยากจะเปลี่ยนหุ่นให้คนเห็นว่ามันเปลี่ยนต้องลง 10 กิโลขึ้นไป ทั้งหมดลงไป 12 กิโล”

แซม ยุรนันท์ เปิดใจ อวดหุ่นแซ่บ วัย 61

น้ำหนักที่ถ่ายวันนั้นกี่กิโล? แซม : “60.5 ครับ น้ำหนักเท่ากับตอนเป็นนายแบบอายุ 18-19 วันที่ถ่ายเอว 29”

เห็นว่าวันที่ถ่ายตอนแรกไม่ได้ถอดเสื้อขนาดนี้ อาจจะแค่ปลดกระดุมเสื้อ แต่สุดท้ายก็มีภาพอย่างที่เราเห็นคือถอดเสื้อหมด มันเกิดอะไรขึ้น? แซม : “จริงๆ ภาพที่จะต้องถ่าย ฝ่ายสไตลิสต์เขาให้เราดูว่าจะเป็นยังไงบ้าง น้องฉัตรจะแต่งยังไงบ้าง ก็ไม่มีอะไรที่ต้องถอดเสื้อ จะมีแค่ปลดเสื้อสูทออก ปลดเสื้อเชิ้ตออก จะเห็นแบบเพลาๆ ถ่ายไปถ่ายมาตรงนี้หน่อยเบิร์นหน่อยมั้ยแบบฮีทสโตรก เปิดนี่หน่อย เอาน้ำมันลงตรงนี้ก็สวยดี ไปๆ มาๆ คือเสื้อหายไปแล้วไม่รู้ตัว”

พี่แซมรู้ตัวอีกทีคือเสื้อไม่มีแล้ว? แซม : “อีกนิดคงจะกางเกงแล้ว แต่เขาก็ให้ดูรูปก่อน อย่างวันที่ไปถ่ายต่างจังหวัด เรารู้ไงเราลงในน้ำมันมีเหตุผล แต่อย่างอยู่สตูฯ ถอดทำไม จะอวดขนาดนั้นเราก็ไม่มีอะไรจะอวดเหมือนรุ่นหนุ่มๆ แค่พยายามที่สุดมันก็ได้แค่นี้”

เดือนครึ่งที่บอกว่าตั้งใจออกกำลังกาย กินยังไง ดูแลตัวเองยังไง? แซม : “เป็นเรื่องของฮาวทูแล้ว จริงๆ ไม่อยากสอนจระเข้ว่ายน้ำ หลายๆ คนก็ทำ มันสำคัญควบคู่กันหมด ออกกำลังกายประมาณ 20-30 % ที่เหลือเป็นเรื่องโภชนาการ ออกกำลังกายมีอยู่ 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเราต้องรีดไขมันส่วนเกินออกให้หมดจากการเบิร์น วิ่งเฉยๆ มันอาจจะดึงกล้ามเนื้อไป มันต้องเดินแบบเร็วสุดเท่าที่เราเดินได้ ต้องเบิร์นแต่ใช้เวลาเยอะ ความชันแค่ไหน มันต้องถูกวางว่ามันจะต้องไปยังไงอันนี้คือเอาไขมันออก

ส่วนการเล่นกล้ามเป็นการเพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อไม่ใช่ลีนจนแบนแต่ว่าไม่มีกล้ามเนื้อ สองส่วนนี้ทำไปด้วยกัน แต่ที่ยากที่สุดคือการเติมเข้าไปนั่นคือการกิน โภชนาการยุ่งมากจะต้องชั่งอาหารโปรตีน 200 กรัม ก่อนปรุงหรือปรุงแล้วอีก ต้องชั่งน้ำหนักแล้วก็ส่งให้เขาดูทุกวัน คาร์โบไฮเดรตเท่าไหร่ ถ้ากินข้าวแล้วข้าวซ้อมมือ ข้าวแดง ข้าวขาว ต่างกัน ค่าการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลมันต่างกัน

แซม ยุรนันท์ เปิดใจ อวดหุ่นแซ่บ วัย 61

ด้วยความที่เราเรียนจบปริญญาโทด้านนี้ก็จะเข้าใจในวิธีอธิบาย ภรรยากับลูกก็ต้องทำแบบนี้ทุกวัน ทำยังไงให้อร่อยที่สุดในวัตถุดิบที่มี ลูกสาวจบฝรั่งเศสก็จะประดิษฐ์สารอาหารแปลกๆ ส่งไปให้เทรนเนอร์เขาก็ไม่รู้จัก เออลูกแล้วเขาจะรู้ได้ไงว่าค่ามันเท่าไหร่ ส่วนคุณภรรยาก็ตรงไปตรงมา ไก่ต้ม หมูเอามันออก กุ้งลวก แต่เวลามันวางพร้อมกันนี่สิ พี่จะกินของใครล่ะ ของลูกอันนี้ฝรั่งเศสนะ ของภรรยาอันนี้ก็บ้านๆ นะ แต่บ้านๆ ถ้ากูไม่กินก็บ้านแตกเหมือนกันนะ ก็ต้องกินแต่ถ้ากินทั้งหมดมันก็จะเกินไง อร่อยทั้งคู่แหละ เพราะทุกคนเขาก็หวังดีทำให้ทาน”

เห็นว่าแต่ละวันเวลารับประทานอาหารต้องมีถ่ายรูปแล้วส่งเทรนเนอร์เห็นบอกว่าเปลือยระหว่างชั่งเพื่อให้เห็นน้ำหนักจริง? แซม : “พี่ก็ไม่คิดว่าขนาดนี้นะ แรกๆ เราก็ใส่ชุดนอน พี่ครับผมขอไม่ใส่อะไรเลยดีที่สุด เพราะว่าตัวแปรก็คือเสื้อผ้ามันหนักเท่าไหร่ไม่รู้ กลายเป็นว่าต้องเปลือยชั่งน้ำหนักทุกเช้า วันหนึ่งไปธุรกิจของเราที่เขาใหญ่ ก็ไม่รู้หรอกที่ชั่งน้ำหนักของเราเป็นยังไงลืมตามาก็ชั่งแล้วกดถ่ายก็ส่งทุกทีจะลงสตอรี่ด้วย วันนั้นโชคดีไม่ได้ลงสตอรี่ ชั่วโมงนึงเดินผ่านจะชั่งน้ำหนักอีกที เฮ้ย ! มันเป็นกระจก เปิดดูเทรนเนอร์ยังไม่ได้อ่าน แล้วขยายดู อุ๊ย !”

ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่การฟิตหุ่น แล้วพี่แซมไปกินอาหารยั่วคนที่กำลังฟิตหุ่นอยู่ด้วย? แซม : “ใช่ ตอนนั้นเล่นละครกับ ฟิล์ม ธนภัทร และ มิน พีชญา ซึ่งก็อยู่ในโปรแกรมเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้เข้าโปรแกรมอะไร เขามองเราเป็นผู้สูงอายุคงไม่เกี่ยวไงครับ เขาก็กินกันแต่ละมื้อชั่งตวงกิน เราก็สั่งขนมปังสังขยา ไก่ทอด ขนม แล้วก็กินยั่ว อร่อยสุดเลยฟิล์ม มันอร่อยมากเลย”

บาปเหมือนกันนะ พอถึงตาเราบ้างเป็นยังไง? แซม : “กรรมมันถึงตามสนองไงครับ ฟิล์ม ฉันเข้าใจแกหมดแล้วที่แกบอกว่านั่งแล้วเจ็บก้น ตอนนี้ฉันนั่งลงไปบนโซฟาฉันเจ็บก้น ฉันไม่มีก้นแล้ว”

เวลาไปปาร์ตี้ทำยังไงเทรนเนอร์ห้ามมั้ย? แซม : “เขาก็บอกเหมือนกันว่าไม่อยากให้มี ไม่อยากให้ไปแล้วคุณเป็นใครมาห้ามผมล่ะ เมียผมยังไม่ห้ามเลย ผมไปผมดูแลตัวเองได้แล้วผมทำได้ สุดท้ายก็ต้องไปเพราะว่าเรียนหลายหลักสูตรแล้วเป็นประธานหลักสูตรด้วย ก็ต้องไป จิบหน่อย ถ้าจะบอกว่าไม่ได้ดูแลหุ่น เหมือนคุณพ่อเปลี่ยนไป เราก็รู้ว่าเราจะทำอะไรแค่ไหน อะไรที่มันไปเพิ่มน้ำตาล เพิ่มยีสต์มันมีผลต่อแฟตในร่างกาย แต่แอลกอฮอล์ก็กินได้ครับ กินบ้าง”

