Home Blog Page 219

หนุ่มใหญ่เหวี่ยงแห ได้ปลาหมอคางดำ ใส่ลังโฟมน็อคน้ำแข็ง ผ่านไป 5 ชม. เปิดดูถึงกับต้องแปลกใจ

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.สุรพล สินเกตุ นักล่าปลาหมอคางดำที่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจ ออกจากบ้านช่วงตั้งแต่เวลาตี 5 ของเช้ามืดที่ผ่านมา เพื่อออกล่าปลาหมอคางดำ ไปทำเมนูอาหาร และแจกจ่ายให้กับเพื่อนฝูงที่รู้จักทุกวัน วันนี้ไปกันที่บริเวณคลองชลประทานพงสวาย – บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังจากที่ปลาหมอคางดำได้หนีน้ำเสียมาจากตำบลสามเรือน ตำบลพิกุลทอง เข้ามาอาศัยอยู่บริเวณคลองบางกระดี่ และคลองพงสวาย – บางป่า ซึ่งเป็นคลองที่เชื่อมต่อกัน มาปะปนอาศัยอยู่กับปลาชนิดอื่น ๆ จำนวนมาก

ดร. สุรพล เผยว่า ตอนเช้ามืดจะเห็นปลาหมอคางดำ ตัวเล็ก ตัวน้อย ตัวใหญ่ ขึ้นลอยหัวอยู่เหนือน้ำ พูดได้ว่ามีตลอดทั้งสายน้ำ เห็นแต่ปลาหมอคางดำขึ้นลอยหัว ปะปนกับปลาอื่น ๆ โดยตนได้ใช้แหเหวี่ยงแต่ด้วยพื้นที่บริเวณริมคลองเป็นป่าขึ้นรก ยากต่อการเหวี่ยงแห แต่ก็พยายามเหวี่ยงขึ้นมาได้ พบว่าได้มี ปลาหมอคางดำ ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาสร้อย และปลาแขยง ติดขึ้นมา

จากนั้นก็จะเอามาใส่ในลังโฟม ที่บรรทุกอยู่ท้ายรถจักรยานยนต์ เพื่อแช่น้ำแข็งไว้ไม่ให้ปลาเน่าเสีย แล้วก็จะย้ายที่เหวี่ยงแหไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปเกือบ 5 ชั่วโมง เมื่อเปิดลังดูพบว่าปลาที่ใส่ในลังโฟมนั้นชนิดอื่น ๆ โดนแช่แข็งตายหมด แต่เป็นที่แปลกใจมาก ปรากฏว่าปลาหมอคางดำ ที่ใส่ปะปนกันมาในลังโฟมกลับไม่ตาย พอเอากลับมาถึงบ้านปลาหมอคางดำยังหายใจพะงาบ ๆ แค่สลบในน้ำแข็ง พอเอาไปใส่ในน้ำกลับฟื้นขึ้นมาได้อีก

พบแล้วร่างไร้วิญญาณ ป้าวัย 57 ออกหาเห็ดหายในป่าบนเขานาน กว่า 5 วัน

วันที่ 3 ส.ค 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ ญาติชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ได้ระดมปูพรม ค้นหานางสุภาพ จิตรธรรมรัตน์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ม.12 ต.ฝายกวาง เข้าไปหาเห็ดในเขตป่าท้องที่บ้านบัวนาคพัฒนา ม.12 ต.ฝายกวาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา แล้วพลัดหลงหายไป กว่า 5 วันซึ่งในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบร่างไร้วิญญาณ ห่างจากจุดที่หาย กว่า 5 กิโลเมตร โดยวันนี้มีชาวบ้าน ที่ออกหาเห็ด พบศพ นอนหงายพับขาในป่าบนเขา ม่อนสา ก่อนและแจ้งเจ้าหน้าที่ญาติตามไปและได้นิมนต์พระสงฆ์ เดินเข้าป่าขึ้นบนเขา ทำพิธีก่อนอัญเชิญดวงวิญญาณ นำร่าง ไร้วิญญาณ เดินออกจากป่าด้วยความทุลักทุเล เพื่อนำศพมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านต่อไป

หลังจากที่ มีการพบศพช่วงสาย วันนี้ทางพระสงฆ์ได้ ทำพิธีสวดถอน บริเวณ ที่เสียชีวิต หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจ จุดอำเภอเชียงคำ และเจ้าหน้าที่ หน่วยงาน ตำรวจ ทหาร ตชด. อส.ป่าไม้ กำนัน ผญบ. และชาวบ้าน กว่าร้อยนาย ได้ช่วยกันเอาวัสดุอุปกรณ์ ผ้าขาว ห่อ ศพผู้เสียชีวิต ใส่ถุงพาสติกสีฟ้า และ ใช้เชือก ผูกมัดกับไม้ ช่วยกันหามเดินออกจากป่าบนเขาผ่านเขาหลายลูก ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง เพื่อนำศพ ออกจากป่ามาถึงบ้านค่ำมืดและให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจและแพทย์นิติเวชทำการชันสูตรศพ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และมอบ ศพให้ญาตนำไปทำพิธีทางศาสนา ต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.พะเยา รายงาน

เฉลยแล้ว ทำไมโต๊ะจีนต้องเสิร์ฟข้าวผัดเป็นลำดับสุดท้าย ทั้งที่แขกอิ่มจากอย่างอื่นหมดแล้ว ไม่เสิร์ฟแรก ๆ

เชื่อว่าเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลายคนอย่างแน่นอน เมื่อเวลาไปงานเลี้ยงที่เป็นแบบโต๊ะจีน เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไม เมนูข้าวผัด ถึงมาเสิร์ฟเป็นอาหารอย่างสุดท้าย แถมมาในตอนที่แขกก็กินจนอิ่มแล้ว แทนที่จะเสิร์ฟในตอนแรก ๆ เลย เพราะจะได้ทานข้าวพร้อมกับอย่างอื่นด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหานี้ได้ถูกไขข้อสงสัยแล้ว หลังเฟซบุ๊ก Hongmincatering – โต๊ะจีน จัดเลี้ยงฮองมิน เจ้าของธุรกิจโต๊ะจีน ได้มีการโพสต์อธิบายถึงเหตุผลที่ต้องเอาข้าวผัดมาไว้หลังสุดว่า มีหลายคนถามมาบ่อยมากว่า ทำไมเสิร์ฟอาหารประเภทเนื้อก่อน แล้วปิดท้ายด้วยข้าว มันเกิดปัญหาทำให้กินข้าวไม่ได้ เพราะอิ่มจากเมนูก่อนหน้าไปแล้ว ซึ่งความจริงแล้วโต๊ะจีนนั้นมีลำดับการเสิร์ฟอาหารที่มีการคิดมาแล้วเป็นอย่างดี

