Home Blog Page 222

สุนารี เคลียร์ปมคนห่วงหวั่นออกจากวงการ ประกาศขายบ้านย้ายกลับไปอยู่โคราช

อยู่คนเดียวยังมีเศร้าอยู่มั้ย? “มีค่ะ กลับจากทำงานมาดึกๆ หยิบโทรศัพท์ดูรูปแม่ ดูคลิป พอยิ่งดูยิ่งคิดถึงได้กลิ่นของเขา”

ขอย้อนถามจุดเริ่มต้นของคุณยายท่านเกิดอาการอะไรขึ้นมา ? “แม่ก็เป็นโรคชราไม่ได้ป่วยอะไรเลย แม่ไม่ได้มีโรคอะไรเลย แต่เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม เริ่มมีอาการหลงเหมือนสมองมันสั่งงานรวน พอมันรวนเขาไม่นอน พอไม่นอนก็ไม่ค่อยกินด้วย ลูกๆ ก็เป็นห่วง พี่สาวก็พาเข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ ให้ยา นอนให้เขาได้พักผ่อน ตามสเต็ปของหมอที่เขาจะดูแลได้”

ที่บอกว่าอ่อนแรงไม่ใช่อ่อนแรงจากโรคภัยแต่อ่อนแรงจากการที่สมองสั่งการผิด ? “ใช่ๆ ก็วัยชราของเขานั่นแหละ อวัยวะมันเสื่อมแล้ว ตั้งแต่วันนั้นก็ขับรถกลับโคราชดูแลแม่ตลอด อาจจะมีบางช่วงบางงานที่ขาดไม่ได้ต้องมาก็ขับรถกลับมา ก็จะอยู่กับแม่อยู่อย่างนั้นจะมีดีขึ้นมาบ้างพอได้นอนได้พักแล้วก็จะเป็นอีก แล้วก็กลับมาเป็นเด็ก เล่นแบบเด็ก เห็นหลานๆ วิ่งเล่นเขาก็บอกอยากเล่น เล่นเหมือนเด็กเลยนะในวัย 97 เห็นใครกินอะไรก็จะอยากกินมั่ง ขอกิน ยังไม่ได้กินเลย จะเป็นอยู่อย่างนี้”

บางครั้งจะมีอาการจำลูกๆ ไม่ได้ ? “ใช่ค่ะ บางทีก็จำได้บางทีก็ลืมเหมือนเป็นอัลไซเมอร์ โรคชรา”

เรียกได้ว่ายื้อชีวิตทุกๆ ทางถึงขั้นว่าบนบานศาลกล่าว ? “ก็ทั้งบน ทั้งทำบุญ ตอนนั้นวิ่งทำบุญด้วย ชาวบ้านที่นับถือศาลตาปู่ก็เหมือนกับศาลตายายที่บ้านเรา ก็บนเพราะว่าแม่เขาเป็นคนแก่ประจำหมู่บ้านเผื่อว่าแกจะช่วย เราก็ทำทุกวิถีทาง”

ไปบนอะไรบ้าง ? “ประเพณีก็คือศาลตาปู่เขาจะชอบหัวหมู บนหัวหมู 99 หัวกับเหล้าขาว บนคู่กับเรื่องของหลานด้วย พอดีเขาป่วยแล้วก็เขาก็ดีขึ้น จริงๆ ทุกอย่างมันถูกกำหนดมาแล้วเพื่อความสบายใจอะไรก็ได้ชั่วโมงนั้นที่ไมได้ไปเบียดเบียนใครมากมาย”

ครั้งนี้ตัดสินใจประกาศลายาวๆ 2-3 เดือนเลย ? “ใช่ ขอหยุดยาวๆ เลย เพราะมันสุดท้ายแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ไม่มี มีบ้างที่หยุดไปหา แต่แม่ยังแข็งแรง เราเองก็ยังแข็งแรง เหมือนกับแม่เข้าใจงานของเราก็หวังว่าแม่จะเข้าใจเรา มันเป็นหน้าที่ของคนที่เป็นหลักของครอบครัว หยุดยาวก็ไม่ได้ขาดรายได้ มันก็ต้องดูแลครอบครัวใหญ่มาก เหมือนวันนั้นแม่เขาก็อดทน

ถามว่าเราโหยหาแม่มั้ย เราโหยหานะ แต่เราก็อดทนทำหน้าที่ของคนที่ซัพพอร์ตทุกอย่าง แม่เขาก็อดทนเขาก็โหยหาเรา คิดถึงลูกคนหนึ่งที่ 40 ปีที่ต้องห่าง จนวันนึงแก่อ่อนลงเราเห็นแม่อ่อนลง เขาก็หลุดปากออกมาว่ามาอยู่กับแม่นะ มาดูแลแม่นะ อย่าทิ้งแม่ไปไหน แล้วตลอด 40 ปีเราก็โหยหาเขา วันหนึ่งที่แม่หลุดปากมา เราก็โฮเหมือนกัน”

สุนารี เปิดใจ หลังผ่านมรสุมชีวิต สูญเสียคุณแม่ในอ้อมแขน

ท่านพูดประโยคไหน ? “บอกว่าอย่าทิ้งบ้านเรานะกลับมาอยู่กับพี่กับน้องกลับมาอยู่กับแม่ อย่าทิ้งแม่ไปไหน คือเรื่องของเรื่องแม่เขารู้ว่าเราไปซื้อที่ที่อุทัยธานีแล้ววางแผนว่าบั้นปลายชีวิตจะไปอยู่ที่นั่น ก็เหมือนลูกหลานไปเล่าให้ฟังว่าน้าแหลม ป้าแหลม ย่าแหลม ยายแหลม เขาจะไม่ได้มาอยู่บ้านเรานะ เหมือนคุณยายก็เก็บข้อมูล เขารักลูกรักหลานเขาทุกคน เขารักบ้าน รักที่รักทุกอย่างของเขา เขาก็กลัวว่าเราจะทิ้งตรงนั้น

แต่จริงๆ เราไม่ได้ทิ้งหรอกแค่ว่าเราจะทำบ้านอยู่อีกที่นึง แต่ว่าอยู่ตรงนั้นเป็นหลักแล้วก็ไปๆ มาๆโคราช เขาก็เก็บข้อมูลเอาไว้ วันหนึ่งที่เขาอ่อนลงเขาก็พรั่งพรูออกมาเลย เราก็น้ำตาแตกตอนแรกยังไม่รับปากแม่นะตอนที่ยังแข็งแรงยังซนอยู่ แต่แกพูดถี่มาก พอเรามาทำงานเหมือนแกเพ้อพูดอยู่ตลอด เรียกหาแต่เรา พอกลับไปอีกรอบเลยรับปากแกเลย พอรับปากแกปุ๊บเหมือนแกทิ้งร่างเลยนะ แกไม่ดื้อ ไม่กิน เงียบ เหมือนแกโอเคแล้ว”

เหมือนแกหมดห่วงมั้ย ? “ใช่ เหมือนแกหมดห่วง แกรอให้เรารับปาก เพราะแกรู้ว่าถ้าเรารับปากแล้วจะไม่คืนคำ ถ้าเราพูดว่าจะทำอะไร เราจะทำ”

อันนี้รับปากตอนที่ไปดูแลในช่วง 2 เดือนแล้วก่อนที่ท่านจะไปหรือว่ารับปากก่อนที่เราจะไปดูแลท่าน 2 เดือน ? “รับปากตอนที่เราไปดูแลท่าน เขาจะพูดอยู่ตลอดแล้วเราก็ยังไม่รับปาก เราก็คิดว่าเราไปซื้อที่ไว้ แล้วเขาถึงขั้นเพ้อตอนที่เราไม่อยู่ พอรับปากแกเราเข้าใจว่าแกโล่ง ยังไงพี่น้องก็มีคนดูแล”

มีคำสั่งเสียสุดท้ายมั้ย เห็นว่าท่านมีทิ้งท้ายไว้เหมือนกัน ? “จริงๆ ไม่มี สุดท้ายแม่หมดลมไปเฉยๆ เพราะว่าในระหว่างนั้นเราก็วางแผนจะบวชลูกกับหลานจาก 3 องค์ เป็น 9 องค์คือบวชพระตอนที่แม่ยังแข็งแรงอยู่ยังแค่หลงๆ ยังไม่ได้อ่อนมาก วางแผนว่าแม่จะบวช 9 องค์วันที่ 19 แต่ดูแล้วเหมือนแม่อ่อนลงเรื่อยๆ เลยขยับมา 15 พอดีลูกคนเล็กสอบเสร็จวันที่ 14 บ่าย ก็บึ่งรถไปมันเต็มที่แล้วมันย่นมาใกล้สุดได้วันที่ 15 ก็ไม่ทัน แม่หมดลมวันที่ 9”