เห็นว่าตั้งแต่เข้าวงการมาไม่เคยถอดเสื้อเลยนี่เป็นครั้งแรก? แซม : “ตั้งแต่เป็นนายแบบมาอายุ 17-18 เมื่อก่อนนายแบบไม่ค่อยเยอะ ไม่ใช่ว่าโด่งดังอะไรแต่ว่ามันไม่ค่อยมี ส่งกางเกงว่ายน้ำมาก็บอกว่าไม่ใช่สายนั้น ก็กลับบ้าน หนังก็เหมือนกัน เล่นแรกๆ ยังเรื่องมากไม่ได้ก็ยังต้องใส่ผ้าขาวม้าอาบน้ำ ไม่เคยใส่ผ้าขาวม้าอาบน้ำในป่า พอโตขึ้นมาเลือกได้ก็บอกว่าไม่ถอด”

เห็นบอกว่ามีพรีเซ็นเตอร์ตัวหนึ่งเกี่ยวกับแชมพูที่ต้องอาบน้ำสระผมแล้วต้องถอดเสื้อ พี่แซมบอกไม่เอาเลย ทิ้ง? แซม : “ตอนสตอรี่บอร์ดที่เราเห็น เราไม่เห็นว่ามันมี พอถึงเวลาอ้าวแล้วทำไมจะต้องถอดเสื้อ ก็เป็นแชมพูต้องถอดเสื้อสระ คือผมเป็นดารามาตลอดชีวิตผมก็ไม่ถอด ไม่อย่างนั้นผมจะพูดกับเรื่องอื่นๆ ที่ผมปฏิเสธยังไง ผมไม่ถอด ยกเลิกสัญญาก็ไม่เป็นไร ก็หลายล้านนะ คือผมไม่โอเค เราควรจะคุยกันตั้งแต่แรกในเรื่องที่ผมไม่โอเค แต่เขาก็โอเคเขายังอยากได้เราอยู่ก็ใส่เสื้อกล้ามสระผมก็แล้วกัน”

หุ่นแซ่บขนาดนี้คุณภรรยามีหึง มีหวงบ้างมั้ย? แซม : “คุณจุ๋ยเขาหวงคุณมั้ยล่ะ”

ดีเจพุฒ : “ถ้าถอดเยอะๆ เขาก็ถามว่าถอดไปให้ใครดู ของพี่มุขว่ายังไงบ้าง”

แซม ยุรนันท์ เปิดใจ อวดหุ่นแซ่บ วัย 61

แซม : “ก็ไม่ได้หึงหรอก อยู่ในอายุนี้แล้วมีแต่เป็นห่วงว่ามันจะผอมเกินไปแล้วนะ ไหวเหรอ มันจะป่วยมั้ย เราก็บอกว่าขออีก 10 วัน ถ้าเปลี่ยนหุ่นมันต้องให้เห็นว่าเปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนนิดๆ หน่อยๆ มันเหมือนกับไปไม่สุด แล้วจะเป็นข้ออ้างว่าเห็นมั้ยไปไม่สุด ไปตามที่เขาบอกให้หมดทุกอย่างเลย ถ้าไม่ได้ คนที่จะเปลี่ยนเราเขาก็หมาเหมือนกัน เขาทำเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นขอไปให้สุดก่อนหลังจากนั้นจะกลับมาฟื้นฟู ไม่ได้หวงแค่ห่วง”

สาวเข้ามากรี๊ดเยอะมั้ย ภรรยาหวั่นไหวมั้ยเวลามีสาวๆ มากรี๊ดสามี ? แซม : “นั่นสิ เราก็อย่าให้เขาเห็นสิ(หัวเราะ) พูดเล่น บางทีพี่ว่าผู้ชายมันก็ต้องมีบ้างที่ไปไหนมันต้องมีบริหารเสน่ห์นิดนึง ใครยิ้มด้วยก็ยิ้มกลับนิดหน่อย ไม่ใช่หน้าบึ้งใส่เขาหมด มิตรภาพที่ดี ถ้าเราเลือกชีวิตที่ดีแล้วมีความสุขแล้ว เราจะเอาชีวิตดีๆ ของเราไปทิ้งกับเรื่องชุ่ยๆ ทำไม”

ถ้าโดนรุกล้ำมากๆ จัดการยังไงกับแฟนคลับ? แซม : “ตอนโตไม่ค่อยมี แต่สมัยวัยรุ่นก็จะมี ไปคอนเสิร์ตมือไม่ว่าง เราไม่รู้จะป้องกันตัวยังไง ข้างบนเวทีไม่เท่าไหร่ ลงข้างล่างต่อให้มีการ์ด 4 คน ไม่รู้มายังไง มันจะมีมือที่สามที่สี่แล้วแม่นมาก แรกๆ อายไม่กล้าบอก หลังๆ ก็แหกปากแล้วครับคือเจ็บ”

มีคนส่งขนลับมาให้? แซม : “ก็พูดไปเรื่อย แต่ก็จริง ไอ้ที่ดีๆ ก็เยอะ แต่ก่อนมันเป็นจดหมายขอรูปก็จะมีข้อความแปลกๆ ขอโน่นขอนี่ บางคนก็ส่งรูปโป๊ตัวเองมาให้ ส่งกางเกงในใช้แล้วบ้าง อะไรบ้าง ก็ขำๆ นะ เดี๋ยวนี้มันไม่มีจดหมายแล้ว”

เห็นว่าเป็นใส่ซองมา? แซม : “ที่แรงกว่าไม่ใช่ฝ่ายหญิง ฝ่ายชายก็มี เขาส่งผลแห่งการสำเร็จอะไรสักอย่าง พับใส่จดหมายมา บอกว่าได้ดูหนังแล้วมันอดใจไม่ไหว”

พี่แซมจัดการกับสิ่งเหล่านั้นที่เขาส่งมายังไง? แซม : “มีลูกน้องเป็นคนเปิดจดหมายให้ เรื่องดีๆ ก็จะส่งรูปกลับไปให้ปกติ สุดท้ายเขาก็เอามาเล่าขำๆ ว่าแบบนี้ๆ เขาก็สกรีนมาแล้ว เรามองเป็นเรื่องขำๆ ไม่ได้อะไร”.

นางเอกตัวท็อปหนีชีวิตเมืองกรุง ไปอยู่ป่าเขาลุยๆไม่ห่วงสวย

ทริปจบแล้วเพิ่งได้มีโอกาสมาลงรูปให้แฟน ๆ ได้ติดตามกัน สำหรับนักแสดง – ผู้จัดคนเก่ง แอน ทองประสม ที่ล่าสุดได้หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงไปลองใช้ชีวิตชิลๆ อยู่กับธรรมชาติที่ เชียงดาว จ.เชียงใหม่

โดยเจ้าตัวได้เผยภาพบรรยากาศสวยๆ เต็มไปด้วยความงามของธรรมชาติ พร้อมบอกเล่าประสบการณ์ครั้งนี้ว่า ‘เป็นทริปหน้าฝนที่ “ดิบ” และ “โหด” สุดในชีวิตแล้วค่ะ ‘

ทริปนี้จะดิบและโหดแค่ไหนเราลองไปชมภาพกันดีกว่าค่ะ

ส่องชีวิต คนรวยเธอคนนี้ ไม่ติดหรู กินข้าวฝีมือ แม่แบบบ้านๆ

อีกหนึ่งนักร้องสาวดังมากฝีมืออย่าง จ๊ะ-นงผณี มหาดไทย เราจะเห็นผลงานของเธอมากมาย ทัวร์คอนเสิร์ตแน่นทุกวัน และหากใครติดตามจะเห็นว่าสาวจ๊ะนั้นเป็นลูกที่กตัญญูมากๆ ดูแลคุณพ่อคุณแม่ดีมากๆทุกด้าน ล่าสุดสาวจ๊ะ โพสต์เฟสบุ๊กเผยภาพความสุข หอบเงินรางวัลหลังขึ้นคอนเสิร์ตไปให้คุณแม่ พร้อมทานอาหารบ้านๆชิวๆ ระบุข้อความบอกว่า “เมื่อคืนได้รางวัลแบบฉ่ำๆ กลับบ้านเอา รางวัลไปให้แม่ .. แม่ก็ทำกับข้าวไว้รอ น้ำพริกกะปิ หน่อไม้ต้ม ไข่ต้ม นี่แหละ ความสุข”ท่ามกลางชาวเน็ตชื่นชมจำนวนมาก