ลำดับการเสิร์ฟอาหารของโต๊ะจีน จะอ้างอิงมาจากการรับประทานอาหารของชาวจีนที่นิยมรับประทานอาหารตามลำดับ ดังนี้

– กับแกล้มหรือออร์เดิร์ฟกินเล่นรอจานหลัก อาจจะเป็นจานเย็นหรือร้อนก็ได้

– ซุปน้ำข้น มีเนื้อสัตว์ ซึ่งถือว่าเป็นอาหารจานพิเศษ เช่น หูฉลาม เป๋าฮื้อ

– อาหารต่าง ๆ ที่มีรสอาหารหลากหลาย ซึ่งการเรียงลำดับอาหารที่ดี จะทำให้ผู้รับประทานไม่รู้สึกเลี่ยน จานหลักอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หมู ไก่ เป็ด

– จานหลักอาหารประเภทปลา ที่ชาวจีนนิยมนำมากินในโต๊ะจีน เพราะปลาในภาษาจีนจะพ้องกับคำว่า หยู ที่แปลว่า ล้นเหลือ

– อาหารประเภทซุป ส่วนใหญ่จะวางหลังอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เพื่อจะได้คล่องคอ

– ข้าว เสิร์ฟมาที่หลัง เนื่องจากคนจีนถนัดกินกับข้าวกับสุรามากกว่า ข้าวจึงมักจะสั่งมากินตอนท้าย แบบว่ากินข้าวก่อนจะกลับบ้าน

– ของหวานหรือผลไม้นั้น ถูกเพิ่มในโต๊ะจีน เพื่อให้ครบทั้งของคาวของหวาน

ทั้งนี้ หากเจ้าภาพนำอาหารที่แปลกและดีอย่างหูฉลาม เป๋าฮื้อ ปลิงทะเล หมูหัน เป็ดปักกิ่ง รังนกฯ เป็นของมีราคาแพงมาเสิร์ฟด้วย ยิ่งเป็นการให้เกียรติแขกรับเชิญ

“โจอี้ บอย” ควงเจ้าสาว “เตย เมษินี” ฉลองวิวาห์หวาน ประกาศพร้อมมีลูกทันที

ขอแสดงความยินดีกับแร็ปเปอร์รุ่นใหญ่ โจอี้ บอย ที่ได้ควงแขนแฟนสาว น้องเตย เมษินี เข้าสู่ประตู่วิวาห์ สละโสดอย่างเป็นเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ในบรรยากาศสุดอบอุ่น ที่อบอวลไปด้วยความรัก

ล่าสุดในวันที่ (3 สิงหาคม 2567) โจอี้ บอย และเจ้าสาว น้องเตย เมษินี ได้จัดงานฉลองมงคลสมรส ท่ามกลางบรรยากาศสุดชื่นมื่น โดยมีพี่น้องเพื่อนสนิทในวงการมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม

โจอี้ บอย

ซึ่ง โจอี้ บอย ได้เล่าถึงโมเมนต์วันที่ตัดสินแต่งแฟนสาวว่า “หลังจากคบหากันนานนาน เราก็คิดว่าตัดสินใจดีแล้ว เลยจูงมือเตยไปบอกพ่อแม่เลยว่าจะแต่งงาน ซึ่งเรทได้จูงมือไปบอกพ่อแม่พี่โจ้ก่อน แลพค่อยจูงมือเตยไปบอกพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาว“

หลายคนเซอร์ไพรส์มาตั้งแต่ปล่อยภาพพรีเวดดิ้ง พี่โจ้จะแต่งงานแล้ว?โจอี้ บอย : “คบกันมาได้ซักพักแล้วก็รู้สึกว่ามันถึงเวลา แต่งงานกันดีกว่า เรารู้สึกว่าอยากแต่งงานด้วย เป็นแพลนที่เรามองกันมานานแล้ว ไม่ได้ปุ๊บปั๊บ แต่อยู่ๆที่ปุ๊บปั๊บเพราะซินแสตระกูลผมกำหนดมาว่าต้องวันนี้เท่านั้น วันที่ 26 ก.ค. เราแต่งกับครอบครัวไปแล้ว เป็นวันที่ซินแสกำหนด เขาไม่ดูคิวงานเราเลย วันที่ 27 มีงานที่เชียงใหม่ แต่งงานเสร็จก็ตีรถไปเล่นคอนเสิร์ตเลย วันนั้นก็จะเป็นงานสำหรับครอบครัว มีแต่คนในครอบครัวของเจ้าบ่าว เจ้าสาวกับเพื่อนอีกนิดหน่อย วันนี้จะเป็นวันฉลองสำหรับเพื่อนๆ และทุกคนที่เรารัก ทุกคนที่เราอยากเห็นเขาในงานสำคัญของเรา เราเชิญมาจอยกันวันนี้”

ซินแสว่าไงบ้างถึงต้องวันนี้เท่านั้น?โจอี้ บอย : “เป็นซินแสประจำตระกูล พ่อแม่เราจะเชื่อมากๆ ก็ให้เขาสบายใจ”

รู้สึกอย่างไรบ้างได้เป็นเจ้าสาวของพี่โจ้?เตย : “ดีใจ เราคบกันมาสักพักแล้ว ผ่านอะไรหลายๆอย่างมาด้วยกัน จนเรารู้สึกว่าเราเข้ากันได้

โมเมนต์ขอแต่งงาน?โจอี้ บอย : ”คุกเข่าขอแต่งงานไม่มี แต่เราจูงมือกันไปบอกพ่อแม่เลย ก็บอกบ้านผมก่อน แล้วค่อยบอกบ้านเขา แล้วค่อยพาพ่อแม่ผมไปขอพ่อแม่เตย เป็นอะไรที่ปกติธรรมดา เรียบง่ายมาก“เตย : ”ก็เซอร์ไพรส์นะคะเพราะวันที่พี่โจ้มาคุยเรื่องแต่งงาน ตัวเราเองไม่เคยคิดว่าจะคุยเรื่องนี้กัน ซึ่งจริงๆมันเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันอยู่แล้ว“โจอี้ บอย : “ผู้ใหญ่ก็จะกดดันตลอด เมื่อไหร่ๆ เราก็ยัง จนมาถึงวันที่เรารู้สึกว่าได้เวลาแล้วแหละ เรารู้สึกว่าเราอยากจะแต่งงานกัน“

ตั้งแต่คบกันมา 4 ปี เจ้าบ่าวเราเป็นอย่างไรบ้าง?เตย : ”พี่โจ้เป็นคนน่ารัก เสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่วันแรกที่เขามาจีบเรา ความเป็นสุภาพบุรุษ การดูแลเอาใจใส่เรา เขาทำมาได้ดีตลอด เขาเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆตลอดเวลา เตยชอบในความใจดีของเขาที่เขามีต่อคนรอบตัวเรา ไม่ใช่เขามีให้เราแค่คนเดียว“

