Home Blog Page 223

นายก อบต. ไถติ๊กต็อกเจอเลข หลวงพ่อศิลา ถูกรางวัลที่ 1 รับ 12 ล้าน

วันที่ 2 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สภ.หัวไทร นายฉลอง หนูพันธ์ นายกอบต.รามแก้ว อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช นำสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 ส.ค.2567 เลข 407041 รางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบ มาลงบันทึกประจำวัน โดยมีญาติและครอบครัวเดินทางมาแสดงความยินดี

นายฉลอง กล่าวว่า ได้นั่งดูติ๊กต๊อกรถใหม่ป้ายแดงของหลวงพ่อศิลา ก-0411 กาฬสินธ์ จึงได้ไปหาซื้อลอตเตอรี่ได้มา 2 ใบ เมื่อผลสลากกินแบ่งรัฐบาลออก ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1

นายก อบต. ดวงเฮง ไถติ๊กต็อกเจอเลขเด็ด หลวงพ่อศิลา ถูกรางวัลที่ 1 รับเน้น ๆ 12 ล้านบาท ตอบชัดเห็นอะไร ครอบครัวแห่แสดงความยินดี

นายฉลอง กล่าวต่อว่า ซึ่งตนมีความดีใจเป็นอย่างมาก จึงได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวัน ส่วนเงินรางวัลที่ได้ 12 ล้านบาท ก็จะมีการนำไปชำระหนี้สินและเก็บไว้ทำมาหากินต่อไป

แน็ก – กามิน โชว์ท้องกลางไลฟ์ บอกด้วยเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย รู้ใจกันสุดๆ

แฟนคลับแชร์ภาพ สาวกามิน กำลังเอาไดร์เป่าผมมาตรวจท้อง แน็ก ชาลี พร้อมข้อความว่า เด็กผู้ชายหรือผู้หญิง

พร้อมทั้งเผยคลิป ขณะ แน็ก ชาลี และ กามิน กำลังไลฟ์สดช่วยกันทำมาหากินขายของกันอยู่ มีการโฟกัสไปที่พุ่งของ แน็ก และ กามิน ก็บีบพุงแน็ก

จากนั้น แน็ก เดินไปหยิบ ไดร์เป่าผมมาให้ กามิน ก็รับมุกรู้ทันทีว่าต้องเล่นมุกอะไร โดยเอาไดร์เป่าผมมาตรวจครรภ์ แน็ก ด้าน แน็ก ถาม boy or girl กามิน ก็ตอบว่า boy พร้อมทั้งบอกใกล้คลอดแล้วด้วย

เรียกเสียงฮา แฟนๆ ก็ต่างคอมเมนต์แซว อาทิ กามินทำชาลีท้อง ใกล้คลอดละ!, พอชาลีหยิบไดร์มา กามินก็รู้ว่าจะเล่นมุกแบบไหนกัน รู้ใจกันสุดๆ , โอ้ยท้องแทนซะล่ะ , รู้ใจกันจริงๆค่ะ ส่งมุกไหน กามินรับได้ตลอดเลย

เดี๋ยวนี้ไม่มองตาก็รู้ใจกันแล้วหรือนี่ เขาคือคนเดียวกันแล้วจริงๆๆ น่ารักๆๆๆ , แหมมมมม รู้ด้วยนะ ว่าชาลีชอบลูกชาย , กามินอยากได้ลูกชาย เป็นต้น

พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

เป็นประเด็นไม่จบจนต้องถึงมือนักธุรกิจสาว มิเรียน อัคเซลการ์ด มาไล่ตอบคอมเมนต์ที่คนจับตาความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม ดีเจพีเค ปิยะวัฒน์ ทั้งกระแสข่าวตั้งท้อง แต่งงาน รวมไปถึงเรื่องเลิกลา

ซึ่งมิเรียน บอกชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้ท้อง และไม่ได้มีแพลนแต่งงานค่ะ , ไม่เลิก ไม่ท้องค่ะคอนเฟริม
ล่าสุดถึงคิว พีเค เคลื่อนไหวบ้างโดยเจ้าตัวโดยแชร์โพสต์ของแฟนสาวจูงมือกันแสนหวาน ตอกย้ำความสัมพันธ์รัก สยบทุกข่าวเม้าท์!!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

 พีเคโพสต์ภาพนี้ชัด! หลังถูกจับสัมพันธ์มิเรียนตั้งท้อง-แต่ง-เลิก?!