1049134

1049133

1049132

1049131

1049130

1049129

1049128

htyj

ลูกสาวตลกดัง เสียชีวิตกะทันหัน เพื่อน ๆ ร่วมแสดงความเสียใจ

ตลกชื่อดัง “ดู๋ ดอกกระโดน” สูญเสียลูกสาวกะทันหัน ด้วยวัย 41 ปี เพื่อนร่วมวงการตลกร่วมเดินทางมาแสดงความอาลัย ด้านแฟนคลับดู๋ ช่วยออกมาแจ้งข่าวการจัดงานฌาปนกิจ

พันธรัชต์ รจนรังษีธนานนธิกุล หรือที่รู้จักกันในนาม “ดู๋ ดอกกระโดน” นักแสดงตลกที่มีชื่อเสียง ที่เคยเป็นอดีตนายกสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย สูญเสียลูกสาวสุดที่รัก ป๊อปปี้ – พัชรภรณ์ รจนรังษี ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 41 ปี ท่ามกลางบรรยากาศสุดเศร้าของครอบครัว และตลกชื่อดังหลายคนที่ร่วมไว้อาลัยแด่ลูกสาวของดู๋

คืนวันที่ 14 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา ตี๋ นฤพนธ์ พานทอง ลูกชายของ “ชาย เมืองสิงห์” ศิลปินแห่งชาติ ได้ออกมาแจ้งข่าวสะเทือนใจผ่านเฟซบุ๊ก Tee Naruphon ระบุว่า “มาร่วมแสดงความเสียใจกับพี่ดู๋ ดอกกระโดนนะครับ สูญเสียลูกสาวคนที่สอง ด้วยโรค หัวใจล้มเหลว ขอให้ดวงวิญญาณน้องขึ้นสู่สุคติภพนะครับ” โดยได้โพสต์ภาพคู่กับดู๋และมีถั่วแรก เชิญยิ้มร่วมเฟรมในภาพนั้นด้วย

ภายหลังแฟนคลับของดู๋ได้ออกมาโพสต์รายละเอียดการจัดงานอาลัย “ป๊อปปี้” ผ่านเฟซบุ๊ก แฟนคลับ ตลกน่าดู ดู๋ ดอกกระโดน และชาวคณะ ซึ่งจะมีการสวดอภิธรรมในวันที่ 13 – 14 สิงหาคม และจัดประชุมเพลิงในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เวลา 17.00 น. ที่วัดลาดพร้าว ศาลา 1

“กำหนดการพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.พัชรพร (ป๊อปปี้) รจนรังษี บุตรสาวคนกลางของ “ดู๋ ดอกกระโดน • 11 สิงหาคม 2567 ประกอบพิธีรดน้ำศพและสวดอภิธรรมคืนแรก ตั้งแต่เวลา 16:00 น. เป็นต้นไป • 13-14 สิงหาคม 2567 เวลา 18:30 น. สวดอภิธรรม

หมายเหตุ : วันที่ 12 สิงหาคม 2567 หยุดสวด 1 คืน เนื่องจากเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ • 15 สิงหาคม 2567 เวลา 17:00 น. ประชุมเพลิง ณ ศาลา 1 วัดลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร *** เรียนเชิญเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ (คนกองถ่าย-ทำงานเบื้องหลังในวงการบันเทิง,ดารานักแสดง,แฟนคลับ ฯลฯ) ที่รู้จักมักคุ้นกับทางผู้วายชนม์และครอบครัวด้วยนะครับ ในนามตัวแทนของคณะเจ้าภาพ ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกท่านที่ส่งกันเข้ามา และขออภัยหากไม่ได้มาเรียนเชิญด้วยตัวเองนะครับ”

ขุดภาพจากไอจี ‘โยเกิร์ต’ หลังโต้ข่าว ‘พีเค’ บอกไม่เคยกินหมูกระทะ สุดพีคเป็นทริปที่ไปเที่ยวด้วยกัน?

กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโซเชียลขณะนี้ หลังจากที่พิธีกรคนดัง พีเค ปิยะวัฒน์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการหนึ่งว่า ตนเพิ่งเคยได้กินหมูกระทะ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยสัมผัส และไม่มีโอกาสได้ไป สมมุติไปกินข้าวข้างนอก ก็จะกินมิชลินร้านใหม่ๆ เชฟญี่ปุ่นคนนี้ แต่พอได้คบหากับแฟนสาว มีเรียน ก็มีโอกาสได้ไปกินหมูกระทะ จิ้มจุ่ม ซึ่งมันอร่อยมาก

งานนี้ทำเอาหลายคนมองว่าตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ที่พีเคได้ใช้ชีวิตร่วมกับอดีตภรรยา โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ แบบหรูหราติดแกลมมาโดยตลอดหรือไม่ แต่กระนั้น เมื่อวานนี้ (14 สิงหาคม) โยเกิร์ตก็ได้ตอบชัดเจนยืนยันว่า “หนูว่าหนูเคยกินนะ (หัวเราะ) ก็อร่อยดี”

อย่างไรก็ตาม งานนี้ชาวเน็ตก็พากันไปขุดภาพย้อนอดีตในอินสตาแกรมส่วนตัวของโยเกิร์ต ซึ่งเจ้าตัวเคยลงรูปกินหมูกระทะ ด้วยสีหน้ามีความสุข พร้อมกับถ่ายรูปโชว์ไปหนึ่งแมตช์ เป็นการการันตีคำพูดของโยเกิร์ต แถมภาพดังกล่าว พีเค ก็ได้มีการกดหัวใจให้ด้วย

ทั้งนี้ ด้านอินสตาแกรมของพีเคเองก็มีภาพที่พีเคและโยเกิร์ตถ่ายรูปคู่กันที่สระว่ายน้ำ เช็กอินในวันและสถานที่เดียวกันกับที่โยเกิร์ตกำลังกินหมูกระทะอยู่ ทำเอาหลายคนตั้งคำถามว่า สรุปแล้ววันนั้นพีเคได้กินหมูกระทะกับโยเกิร์ตหรือไม่?

ประชาชนชาวออสเตรเลีย ยังเคืองไม่หายล่าสุดรวมลงชื่อให้มีการลงโทษ “เรย์กัน” ราเชลล์ กัน นักกีฬาเบรกกิ้ง หรือ เบรกแดนซ์ ใน โอลิมปิก 2024 และ หัวหน้านักกีฬา ออสเตรเลีย ที่นำเอาภาษีของพวกเขาไปใช้แต่ดันสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศเรย์กัน คุณครูวัย 30 ปี ถูกล้อเลียนอย่างหนักกับการแสดงในการแข่งขันเบรกกิ้ง โอลิมปิก ที่แสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่ได้มีทักษะในการเต้น และตกรอบโดยได้คะแนนจากกรรมการ 0 คะแนน และทำให้ล่าสุด ชาวออสเตรเลียได้ล่ารายชื่อเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องลงโทษทางวินัยกับทั้งกันน์และแอนนา เมียร์ส หัวหน้านักกีฬาออสเตรเลียชุดปารีสเกมส์ ในฐานะที่นำภาษีของประชาชนไปใช้ในการส่งเธอลงแข่งขันทั้งที่ขาดคุณสมบัติ และได้นำความอับอายมาสู่ประเทศ อีกทั้งมีการตั้งคำถามว่า ทีมงานคัดตัวนักกีฬาใช้หลักเกณฑ์ใดจึงได้นักกีฬาที่ไร้ความสามารถไปแข่งขัน window.bsrvtag=window.bsrvtag || {cmd: []}; window.bsrvtag.cmd.push(function(adObj) { adObj.AdSlot(bsrv-5623); adObj.Meta(/bsrvptr502/bsrvplr623/bsrvadu5623/BSRV-AD-Khaosod.co.th-Direct-FOC-STDB-1×1-New); adObj.CacheBuster(%%CACHEBUSTER%%); adObj.UserConsent(0); adObj.Domain(Khaosod.co.th); adObj.ClickUrl(%%CLICK_URL_UNESC%%); adObj.ViewURL(%%VIEW_URL_UNESC%%); adObj.Execute(); }); นอกจากนี้ ชาวออสเตรเลียรายหนึ่งตั้งแคมเปญใน Change.org โดยระบุว่า นักกีฬาเบรกกิ้งของออสเตรเลีย ที่มีความสามารถอีกเป็นจำนวนมากกลับถูกมองข้าม และ เรียกร้องให้ทั้งกันน์และเมียร์สออกมาขอโทษ ซึ่งเวลานี้มีคนลงชื่อแล้วกว่า 50,000 ราย