โจอี้ บอย

เจ้าสาวน่ารักยังไงถึงทำให้เรายอมทิ้งความตั้งใจโสดตลอดชีวิตมาแต่งงานด้วย?โจอี้ บอย : ”นอกจากรูปร่างหน้าตาที่ถูกสเป็กเราแล้ว มีหลายๆอย่างที่ผมชอบเขามากๆคือเขาเป็นคนใจดี สำคัญที่สุดเลยคือถ้าผู้หญิงใจดี ผู้ชายจะใจอ่อน เขาเข้าใจเรา เขาเป็นผู้หญิงที่สมาร์ท เขาฉลาด เขารู้จักการดีลกับชีวิตเรา เขาไม่เคยห้ามเราทำอะไรเลย แต่เขามีวิธีการพูด หรืออะไรหลายๆอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าคนนี้แหละ มันเหมือนเราบอกตัวเองมาเรื่อยๆ จริงๆเรามีความรักที่ผ่านมาก็มากมาย พอได้มาเจอคนทึ่น่ารักขนาดนี้ ในวัยนี้ เรารู้สึกว่าเราปล่อยเขาไปไม่ได้แล้ว ต้องพร้อมลุยแล้วครับ“

เพื่อนๆว้าวแค่ไหนที่ได้ยินว่าเราจะสละโสด?โจอี้ บอย : ”เพื่อนหลายๆคนก็ผิดหวัง มึงจะทิ้งกูไปแล้วเหรอ (หัวเราะ) ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง บอกมึงจะไปแล้วเหรอ เฮ้ย…ผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกเราจะไปแล้ว เราจะมีกลุ่มชายโสดอยู่ ก็จะคุยกันว่าเราจะอยู่เป็นเพื่อนๆกันนะ จับมือกันไว้นะพวกเรา จับมือกันไว้ให้แน่นๆนะตอนนี้ พอเราไปแล้วก็บอกทุกคน โชคดีนะ ขอไปก่อน เราคิดว่าลึกๆคนที่เป็นหนุ่มโสดมันก็จะมีความกลัวการผูกมัด แต่วันนึงที่เราได้เจอเขาจริงๆขี้นมา เราจะไม่รู้สึกอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นความรู้สึกที่เราอยากจะอยู่กับเขาตลอด แล้วมองเห็นภาพที่เราอยากจะอยู่กับเขาไปนานๆ จนมาถึงวันนี้แล้วมันมั่นใจแน่นอน ไม่ต้องสืบเลย“

โจอี้ บอย : ”ทายาทมีแน่ๆครับ จะพยายาม(หัวเราะ) เราคิดนะเพราะเราอายุขนาดนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมียากแค่ไหน แล้วก็คิดว่าลูกโตแล้วเราจะทันเล่นกับเขาไหม เราก็พยายามจะทำสุขภาพให้แข็งแรงที่สุดเพื่อที่จะได้อยู่เล่นกับเขาให้ได้ ยังไงผมต้องพาลูกเล่นสารพัดกีฬาให้ได้ มันคือความฝันอีกฝันของผม ก็คงจะต้องมีเร็วๆนี้แล้ว เราคุยกันว่าถ้ามีก็คงจะมี 2 คน เพราะถ้าพ่อแก่ไปแล้วเขาก็อยู่ดูแลกันได้ อยู่เป็นเพื่อนแม่ได้ ผมวางแผนหมดแล้ว“

เตย : ”ก็อยากมี เพราะดูจากพี่โจ้ที่เราเลี้ยงน้องหมาด้วยกันมา ทำให้เราได้เห็นอีกมุมของเขาเลยที่มันน่ารักมากๆ เขามีความคุณพ่อที่น่ารัก ดูแลใส่ใจรายละเอียดจริงๆ มุมที่เราไม่เคยได้เห็นเขาเราก็ได้เห็นจากตอนเลี้ยงน้องหมา ซึ่งมันเป็นมุมที่เราอยากจะเห็นอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเราไม่ผิดหวังเลยที่เราได้ร่วมดูแลสิ่งใดสิ่งหนึ่งกับเขา”

โจอี้ บอย : ”ทดลองเลี้ยงหมากันมาปีกว่า ลูกจะมาแบบไหนก็มาได้เลย ถ้ามีความเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว เราก็พร้อมทุกอย่าง เรานึกภาพตัวเองออก เราเห็นภาพตัวเองอุ้มลูกแล้ว ผมแพลนทุกอย่างไว้หมดแล้วว่าอยากจะทำอะไรกับลูกบ้าง กลัวอย่างเดียวว่าลูกออกมาแล้วเขาจะชอบอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน พ่อจะผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง(หัวเราะ) วันๆดูแต่คลิปคนอุ้ม ว่ามันอุ้มยังไงวะ มันก็มีความรู้สึกแบบนั้นไปโดยปริยาย รอชมทายาทกันเลยนะ”

โจอี้ บอย

ดูพี่โจ้เปลี่ยนไปมาก มีความมุ้งมิ้ง?โจอี้ บอย : ”จริงๆผมก็เซอร์ไพรส์ตัวเองอยู่เหมือนกัน พอได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขาหลายๆอย่างมันเปลี่ยนไป ทำให้เราตัดสินใจตรงนี้ได้เลย อย่างเรื่องการมีหมา ที่ผ่านมาผมเป็นคนมีหมา แต่มีแบบให้คนอื่นเลี้ยง เราเล่นอย่างเดียว พ่อแม่เลี้ยง เราเล่น แต่พอมาเลี้ยงด้วยกันกับเขา รับผิดชอบร่วมกัน เก็บอึ เช็ดฉี่ มันก็เห้ย… มันโอเคนี่หว่า มันรู้สึกว่าเราเลี้ยงมาด้วยกันแล้วเรารักหมาแบบที่เราไม่เคยรักมาก่อน หลายๆอย่างมันรู้สึกว่ามันใช่ ก็น่าจะพร้อม“

แต่งงานเสร็จก็โดฟเลย?โจอี้ บอย : ”แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เดินหน้าปั้มลูก”

โจอี้ บอย : “เล็งไว้หลายที่ครับ ส่วนเรือนหอมีอยู่แล้วแต่เราก็คุยกันไว้ว่าจะสร้างอีกซักหลังเล็กๆใกล้บ้านพ่อแม่จะได้เจอเขาบ่อยขึ้น“

จะมีเพลงที่จะแต่งให้เจ้าสาว?โจอี้ บอย : “มีเพลงที่พี่บอย โกสิยพงษ์ แต่งเอาไว้ เขาบอกว่าเราวันนี้ วันที่โจ้จะแต่งงานมานานแล้ว จะให้โจ้ร้อง แกแต่งเก็บไว้มานานแล้ว วันนี้ก็เลยนำเพลงลงซีดี เป็นของชำร่วยให้แขก เพลงชื่อว่าทาสเธอ จะยอมเป็นทาสของเธอ ชีวิตจริงก็คือต่างก็เป็นทาสซึ่งกันและกัน”