เห็นว่าในอ้อมแขนพี่สุเลย ? “ใช่ค่ะ ลูก 8 คนอยู่หมดแล้วก็หลานชาย 2 คนที่เขาเลี้ยงมา”

ระยะเวลาหลังจากที่ขอพี่สุว่าให้ดูแลทุกคนนะ อีกสักกี่วันคุณยายท่านถึงทิ้งร่างไป ? “หลังจากที่แม่กลับมาทำคลิปขายบ้าน ก่อนวันที่จะทำคลิปจะโพสต์คลิปว่าฉันจะปล่อยบ้านนะ ฉันจะไปทำหน้าที่ลูก วันนั้นขับรถมาจากโคราชมาถึงกรุงเทพฯ รับปากแม่เสร็จแล้วพอมาถึงกรุงเทพฯ ปุ๊ปก็ตั้งสติว่าจะพูดยังไง ทำคลิปยังไงจะไม่โดนปิดกั้น คนจะได้เห็นเยอะๆ แล้วเราก็จะได้ขายบ้านได้ วันนั้นแหละจนถึงวันที่ 9 ซึ่งแม่จำไม่ได้แล้วว่าแม่โพสต์วันไหน แต่มันไม่กี่วัน น่าจะไม่ถึง 10 วัน”

สุนารี เปิดใจ หลังผ่านมรสุมชีวิต สูญเสียคุณแม่ในอ้อมแขน

บอกว่าเสียใจยังทำได้ไม่ดี ทำไมถึงคิดยังงั้น ? “บางทีเราอยากได้อะไรเยอะไปหรือเปล่า หรือการที่เราคิดว่าเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เราต้องหาเงินอย่างเดียวโดยที่เราจัดการเวลาไม่ดีเลย จริงๆ เราสามารถจัดได้นะที่จะแบ่งเวลาไปดูเขาให้มากกว่านี้ เราก็ทำได้แต่ทำไมเราไม่ทำ เราเห็นว่าเขาทนได้ เราเห็นว่าไม่เป็นไรลูกมีงานก็ทำไปเถอะแม่เข้าใจ เห็นว่าแม่เข้าใจก็เลยทำหน้าที่ตรงนี้ พอเวลามันเหลือน้อย เราเห็นแม่เราอ่อนลงทุกวันๆ เรารู้เลยว่าทำไมเราไม่กลับไปดูแลแม่เราตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมเราไม่จัดสรรเวลาให้ดีกว่านี้ ทำไมเราไม่ทำ เรามีข้ออ้างสารพัดเลย เราก็โหยหาแกนะ เราก็อยากกอด เราอยากทำกับข้าวให้แกกินเหมือนพี่ๆ เรา เวลาเรากลับไปเราก็พูดกับพี่ๆ เรานะว่า ฉันน่ะอิจฉาพวกป้าจังเลยได้อยู่ดูแลแม่ แต่หนูต้องเป็นทัพหน้าออกไปทำงานหาเงิน หนูเข้าใจแต่ว่าเอาจริงๆ หนูอิจฉา หนูอยากได้มีโอกาสปรนนิบัติแม่เหมือนป้าๆ ก็พูดกับพี่ๆ

อยากให้ทุกคนมองเรื่องพี่สุเป็นกรณีศึกษาเผื่อมันจะมีประโยชน์และจัดสรรเวลาได้ จะได้ไม่ต้องมานั่งรู้อย่างงี้ พี่สุก็ว่าพี่สุทำเต็มที่แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เรารู้สึกมันยังน้อยมากเพราะฉะนั้นยังมีเวลาแม่ยังแข็งแรง พ่อยังแข็งแรง ดูแลเขาเถอะ เงินสำคัญค่ะแต่ว่าสุดท้ายวันที่แม่ป่วยทำไมเราหยุดงานได้ตั้ง 2 เดือนกว่า เงินไม่เข้ากระเป๋าเราสักบาททำไมเราหยุดได้ล่ะ ถูกมั้ย ก็ทำไมเราไม่จัดสรรแต่แรกล่ะ เงินก็เข้าบ้างอะไรบ้างมีเวลาให้พ่อแม่บ้างมันก็ทำได้ควบคู่กันไป อยากให้ทุกคนเป็นแง่คิดนะคะ”

อีกเรื่องนึงเป็นเรื่องน่าตกใจหลังจากประกาศขายบ้านหรู แต่จริงๆ ไม่ต้องขายก็ได้มั้ย เพราะว่าแม่ก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวทำงานที่กรุงเทพฯ ? “มีหลายคนบอกว่าไม่ต้องขายก็ได้วิ่งไปวิ่งมาเอา แต่บ้านเรามีหมา 30 กว่าตัว มีแม่บ้าน 2 คนอยู่บ้าน ถ้าเราไปอยู่โคราชเป็นหลักถึงวันนี้แม่ไม่อยู่แล้วเราก็ต้องอยู่ที่โคราช จะไม่ทำให้ยายรู้สึกว่าพอยายไม่อยู่ก็เหมือนเดิมไม่ทำ เราก็ยังต้องไปอยู่โคราชเป็นหลัก เวลามีงานก็วิ่งกลับมาทำงาน ทีนี้บ้านสองหลังเราต้องย้ายหมาย้ายแม่บ้านไปโคราชหมดเลยแล้วต้องมาจ้างคนดูแลอีกมันก็สิ้นเปลือง ขายได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นตอนนี้ก็ทยอยขนของ”

ทุกวันนี้พักที่โคราชเป็นหลักเลย รับปากทำตามคำที่บอกคุณยายว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ? “ใช่ค่ะ แต่ยายไม่อยู่ก็ต้องอยู่ ยิ่งยายไม่อยู่เรายิ่งต้องไปให้เร็วที่สุด เพราะรับปากไปแล้ว”

แล้วที่ที่อุทัยธานีที่บอกว่าจะเป็นบั้นปลายเป็นแพลนขายต่อไปมั้ย ? “อันนั้นที่นามีคนดูแลเขาทำนาแล้วแบ่งกันให้เขาทำนาแล้วแบ่งเป็น 3 ส่วน เราได้ข้าวมาส่วนหนึ่ง คนที่ทำได้ไป 2 ส่วน ส่วนที่ไร่เดี๋ยวกำลังจะวางแผนว่าอาจจะลงผลไม้ เก็บไว้ให้ลูก”

ทุกวันนี้มาทำงานนั่งรถมาจากโคราช ? “เราขับรถเอง พรุ่งนี้วันที่ 3 กลับโคราชแล้ว ไม่เหนื่อยแต่มีความสุข ถ้ารู้สึกง่วงจะแวะปั๊มแล้วจะนอนเลยแล้วตั้งปลุกนอนครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงนึง”

ตอนนี้บ้าน 2 หลังก็ยังไม่ได้ขาย ทำไมไม่นอนที่กรุงเทพฯ เพื่อพักผ่อน ? “ก็นอนเวลาทำงานแต่พอถ้าว่าง 3 วัน วันรุ่งขึ้นต้องกลับ ถ้าบ้านขายได้ก็ไปนอนบ้านลูกชาย บ้านลูกชายอยู่ติดกันอยู่ถนนราชพฤกษ์เหมือนกัน ที่ร้านก็ยังอยู่ตรงซอยไทรม้าที่เป็นสต๊อกปลาร้าร้านเฟอร์นิเจอร์ของลูกชาย”

ลูกชายน้องฮีโร่กับอาเธอร์บวชให้กับคุณยายด้วย ? “เด็กๆ น่ารักแล้วก็มีหลานๆ แล้วก็มีลูกชายของแม่เขานั่นแหละ รวมกันบวชทั้งหมด 9 องค์ เป็นบวชพระนะคะ 9 องค์บวชพระให้ยายส่วนบวชหน้าไฟมีอีก 3 องค์ต่างหากไม่เกี่ยวกัน”

อายุเท่าไหร่กันบ้าง ? “คนโตอายุ 29 ย่าง 30 แล้ว ส่วนคนเล็ก 28 เต็มย่าง 29 เพราะว่ามีหัวปีท้ายปี”