ประชาชนชาวออสเตรเลีย ยังเคืองไม่หายล่าสุดรวมลงชื่อให้มีการลงโทษ “เรย์กัน” ราเชลล์ กัน นักกีฬาเบรกกิ้ง หรือ เบรกแดนซ์ ใน โอลิมปิก 2024 และ หัวหน้านักกีฬา ออสเตรเลีย ที่นำเอาภาษีของพวกเขาไปใช้แต่ดันสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศ

เรย์กัน คุณครูวัย 30 ปี ถูกล้อเลียนอย่างหนักกับการแสดงในการแข่งขันเบรกกิ้ง โอลิมปิก ที่แสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่ได้มีทักษะในการเต้น และตกรอบโดยได้คะแนนจากกรรมการ 0 คะแนน และทำให้ล่าสุด ชาวออสเตรเลียได้ล่ารายชื่อเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องลงโทษทางวินัยกับทั้งกันน์และแอนนา เมียร์ส หัวหน้านักกีฬาออสเตรเลียชุดปารีสเกมส์ ในฐานะที่นำภาษีของประชาชนไปใช้ในการส่งเธอลงแข่งขันทั้งที่ขาดคุณสมบัติ และได้นำความอับอายมาสู่ประเทศ อีกทั้งมีการตั้งคำถามว่า ทีมงานคัดตัวนักกีฬาใช้หลักเกณฑ์ใดจึงได้นักกีฬาที่ไร้ความสามารถไปแข่งขัน

นอกจากนี้ ชาวออสเตรเลียรายหนึ่งตั้งแคมเปญใน Change.org โดยระบุว่า นักกีฬาเบรกกิ้งของออสเตรเลีย ที่มีความสามารถอีกเป็นจำนวนมากกลับถูกมองข้าม และ เรียกร้องให้ทั้งกันน์และเมียร์สออกมาขอโทษ ซึ่งเวลานี้มีคนลงชื่อแล้วกว่า 50,000 ราย

 

แจ็คกี้ เปิดสถานะ หลังคุย ไฮโซหนุ่มนักธุรกิจ ที่ บี มาติกา แนะนำให้

เป็นสาวโสดที่ใคร ๆ ก็เชียร์อยากจะให้มีแฟนสักที สำหรับ แจ็คกี้ ชาเคอรีน หรือ แจ็คกี้ แม่น้องบอง โดยล่าสุด แจ็คกี้ ได้เปิดใจถึงเรื่องความรักกับหนุ่ม 5 คนที่เจ้าตัวมีข่าวว่า กำลังคบอยู่ถึงสถานะความสัมพันธ์ในรายการแฉเอาไว้ว่า

“หนูเป็นผู้หญิง 1 คนที่ข่าวกับผู้ชาย 5 คน คบ ๆ ไม่เห็นเลิกกับใครสักคนใน 5 คนนี้ (หัวเราะ) สรุปไม่มีจริง ๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่ อย่าง พี่สาระตั้ม แม่บี (บี มาติกา) เขาชงให้เราไปเจอ หลังจากนั้นก็ได้มีการแลกไลน์ แต่มันเหมือนคนไม่รู้จักกันเลยก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง

ก็เลยคุยกันว่า ถ้าอย่างนั้นขอเริ่มจากการทำความรู้จักกันก่อน เราก็เกรงใจพี่เขา เพราะเป็นข่าวกันบ่อยมาก ถ้าพี่เขาจะจีบใครก็คงจะแบบเข้าใจผิดไปหมดแล้ว ก็ออกมาเคลียร์ทีเดียว กับ พี่ตั้ม ไม่มีอะไรเลยทีเดียว ยังไม่เริ่มอะไรเลย ส่วนใหญ่คุยกันใน DM ในไลน์ไม่ได้คุยกัน ต่างคนต่างมาส่องสตอรี่กันเพื่อทำความรู้จักกัน ถ้าวันหนึ่งมันจะใช่มันก็ต้องใช่

อีก 4 คนไม่มีใครเป็นความจริง มีหนุ่มมาจีบนะ แต่อาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่หนูเคยมีแฟนมาก่อน คบยาวอยู่ค่ะ คนนั้นคบ 7 ปี ตอนนี้โสดมากำลังจะเข้าปีที่ 3 ส่วนกับ พี่เกรท เป็นพี่ชายที่น่ารักเหมือนเดิม ไม่ได้มีวี่แววตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ พี่เกรท ก็ยังเป็นรูปแบบของสเปกที่เราชื่นชอบ ชอบผู้ชายผิวแทน

ผู้ชายฝรั่งที่มาจีบในติ๊กต็อก จะพูดความจริงให้ฟังนะทุกคน เพราะคนหาว่าหนูสร้างเรื่อง ไม่รู้ว่าแปลกหรือเปล่า หนูบินไปต่างประเทศ จะไปเข้าห้องน้ำก็เลยชวนเพื่อนไป นั่งรอคิวแล้วเพื่อนได้เข้าก่อน แล้วมีผู้ชายฝรั่งมาทัก เขาก็ทักว่า ชอบใส่เครื่องประดับหรือเปล่า

ก็คิดว่าผู้ชายชวนคุย เลยบอกเขาว่า วันนี้ก็ใส่มา ผู้ชายเลยบอกว่า ขอยืมมาจิ้มซิมหน่อย แล้วมีคนหาว่าหนูพูดโกหก อันนี้เรื่องจริง ผู้ชายเป็นฝรั่งท่านหนึ่ง แล้วเข้าใจจังหวะโหยอาหารมั้ย อะไรก็เอามาก่อน (ยิ้ม) โหมดสวยหนูก็มี ก็มีคนมาจีบ ไม่ได้เบื่อที่คนมาถามเรื่องความรักนะ

แต่เกรงใจเขาที่มีคนมาถาม ผู้จัดการไม่ได้ห้าม แต่เขาอยากให้เรามีดี ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็ส่งให้เขาสแกนอยู่แล้ว ซึ่งเขาก็จะมาพร้อมข้อมูลที่ไม่น่าคบ แต่ก็อยากมีค่ะ” เอาเป็นว่า ขอให้ สาวแจ็คกี้ เจอคนที่ใช่ในเร็ววันก็แล้วกันนะ

ทิม พิธา เคลื่อนไหวทันที หลังเห็นโพสต์ล่าสุด น็อต วิศรุต

เป็นนักธุรกิจที่หล่อเกินต้านจริง ๆ สำหรับ น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์ สามีของ ชมพู่ อารยา เราจะเห็นความหล่อของ พ่อน็อต ผ่านอินสตาแกรมบ่อยครั้งทั้งของ แม่ชม และของพ่อเอง ซึ่งตอนนี้ พ่อน๊อต พร้อมครอบครัว ก็พากันไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกันที่ประเทศออสเตรเลีย

ล่าสุด พ่อน็อต โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว @nottvisrut เผยภาพเดี่ยวของตัวเอง หล่อเหลา ทำท่ามินิฮาร์ทน่ารัก ๆ ระบุแคปชั่นบอกว่า “So Melburnian”

ทำเอา ทิม พิธา ถึงกับต้องมาคอมเมนต์บอกว่า “@informale_ i bet, right bro?” ก่อนที่ พ่อน็อต บอกว่า “unfortunately not brother. But they ain’t bad actually”

ในขณะที่คนบันเทิงและแฟนคลับจำนวนมาก คอมเมนต์ชม พ่อน็อต จำนวนมากเลยทีเดียว

‘ทูน หิรัญทรัพย์’ อดีตพระเอกดังในวัย 69 ปี เป็นแบบนี้แล้ว

เชื่อว่าหลายๆ คงคุ้นหน้าคุ้นตากันดี สำหรับ “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตพระเอกขวัญใจหลายๆ ท่าน เริ่มมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่องแก้วตาพี่ หลังจากนั้นก็มีผลงานทางจอเงินออกมาหลายเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่มีผลงานกับนางเอกคู่ขวัญอย่าง “เปิ้ล จารุณี สุขสวัสดิ์” ต่อมาได้ผันตัวไปเล่นละครโทรทัศน์โดยรับบทพระเอก และโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาเป็นระยะเวลายาวนาน จนกระทั่งได้รับบทพ่อ ซึ่งล่าสุด พระเอกรุ่นใหญ่ในตำนาน “ทูน หิรัญทรัพย์” ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษของรายการ Club Friday Show พร้อมลูกสาวคนสวยที่ไม่ค่อยออกสื่อ แต่มาออกในรายการนี้เพราะเป็นที่เดียวที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยที่จะเล่า อุ่นใจที่จะบอก โดยเจ้าตัวเผยตัวเองและอดีตภรรยาต่างพยายามรักษาสถานะครอบครัวเพื่อลูกมาตลอดเกือบ 39 ปีอัปเดตดวงตาของพี่หน่อย ทีมงานบอกว่า ข้างซ้ายมองไม่เห็นเกือบ 100% ?