หย่าภรรยา-ใช้ชีวิตลำพังกลับ ดูเปลี่ยนไปมาก ล่าสุด ‘ออย ธนา’ ในวัย 47 ปี หล่อโกงอายุ เหมือน หยุดเวลาไว้เมื่อ 10 ปี

ออย ธนา เปิดใจสถานะโสดรับเลิก เธอ รวรีย์ แยกกันอยู่มาครึ่งปี ตอนนี้โฟกัสแค่เรื่องลูก รับได้คนกลางไกล่เกลี่ย เผยเจ็บจนจุก ถึงขั้นเป็นซึมเศร้า มดดำ ยังบอก จบแบบโหด

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวคราวว่า ออย ธนา ได้เลิกราและแยกทางกับภรรยา เธอ รวรีย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุด (25 เมษายน 2565) ออย ก็ได้ออกมายอมรับเรื่องดังกล่าวผ่านรายการ แฉ พร้อมยอมรับสถานะตอนนี้โสดมาเกือบครึ่งปีแล้ว ซึ่งช่วงแรกที่ชวนมาออกรายการยอมรับว่ายังมาไม่ไหว ไม่รู้จะพูดอะไร กลัวพูดไปแล้วจุก

โดยตอนนี้เหลือเพียงสถานะพ่อแม่ของลูกเท่านั้น ถามว่าจุกขนาดไหน คือพอเราตั้งเป้าโกลสุดท้ายไว้ว่า มนุษย์พ่ออย่างเรา ครอบครัวเราอยากสร้างให้ดีก่อน วันหนึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันหายไป มันไม่รู้จะทำอะไรเลย คือก็มี พี่ดุ๊ก ภาณุเดช ไลน์มาถามเป็นไงบ้าง เราก็บอกว่าไม่รู้จะทำอะไรเลยพี่ แบลงก์ไปหมด ถ้าทำงานยังมีอะไรให้คิด แต่เมื่อไหร่ที่อยู่คนเดียวมันจะคิดวนไปวนมา หลาย ๆ อย่าง เพราะอะไร ทำไม ไปเรื่อย ๆ ในช่วงแรก ๆ

ส่วนเรื่องมันเกิดจากโพสต์ไอจีเศร้า ๆ เจ้าตัวก็ยอมรับว่ามันคงฟุ้งซ่าน ไม่รู้จะทำอะไร หาทางออกทางโน้นทางนี้ระบาย ทั้งที่มันไม่ควรบ้าง เราก็หาเพื่อนคุย โพสต์ เขียน แล้วก็มีกำลังใจดี ๆ พออ่านก็ช่วยได้เยอะ

ด้าน มดดำ ก็บอกว่ามีคนถามเยอะมาก แต่เราไม่มีไลน์ได้แต่ฝากคนอื่นไปบอกให้สู้ ๆ นะ เพราะเขาก็เปลี่ยนไปเยอะ วันหนึ่งมีครอบครัวฝันเต็มที่ ไปไม่ถึงฝัน แต่ก็ยังมีลูกไง ด้านออยก็เผยว่า ใช่เราก็ช่วยกันทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ยอมรับว่ามันอาจจะไม่สมบูรณ์มาก เรายังเป็นพ่อแม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ช่วยกันทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ให้เขาไม่ได้ขาดอะไร

ส่วนเรื่องที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาโพสต์เกี่ยวกับชีวิตคู่ที่บอกว่าตัวเองที่เวิ่นเว้อจนทำให้เข้าใจผิดไป ออยก็ชี้แจงว่า หลายคนคงจะเดาเป็นอะไร เขียนอะไรที่ไม่ควรเขียน เราก็เหมือนขอโทษด้วยมีบางสิ่งกระทบบางคนที่เสียหาย คือเป็นเราที่เวิ่นเว้อไปเอง พยายามจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนทุกคู่ที่มีปัญหาบ้าง และมันเดินมาถึงจุดหนึ่งที่คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว เราทำยังไงกันดี ดีกว่า เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ตอนนั้นก็ช่างมัน เอาเป็นว่าจะเดินหน้าต่อไปยังไงให้ดีที่สุด

เมื่อถูกถามว่า มีช่วง 3 เดือนเก็บตัวไม่เจอคนเลยเหรอ ซึ่งออยก็กล่าวว่า ตอนนั้นยังทำงานต่อ ละครใกล้จบ ช่วงรอยต่อละคร ก็ว่างด้วย มีโควิดไม่ควรออกไปไหนด้วย หลาย ๆ อย่างรวม ๆ กันก็ไม่ได้อยากเจอใคร ตอนนั้นก็อยู่กับตัวเองตลอดเวลา มันก็มีทั้งข้อดีและไม่ดี ข้อดีมีเวลาคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น ควรจะทำอะไร ข้อไม่ดีมันจะวนเวียน เราจะอยู่ที่เดิม

มดดำ ยังถามถึงว่าเป็นพระเอกมาตั้งแต่เด็ก ตอนจบละครแฮปปี้เอนดิ้ง ชีวิตจริงเป็นไหม ซึ่งออยก็ตอบว่า มันไม่เสมอไป ทุกคนมีทางเดินที่ต่างกันไป มุมมองที่ต่างกัน บทสรุปความคิดที่ไม่เหมือนกัน โจทย์มีเยอะมากมายสามารถเกิดอะไรขึ้นได้กับชีวิตทุกคน จุดที่ตนยืนก็ไม่เหมือนกับจุดที่เขายืน เพราะเรามองไม่เหมือนกัน