คำมั่นสัญญา?โจอี้ บอย : ”ผมก็บอกกับคุณแม่เขาไว้ว่าจะดูแลเขาด้วยชีวิตของตัวผมเอง“เตย : เตยก็อยากจะดูแลพี่โจ้แบบนี้ไปเรื่อยๆ เราก็เป็นเรากันในไปทุกๆวัน อยู่ให้มีความสุข ไม่คาดหวังอะไรจากกัน“ โจอี้ บอย : “เขาดูแลดีมากๆเลยนะ“เตย : ”แหวน2กะรัต“

มารู้จักกันได้ยังไง?โจอี้ บอย : “ขำมากเลยนะ ต้องขอบคุณ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก รู้จักกันทางเฟซบุ๊ก (หัวเราะ)”

ใครทักใครก่อน?โจอี้ บอย : “ยังเถียงกันจนถึงทุกวันนี้ว่าใครแอดใครไป แต่ว่าผมน่าจะเป็นคนทักหาเขา ถ้าทักไปจีบก็คงเป็นผมเลย”

เป็นเพื่อนร่วมกันหรือบังเอิญ?โจอี้ บอย : “เนี่ย…ไม่รู้ว่าแอดกันมาได้ยังไง”เตย : “ไม่รู้ว่าแอดมาได้ยังไง เหมือนแป๊บนึงก็มีเจาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”โจอี้ : “แล้วผมก็ไปจีบเขา”

คบกันมากี่ปีแล้ว?โจอี้ บอย : “ประมาณ 4 จะ 5 ปีแล้ว”

ตอนเตยรู้ว่าเป็นพี่โจอี้ บอยทักมาเรารู้สึกยังไงบ้าง?เตย : “ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็รู้สึกว่าคุ้นๆ ว่าเขาน่าจะเป็นคนนี้แหละค่ะ”

ไม่คิดว่าเฟซปลอมหรือเปล่า?เตย : “ก็แอบมีคิดเหมือนนะคะ แต่ดูแล้วก็ไม่ใช่“โจอี้ บอย : (หัวเราะ) ใครจะปลอมเป็นโจอี้ บอย ปลอมเป็นณเดชน์ มาริโอ้ ดีกว่า”เตย : “พอเขามาคุยก็สุภาพดี เขาเป็นคนน่ารักค่ะ เราก็ไม่ได้รู้ไม่ดีอะไรที่จะคุยกับเขา”

เรียกว่ารักจริงหวังแต่งเลย เพราะเคยแต่งเพลงให้เขาบอกว่ารักจริงหวังแต่ง?โจอี้ บอย : ”ก็คือจริงๆ แล้ว ตอนไปจีบก็ยังไม่รู้หรอก จีบกันไปเรื่อยๆ จีบกันไปปีแรกๆ ผมก็ยังเกกมะเหรกเกเรอยู่เลย ก็ค่อยๆๆๆ มันใช้เวลานี่แหละ ที่เหมือนกับเขารู้นิสัยเราจริงๆ แล้วเขาก็ดีลกับมันแบบสุดยอดเลย“

จริงๆ เตยรู้ไหม หรือก็ไปตามสัญชาตญาณ?เตย : ”มันน่าจะเป็นแบบว่า วิธีการสื่อสารมากกว่าค่ะ ถ้าเราอยากให้ใครทำอะไร ก็ต้องมีวิธีการสื่อสารให้ดี แค่นี้เอง“

โจอี้ : ”ปีแรกๆ เกเร เขาตั้งชื่อโทรศัพท์ชื่อผม (หัวเราะ) มีวันนึงเขาโทรศัพท์ไม่เจอ ผมก็กดไป ไปเจอตี๊ดๆๆ ตั้งว่าอะไรนะ (หันไปตามเตย) ไอ้ห่านี่เป็นไรอ่ะ (หัวเราะ)“

โจอี้ บอย

เตย : ”ตั้งว่า เป็นไรอ่ะ“โจอี้ บอย : ”ไม่มันหยาบกว่านั้นเธอ ก็โมโหทำไมตั้งชื่อ กูแบบนี้วะ (หัวเราะ) แล้วมันก็รู้ตัวสะท้อนที่เราทำตัวไม่ดี เราก็รู้สึกว่าต้องมุมานะเพิ่มแล้วก็ค่อยๆ เรียนรู้กันเพิ่ม มันก็มีวันนี้ครับ“

เตยคิดไหมว่าจากวันที่เขาเกเรจะมามีวันนี้?เตย : ”ไม่คิดเลยค่ะ“โจอี้ บอย : ”ต่างคนต่างไม่คิดนะ ตัวเองก็รู้สึกไม่อยากจะแต่งงานหรือจริงจังมากๆ ก็ลองคบกันดูเฉยๆ“

เตย : ”เพราะว่าพี่โจ้เขาซนจริงๆ แต่ว่าเขาก็เป็นสไตล์ผู้ชายค่ะ เขาก็มีมุมของเขาด้วย แต่เตยเชื่อว่าสำหรับทุกๆ คนมันไม่ใช่เรื่องยาก เราแค่เปลี่ยนมายด์เซ็ตแล้วก็ปรับการสื่อสารให้เหมาะสมกับเขา“

โจอี้ บอย : ”อย่างเช่น เขาไม่เคยห้ามผมออกไปเที่ยวกลางคืน เขาจะมีวิธีที่เดี๋ยวเราจะทำอาหารอันนี้ให้กินไหม กลับมากินไหม เดี๋ยวเย็นนี้กินข้าวด้วยกันไหม มีเมคแพลน เราก็ต้องชั่งน้ำหนัก ว่าเราจะไปดีไหม เนี่ย..มันวิธีการดีลของเขาที่ไม่ห้ามผมทำอะไรทั้งสิ้น“

วันนี้ต้องร้องเพลง หยุด แล้วไหม ตามที่เคยบอกในเพลงที่เคยแต่งให้เขา?โจอี้ : ”เดี๋ยว บุรินทร์ มาร้องให้ เขาเล่นคอนเสิร์ตอยู่ฝั่งตรงข้าม บอกว่าเล่นเสร็จแล้วกรุณามาร้องเพลงนี้ ในงานแต่งกู เพราะเราเขียนไปในเพลงเขานะ“

โจอี้ บอย

นนกุล รู้สึกอิ่มในรักบริสุทธิ์ที่ แอฟ มอบให้ ส่วนชีวิตในวงการ ตอนนี้ยังไม่หมดไฟ!