ทูน : “ใช่ครับ มันเริ่มจากข้างขวามันมืดไปแล้วนะครับ ซึ่งเหลือแต่ข้างซ้ายซึ่งมันข้ามมาได้ ข้างซ้ายมันก็รักษาไว้ แต่หมอบอกว่ามันเหลือแค่ประมาณ 30% เอง”

ตอนนี้ข้างไหนชัดกว่ากัน?

ทูน : “ข้างซ้ายครับที่เห็นได้ แต่ข้างนี้ไม่เห็นแล้ว”

มันมืดเลยเหรอพี่?

ทูน : “เวลาคุยกับใครก็อย่าหยิ่งครับ ต้องหัน”

เมื่อกี้เจอข้างล่างดูไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติเลย?

ทูน : “เวลามันผ่านไปนานแล้วเป็นปีละ เราก็ชินกับมัน แล้วการที่จะเห็นอะไรต่างๆ มันก็กลับมาปกติ แต่ว่าขับรถไม่ได้เท่านั้นเองที่ไม่ปกติ มันอันตรายคนอื่น ไม่ใช่อันตรายเรา”

หมอบอกว่ารักษาได้ไหม?

ทูน : “รักษาได้ครับ แต่ต้องรอให้สเต็มเซลล์มันเข้าสู่การพัฒนาที่ดีขึ้นกว่านี้ เพราะทุกวันนี้ถ้าตัดนิ้ว หูหาย เขาใช้สเต็มเซลล์ปลูกได้ แต่ว่าตามันละเอียดอ่อนเลยไม่ได้ครับ”

ถ้าจำไม่ผิดพี่เพิ่งไปผ่าตัดตามา?

ทูน : “ผ่าตานี่หมายถึงเราเปลี่ยนกระจกตาครับเมื่อปีที่แล้วนี่เอง”

แล้วมันดีขึ้นไหม?

ทูน : “ก็ดีขึ้น คือมันเสื่อมหมอเลยบอกว่าเปลี่ยนเถอะ อะไหล่ยังมีอยู่ก็เลยเปลี่ยนให้”

รักษาตัวนานไหม?

ทูน : “ไม่นานครับ ไปวันนี้พักคืนนึง ตอนเช้าทำเรื่องผ่าตัดอะไรเรียบร้อย ไม่ถึง 40 นาทีเราก็ออกมาแล้วครับ ที่ตกใจคืออายุขนาดนี้ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตแบบแอคทีฟไม่น่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบเป็น 3 เส้นด้วย หมอบอกเอา 2 เส้นก่อน ก็เลยไปทำบอลลูน พอมันตีบปั๊บมันเหมือนกับหลอดน้ำ เลือดไม่ไป มีอาการปวด นู่น นี่ ก็เลยไปหาหมอ หมอเขาฉีดสี ก็เลยรู้ว่ามันไปตันอยู่ตรงนั้น”

น้องน้ำตาลให้กำลังใจคุณพ่อยังไง?

น้ำตาล : “ถ้าคุณพ่อไปผ่าตัดเราก็ไปนอนเฝ้า พอพ่อกลับมาพักฟื้นเราก็ผลัดกันไปนอนเฝ้า แล้วก็ช่วยกันเตือนคุณพ่อทานยาแล้วก็หยอดตา”

ทูน : “เตือนแต่ไม่รู้จะฟังไหม”

ครั้งที่แล้วที่พี่มา พี่เล่าให้ฟังว่า เพราะปัญหาสุขภาพทำให้คิดฆ่าตัวตาย นั่นคือเรื่องผ่านมานานแล้วใช่ไหม?

ทูน : “ใช่ครับ”

น้ำตาลรู้เรื่องนี้ไหม?

น้ำตาล : “ไม่ทราบเลยจนกว่ามีออกข่าว แล้วหนูก็ทราบพร้อมๆ กับทุกคนเลย”

วันที่เราทราบข่าว เราตกใจไหม?

น้ำตาล : “ก็ตกใจ มีไปหาคุณพ่อ 2-3 วันหลังจากนั้น แล้วด้วยความที่เราไม่ค่อยพูดกับคุณพ่อตรงๆ อยู่แล้ว เราก็มีการแอบเขียนจดหมายให้ทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานคุณพ่อ”

ทูน : “ลูกเขาขี้อาย ต้องเขียนจดหมาย เขาบอกว่าเขาเป็นห่วง เขารัก แล้วถ้าวันนึงไม่มีเรา เขาไม่รู้จะรับสภาพตรงนั้นได้ไหม อารมณ์อาจจะเปลี่ยนไป เขาเป็นคนที่คนข้างละเอียดอ่อน พี่อ่านจดหมายแล้วรู้สึกว่าเขาต้องการเรา แล้วไม่ใช่ตัวเขาอย่างเดียว แต่ว่าพี่สาวอีก 2 คนด้วย คือเราไม่ใช่ทีภาระแต่เรามีความรักที่อธิบายไม่ได้”

ถือจดหมายในมือ ลืมไปเลยไหมเรื่องฆ่าตัวตาย?

ทูน : “มันลืมก่อนนั้น เพราะว่าคิดก่อนว่าเราอยากเห็นวันที่ลูกประสบความสำเร็จ รับปริญญาทั้ง 3 คน เราอยากจะอยู่ถึงวันนั้น แล้วก็ถ้าเป็นไปได้เราอยากจะอยู่ถึงวันที่เขาแต่งงาน เราส่งลูกคนโตไปแล้วก็เหลืออีก 2 คน ที่รอดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะว่าเรามีสติที่จะเตือนเราตลอดเวลาว่ายังมีคนที่รักเราอยู่ โดยเฉพาะเลือดเนื้อของเราเองก็คือลูกๆ นี่แหละ เราก็เลยต้องอยู่เป็นกำลังใจให้เขา”

ตอนที่เราเจอปัญหาหนักๆ ที่เราไม่อยากอยู่แล้ว เคยคิดไหมว่าจะไปปรึกษาลูก?

ทูน : “จริงๆ ไม่ค่อยให้คำปรึกษาลูกได้ ใครคำปรึกษาใครๆ ก็ได้ เพราะว่าเป็นนิสัยที่อยากให้อยู่แล้ว แต่เป็นคนที่ไม่ขออะไรจากใคร หรือไม่อยากได้อะไรจากใคร ไม่ใช่เป็นคนหยิ่งหรืออีโก้ แต่เป็นคนที่มีศักดิ์ศรี”

พี่แก้ปัญหาให้คนทั้งโลกได้ แต่ที่แก้ไม่ได้คือตัวเอง?

ทูน : “ถูกต้องครับ”

ทุกวันนี้เริ่มชินกับการใช้ชีวิตที่มันเกิดปัญหาต่างๆ มา แล้วเราก็ยังต่อสู้ สร้างกำลังใจ เพื่ออยู่กันอย่างมีความสุขต่อไป?

ทูน : “คือบิ๊วตัวเองทุกเช้า ตื่นมามันต้องทำอะไรที่เป็นประโยชน์ ที่มีคุณค่าให้กับผู้อื่น เราก็เลยคิดว่าเรามีความรักใหม่แล้ว เขาเรียกว่าสร้างค่านิยมใหม่ๆ ให้กับเยาวชน ก็เลยทุ่มเทเวลา 7-8 ปีนี้ให้กับการอบรมเยาวชน อันนั้นคือ 1 เรื่อง พอมันมาวิกฤตโควิด เราก็ไปนู่นเลย เพราะเป็นที่ปรึกษาให้กองทัพเรืออยู่แล้ว เราก็เลยไปช่วยเขาประชาสัมพันธ์เรื่องการดูแลตัวเองในช่วงโควิด”

ที่พี่ทำบอลลูน 3 เส้นที่หัวใจ คือเมื่อไหร่?