เขาเม้าธ์ว่าแม่จะเลื่อยขาเก้าอี้คอมเมนเตเตอร์พี่สุ ? (โฟนอินกับฮาย อาภาพร) ฮาย : “ถ้าขาเขาแข็งขนาดนั้นใครก็เลื่อยไม่ได้ เรามีอะไรให้ทำเยอะแยะ จริงๆ เรามีอะไรปรึกษากันมากกว่า”

สุนารี เปิดใจ หลังผ่านมรสุมชีวิต สูญเสียคุณแม่ในอ้อมแขน

ตอนได้ข่าวเรื่องคุณแม่ของพี่สุนารีรู้สึกยังไงบ้าง ? ฮาย : “จริงๆ ก็ทำงานกับเจ๊ตลอด แกก็บอกว่าแม่ไม่ค่อยดีเลยตั้งแต่แรกเลย แกก็ขับรถไปมา บางทีมาถึงแต่งหน้าแล้วก็เข้ารายการเลย ยายต้องการมากๆ เรารู้ว่าบั้นปลายของคนแก่เขาอยากเห็นลูกทุกคนมาอยู่ด้วยกัน อยากได้ความอบอุ่นจากลูก เลยบอกว่าเจ๊ทำหน้าที่ลูกได้สมบูรณ์มากที่สุด บางคนจะอ้างว่าติดงานมาไม่ได้มาอีกทีแม่ไม่อยู่แล้ว เจ๊แกเหนื่อยมากแต่เขาเป็นคนจัดระบบระเบียบของเขาได้ดี เขารู้ว่าสิ่งไหนควรมาก่อนสิ่งไหนควรตาม ก็ให้กำลังใจตลอดแต่ว่าอาจจะไม่ได้มีโอกาสได้พูดเยอะๆ ไม่ค่อยได้มีโอกาสบอกเจ๊สักเท่าไหร่ เห็นการกระทำของเจ๊ก็ชื่นชมตลอด เป็นพี่สาวที่น่ารักที่สุด เป็นพี่สาวที่ทุกคนดูแลต้องเอาเยี่ยงอย่าง”

สุนารี : “เจ๊ต้องขอบคุณหนูด้วยนะ ฮายเขาก็เป็นคนแรกๆ เลยที่รู้ว่ายายเสีย เขาก็วิ่งไปให้กำลังใจคนแรกๆ เลย ขอบคุณมาก เขาเข้าใจเพราะว่าเขาเป็นคนดูแลแม่”

หลังๆ 3 สาว ตั๊ก สุ ฮาย ไม่ค่อยได้รวมตัวกัน เบื้องหลังมีเรื่องทะเลาะกันจริงมั้ย มีเรื่องธุรกิจแบ่งส่วนขายกำไรน้ำพริกกันอยู่ ? ฮาย : “ทุกคนมองว่าทะเลาะแต่เราไม่ได้ทะเลาะ เราชอบหยิกกันมากกว่า ยังไงก็แล้วแต่เป็นกำลังใจให้เจ๊ตลอด น้องเข้าใจความรู้สึกมากๆ”

สุนารี : “เราทำอะไรไม่เคยอิจฉากันหรอก มีแต่สนับสนุน เป็นคนแนะนำด้วยซ้ำไป”

ฝากให้กำลังใจ? ฮาย : “เจ๊ขาน้องเป็นกำลังใจให้นะ”

สุนารี : “รักหนูๆ รักยายเล้งด้วย”

อัพเดตหน่อยครั้งที่แล้วบอกว่ามีคนมาคุย 3 แบบ 3 สไตล์ 3 ประเทศเลย ตอนนี้เหลือกี่คนหรือว่าเพิ่มขึ้น ? สุนารี : “เพิ่มค่ะ(หัวเราะ) เขาคงเห็นใจเรานั่นแหละ พูดถึง 3 หนุ่มที่ยังติดต่อกันอยู่เป็นเพื่อนกัน ยังแค่เพื่อนไม่มีอะไรคืบหน้าไปกว่านี้ มีเดนมาร์ก นอร์เวย์ แล้วก็สเปน พอดีช่วงที่กลับไปดูคุณแม่ เราไม่ได้ตอบเขาเลย แม้แต่เพื่อนรักกันสนิทกันเรายังไม่ได้ตอบเขาเลย ไม่ได้ติดต่อเหมือนปิดโลกเลยดีกว่าอยู่มุมนั้นเลย ใช้เวลาอยู่กับแม่เลย”

สุนารี เปิดใจ หลังผ่านมรสุมชีวิต สูญเสียคุณแม่ในอ้อมแขน

คนเก่าก็ไม่ค่อยได้ตอบ คนใหม่ก็เข้ามาอีกประเทศไหน ? สุนารี : “อังกฤษ จริงๆ ไม่ได้ใหม่หรอก เป็นเพื่อนเก่าส่งมาแสดงความเสียใจ”

ในสายตาแม่รู้สึกคนไหนที่คุยด้วยแล้วเข้าตา ? สุนารี : “เด็กๆ นี่น่ารักทุกคนเลย เวลาคุยเขาก็จะชวนคุยมากกว่าความเป็นเพื่อน เราก็จะหยุดพอมันเริ่มมีประโยคไหนที่มันรุกมาเราก็จะบอกว่าฉันจะต้องทำงาน หรือถ้าเขามาไทยชวนไปกินข้าวก็จะไม่ไปก็จะบอกว่าฉันติดงาน ยังไม่อยากคบใครเลย แต่มีอยู่คนนึงเขาเห็นเราโพสต์ภาพแม่ เขาส่งมาแสดงความเสียใจด้วยก็คือหนุ่มสเปน แต่ว่าเรามาเปิดหลังจากที่งานเสร็จแล้วนะ จบงานยายทุกอย่าง”

สถานะตอนนี้ก็คือยังไม่เปิดใจถ้ามันรุกเกินเส้นกว่าคำว่าเพื่อน ? สุนารี : “ยังไม่ค่ะ อยากอยู่กับความรู้สึกกับแม่กับทุกๆ อย่างที่เป็นครอบครัวเราก่อน”

วางแผนบั้นปลายว่าอยากจะครองชีวิตโสดมากกว่ามั้ย ? สุนารี : “อันนั้นปล่อยตามธรรมชาติ ถ้าจะเจอจะมีก็ปล่อยตามธรรมชาติ ถ้าจะไม่มีก็อยู่ไปไม่เดือดร้อนก็มีความสุขได้แบบโสดก็ได้ ก่อนที่แม่จะป่วยแม่ก็มีความสุขกับชีวิตโสดนะ อยากจะกินอะไร อยากไปดริ้งค์ไปดื่มกับเพื่อนมันเหมือนกับชีวิตเป็นของเรา”

อยากให้พูดกับแฟนคลับแม่หน่อยเพราะทุกคนเป็นห่วงแม่ ? สุนารี : “สบายแล้ว คือจริงๆ พอพูดถึงก็จะมีน้ำตาก็แม่ทั้งคน แต่เอาจริงๆ มันอยู่ได้มันต้องเดินต่อไป ไม่ต้องห่วง ขอบคุณทุกๆ กำลังใจทั้งแฟนคลับ ลูกๆ หลานๆ ทั้งคนในครอบครัว ทั้งคนในวงการเพื่อนๆ ในวงการทั้งหมด แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าก็ยังให้กำลังใจเรา ขอบพระคุณมากๆ ก็ขอให้สิ่งที่ปรารถนาดีกับสุส่งกลับไปถึงทุกๆ คนด้วยเช่นกัน ขอให้โชคดีทุกคน ไม่ต้องห่วงนะ งานในวงการก็ยังทำ หลายคนกังวลว่าจะออกหรือเปล่า กลับไปอยู่บ้านก็จริง แต่ยังทำงานในวงการเหมือนเดิม”.