พระเอกหนุ่มหน้าใส นนกุล-ชานน สันตินธรกุล เล่าชีวิตที่เป็น Introvert ไม่ชอบเข้าหาใคร งานวงการบันเทิงตอนนี้ยังไม่หมดไฟ ด้านหัวใจรู้สึกอิ่มในความรักบริสุทธิ์ที่ แอฟ ทักษอร มอบให้ ในรายการ WOODY FM

คุณเป็นคนที่ทุ่มเทและจริงจังในการแสดงมากๆ เริ่มคลั่งไคล้ในศาสตร์การแสดงตั้งแต่เมื่อไหร่? “ผมจำชื่อผู้กำกับท่านหนึ่งไม่ได้แต่ว่าเขาเป็นคนแรกที่ทำให้จุดประกายความชอบ จำไม่ได้ว่าหนังสั้นหรือโฆษณา ซึ่งวันนั้นผมเป็นเด็กที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรในชีวิตเลย ยังไม่มีความฝัน ยังไม่มีอะไร พอเราได้ลองไปแคสงานแล้วงานนั้นมันได้ หลังจากจบงาน ผู้กำกับก็มาพูดแค่ประโยชน์ง่ายๆว่า พี่ชอบแอ๊กติ้งของเรานะ พอเราเป็นเด็กที่ยังไม่มีความฝันอะไร การที่เราได้มาอยู่ในโลกของมืออาชีพแล้วเราได้รับคำชม เลยมีแรงบันดาลใจว่า ถ้าเราไปต่อล่ะจะไปได้ถึงไหน แล้วเราลองฝันให้ใหญ่สุดๆ ไปเลยไหม ได้ไม่ได้ไม่ว่ากัน ก็น่าจะนำพาให้เราไปสู่จุดที่ดีได้ ก็เลยเป็นที่มาว่าช่วงแรกๆ ของวงการเวลาไปสัมภาษณ์ที่ไหนผมก็จะบอกว่าอยากไปฮอลลีวูดครับ”

การฝันใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ ล่าสุดที่คุณบอกว่าไฟไม่แรงเหมือนสมัยก่อนแล้ว ตอนนี้พลังงานในตัวของคุณอยู่ในระดับไหน? <ช่วงนี้น่าจะ 60-70 ครับ มันเหมือนกันว่าพอเรามาถึงจุดหนึ่ง มันจะไม่เหมือนสมัยก่อนที่เรายังไม่มีอะไรเลย ไม่มีความรู้เกี่ยวกับวงการบันเทิงเลย แล้วความที่อยากรู้อยากได้ อยากค้นหาขวนขวาย แล้วยังไม่มีใครรู้จัก อันนั้นมันคือสิ่งที่สนุก มันใหม่สำหรับเรา ได้เจอเพื่อนนักแสดงใหม่ๆ ได้ลองงานอะไรใหม่ๆ ก็ได้เห็นการเติบโตของเราที่มันเร็วมากในช่วงที่เริ่มต้น พอมันผ่านมาหลายปีคือทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิตมันจะชอบมีช่วงกราฟที่สูงขึ้น แต่พอถึงจุดหนึ่งก็จะเริ่มช้า เริ่มยาก ซึ่งเราคิดว่าเก่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำได้ดีกว่าเมื่อก่อนอีกนะ แต่ทำไมมันยากเหลือเกินในการที่เราจะขยับไปข้างหน้ากว่านี้ ก็เลยมีความรู้สึกเอื่อยๆ ไฟมันหมดไหมก็คงบอกว่ายัง”

เพิ่งทราบว่าคุณเป็น Introvert? “เป็นครับ ผมชอบนั่งทำแบบทดสอบ MBTI ซึ่งก็ได้ I ทุกครั้ง แล้วก็สังเกตธรรมชาติตัวเองนะครับว่าผมเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าหาใคร แล้วก็ไม่พยายามด้วย และไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเดือดร้อนอะไรด้วย ชอบอยู่คนเดียวมากกว่าอยู่หลายๆ คน ไปผับก็จะไม่ค่อยชอบไปคุยกับใคร คุยตามมารยาทได้ แต่ถ้าเกิดอยู่คนเดียวผมทำทุกอย่างเองได้หมด ดูหนัง กินข้าว ฟิตเนส สบายมากครับ”

การเปิดใจให้ใครหรืออยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนๆ หนึ่ง สำหรับคนที่เป็น Introvert เอาพลังงานจากไหนมาคุย ? “ผมว่านิสัยส่วนตัวมันไม่สามารถสู้สัญชาตญาณดิบเถื่อนของมนุษย์ได้ สุดท้ายแล้วผมมองว่ามนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคมอยู่ดี เราก็คงอยากมีคู่อยากอะไรแบบนี้ เราจะเหนื่อยเวลาคนคุยเยอะๆ เพราะฉะนั้นป็นข้อได้เปรียบของ Introvert ตรงที่ว่าพอเราเหนื่อยที่จะคุยกับคนเยอะๆ เราก็ขอแค่คุยกับคนๆ นี้แค่คนเดียว แล้วเราก็พอแล้ว จริงๆ ผมก็ไม่รู้จะตอบพี่วู้ดดี้ยังไง มันคงเป็นแค่ความก็เขาน่ารักดี สวยดี ฉันอยากอยู่ด้วยกับเขา ไม่มีอะไรซับซ้อน”

แล้วพลังงานที่ได้กลับมาจาก แอฟ ทักษอร เป็นแบบไหน? “ผมรู้สึกว่าความรักพี่เขามันบริสุทธิ์มาก หมายความว่ามันมีความรู้สึกบางอย่างที่ผมสัมผัสจากพี่เขา แล้วได้รับความรักจากผู้หญิงที่เด็กและโตในเวลาเดียวกัน มันบริสุทธิ์เหมือนเด็กมากๆ ในขณะเดียวกันก็มีเชิงเหมือนผู้ใหญ่ ถ้าชอบอะไรก็บอกว่าชอบ แล้วถ้าเกิดเขาบอกว่ารู้สึกดีกับผมเขาก็พูดแบบใสมากๆ จนบางทีเรายังตกใจเลย รู้สึกว่าพี่เขาก็มีประสบการณ์ความรักมากกว่าผมเยอะเลย แต่ว่าทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นคนที่เชื่อในความรักที่ดีอยู่เหมือนเดิมเลย และก็ยังคงมอบให้กับผม ซึ่งตรงนี้เวลาได้รับแล้วผมรู้สึกอิ่มมากๆ ครับ”

เวลาที่ใช้ชีวิตด้วยกันสิ่งที่คุณรู้สึกว่ามันลงตัวสำหรับคุณคืออะไร การสื่อสารหรือว่าแค่การมีกันและกัน? “ผมว่าก็น่าจะบวกๆ กันไป แต่สุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรเพอร์เฟ็กต์หรอก เช่น การสื่อสารบางทีเราก็สื่อสารไม่ได้ 100% ทุกครั้ง แต่ถ้าส่วนใหญ่ก็น่าจะอยู่ด้วยกันและกัน”

เราอยู่ในความสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องบอกไหมว่าจะไปไหนอะไรยังไง?