ทูน : “ประมาณ 2 ปีแล้วครับ”

ตอนที่เรารู้ว่ามันมีความผิดปกติของร่างกาย ตอนนั้นความรู้สึกเป็นยังไง?

ทูน : “มันอึดอัดไปหมด เหมือนคนมีอะไรมาทับที่หน้าอก แล้วมันก็หายใจไม่ออกแล้วจะเป็นลม ก็เลยรู้ว่ามันไม่น่าจะดี เผอิญลูกสาวน้ำหวาน มาพอดี เขาถามป๊าเป็นอะไร หน้าซีดแล้ว พาป๊าไปที่โรงพยาบาล พอไปที่โรงพยาบาล ขั้นตอนและกระบวนการของโรงพยาบาลคือ นอนก่อน เดี๋ยวดูอาการ แต่เราขอออกซิเจน หายใจไม่ออก แล้วก็ปวดหน้าอกมาก คือเราเรียกว่าหน้าอกนะ เพราะเราไม่รู้ว่าเป็นหัวใจ เราก็ขอออกซิเจน หมอบอกไม่ได้ เอาถุงมาให้แล้วให้เป่าผ่านในถุงกระดาษ เราก็โมโหหมอ บอกว่าผมจะตายอยู่แล้วให้ผมเป่าอยู่เนี่ย แต่มันเป็นธรรมชาติที่เวลาคนหายใจไม่ออก อย่าให้อ๊อกซิเจนเดี๋ยวมันจะเยอะเกินไป ก็เลยกลายเป็นว่าค่อยๆ หายใจ และค่อยๆ ลดอาการของความเครียดตรงนี้ หมอถามว่าเจ็บตรงไหน เขาก็เห็นว่าตรงนี้ผิดปกติก็เลยต้องเอ็กซ์สเรย์ไปฉีดสี ก็เลยรู้”

ทุกวันนี้ปัญหาเรื่องมองเห็นกับอาการป่วย มันมีผลต่อการทำงานไหม

ทูน : “มันเหมือนกับคนอกหัก ก็จะเศร้าแบบว่าชีวิตนี้ไม่เอาแล้ว แต่พอเราเจอรักใหม่คือแพชชั่น เรามีแรงบันดาลใจ คือการทำให้เรามีค่านิยมใหม่ๆ ขึ้นในสังคม”

พี่เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หย่ากับภรรยามา 20 ปี?

ทูน : “ครับ เกือบๆ”

แล้วคนที่พาพี่กับอดีตภรรยาไปหย่าคือลูกๆ?

ทูน : “ลูกๆ ครับ ประเด็นมันอยู่ที่ว่าพอลูกๆ เห็นเราทะเลาะกันบ่อยๆ เขาก็เลยบอกว่าถ้าไม่มีความสุขเราควรจะแยกกันอยู่ ถ้าเห็นหน้ากันทุกวันอาจจะมีเรื่อง มีราว เราก็ซอฟๆ ลงมา โอเคเราไปอยู่ที่ออฟฟิศ กลายเป็นว่าข้างล่างทำงาน ข้างบนเป็นที่พักอาศัย เราก็ได้อรรถรสของชีวิตอีกแบบ ก็คือว่ามีอิสระภาพมากขึ้นในการทำงาน แล้วเราเป็นคนที่ทุ่มเท”

อย่างนี้ลูกๆ อยู่กับคุณพ่อ คุณแม่วันไหนบ้าง?

น้ำตาล : “ตอนมัธยมน้ำตาลจะอยู่โรงเรียนประจำ เสาร์-อาทิตย์ บางทีจะสลับไปอยู่กับคุณพ่อบ้าง คุณแม่บ้าง”

ทูน : “ลูกๆ ก็หมุนเวียนกันมาอยู่ ลูกสาวคนโตมาอยู่อาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้าคนเล็ก บางทีก็มาพร้อมกัน 3 คน แล้วพ่อต้องนอนที่พื้น เตียงมันไม่พอ”

ทุกวันนี้เราเจอการหย่าร้างในครอบครัวเยอะมาก แล้วมันก็มีคำพูดว่าเด็กส่วนใหญ่จะมีปัญหาจากการที่พ่อแม่หย่ากัน แต่ครอบครัวนี้ดูเหมือนไม่มีปัญหา พี่จัดการกับเด็กยังไง?

ทูน : “เขาเรียกกระบวนการความคิด ถ้าสมมติมนุษย์ 2 คน ไม่สามารถที่จะร่วมชีวิตกันได้ อันแรกเลยต้องยอมรับก่อนว่ามันเป็นไปไม่ได้”

แต่การยอมรับเนี่ย บางทีมันทำให้เด็กที่ไม่เข้าใจปัญหาของผู้ใหญ่ จะยอมรับยังไง?

ทูน : “อันแรกคือบุคคลก่อน แล้วเมื่อมีการยอมรับและตกลงกันได้ เราถึงจะไปเอาผลที่เราสรุปเนี่ยมาบอกลูก ซึ่งบอกลูกก็เหมือนกันครับ กระบวนการมันมีอย่างนี้ 1.ความจริงมันมีอย่างนี้นะลูก ต้องยอมรับแล้ว มันไปไม่ได้ 2.เมื่อยอมรับเสร็จแล้วเนี่ย เราก็เลือกที่จะปฏิบัติได้ ก็คือตกลงมันเป็นอย่างนี้ นี่คือธรรมชาติ นี่คือชีวิต เราจะดำเนินยังไงต่อ เราก็จะเดินไปในฐานะลูก ในฐานะภรรยา ในฐานะสามี ในฐานะพี่น้อง มันก็ปรับตัว มันจะมี 2 อย่าง คือรับรู้แล้วยอมรับ แค่นั้นแหละครับ”

คนโตอายุเท่าไหร่แล้วพี่?

ทูน : “คนโต 37-38 ครับ คนโตคือน้ำฝน แต่งงานมีลูกแล้ว คนกลางก็อายุประมาณ 35-36 แล้วครับ แล้วน้ำตาลมาทีหลัง อายุ 26”

เห็นบอกว่าลูกสาวคนที่ห่วงที่สุดคือน้องน้ำตาล?

ทูน : “ครับ ที่เป็นห่วงเพราะว่าแต่ละยุค แต่ละสมัยนี่ เราเลี้ยงลูก น้ำฝนกับน้ำหวานในยุคนึง ซึ่งอายุเขาใกล้เคียงกัน มันเลี้ยงอีกแบบนึงได้ ประมาณว่าคุยเป็นเพื่อนกับลูกได้ แต่พอมายุคให้หลัง 10 กว่าปีเนี่ยก็ต้องเลี้ยงอีกแบบ เพราะว่าเด็กเจนนี้แบบ ข้าเก่ง ข้าเลิศ ข้าอยู่ได้คนเดียว เขามีความมั่นใจสูง”

น้ำตาล : “ก็ไม่ค่อยมั่นใจนะคะ แต่ก็พอไหวอยู่”

อันนี้เป็นห่วงหรือเป็นหวง?

ทูน : “ทั้งคู่ครับ”

น้ำตาล : “น่าจะหวงหนักกว่า”

ตอนมีน้ำตาลเรียกว่าลูกหลงก็ได้ พอคุณแม่ไปตรวจครรภ์ คุณหมอบอกว่าอาจจะมีความผิดปกติ คุณหมออยากให้เอาออก แต่คุณพ่อ คุณแม่ ไม่เอาออก เป็นลูกเขาแล้วยังไงเขาก็ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด น้ำตาลได้รู้เรื่องนี้ไหม?

น้ำตาล : “พอทราบมานิดหน่อย ก็ดีใจ อย่างน้อยคุณพ่อ คุณแม่ก็ให้โอกาสมาเกิด แต่ว่านี่ก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ก็เป็นคนติ๊งต๊องเฉยๆ ไม่มีอะไร”

หมอบอกว่ามีความเสี่ยงสูง ทำไมเราถึงเอาไว้?