ทวงถามจนอาย ตั๊ก มยุรา จ่อฟ้อง! ถูกคนบันเทิงยืมเงินแสนแล้วไม่คืน

ขอไม่เอ่ยชื่อ ตั๊ก มยุรา จ่อฟ้อง! ถูกคนบันเทิงยืมเงินแสนแล้วไม่คืน ทวงถามจนอาย รู้ทีหลังยืมเงินคนทั่ววงการบันเทิงราว 20 ล้านบาท

มีเรื่องให้สงสัยกันอีกแล้วว่าดาราคนนั้นเป็นใคร เพราะล่าสุด พิธีกรรุ่นใหญ่ ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา ออกมาแชร์ประสบการณ์ที่จดจำไว้อีกหนึ่งบทเรียน เปิดใจผ่านรายการ แฉ วันที่ 1 ส.ค. 67 ช่วงหนึ่งของรายการเผยถึงเรื่องราวที่ถูกดาราดังยืมเงินแสน แต่ยังไม่ได้คืน ปรากฏมารู้ทีหลังว่าคนดังคนนั้นยืมเงินทั่ววงการบันเทิงราว 20 ล้านบาท งานนี้ พี่ตั๊ก บอกเลยว่ากำลังคุยกับทนายเรื่องการฟ้องร้องแล้ว

ตั๊ก มยุรา จ่อฟ้อง! ถูกคนบันเทิงยืมเงินแสนแล้วไม่คืน

โดย ตั๊ก มยุรา เผยว่า “พี่เป็นคนไม่ยุ่งกับใคร พี่เป็นคนไม่มีเพื่อนนะ พี่ไม่คบใคร ไม่ใช่ว่าไม่มีใครคบกับพี่นะ แต่พี่เป็นเลือกคบคน พี่มีก๊วนน้องกรุ๊ปหนึ่งที่เล่นกอล์ฟกับพี่ น่ารักมาก พี่ชอบแบบนั้น เป็นรุ่นน้อง คือเล่นกอล์ฟเสร็จก็ต่างคนต่างกลับบ้าน พี่ก็มีสังคมของพี่อยู่ไม่กี่คน เพราะพี่เป็นคนไม่เที่ยว ไม่ดื่ม เลยเลือกคบคน”

“ปรากฏว่า เล่าได้เปล่าเนี่ย ไม่เอ่ยชื่อนะ ความที่เราไม่ยุ่งกับคนในวงการ ก็มีอยู่คนหนึ่ง พี่กำลังสระผม ช่างก็อยู่บนหัวเต็มไปหมด เขาเรียกพี่ บอกหนูเดือดร้อนเงินมากเลย เราก็ ห๊ะ? แล้วจะให้พี่ช่วยอะไร เขาบอก พอดีลูกหนูกำลังมีปัญหาอยู่ หนูเดือดร้อนมาก หนูจะขอยืมพี่สัก 2 วันเท่านั้น”

“เขาเป็นคนที่ดูแล้วน่าเชื่อถือ เห็นปุ๊บ เราไม่มีทางรู้ว่าเขาจะไม่นั่น แล้วพี่ก็ลืมคิดไปนิดหนึ่งว่า คนที่มันช็อตเงิน แสดงว่ามันต้องไม่มีเงินเลยถูกไหม มันต้อง 0 อย่างเราคนมีตังค์ เราจะมีกระเป๋าซ้าย กระเป๋าขวา บัญชีโน้น บัญชีนี้ ถูกไหม มันจะไม่ 0 เราก็ลืมคิดไป”

“เราก็แล้วไง 2 วันใช่ไหม โอเคๆ เดี๋ยวพี่ค่อยพูดได้ไหม พี่กำลังไดร์ผมอยู่ ไม่ได้พี่ ต้องเดี๋ยวนี้เลย เราก็ลืม ไอ้ความที่เขาเป็นคนน่าเชื่อถือ เราก็เลยบอกโอเคๆ เดี๋ยวพี่ให้ เราก็โอนให้เขาไป”

ตั๊ก มยุรา จ่อฟ้อง! ถูกคนบันเทิงยืมเงินแสนแล้วไม่คืน

“เงินนะ อยู่ในกระเป๋าเรานะ จำไว้เลยนะ อยู่ในกระเป๋าเรา ถ้าเราใจอ่อน เราจะให้เขา เพราะเขาพูดว่าลูกไง พี่เป็นคนใจอ่อนเรื่องลูก และก็หมา อย่ามาคุยกับพี่ พี่ใจอ่อน บอกลูกกำลังมีปัญหาอย่างนี้ โอเคๆ พี่ก็โอนให้เขาไป”

แต่มันก็แค่แสนเดียว โอนไป 2 วันนะ โอเค 2 วันก็แล้ว ทวงก็แล้ว 3 วันก็แล้ว วันที่ 20 เดี๋ยวคนนั้นจะโอนมาให้ วันที่ 25 เดี๋ยวคนนี้จะโอนมาให้ ปรากฏว่าพี่มารู้ทีหลังว่า ยืมไปทั่ววงการ พี่ว่าน่าจะมี 20 ล้าน จริง แล้วปรากฏพี่ไปคุยกับอีกคน หนูโดนค่ะ หนูโดน 3 ล้าน อีกคนโดน 3 แสน รู้จักหมด อีกคนโดน 2 แสน อีกคนโดน 1.5 แสน ทั่ววงการเลย”

“พี่สงสารเขานะ แต่ถามว่าเอาเงินไปทำอะไร ทำไมมันใช้เงินเยอะขนาดนี้ คนเราเวลาทำงานก็ต้องมีเงินเก็บบ้างนะ ก็ไม่มีใครได้คืน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครได้คืน แล้วมันน่ากลัวตรงไหนรู้ไหม วันดีคืนดีมันจะมี SMS เด้งขึ้นมาว่า ดาราคนนี้ เบอร์นี้ ได้กู้หนี้นอกระบบ แล้วใช้คุณเป็นคนค้ำประกัน คุณจะต้องทำอันนี้ๆ พี่อ่านได้แค่นี้ แต่พี่ไม่กดเข้าไปดู พี่ไม่กล้ากด”

ตั๊ก มยุรา จ่อฟ้อง! ถูกคนบันเทิงยืมเงินแสนแล้วไม่คืน

“มีลูกน้องพี่คนหนึ่ง บอกว่าพี่อ่านหรือเปล่า หนูได้ SMS มันดันกดเข้าไปดู มีบัตรประชาชนเขาด้วย อยู่ใน SMS แล้วไม่มีการคาดขีดอะไรเลย น่ากลัวมาก พี่ว่าเขาไปกู้หนี้นอกระบบ โดนหมดเลย เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าเราจะให้ใครยืม จริงๆ มันให้ได้นะ ถ้าพี่นั่งคิดอะไรอยู๋หรืออยู่บนรถคนเดียว พี่จะไม่ให้นะ แต่นี่สระผมวุ่นวายอยู่ เหมือนตัดสินใจเร็ว”

“และปรากฏว่า มีดาราคนหนึ่ง โดนเหมือนพี่เลย โดนเรื่องลูกเหมือนกัน และโดนตอนที่เขาอยู่เมืองนอก และเขาโอนเดี๋ยวนั้น เหมือนกัน นั่นโดนไป 3 แสน เวลาโทรไปถามเขาก็จะบอก กำลังนั่งวิปัสสนาอยู่ กำลังอยู่วัด เราก็เอ๊ะ ทำไมเรื่องเหมือนกันเลย เรื่องเดียวกันเลย”

“ตอนหลังพี่ไม่อยากโทร พี่เลยคุยกับทนาย กำลังคุยกับทนายอยู่ ก็จะฟ้องร้องกัน ถ้าทำบุญเราทำได้นะ เงินแค่นี้ เราก็สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร แต่ว่าไม่ชอบคนพูดไม่จริง ไม่ชอบคนผิดคำพูด ไม่ชอบคนโกหก ถ้าบอกหนูมีเมื่อไหร่หนูจะใช้ พี่จะไม่รอ แต่นี่ขอ 2 วัน ถ้าเดือดร้อนจริงๆ เราเข้าใจได้ เราช่วยได้นะ แต่พอยืมเยอะ อันนี้น่าคิดแล้ว ใครที่เคยโดนยืมก็คงรู้แล้วแหละ”

“แอน อรดี” เคลียร์ดราม่าเป็นหมอลำโตนฮ้าน! เผยเรื่องในอดีตที่พูดให้คนอื่นฟังไม่ได้

เปิดเส้นทางหมอลำสุดฮอต “ณิชนันทน์ อินทรสอน” หรือ “แอน อรดี” กว่าจะโด่งดังอย่างทุกวันนี้ เคยด้อยค่าน้อยใจตัวเองจนไม่อยากร้องเพลง เกือบเป็นโรคซึมเศร้า แทบไปต่อกับชีวิตไม่ได้ พร้อมเคลียร์ดราม่าเป็นหมอลำโตนฮ้าน! ในรายการ “เบิ้ล AM”