“ไม่เลยครับ มีอิสระแต่ว่าเหมือนเป็นการพูดเพื่อชวนคุย ไม่ได้รายงาน แต่ว่าสุดท้ายแล้วพอเราคุยกันตอนหัวค่ำในแต่ละวัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมคุยกับพี่แอฟว่าก็ต้องมีนะเป็นรูทีน ก็จะมีคำถามปิดจบอยู่แล้วครับว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้าง เพราะเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมรู้สึกว่าการที่เราได้คุยกันอย่างน้อยทีละนิดที่ละหน่อยในแต่ละวันมันก็ดี ที่ผมอยากให้เป็นกลางคืนก็เพราะว่ามันเป็นช่วงสุดท้ายของวัน ได้เสร็จสรรพอะไรเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ตอนกลางวันที่บางทีเรารีบๆอยู่ แล้วจะได้ตั้งใจฟังซึ่งกันและกันจริงๆ ว่าวันนี้เราทำอะไรมาบ้าง ที่ตั้งใจให้เป็นรูทีนเพราะถ้ายิ่งทะเลาะหรืออะไรกันอยากให้จบภายในวันนั้นเลยไม่ข้ามวัน”

สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.

แฟนๆจับตาลุ้น เบลล่า ราณี แง้มประกาศข่าวดีสิ้นปีนี้

อีกหนึ่งนางเอกสาวสายบุญสำหรับ เบลล่า ราณี ที่ตอนนี้ได้ถูกแฟนๆจับตามองในเรื่องความรักหลังจากเปิดตัวคบหาดูใจกับพี่หมื่นล้าน ไฮโซ วิล ชวิณ ทางด้านคุณเเม่ เบลล่า ยังเปิดไฟเขียวให้กับหนุ่ม วิล ชวิณ อีกด้วย

ล่าสุด เบลล่า ได้ออกงานอีเว้นท์ เเละได้ให้สัมภาษณ์พร้อมทั้งเผยข่าวดีทำบุญใหญ่ด้วยว่า ปีนี้ไปทำกฐินวัดที่ประเทศญี่ปุ่น วัดบวรไปสร้างวัดสาขาที่ญี่ปุ่น ประมาณเดือน 11 ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาบอกอีกที มาร่วมบุญโกอินเตอร์กัน ยังไม่ได้บอกคุณวิล ถ้าบอกล่วงหน้าก็น่าจะล็อกคิวได้ มีโปรเจคที่พี่พลอยเป็นหัวเรือเเละที่เบลเป็นทั้งหัวเรือ

เรียบเรียง news in thailand

หนุ่มใหญ่เหวี่ยงแห ได้ ‘หมอคางดำ’ ใส่ลังโฟมน็อคน้ำแข็ง ผ่านไป 5 ชม.ไม่ตายแค่สลบ!

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.สุรพล สินเกตุ นักล่าปลาหมอคางดำที่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจ ออกจากบ้านช่วงตั้งแต่เวลาตี 5 ของเช้ามืดที่ผ่านมา เพื่อออกล่าปลาหมอคางดำ ไปทำเมนูอาหาร และแจกจ่ายให้กับเพื่อนฝูงที่รู้จักทุกวัน วันนี้ไปกันที่บริเวณคลองชลประทานพงสวาย – บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังจากที่ปลาหมอคางดำได้หนีน้ำเสียมาจากตำบลสามเรือน ตำบลพิกุลทอง เข้ามาอาศัยอยู่บริเวณคลองบางกระดี่ และคลองพงสวาย – บางป่า ซึ่งเป็นคลองที่เชื่อมต่อกัน มาปะปนอาศัยอยู่กับปลาชนิดอื่น ๆ จำนวนมาก

ดร. สุรพล เผยว่า ตอนเช้ามืดจะเห็นปลาหมอคางดำ ตัวเล็ก ตัวน้อย ตัวใหญ่ ขึ้นลอยหัวอยู่เหนือน้ำ พูดได้ว่ามีตลอดทั้งสายน้ำ เห็นแต่ปลาหมอคางดำขึ้นลอยหัว ปะปนกับปลาอื่น ๆ โดยตนได้ใช้แหเหวี่ยงแต่ด้วยพื้นที่บริเวณริมคลองเป็นป่าขึ้นรก ยากต่อการเหวี่ยงแห แต่ก็พยายามเหวี่ยงขึ้นมาได้ พบว่าได้มี ปลาหมอคางดำ ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาสร้อย และปลาแขยง ติดขึ้นมา

จากนั้นก็จะเอามาใส่ในลังโฟม ที่บรรทุกอยู่ท้ายรถจักรยานยนต์ เพื่อแช่น้ำแข็งไว้ไม่ให้ปลาเน่าเสีย แล้วก็จะย้ายที่เหวี่ยงแหไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปเกือบ 5 ชั่วโมง เมื่อเปิดลังดูพบว่าปลาที่ใส่ในลังโฟมนั้นชนิดอื่น ๆ โดนแช่แข็งตายหมด แต่เป็นที่แปลกใจมาก ปรากฏว่าปลาหมอคางดำ ที่ใส่ปะปนกันมาในลังโฟมกลับไม่ตาย พอเอากลับมาถึงบ้านปลาหมอคางดำยังหายใจพะงาบ ๆ แค่สลบในน้ำแข็ง พอเอาไปใส่ในน้ำกลับฟื้นขึ้นมาได้อีก

ขนส่งไทยร้องจ๊าก! จีน มาแล้วจ้า ตั้งคลังส่งสินค้า นำเข้ารถส่งของจากจีน 10,000 คัน

สหพันธ์รถบรรทุกฯ เผย ขนส่งไทยอาจไร้ที่ยืน จีน ตั้งคลังส่งสินค้า นำเข้ารถส่งของจากจีน 10,000 คัน ใช้ในไทย และมีแน้วโน้มเพิ่มขึ้นอีก

นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์รถบรรทุก ของสมาชิกสหพันธ์การขนส่ง ปัจจุบันภาพรวมค่อนข้างซบเซา รถบรรทุกเกือบ 50% ของสมาชิกต้องจอด สาเหตุจากผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้น งานจ้างขนส่งลดลง และหลังจากมีการปรับค่าขนส่งขึ้น 3-9% ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายสู้ไม่ไหว ขอยุติการเดินรถ

ปัจจัยหลักที่ทำให้กิจการรถบรรทุกไทยซบเซาคือ การเข้ามาของแพลตฟอร์มต่างชาติที่เข้ามาตั้งคลังส่งสินค้าเอง เช่น ผู้ประกอบการชาวจีน ที่เปิดกิจการขนส่งอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งนำเข้ารถบรรทุกจากต่างประเทศเข้ามาใช้งานเอง

ส่งผลทำให้การจ้างผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกในไทยลดน้อยลง ซึ่งปัจจุบันพบว่า ภายหลังการเปิดข้อตกลงการค้าเสรี อาเซียน-จีน ทำให้สินค้าจีนทะลักเข้าไทยเป็นจำนวนมาก