ทูน : “ตอนแรกที่ฟังคุณหมอก็อยากจะลุกเลย คุณหมอพูดแบบนี้ได้ยังไง คือชีวิตนึงที่เกิดมาอาจจะเป็นวุ้นอยู่ แต่ว่าเขาอยากมาเกิดแล้วอยู่ในครอบครัวของเรา ทำไมเราไม่ให้โอกาสเขา แล้วเรายอมรับว่าคุณหมอพูดจริง แต่คุณหมอไม่น่าพูดตรงๆ อ้อมๆ บ้างก็ได้ ออกมาอาจจะพิการ อาจจะออทิสติก ผมบอกคุณหมอ ผมสรุปง่ายๆ เลย เขาอยากมาเกิด ผมอยากมีลูก ก็ขอให้เขามาแล้วกัน เขาจะมาในสภาพไหน ผมก็จะรับ”

น้ำตาลสวยๆ แบบนี้ไม่คิดอยากเข้าวงการเหมือนคุณพ่อบ้างเหรอ?

น้ำตาล : “เห็นคุณพ่อทำงานในวงการมาตั้งแต่เด็ก เราก็คอยไปเฝ้าเขาที่กองถ่าย ไม่ค่อยอยากเข้า เพราะเข้าใจว่า ก็เหนื่อย ต้องไปรอคิวจนถึงเช้า จะถ่ายเมื่อไหร่ก็ไม่แน่ใจ”

ที่ไม่อยากเข้า เพราะไม่อยากเป็นคนบ้างานเหมือนคุณพ่อหรือเปล่า?

น้ำตาล : “ด้วยค่ะ คือเข้าใจมากกว่าว่ามันเป็นงานที่ต้องเจอหลายๆ คาแรคเตอร์ ต้องดีลกับหลายๆ อย่าง ไม่ใช่งานที่ง่าย อย่างที่ใครๆ เขาเข้าใจกัน”

บ้างานขนาดวันเกิดลูกก็ไม่ไป คิดถ่ายละคร อันนี้จริงไหม?

ทูน : “อันที่ 1.มันเกิดทุกปีอยู่แล้ว ตอนเด็กๆ เราก็เป่าเค้กให้เขา มีวันพิเศษชวนเพื่อนๆ เขามาเล่นอะไรกันที่บ้าน โดยพื้นฐานตัวเองไม่ค่อยสนใจอะไร สนใจเรื่องเดียว วันนี้จะคิดงาน วันนี้จะวางแผน วันนี้จะออกไปพบปะ ไปอบรมเยาวชน ก็เลยมองว่าเรื่องอย่างนี้ไม่สำคัญ”

เห็นว่ารับปริญญาก็ไม่ไป?

ทูน : “ที่ไม่ไปสำหรับน้ำตาล เขาอยู่ถึงออสเตรเลีย”

น้ำตาล : “ที่ออสเตรเลียหนูไม่ได้มายด์อยู่แล้ว เข้าใจว่ากว่าจะเคลียร์งานเสร็จ กว่าจะไป แต่ว่าหนูรับ 2 ใบนะป๊า”

ทูน : “รู้ลูก เพราะป๊าจ่ายเงินอยู่”

น้ำตาล : “หนูรับที่ไทยด้วย คุณพ่อก็ไม่ได้มา แต่ก็เข้าใจงานที่จุฬาฯ คนเยอะ คุณพ่อมาเดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็อะไร ก็เข้าใจ ไม่ได้น้อยใจ”

ลูก 8-9 ขวบให้เริ่มดื่มเบียร์แล้วเหรอ?

ทูน : “โลกใบนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง เขาจะเจออะไรบ้าง แต่เราก็บอกว่าเห้ย ถ้าเราให้เขาเริ่มต้นจากการมีประสบการณ์ เขาก็จะตัดสินใจเองได้ จะบอกลูกตลอดเวลาว่ามันมีทางเลือกตลอด 8-9 ขวบ อยากดื่มเบียร์ไหมลูก อยากลองๆ เห็นลุงเขาดื่ม เพราะเราเป็นคนไม่ดื่มไง เราก็เลยเอาเบียร์ให้ แต่เป็นเบียร์ดำ มันก็จะขมมาก ก็ให้เขาดื่ม แล้วถามว่าดื่มอีกไหม เขาบอกว่าไม่เอาแล้ว เหม็นๆ โอเคว่าไป”

พี่รักลูกทั้ง 3 คน แต่พี่ดูปล่อยอีก 2 คนมากกว่าปล่อยน้ำตาล?

ทูน : “ประมาณเท่าๆ กันนะครับ แต่วิธีการอบรม วิธีการสอนเขาคือภาคปฏิบัติมากกว่าให้เขามีประสบการณ์และให้เขาตัดสินใจเองว่าเขาทำยังไง”

พ่อเข้มงวดกับเราไหม?

น้ำตาล : “มากที่สุดเลยค่ะ จริงๆ คุณพ่อน่าจะเข้มงวดกับพี่คนโตด้วยนะ พี่คนโตจะมองว่าคุณพ่อปล่อยหนูมากสุด แต่จริงๆ ไม่ค่อย”

สมัยก่อนกลับบ้านกี่โมง?

น้ำตาล : “สมัยก่อนไม่ได้ไปไหนเลย บ้านเพื่อนไปได้ แต่ต้องกลับเร็ว แล้วก็นอนไม่ได้”

จริงหรือไหมที่หวงไม่อยากให้เขาไปไหน ไม่อยากให้เขาเจอผู้คนเลย?

ทูน : “ถ้าเป็นเด็กผู้ชายมันจะซนยังไงเราก็ต้องปล่อย เพราะอยากให้เขามีประสบการณ์ต้องสู้ชีวิต ต้องอยู่ในสังคมได้ แต่ลูกผู้หญิง มันค่อยๆบ่ม ค่อยๆ อบรม ค่อยๆ สอน”

พี่กลัวอะไร?

ทูน : “คือเราคิดว่าเขายังไม่พร้อมมากกว่า”

จริงไหม พ่อห้ามเรามีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ?

น้ำตาล : “ไม่จริงค่ะ เพราะคุณพ่อบอกว่าห้ามมีแฟนเลย”

แต่เขาแอบมีแฟน แล้วพ่อก็รู้ด้วย แต่ไม่เคยบอกลูกว่ารู้?

ทูน : “รู้ทุกอย่าง วันที่ส่งตัวที่จุฬาฯ ถึงไปแนะนำ ก็เจอครู เจออะไรต่างๆ แจกนามบัตรผมนะครับ มีอะไรโทรหาผมนะครับ แล้วผมขอเบอร์โทรศัพท์ด้วยนะครับ เผื่อมีอะไร ผมชอบอบรม อ้างไปก่อน แต่จริงๆ โทรไปถาม น้ำตาลเป็นยังไงบ้าง ตั้งใจเรียนไหมครับ โดดเรียนบ้างไหม”

อันนี้น้ำตาลไม่เคยรู้?

น้ำตาล : “ไม่ทราบเลย”

ไม่รู้เหรอ ตอนปี2 อาจารย์ทุกคนในนั้นคือสายลับของพ่อหมด?

น้ำตาล : “น่ากลัวมาก ไม่เคยทราบเลย ถามว่ารู้สึกยังไง ก็คุณพ่อสนใจและใส่ใจหนูดี แต่ถ้าตอนนั้นรู้เราคงระวังตัวขึ้นนิดนึง”

แล้วเขาทำตามสัญญาไหม เขาเรียนจบก่อนไหมถึงมีแฟน?

น้ำตาล : “มีระหว่างเรียนค่ะ คบกันตอนนี้ประมาณ 6 ปี”

คบกัน 4-5 ปีถึงพามารู้จักกับพ่อ วันนี้ยอมรับน้องก้องหรือยัง?

ทูน : “1.เราดูผู้ชาย เราต้องดูว่าเป็นผู้นำให้ลูกเราได้ไหม 2.มีไหวพริบยังไง แก้ไขปัญหาอะไรได้ไหม 3.เป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติลูกเราหรือเปล่า”

กว่าจะรู้คำตอบพวกนี้พี่ต้องสร้างสถานการณ์ ตอนนั้นพี่ทำอะไร?