แอน อรดี

ปีนี้ได้ยินข่าวว่า พี่แอน มีการรับเลี้ยงลูกบุยธรรมด้วย เป็นมายังไงครับ น้องเป็นฝาแฝดด้วย ?แอน อรดี : ใช่แล้วค่ะ ก็เป็นเรื่องที่แปลก คืออยู่ดีๆ คุณยายกับคุณแม่เขาพามาเจอพี่บอยก่อน แล้วก็บอกว่าครอบครัวเลี้ยงไม่ไหวช่วยรับน้องไปอุปการะได้ไหม คือด้วยความที่เขามีลูก 6 คน คนแรกมีคนอุปการะไปแล้ว ก็เหลือ 5 คน แต่คุณแม่เขาก็คอยมาถามสารทุกข์สุกดิบตลอดนะคะ

โตมาเราก็ไม่ได้ปิดกั้นก็จะบอกเขาว่านี้คือคุณแม่ ?แอน อรดี : ใช่ค่ะ ต้องบอกค่ะ ต้องให้เขารู้จักกตัญญู

ชื่อน้องพลอยและน้องเพชร มีแววที่จะเป็นนักร้องฝาแฝดสาวในอนาคตไหม ?แอน อรดี : แน่นอนค่ะ ดิฉันจะตั้งใจปลุกปั้นเป็นอย่างดี ตอนนี้ 1 ขวบ 4 เดือน

แอน อรดี

จุดเริ่มต้นของการเป็นหมอลำ ?แอน อรดี : คือเกิดจากความจำเป็น คือพ่อกับแม่แยกทางกัน เราก็ต้องหาค่าเทอมให้น้อง แค่คิดว่าหมอลำสามารถทำให้เรามีรายได้ ก็เลยมาเข้าประถมบันเทิงศิลป์ ทุกๆเย็นคุณพ่อ ส. จะมีสมุดกลอนลำ เอาไปท่องเด้อตอนเย็นก็มาร้องให้พ่อฟัง ก็เริ่มจากนางเอกน้อยไปก่อน เดินตาม แล้วก็ได้ร้องเพลงเต้ยบ้าง ร้องเพลงหมอลำบ้าง แต่ว่ายังไม่ได้ลำเรื่องอะไร ฝึกดูท่าทาง ดูเทคนิค ดูการพูดอะไรไปก่อน ช่วงนั้นก็อยู่ประมาณ ม.4 – ม.5 จากนั้นก็ไปศิลปินภูไท แล้วก็กลับไปประถมบันเทิงศิลป์อีกรอบหนึ่ง แล้วก็มาสาวน้อยเพชรบ้านแพง และหมอลำใจเกินร้อย

กลายเป็นกระแสไวรัลเพลงเก่ากลับมาดังใหม่นั่นก็คือเพลง “ลืมฮูดซิบ”แอน อรดี : เป็นเพลงของน้อง แรนดี้ อีสาน ค่ะ ตอนที่ได้ยินเพลงนี้ทีแรกก็ยังไม่รู้จักน้อง แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเราเป็นนักจัดรายการวิทยุ แล้วช่วงนั้นเราก็เปิดเพลงน้องซึ่งดังมากในสมัยนั้น คือตอนนั้นอายุ 13 ใช่ไหม เลยรู้สึกว่าเด็กคนนี้ทำไมร้องเพลงเก่งจัง เพลงก็ดีก็รู้สึกชอบตั้งแต่ตอนนั้น ในปัจจุบันเราก็เลยคิดว่าเพลงนี้น่าจะเอากลับมาเล่น เพราะดนตรีดีและเข้าใจง่ายคิดแค่นี้เลย

มีช่วงหนึ่งที่ แอน อรดี เกือบเป็นโรคซึมเศร้า ไม่อยากจะทำอะไรต่อแล้ว ไม่อยากร้องเพลงด้วยซ้ำ ?แอน อรดี : ไม่รู้ว่าชีวิตต้องการอะไร เราก็เจอเหตุการณ์ดราม่ามาก็เยอะ คอมเมนต์อะไรก็เยอะทำไมช่วงนั้นอ่อนแอจังเลย จิตใจไม่แข็งแรง เหมือนเดิมหรือว่าเราพักผ่อนน้อย หรือทำงานเยอะไป พยายามคิดแต่มันไม่มีคำตอบ แอนเคยทักไปหาเบิ้ลเพื่อที่จะอยากรู้ว่าคำถามที่อยู่ในใจมันคืออะไร เราอยากได้ยินจากคนที่เขาประสบความสำเร็จแล้วเขาผ่านมาได้ยังไง เราก็เลือกที่จะทักหาเบิ้ล โทรหาเบิ้ลว่าถ้าแอนคิดอย่างนี้แสดงว่าเราเป็นยังไงอยากฟังมุมมองของเบิ้ลด้วย

แอน อรดี

อะไรเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้กลับมามีความสุขแล้วก็เดินหน้าในการลุยงานได้ดีอย่างปัจจุบัน ?แอน อรดี : เวลาที่มันเป็นสำคัญเราก็จะเห็นแฟนคลับ เห็นทุกคนมาอยู่รอบข้างเรา เราก็เลยรู้สึกว่านี่ไงมันคือสิ่งที่ดีแล้วไง แล้วยังจะต้องถามอะไร กลัวอะไรอีก เหมือนกับการคุยกับตัวเองเรื่อยๆ แล้วก็สะกดจิตตัวเองว่าเธอต้องมีความสุขสิทุกคนอยากมาอยู่ตรงนี้นะ ทำไมเธอต้องน้อยใจตัวเอง ด้อยค่าตัวเอง ก็เลยเริ่มหาอะไรที่สนุกสนานมาดู อะไรขำๆ ก็ดู จนได้มีโอกาสคุยกับพี่บอยตรงๆ ตอนแรกแกก็ว่าเราเป็นบ้าหรือเปล่า คือแกเป็นคนที่ไม่เชื่อว่าโรคซึมเศร้ามีจริง แกเป็นคนที่ค่อนข้างจัดการกับตัวเองได้ดี แกก็อยากให้เราเข้มแข็งไปด้วยกัน

มีดราม่าเรื่องหนึ่งที่อยากจะเคลียร์ใจด้วยก็คือถูกตราหน้าว่าเป็นหมอลำโตนฮ้าน คืออะไร ?แอน อรดี : ปกติหมอลำเขาจะอยู่จนจบฤดูกาล ฤดูกาลหนึ่งจะมีอยู่ประมาณ 9 เดือน ตั้งแต่กันยายนจนถึงพฤษภาคม คำนี้จะเป็นคำที่ติดอยู่ในใจแอนมาตลอด ทุกครั้งที่เราจะย้าย ทุกครั้งที่เราจะปรับเปลี่ยน แอนจะโดนด่าตลอด จะมีดราม่าตลอด ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะหายไปจากแอนเมื่อไหร่ จริงๆ แล้วช่วงปีแรกตั้งแต่แอนไปอยู่ที่ประถมบันเทิงศิลป์ช่วงหนึ่งแอนได้กลับมาเรียน มาประกวดชิงช้าสวรรค์ เรียนจบเข้ามหาวิทยาลัย

สักพักหนึ่งครอบครัวแยกย้ายก็ต้องไปหาเงิน เข้าหมอลำอีกครั้งหนึ่ง ก็คือกลับไปศิลปินภูไท คุณพ่อวีให้โอกาสให้ชีวิตใหม่กับแอนเลยก็อยู่ได้ประมาณ 2-3 ปีก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ต้องออกจากวงกะทันหันซึ่งถือว่าเป็นปีที่พีคของแอนมาก ปีนั้นสังข์ทองรจนาดังมาก งานเข้าเยอะมาก แต่เนื่องจากเราเองมีปัญหาส่วนตัว

ซึ่งจริงๆแล้วแอนคบกับลูกชายพ่อวี แล้วตอนนั้นมันเปิดเผยไม่ได้ก็คบกันตามประสาวัยรุ่น ตอนนั้นเราก็อายุประมาณ 22-23 แล้ว แล้วก็รู้สึกว่ามันไปต่อกันไม่ได้ เราเองก็เหมือนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวเขาไปแล้ว ถ้าเราจะออกย้ายไปข้างนอกคนในวงก็จะมองยังไง