โดยสินค้าจากจีนเหล่านั้น มีการใช้รถขนส่งสินค้าของจีนเกือบทั้งหมด ผ่านบริษัทนอมินี ซึ่งปัจจุบันประเมินว่ามีสัดส่วนราว 1% ของจำนวนรถบรรทุกในไทยทั้งหมด หรือราว 10,000 คัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 1% ซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องการดัมพ์ราคาค่าขนส่ง ที่จีนมีต้นทุนต่ำกว่า ทำให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันไม่ได้

หากไม่เตรียมตัว หรือมีมาตรการรับมือที่ดีพอ อาจทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับความเดือดร้อน โดยภาครัฐต้องลงมาดูแลส่วนหนึ่ง รวมถึงเรื่องการนำเข้ารถบรรทุกของทางผู้ประกอบการต่างชาติ ที่ทางสหพันธ์จะนำเรื่องนี้เข้าไปคุยกับทางรัฐบาลเช่นกัน เนื่องจากปัญหาต่างชาติเข้ามาเปิดคลังสินค้าแบบเต็มรูปแบบเยอะเกินไป ค่อนข้างสร้างความเดือดร้อนให้กับกลุ่มคนรถสิบล้อในไทยค่อนข้างมาก

เปิดบ้าน ‘หนุ่ม อรรถพร’ หลังอยู่กินภรรยา หาเลี้ยงลูก 2 ด้วยกัน

ผู้กำกับฯ “หนุ่ม อรรถพล” ควงภรรยา “ฝ้าย อริญรดา” เปิดใจ มีลูกทำชีวิตเปลี่ยน จับมือฝ่ามรสุมดราม่าไม่ใช่เรื่องง่าย พร้อมเผยชีวิตสะดุดไม่มีงานกว่า 6 เดือน จนหนี้บาน กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่ายเลย…

เป็นอีกหนึ่งคู่รักต่างวัย สำหรับผู้กำกับ “หนุ่ม อรรถพร ธีมากร” กับสาว “ฝ้าย อริญรดา ปิติมารัชต์” ที่ไม่ค่อยจะแสดงความหวือหวากันมากนัก แต่ทั้งคู่ก็ใช้ความรักประคับประคองฝ่าดราม่าต่างๆ มาด้วยกันจนถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย โดยล่าสุด ผู้กำกับฯ “หนุ่ม” ก็ได้ควง “ฝ้าย” ภรรยาสาวพร้อมกับลูกๆ มาเปิดใจผ่านทางรายการ “คุยแซ่บ Show” ทางช่อง one 31 ที่มี “พีเค ปิยะวัฒน์” และ “ธัญญ่า ธัญเรศ” เป็นพิธีกร
ก่อนมาเจอพี่หนุ่ม โดนทำร้ายเรื่องความรักจนคิดว่าจะปิดตายความรักจริงไหม ?

ฝ้าย : “ใช่ค่ะ สำหรับฝ้าย ฝ้ายคิดว่ามันหนักมาก”

แล้วพี่หนุ่มเข้ามาตอนไหน ?

หนุ่ม : “ก็ไปเจอกันที่งานปาร์ตี้วันเกิดผม แต่เลี้ยงพร้อมพี่อุ๋ยเราก็เลยได้เจอกัน ตอนนั้นก็รู้สึกว่าถูกชะตาก็เลยพยายามจะทำความรู้จัก ตอนนั้นก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่ยากที่จะเข้าหาเขา แต่คิดอีกทีนึงมันไม่ใช่เรื่องของผม เพราะมันเป็นเรื่องของคุณ และเป็นวาระหนึ่งในชีวิตที่มันผ่านไปแล้ว นี่คือโมเมนต์ใหม่ในชีวิตมันไม่เกี่ยวกัน”

แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงชนะใจเราได้ ?

ฝ้าย : “ก็เป็นเพราะว่าพี่หนุ่มดูแลเราดีมาก พี่หนุ่มเคยพูดว่าไม่เป็นไรถ้าเกิดไม่โอเคพี่รอได้ ช่วงนั้นเราก็คุยกันไปเรื่อยเรื่อยเป็นพี่เป็นน้องกัน รู้สึกว่าพี่เค้าดูแลดี และเราก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน”

เค้าลือกันว่าเมื่อก่อนพี่หนุ่มเจ้าชู้มากจริงไหม ?

ฝ้าย : “เท่าที่เคยได้ยินเจ้าชู้ แต่ไม่รู้เหมือนกัน”
หนุ่มขี้หึงไหม ?

หนุ่ม : “ขี้หึงครับ ถามว่าเหตุการณ์ไหนที่หึงหนักๆ ก็คงต้องถามเขา เพราะผมอ่ะหึงส่งเดชเรื่อย”

ฝ้าย : “เวลาเค้าหึงเค้าก็จะเงียบๆ นิ่งๆ ซึ่งเราก็รู้แล้วแหละว่าพายุกำลังจะเข้า เราก็ถามเขาพี่หนุ่มเป็นอะไรหรือเปล่า”
ทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจบอกทุกคนว่าท้องก่อนแต่ง ?

หนุ่ม : “คือมุมหนึ่งผมก็โตแล้ว แล้วฝ้ายเองก็โตแล้ว ผมก็คิดว่าเราพร้อมแล้วที่จะดูแลกัน ซึ่งเสียงวิจารณ์มันก็มีเป็นธรรมดา มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ด้วยวัยด้วยยุคสมัยที่บางทีมันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้มันไม่ได้เกิดขึ้นในวัยเรียน”

พอกลายมาเป็นพ่อแม่ ลูกสองชีวิตเปลี่ยนไปขนาดไหน ?

หนุ่ม : “เปลี่ยนไปมาก ทำให้ไม่อยากออกไปข้างนอก เพราะรู้สึกกังวลและเป็นห่วงเขา
เห็นว่าท้องลูกคนแรกครรภ์เป็นพิษ ?

ฝ้าย : “ตอนนั้นประมาณ 7 เดือนกว่าไปตรวจเจอโปรตีนรั่ว ต้องคลอดเลย แต่ว่าโอเคน้องคลอดออกมาแข็งแรงดี สาเหตุก็น่าจะเกิดจากความเครียด และภาวะร่างกายด้วยแต่พอคนที่ 2 ก็เป็นอีก ใช้เวลาอยู่โรงพยาบาลนาน 3 เดือน”

เคยมีบางช่วงชีวิตที่เหมือนไม่มีงานไม่มีเงินเลยหรอ ?