ทูน : “จัดงานวันเกิดของเราแล้วของลูกด้วย มันก็มีเพื่อนๆ ด้วย ตัวผู้ชายจะยืนห่างๆ เดินรอบๆ สังเกตสิ่งแวดล้อม แล้วก็เจาะแจะกับเพื่อนเขา เพราะตอนเด็กเพื่อนๆ เขาก็มานอนที่บ้านเหมือนกัน เราก็มองๆ พอลูกเห็นป๊าเริ่มคอยาวแล้ว เขาก็ไปตามมาแล้วแนะนำให้รู้จักกัน”

น้ำตาล : “เพื่อนชื่อ ก้อง ค่ะ”

ตอนนั้นเรารู้ไหมว่าเขาเป็นมากกว่าเพื่อน?

ทูน : “แหม่…สัญชาตญาณ รู้ว่าเขาชอบลูกเราแค่นั้น”

เราทราบไหมว่าคุณพ่อจัดงานเพื่อมาดูก้อง?

น้ำตาล : “ไม่ทราบเลย คิดว่าคุณพ่อน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามีแฟน เขาชวนมาคงจะแบบโอเพ่นแล้วนิดนึง ก็เลยชวนมา แต่ว่าพอมาถึงก็เขินๆ กันนิดนึง ก็จะเป็นบรรยากาศที่แบบคนนึงอยู่อีกมุมนึง คนนึงอยู่อีกมุมนึง หลังจากวันนั้นก็ค่อยๆ ดีขึ้นมาเรื่อยๆ”

เหมือนที่เขาพูดกันว่าผู้ชายเจ้าชู้มักจะหวงลูก เพราะกลัวกรรมตามสนอง?

ทูน : “มันคือข่าวลือ เป็นคนที่เหมือนจะเจ้าชู้แต่เป็นคนที่อัธยาศัยดี มนุษย์สัมพันดี เราเป็นมิตรกับทุกคน เจ้าชู้ไม่ได้อยู่ในสารระบบเรา มันเป็นการที่เราเป็นคนเฟรนด์ลี่”

พี่กำลังคบหาดูใจกับผู้หญิงอยู่ จริงไม่จริง?

ทูน : “จริง”

สาวสวยคนนี้อายุน้อยกว่าพี่ 20 ปีเหรอ?

ทูน : “จริง”

สาวสวยคนนี้อยู่ในวงการบันเทิงด้วย?

ทูน : “ครับ ทั้งในและนอกวงการ”

คนที่คุยอักษรย่อคือตัว k ใช่หรือไม่?

ทูน : “ใช่ครับ ตัว k เป็นชื่อเล่น ถามว่าอยู่ช่องไหน เขาอิสระครับ เป็นฟรีแลนซ์ จะบอกว่าไม่ใช่คนสวยอะไรมาก สวยที่ใจ”

เขาน่ารักยังไง?

ทูน : “เป็นคนที่คุยสนุก เพราะเราเป็นคนที่ทำงาน บางทีก็เครียด เขาก็พยายามคุยกับเราให้ผ่อนคลาย”

พี่เจอเขาที่ไหน?

ทูน : “ในกองถ่าย”

น้ำตาลรู้เรื่องนี้ไหม?

น้ำตาล : “รู้หมดเลยค่ะ”

ทูน : “รู้ได้ยังไง”

น้ำตาล : “หนูก็มีสายสืบของหนู”

แล้วหนูรู้สึกยังไง ป๊าเขามีคนคุยแล้วเขาเบิกบานใจแบบนี้?

น้ำตาล : “เขามีความสุขก็ดี ถ้าไม่ใช่คนที่มีภัยร้ายอะไรก็โอเค”

เรามีโอกาสได้เจอยัง?

น้ำตาล : ยังเลยค่ะ

คนนี้คุยนานหรือยัง?

ทูน : “ประมาณ 4 ปีแล้วครับ แต่ลูกไม่เคยเจอเลย เป็นห่วงความรู้สึกของลูกเขาด้วย เขาอาจจะคิดว่ามีแล้วเดี๋ยวมาแย่งความรักของเขาไปหรือเปล่า”

น้ำตาล : “จริงๆ ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่เคยมีอยู่ครั้งนึง คุณพ่อเคยพาคนคุยมาแนะนำ ต้องบอกว่าตอนนั้นน้อยใจ ไม่คุยกับคุณพ่อไปสักพัก แล้วร้องไห้อะไรประมาณนี้ คุณพ่ออาจจะมองว่าประสบการณ์ครั้งนั้นอาจจะไม่ค่อยดี ก็เลยอาจจะไม่กล้าพามา”

อย่างคนนี้น้ำตาลอยากเจอไหม?

น้ำตาล : “อยากเจอ เจอก็ได้ค่ะ”

คนนี้น้ำตาลไฟเขียวไหม?

น้ำตาล : “อย่างที่บอกขึ้นอยู่กับคุณพ่อมากกว่า ว่าเขามีความสุขไหม คบกันแล้วชีวิตดีขึ้นก็เต็มที้ได้เลย”

ถ้าเขาจะมีครอบครัวใหม่กับคนนี้โอเคไหม?

น้ำตาล : “คิดว่าโอเคค่ะ อยากให้เขามีความสุขที่สุด”

อยากบอกอะไรกับสาว k ?

ทูน : “เราคบกันมานาน เราก็คิดว่าเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน เป็นคนรู้จักกันมาเป็นเพื่อนที่รู้ใจกัน ดูแลซึ่งกันและกัน ผมก็คิดว่าคงไม่ช้า ไม่นานคงจะปิดไม่มิด ยังไงก็ขึ้นอยู่กับน้องเขานะครับว่าจะพร้อมเมื่อไหร่”

241678015-391110486003699-5049117945274360273-n

241705621-391110149337066-7699670641207190659-n

241707533-391110416003706-2351378164857619583-n

241737477-391110392670375-4511120374416359949-n

241752604-391110559337025-8159864003816051769-n

241765442-391110502670364-360493334379227201-n

241767335-391110459337035-5400479896274412029-n

241779881-391110366003711-5258035476243028830-n

241783408-391110212670393-8575917675882644321-n

241801682-391110196003728-7006080359908922921-n

1863948

1863949

1863949-1

1863950

1863951

1863952

1863953

1863954

“ข้าวทิพย์ ธิดาดิน”กลับบ้านทั้งที โชว์ไลฟ์สไตล์ ชีวิตติดดินช่วยแม่ทำสวนเลี้ยงวัว!

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่มีความสามารถหลากหลายอย่างมาก สำหรับ “ข้าวทิพย์ ธิดาดิน” นักร้องและนักแสดงชื่อดัง ที่ล่าสุดนั้น นานๆ เธอจะได้กลับบ้านจังหวัดอำนาจเจริญทั้งที ก็ใช้ชีวิตสไตล์ของข้าวทิพย์ไปเลย

ซึ่งเธอได้ออกมาโพสต์ทั้งภาพและคลิปให้แฟนๆ ได้ชมการใช้ชีวิตติดดินของเธอผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยเธอได้มีการเลี้ยงวัว เก็บผัก ทำสวน และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมระบุแคปชั่นว่า “เกี่ยวหญ้าให้ งัว ส่อยแม่ เด้อจ้า”

หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปแล้วนั้น ทำเอาหลายคนกระหน่ำกดไลก์ ส่งสติกเกอร์หัวใจให้ข้าวทิพย์ อีกทั้งยังคอมเมนต์กันเข้ามาอย่างถล่มทลาย อาทิ กลับมาสู่ความจริงที่สดใส, น่ารักสดใสตามธรรมชาติค่ะลูก, ขยันแท้น้อ สาว ฯลฯ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก kaothip.tidadin

Popular Posts

My Favorites

แพท ณปภา ใจอ่อนพร้อมตั้งท้องลูกคนที่ 2 เป็นของขวัญ พี ชานนท์

0
แพท ณปภา ยอมใจอ่อนพร้อมตั้งท้องลูกคนที่ 2 เป็นของขวัญให้ พี ชานนท์ – น้องเรซซิ่ง รับถูกบิลด์มาเป็นปี แย้มแพลนไว้เป็นมีหน้า ดูฤกษ์ไว้แล้ว รักหวานชื่นเลยทีเดียว สำหรับคู่ของ แพท ณปภา กับแฟนหนุ่ม พี ชานนท์ หลังฝ่ายชายคุกเข่าขอแต่งงานเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็ทำเอาแฟน ๆ ลุ้นให้ทั้งคู่มีข่าวดีเรื่องทายาทกันเป็นแถว ขนาดลูกชายของสาวแพทอย่าง น้องเรซซิ่ง...