มันทำตัวลำบาก อึดอัดใจ เป็นเรื่องที่เราพูดให้คนอื่นฟังไม่ได้ว่าเราคบกัน ทำให้แอนปรึกษาคุยกับใครไม่ได้คือนอนร้องไห้ทุกคนด้วยความเป็นเด็กก็เลยเก็บกระเป๋าไม่อยู่แล้วหนีออกจากบ้าน มีผลกระทบเพราะเราเป็นนางเอก เขาก็หาคนเข้ามาไม่ทันแล้วก็เจ้าภาพหลายๆ งานก็ไม่พอใจทำไมไม่ใช่เรา ซึ่งเขาเองก็ได้รับผลกระทบเยอะมาก เชื่อไหมว่าปรากฎการณ์ในช่วงนั้นมันทำให้กลุ่มหมอลำตั้งกฎขึ้นมาว่าเราควรที่จะมีการเซ็นสัญญาให้กับพระเอกนางเอกเพื่อจะให้อยู่จบฤดูกาลเพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้

แอน อรดี

ช่วงนั้นปิดโทรศัพท์ 7 วันไปอยู่กับคุณย่าที่ขอนแก่น พอเริ่มรู้สึกว่าแข็งแรงก็โทรไปหาแม่อิ๋ว พ่อดาบ ส. ว่าหนูอยากทำงานเพราะหนูไม่มีตังค์เลย แม่รับหนูได้ไหม เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวแม่เคลียร์ให้ แม่อย่าว่าหนูนะเพราะหนูไม่รู้จะทำยังไงจริงๆแล้ว แต่หนูขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบากใจ เราก็กลับไปอยู่ประถมบันเทิงศิลป์วันที่เรามาขึ้นเวทีครั้งแรกก็ลุ้นว่าคนจะพูดยังไง แต่ก็พอรู้มาบ้างว่าฟีคแบคทางศิลปินภูไทเขาไม่โอเคว่าให้เราสารพัดว่า คอยดูสิจะอยู่ได้นานสักเท่าไร สักหน่อยมันก็โตนฮ้านอีก คือทุกอย่างเป็นการเริ่มต้นใหม่ก็จริง

แต่มันก็เป็นอะไรที่ยังติดอยู่ในใจ เราก็ทำงานแบบไม่มีความสุข นั่งทบทวนแล้วก็ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าถ้าได้มีโอกาสแก้ตัวจะไม่ทำแบบนั้นอีก จะเป็นคนดีทำที่ถูกต้อง จะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก แล้วถ้าเกิดว่าเราได้มีโอกาสเติบโตพัฒนาขึ้น มีโอกาสสอนน้องๆ เราจะแนะนำไม่ให้คนอื่นทำเหมือนเรา จะเป็นกระบอกเสียงในเรื่องนี้ อันนี้คือสิ่งที่ตั้งใจไว้ ก็พยายามพิสูจน์ตัวเองให้คนเหล่านั้นเขาได้เห็นว่าเราตั้งใจนะ

“เอสเธอร์” ยอมคืนดี “เคน ภูภูมิ” สงสัยเปลี่ยนตัวเองได้จริงมั้ย แสดงละครอยู่หรือเปล่า

เป็นอีกคู่รักวงการบันเทิงที่หลายคนช่วยกันลุ้น สำหรับ ”เอสเธอร์ – เคน ภูภูมิ“ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวยุติความสัมพันธ์ พร้อมกับที่หนุ่ม “เคน ภูภูมิ” เดินหน้าขอจีบใหม่อีกครั้ง วันนี้ ”นิกกี้ ณ ฉัตร“ บุกไปหานางเอกสาว ”เอสเธอร์“ ถึงร้าน “สุปรีย์” ที่ถือเป็นธุรกิจครอบครัว และพากันทำกิจกรรมตลอดวัน พร้อมล้วงความรักเรื่องหัวใจ “คบกันมา 8 ปีมีหึงหวงมั้ย?” เอสเธอร์เผย “ช่วงแรกที่คบมีบ้าง แต่เข้าใจงาน ก็จะเลือกไม่ดูผลงานกัน”

367a8894.mov.01_39_47_04.stil

นิกกี้ถามแทนใจผู้ชาย “มีเช็กมือถือกันมั้ย?” เอสเธอร์ยอมรับว่าเช็กรู้รหัสกันหมด เมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่เคนเดินหน้าขอจีบใหม่ “เขาจีบใหม่นานมั้ย หรือจริงๆ ก็รอเค้าอยู่” เอสเธอร์รับ “ไม่นาน เราแค่อยากให้เขาปรับปรุงนิสัย ให้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่ตัวเขา ตัวเราด้วย อย่างของตัวเองคือ นิ่ง อยู่ด้วยไม่สนุก”

367a8901.mov.02_28_12_18.stil

เคนจีบใหม่ยังไง? เอสเธอร์บอกว่า “จากเป็นคนไม่เคยถามไถ่ ก็เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น ไม่ใช่แค่กับเรา ครอบครัวเรา คนรอบข้าง หน้ามือเป็นหลังมือเลย ก็ถามเขา เธอแสดงละครหรือเปล่า เรารู้จักเธอมานาน เธอจะเปลี่ยนได้จริงมั้ย แต่ยอมรับว่าความสัมพันธ์ดีขึ้นมากๆ”

3x7a1343.mov.04_20_32_08.stil

นิกกี้ยังทิ้งท้าย คำถามสุดจี๊ดว่าจะมีข่าวดี เตรียมสละโสดหรือยัง งานนี้เอสเธอจะตอบว่ายังไง ไปฟังเต็มๆ พร้อมกันใน รายการซุปตาร์พาตะลุย วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น. ทางอมรินทร์ทีวี เอสดี ช่อง 34

2 ความหวังสุดท้าย เปิดคิวตบ ‘วิว-เมย์’ ล่าฝันโอลิมปิก

การแข่งขันแบดมินตัน โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปอร์ เดอ ลา ชาแปลล์ อารีนา กรุงปารีส จบวันที่ 1 ส.ค.67 นักแบดมินตันลงแข่ง 3 ประเภท ชายเดี่ยว รอบ 16 คนสุดท้าย “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 8 ของโลก ชนะ เคนตะ นิชิโมโตะ มือ 10 ของโลก 2-1 เกม

ชายคู่ รอบควอเตอร์ไฟนัล “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ กับ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน ลงเล่นรอบ 8 คู่สุดท้าย แพ้ ลีหยาง กับ หวังชิหลิน จากไต้หวัน 0-2 เกม

และหญิงเดี่ยวรอบ 16 คนสุดท้าย “เม” ศุภนิดา เกตุทอง แพ้ อากาเนะ ยามากูชิ 0-2 เกม

ทำให้ทีมแบดมินตันไทย จาก 9 คน ล่าสุดเหลืออยู่ในเส้นทาง 2 คน โปรแกรมดังนี้

ชายเดี่ยว รอบ 8 คนสุดท้าย “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 8 ของโลก พบ ฉือ ยู่ ฉี มือ 1 โลก ชาวจีน แข่งวันที่ 2 ส.ค.67 เวลาไทย 20.00 น.

หญิงเดี่ยว รอบ 8 คนสุดท้าย “เมย์” รัชนก อินทนนท์ พบ เกรกอเรีย ตุนจุง มือ 9 โลก ที่ชนะ คิม กาอึน จากเกาหลีใต้ 2-1 เกม 21-4, 8-21, 23-21

โดย เมย์ กับ ตุนจุง แข่งวันที่ 3 ส.ค. เริ่ม 13.30 น

คู่นี้เจอกัน 9 ครั้ง เมย์ สถิติเหนือกว่าเยอะ ชนะ 8 แพ้ 1 โดยโอลิมปิกที่โตเกียว ก็พบกัน และ รัชนก ชนะไปได้

สำหรับแบดมินตันไทย ไม่เคยได้เหรียญจากโอลิมปิกเกมส์

10 เรื่องราวชีวิต จารุณี สุขสวัสดิ์ อดีตราชินีจอเงิน เจ้าของวลี แม่ ไม่ปลื้ม

ทำความรู้จัก 10 เรื่องราวชีวิต “เปิ้ล จารุณี สุขสวัสดิ์” อดีตราชินีจอเงิน เจ้าของวลี “แม่ไม่ปลื้ม” หลังออกตัวหนุน “บิ๊กตู่” พร้อมบอกไม่ต้องการเป็นทาสอเมริกา แค่นี้ก็ลำบากจะตายแล้ว

ตกเป็นประเด็นที่โซเชียลจับตามอง สำหรับกรณีเมื่อวานนี้(22 พ.ค.66) นักแสดงรุ่นใหญ่ “เปิ้ล จารุณี” หรือ “จารุณี สุขสวัสดิ์” เดินทางไป “พรรครวมไทยสร้างชาติ” เพื่อให้กำลังใจ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” พร้อมกับแสดงจุดยืนปกป้องสถาบัน เพราะไม่ต้องการเห็นชาติสูญสิ้นสลายเหมือนอาร์เจนตินา หรือเวเนซุเอลา รวมถึงบอกว่า