หนุ่ม : “มันก็มีนะครับ ช่วงรอยต่อของงาน แล้วอาชีพแบบนี้บางจังหวะของการทำงานพอเราดิวไปแล้ว แล้วเกิดเปลี่ยนดิว ระบบการวางแผนทุกอย่างมันก็ล่ม ถ้ามีใครมาถามผม ผมก็จะแนะนำให้มีอาชีพเสริม ไม่ใช่ทำแต่อาชีพนี้อย่างเดียว ถ้าคุณไม่ได้รวยมากพอหรือไม่ได้มีอะไรจะเสีย บางจังหวะมันคาดเดาไม่ได้”
แล้วตอนที่สะดุดมันสะดุดขนาดไหน ตอนนั้นมีครอบครัวหรือยัง ?

ฝ้าย : “ตอนนั้นมีอันดาคนเดียว ยังไม่มีอดัม ก็ประมาณ 6 เดือนที่ไม่มีงานอยู่เฉยๆ”

หนุ่ม : “แล้วตอนนั้นเรามีบริษัทด้วย ตอนนั้นก็ต้องหาวิธีคือเอาจริงๆ แล้วคนที่ทำธุรกิจก็ต้องมีเรื่องแบงก์ที่เราต้องไปหมุนพอสมควร แต่พอหมุนเสร็จปุ๊บก็ต้องรอ รอเสร็จปุ๊บก็สไลด์ ช่วงนั้นก็เครียดครับ”

ช่วงนั้นกลายเป็นหนี้ไหม ?

หนุ่ม : “ใช่ครับ ก็เยอะเหมือนกัน”

แล้วกลับมาฟื้นตัวได้ยังไง ?

หนุ่ม : “ก็เหมือนคนหลงยุค คนรุ่นเรามีช่วงที่เปลี่ยนยุค แล้วเราคิดว่ายังอยู่กับสิ่งนั้นอยู่อีกเหรอ ตอนนี้เขาไปกับสิ่งนี้ได้ด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องขยับตัวแล้วแหละ เราอยู่แค่นี้ไม่ได้ เราก็วิ่งไปขายงานตามช่องต่างๆ ผมว่า 4-5 ปี นั้นหนักมากกับการเปลี่ยนแปลง”

556000015651401

176379012 286756459772436 1292944599360722878 n

175892271 286756409772441 3414130974109157813 n

175407215 286756309772451 200488226233263554 n

179333857 292188525895896 6862549664298021719 n

179321868 292188482562567 4355553219838860866 n

179285041 292188489229233 4511980251577631228 n

แห่อาลัย ‘อาต้อ ไกรสีห์’ สิ้นแล้วจากไปอย่างสงบ

เป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าของวงการบันเทิง เมื่อ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้โพสต์แจ้งข่าวถึงการจากไปของนักแสดงอาวุโส ต้อ ไกรสีห์ แก้ววิมล ที่ได้ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ ก่อนที่จะจากไปอย่างสงบในเวลาต่อมา

“ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณตาต้อด้วยนะครับ ดาราอาวุโส เกิดเหตุไม่คาดคิด ตาต้อลื่นล้มในห้องน้ำ น่าจะเป็นตอนเช้าของวันนี้ วันที่ 2 สิงหาคม เพราะทุกเช้า ตาต้อจะออกมาทานข้าว ด้วยกันกับผู้สูงอายุในบ้านสุขสุดท้าย

แต่เช้าวันนี้ตาต้อไม่ได้ลงมาทานข้าว ก็เลยให้เจ้าหน้าที่ไปเรียก แต่ไม่มีคำตอบจากในห้อง จึงให้เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งปีนไปด้านหลังของห้อง พบว่าตาต้อมีเสียงร้องครางเบาๆ อยู่ในห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ จึงปีนเข้าไปเอาร่างของตาต้อออกมา มาพักที่ห้องโถงใหญ่ ที่มีผู้สูงอายุรวมกันอยู่ในห้องนั้น แล้วจัดหาอาหาร ให้ตาต้อรับประทาน

เมื่อรับประทานเสร็จแล้วตาต้อก็ร้องด้วยความเจ็บปวด จึงนำส่งที่โรงพยาบาล เข้าห้อง ICU จากนั้น ประมาณ 5 ชั่วโมง ตาต้อก็จากไปอย่างสงบ ต้องขอแสดงความเสียใจกับลูกสาวของตาต้อด้วยนะครับ

เปิดประวัติ นักแสดงอาวุโส ต้อ ไกรสีห์ แก้ววิมล ประสบปัญหาสุขภาพ โรครุมเร้า ไม่มีเงิน จนได้ อั้ม พัชราภา ให้ความช่วยเหลือ

สำหรับนักแสดงอาวุโส อาต้อ ไกรสีห์ แก้ววิมล อายุ 78 ปี เข้าวงการตอนอายุ 50 ปี เล่นละครมาแล้ว 22 ปี ไม่ได้รับงานแสดงมาแล้ว 6 ปี เพราะป่วยโรครุมเร้า ทั้งความดัน โรคหัวใจ ลิ่มเลือด ไขมันในเลือดสูง ปวดกระดูกปวดข้อ

ก่อนหน้านั้นเคยล้มหัวฟาดพื้น สลบเข้ารพ. 7 วัน พอออกมาอยู่บ้านได้ไม่นานหมดสัญญาบ้านเช่า จึงต้องหาที่อยู่ใหม่ ที่ผ่านมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว โดยเลิกกับภรรยานานแล้ว มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน

เคยเอาเงินที่สะสมที่ได้จากการเล่นละครมาทำละคร แต่ถูกโกงจนหมดตัว บางวันต้องอาศัยข้าววัด อยู่ได้ด้วยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เคยได้รับความช่วยเหลือจากลูกๆ หลานๆ ในวงการ อาทิ อั้ม พัชราภา, นุ่น วรนุช, แอน ทองประสม โดย ต้อ ไกรสีห์ เคยรับบทเป็นพ่อของ แอน ทองประสม ในละครเรื่อง อุ้มรัก ส่วน นุ่น วรนุช เรื่อง กุหลาบเหนือเมฆ และ อั้ม พัชราภา เรื่อง พราว

Popular Posts

My Favorites

เปิดคิวงานลิเก นุ่น ดำดง หลัง เเม่น้ำหนึ่ง ประกาศแยกย้าย

0
จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ได้เป็นกระแสดราม่าร้อนแรงสำหรับแม่น้ำหนึ่ง และ นุ่น เนตรชนก หรือ นุ่น ดำดง ที่ได้ออกมาไลฟ์สดประกาศแยกย้ายกับนุ่น ซึ่งทำให้แฟนๆได้ให้ความสนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และได้มีการพูดถึงขุดเรื่องต่างๆมามากมาย และหลังจากที่ แม่น้ำหนึ่ง ได้ประกาศแยกย้ายโบกมือลาซึ่ง แม่น้ำหนึ่ง ได้หางานอะไรต่างๆนาๆให้ นุ่น ดำดง ล่าสุดในกลุ่มแฟนคลับได้เปิดเผยคิวงานของ นุ่น ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน-ตุลาคม พบว่าคิวงานแน่นทั้งงานคอนเสิร์ต งานวัด และโชว์ตัว คือกันยายน มี...