“เรารักชาติ ไม่ต้องการให้ต่างประเทศเข้ามา และไม่ต้องการไปเป็นทาสของสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ เพราะปัจจุบันก็ลำบากอยู่แล้ว เราจะอยู่กันอย่างไรต่อไปได้ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เราทำงานอะไรไม่ได้เพราะประเทศไม่ใช่ของเรา”

ซึ่งภายหลังที่ข่าวดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป โซเชียลก็วิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น ส่งผลให้ชื่อของ เปิ้ล จารุณี ติดเทรนด์บนโซเชียล วันนี้ “สปริงบันเทิง” จึงขอพาทุกคนไปรู้จักดารารุ่นใหญ่ “เปิ้ล จารุณี” เจ้าของวลี “แม่ไม่ปลื้ม” กันให้มากขึ้น ดังนี้

1. เปิ้ล มีชื่อจริงว่า จารุณี สุขสวัสดิ์ เกิด 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 ปัจจุบันอายุ 61 ปี เป็นนักแสดงหญิงลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส บิดาเป็นชาวฝรั่งเศส ชื่อแฟร์น็อง เดส์แน็ช (Fernand Desneiges) และมารดาเป็นชาวไทย ชื่อระเบียบ สุขสวัสดิ์

2. เป็นเจ้าของฉายา “ดาราทอง”, “ราชินีจอเงิน”, “ราชินีนักบู๊” หนึ่งในตำนานนางเอกหนังไทยขวัญใจมหาชน นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของวลี “แม่ไม่ปลื้ม” ในละคร “ขิงก็รา ข่าก็แรง” ด้วย

10 เรื่องราวชีวิต จารุณี สุขสวัสดิ์ อดีตราชินีจอเงิน เจ้าของวลี แม่ไม่ปลื้ม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ฉุนสื่อจี้ถามปล่อย ส.ว ฟรีโหวตเลือกนายกฯ? เปิ้ล-จารุณี โผล่ให้กำลังใจ

เปิ้ล จารุณี เล่าอุทาหรณ์ชีวิต เคยรถคว่ำเป็นอัมพาต คิดปลิดชีพตัวเอง 3 ครั้ง

เปิดสาเหตุ เอส กันตพงศ์ วูบหมดสติกลางงานอีเวนต์ เบื้องต้นอาการยังวิกฤต

3. ก่อนเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิง เปิ้ล จารุณี เคยทำงานในสวนสนุกแฮปปี้แลนด์ โดยทำหน้าที่จำหน่ายบัตรผ่านประตูและเครื่องดื่ม รวมถึงเคยแสดงเป็นสโนว์ไวท์ในขบวนพาเหรดของสวนสนุก และเคยทำงานรับจ้างเป็นจับกังและคนงานก่อสร้าง เพื่อส่งเสียตนเองเรียนหนังสือและส่งให้ครอบครัว

4. สำหรับการเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงนั้น เริ่มจากแสดงภาพยนตร์ในสังกัดสีบุญเรืองฟิล์มเรื่อง “สวัสดีคุณครู” เป็นเรื่องแรกภายใต้การกำกับการแสดงของบรมครู “พันคำ” เมื่อปี 2520 โดยแสดงร่วมกับนางเอกวัยรุ่นอีกคน คือ “กาญจนา บุญประเสริฐ” ก่อนจะเป็นนางเอกเต็มตัวในภาพยนตร์เรื่อง “รักแล้วรอหน่อย”

5. จากนั้นเธอก็ได้แสดง “บ้านทรายทอง” เมื่อปี 2523 ซึ่งเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 9 ล้านบาท ตามด้วย “พจมาน สว่างวงศ์” ซึ่งทำรายได้ถล่มทลายไม่แพ้กัน ทำให้ชื่อของ เปิ้ล จารุณี เป็นที่ต้องการของบรรดาผู้สร้าง ผู้กำกับ สายหนังและแฟนภาพยนตร์ไทย จนได้รับสมญานามจากสื่อมวลชนว่าเป็น “ดาราทอง”

10 เรื่องราวชีวิต จารุณี สุขสวัสดิ์ อดีตราชินีจอเงิน เจ้าของวลี แม่ไม่ปลื้ม

6. จากฝีมือการแสดงขั้นเทพนั้น ทำให้เธอมีงานหลั่งไหลเข้ามามากมาย จนได้ชื่อว่าเป็น “นางเอกคิวทอง” สามารถแสดงได้ทุกบทบาท ทั้งบู๊ ตลก แก่น เซี้ยว เปรี้ยว ซน ถือเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้น

7. นอกจากผลงานละครจะโด่งดัง เป็นที่รู้จักมากๆ แล้ว ในวงการภาพยนตร์ก็โด่งดังไม่แพ้กัน เพราะภาพยนตร์ที่มีเธอร่วมแสดง ทำเงินได้ดีทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มเล็กหรือฟอร์มใหญ่ จนมีการการันตีว่า “ถ้าหนังเรื่องไหนได้จารุณีเป็นนางเอกแล้ว รับรองไม่มีเจ๊งหรือขาดทุนอย่างแน่นอน”

8. แฟนภาพยนตร์รักและศรัทธาในตัว เปิ้ล มาก ถึงขั้นก่อตั้ง “ชมรมสุขสวัสดิ์” เพื่อเผยแพร่แลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันและกัน ถือเป็นแฟนคลับยุคแรกๆ ของศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ยุคที่ยังไม่มีระบบสารสนเทศและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย

9. ย้อนไปปี 2524 เปิ้ล จารุณี เคยประสบอุบัติเหตุผิดคิวกลางกองถ่ายหนัง “ลูกสาวกำนัน” กับฉากขับเรือในคลอง ที่ต้องเล่นจริงแสดงจริง โดยเรือหางยาวพุ่งเข้าชนกับเสาสะพานไม้อย่างจัง ทำให้ร่างตกลงไปในคลอง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เปิ้ลต้องเข้าผ่าตัดถึง 5 ครั้ง ต้องใช้เหล็กดามกระดูกไว้และเข้ารับกายภาพบำบัด

10. ในปี 2565 เปิ้ล จารุณี เคยออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่ง เล่าถึงเรื่องราวในชีวิตที่ไม่ได้สวยหรู เคยรถคว่ำหลังหักเป็นอัมพาต ไม่รู้สึกตั้งแต่ช่วงเอวไปขณะหนึ่ง ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนั้น ส่งผลต่อระบบการขับถ่ายไม่ทำงาน นอกจากนี้ยังเคยเกือบฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้ง ทั้งกินยานอนหลับ และกรีดท้อง เพราะความน้อยใจครอบครัว

10 เรื่องราวชีวิต จารุณี สุขสวัสดิ์ อดีตราชินีจอเงิน เจ้าของวลี แม่ไม่ปลื้ม

10 เรื่องราวชีวิต จารุณี สุขสวัสดิ์ อดีตราชินีจอเงิน เจ้าของวลี แม่ไม่ปลื้ม

10 เรื่องราวชีวิต จารุณี สุขสวัสดิ์ อดีตราชินีจอเงิน เจ้าของวลี แม่ไม่ปลื้ม

เปิดบ้าน แสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

ส่องภาพคู่รักดารารุ่นใหญ่ “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ” ที่อบอุ่นมาก

เป็นอีกคู่รักดารารุ่นใหญ่ของวงการบันเทิงไทยที่ครองรักกันมายาวนานระหว่างนักแสดงหนุ่ม “น็อต นุติ” และนักแสดงสาว “กวาง กมลชนก” ที่ทั้งคู่นั้นแต่งงานมาแล้วกว่า 17 ปี แต่ยังหวานชื่นไม่เปลี่ยนแปลง แถมยังโซ่ทองคล้องใจถึง 2 คนนั่นคือ “น้องเน็ต เนตต์” และ “น้องเนย เนตรทราย” นับเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากครอบครัวหนึ่งเลยทีเดียว

วันนี้เราจะพาไปส่องบ้านครอบครัว “เขมะโยธิน” กัน เพราะเมื่อมีเวลาว่าง ครอบครัวนี้มักจะใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันภายในบ้าน แถมบ้านหลังนี้ยังโดดเด่นไปด้วยการแต่งหินวางเรียงโชว์ พร้อมปลูกต้นเล็บมือนางให้เลื้อยเป็นซุ้มเหนือประตู ให้ชุ่มชื่นใจ ว่าแล้วมาชมกันดีกว่า

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เปิดบ้านแสนอบอุ่น ของคู่รักดารา “กวาง กมลชนก-น็อต นุติ”

เบื้อง หลังความสำเร็จ ‘สมจิต จงจอหอ’ ประดับยศ พันโทแล้ว

ต้องบอกว่าไม่มีใครไม่รู้จัก สำหรับ “สมจิตร จงจอหอ” เป็นนักกีฬามวยสากลสมัครเล่นชาวไทย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัย เหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย และได้รับเกียรติให้เป็นผู้เชิญธงชาติไทย นำคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ในพิธีปิดโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 26

สมจิตร จงจอหอ ก้มกราบเท้าแม่ เลื่อนขั้น ประดับยศเป็นพันโท

เมื่อปี พ.ศ. 2558  “สมจิตร” ได้ตั้งค่ายมวยเป็นของตัวเอง ในชื่อสมจิตรยิม เปิดสอนมวยไทยแก่เยาวชนและผู้ที่สนใจ ที่จังหวัดนครราชสีมา

สมจิตร จงจอหอ ก้มกราบเท้าแม่ เลื่อนขั้น ประดับยศเป็นพันโท

สมจิตร จงจอหอ ก้มกราบเท้าแม่ เลื่อนขั้น ประดับยศเป็นพันโท

เเละล่าสุดก่อนอื่นต้องขอเเสดงความยินดี เมื่อ “สมจิตร จงจอหอ” ได้ก้มกราบเท้าแม่ หลังรับการเลื่อนขั้น ประดับยศเป็นพันโท สมจิตร จงจอหอ (สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย)

สมจิตร จงจอหอ ก้มกราบเท้าแม่ เลื่อนขั้น ประดับยศเป็นพันโท

อีกทั้ง “สมจิตร จงจอหอ” ก็ได้โพสต์ระบุข้อความว่า  “กราบคุณแม่ฝ้าย ดวงวิญญาณพ่อเช้า ที่ ปลูกฝังให้ลูกคนนี้เป็นคนดี ขอบคุณครอบครัวผู้อยู่เบื้องหลัง ขอบคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านทุกสาย สายเรียน สายมวย และอาจารย์โค้ชชีวิตสุดท้ายขอบคุณกัลยานิมิตที่ดี เพื่อนผ้องน้องพี่ที่รักกัน ที่อยู่ด้วยกัน ได้ที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันที่ตักเตือนกัน ที่ให้กำลังใจ (จากใจ สมจิตร จงจอหอ)”

สมจิตร จงจอหอ ก้มกราบเท้าแม่ เลื่อนขั้น ประดับยศเป็นพันโท

สมจิตร จงจอหอ ก้มกราบเท้าแม่ เลื่อนขั้น ประดับยศเป็นพันโท

สมจิตร จงจอหอ ก้มกราบเท้าแม่ เลื่อนขั้น ประดับยศเป็นพันโท

สมจิตร จงจอหอ ก้มกราบเท้าแม่ เลื่อนขั้น ประดับยศเป็นพันโท

คู่รัก ดาราเบอร์ต้น สลัดภาพ คนดัง หอบลูกๆไปไถนา-จับปู

อีกหนึ่งครอบครัวยที่น่ารักและอบอุ่นมากๆสำหรับครอบครัวของ กาย รัชชานนท์ และ ฮารุ สุประกอบ พร้อมลูกๆ น้องคีริน, น้องไนร่า และน้องเอเดน หลายคนต่างชื่นชมการเลี้ยงลูกของพวกเขา ที่พาลูกเปิดประสบการณ์ในหลายเรื่อง เป็นประสบการณ์ที่ลุยกันสุดๆ ไม่กลัวเลอะ ไม่ถือตัวอีกด้วย ล่าสุด ทั้งคู่พาลูกๆไปจับปูและลองไถนา โดยสาวฮารุโพสต์คลิปลงอินสตราแกรมส่วนตัว @harusuprakob พร้อมแคปชั่นระบุว่า “ไถนาครึ่งวันยังไม่ใกล้เสร็จ เพื่อนเลยไล่ไปจับปู #3ยอดกุมาร #guyharufamily #กุมารtravelbackpack” ท่ามกลางแฟนคลับแห่คอมเมนต์ชื่นชมจำนวนมาก

453285646 1513283259626995 2457569982533127555 n

1722573058390

1722573050639

1722573039556

1722573030173

1722573018090

453119947 443201048700598 2901626632689171010 n

453393986 386858774427834 788092525688973311 n

453641499 344951295218878 7682007690199683826 n

453490829 1661983074561583 4182804988363314854 n

453357069 1016626686830048 5829577214541693767 n

453527061 1032693305524203 5139700423067664448 n

453475594 1041765253982531 6826267590729034416 n

กยศ. ประกาศข่าวดี คำนวณยอดหนี้ใหม่แล้ว ยอดหนี้ลดลง มีคนได้รับเงินคืน เช็กด่วน

หลังกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้มีการคำนวณยอดหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืมจำนวนกว่า 3.65 ล้านบัญชีเสร็จแล้ว มีผู้กู้ยืมได้รับประโยชน์หลังจากคำนวณยอดหนี้ใหม่จำนวนกว่า 2.98 ล้านราย ภาระหนี้ลดลง 56,326 ล้านบาท โดยผู้กู้ยืมส่วนใหญ่มียอดหนี้ลดลง บางรายสามารถปิดบัญชีได้ และบางรายได้รับเงินคืน ซึ่งในจำนวนนี้ ประกอบด้วย

ผู้กู้ยืมมียอดหนี้ที่ต้องชำระลดลง จำนวน 2.8 ล้านราย

ผู้กู้ยืมที่มียอดชำระหนี้ครบถ้วนและสามารถปิดบัญชีได้ จำนวน 177,936 ราย

มีผู้จะได้รับเงินคืน จำนวน 177,917 ราย เป็นเงิน 2,104 ล้านบาท

สามารถหยุดหักเงินเดือนผ่านองค์กรนายจ้าง จำนวน 18,326 ราย

โดยผู้กู้ยืมสามารถเข้าระบบตรวจสอบภาระหนี้ที่คำนวณใหม่ได้ที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

วิธีตรวจสอบยอดหนี้ใหม่

1.เข้าเว็บไซต์ www.studentloan.or.th

2.เลือกเมนู “ตรวจสอบคำนวณยอดหนี้ใหม่”

3.กรอกข้อมูลตามบัตรประชาชย

4.กดยืนยันการลงทะเบียน

ทั้งนี้ การคำนวณยอดหนี้ใหม่ข้างต้นเป็นการคำนวณหนี้โดยไม่ใช้ระบบ “กยศ. Connect” ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 โดยได้นำรายการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมเงินแต่ละรายที่ได้ชำระเงินคืนกองทุนฯนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกมาคำนวณหนี้ใหม่ตัดชำระเงินต้นเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ คิดดอกเบี้ยในอัตรา 1% ต่อปี และคิดเบี้ยปรับในอัตรา 0.5% ต่อปี

หากผู้กู้ยืมประสงค์จะปรับโครงสร้างหนี้ กองทุนฯจะใช้ยอดหนี้ที่ได้คำนวณใหม่นี้ในการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เพื่อปลดภาระผู้ค้ำประกันให้พ้นจากความรับผิด และเมื่อระบบ กยศ.Connect ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์แล้วยอดหนี้ทั้งหมดจะถูกปรับโดยอัตโนมัติและจะแสดงในแอปพลิเคชัน กยศ.Connect ต่อไป

ข้อมูลจาก กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา

Popular Posts

My Favorites

ความแตกตอนเข้า รพ. เบิกประกันค่ารักษาไม่ได้ ทั้งที่จ่ายเงินมาทุกปี ตัวแทนสารภาพ

0
ความแตกตอนเข้า รพ. เบิกประกันค่ารักษาไม่ได้ ทั้งที่จ่ายเงินมาทุกปี รพ.แจ้งสิทธิ์รักษาสิ้นสุดเมื่อปี 64 ตัวแทนสารภาพ เอาเงินไปใช้ส่วนตัว วันที่ 24 ก.ค.67 นายนิรันด์ อยู่ยอด อายุ 44 ปี พร้อมด้วย น.ส.สุกัญญา เหมือนจะเรศ อายุ 33 ปี สามี-ภรรยา นำเอกสารเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อาวุฒิ...