ออย ยังยอมรับว่ากว่าจะตั้งหลักได้วนเวียนในตัวเองหลายเดือน จนรู้สึกว่าเราออกไปทำงานไม่ได้ ออกไปใช้ชีวิต ไปเล่นละครไม่ได้ จนไลน์คุยกับเพื่อนไม่ไหวแล้ว ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ชีวิตเดินต่อไป ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าเราจะทำอะไร เหมือนหลอกตัวเอง สะกดจิตตัวเองว่าพอแล้วไม่เสียใจแล้ว พอแค่นี้ คิดดีกว่าว่าเราจะทำอะไร แต่ก็ได้แบบหลอก ๆ แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย พยายามใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไร มันยากที่จะออกมาพูดอะไร คือเราอึดอัด ตอนนั้นก็หาอะไรมาทำเพื่อให้ลืม

สำหรับเรื่องลูกจากที่ไม่ได้เจอลูกก็ได้กลับมาเจอลูกทุกอาทิตย์แล้ว ซึ่งออยเปิดเผยว่า จากที่เราตกลงกันไม่ได้ หาคนกลางมาคุยไกล่เกลี่ยให้เรา เป็นคนที่สำคัญพอให้เรายอมรับ มีคนคุยให้มีบทสรุปที่มีผลทางข้อกฎหมาย ให้เราปฏิบัติ

งานนี้ทำเอามดดำถึงกับบอกว่า จบแบบโหดเหมือนกันเนาะ ด้าน ออย ก็บอกว่าให้เรียกว่าจบแบบเคลียร์ดีกว่า ไม่สนว่าคุณจะมีปัญหาอะไรกัน เอาต่อจากนี้คุณต้องทำอะไร ซึ่งมันก็มีขึ้นมาก ต่อไปนี้เราไม่สนว่าเราจะทะเลาะอะไรกัน เราจะโฟกัสที่เด็กให้ได้ประโยชน์ที่สุด เขาก็สั่งเรามาสั่งเขามา มีผลทางปฏิบัติต้องช่วยกันดูแลให้ดีที่สุด

ส่วนเรื่องของอนาคตถามว่าจะมีคนมาดูแลเราไหมหรือปิดประตูไปเลย เข็ดกับความรักไปเลยไหม คือตอนนี้ยังไม่รู้เลย ตอนนี้ทำทีละอย่าง เราเพิ่งพ้นจากความมึน อึดอัด จากที่เราไม่รู้ว่าจะทำอะไรและรู้สึกว่างเปล่ามาก หายไปหมดเลย แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วเราต้องดูแลลูกเรา

ขณะที่ น็อต ก็บอกว่าโชคดีที่ไม่เป็นถึงโรคซึมเศร้า ซึ่งออยก็บอกว่า มีซึมเศร้า เข้าใจคนที่ดาวน์สุด ๆ มันสามารถคิดอะไรไม่ดีเยอะแยะมันมี คิดว่าทุกคนต้องมีที่่ผิดหวังจากอะไรบางอย่าง หล่นจากตึกแรง ๆ มันไม่รู้ว่าเจ็บด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็ดีขึ้น ได้มาดูแลลูกสาว มีส่วนช่วยให้เขาเจริญเติบโตไปช่วยกันดูแล คือเราก็ติดลูกมาก

“แชมเปญ เอ็กซ์” จากเซ็กซี่สตาร์ พลิกผันชีวิตหัน หน้าสู่การเกษตร ทำไร่ทำ สวนกว่า 200 ไร่

หลังห่างหายไปจากวงการบันเทิงไปกว่า 10 ปี สำหรับอดีตนางแบบเซ็กซี่และนักแสดงชื่อดังอย่าง แชมเปญ เอ็กซ์ หรือ จันทร์เพ็ญ ชุณห์ศรี ที่ผันตัวเองไปเป็นเกษตรกรอย่างเต็มตัว ทำไร่ ทำนา และสวนผสม ร่วมกับสามีดีกรีนักบินอย่าง แวน-วันชาติ ชุณห์ศรี บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ของไร่วันจันทร์เพ็ญที่ตำบลโคกปี่ฆ้องอำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ด้วยความคิดถึงรายการต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 จึงได้เชิญสาวแชมเปญ เอ็กซ์ มาเยือนรายการ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าตอนนี้ชีวิตแฮปปี้สุดๆ มีคิดถึงแต่ก็วงการอยู่บ้าง

หายจากวงการบันเทิงไปกี่ปี

แชมเปญ เอ็กซ์ : “10 ปีกว่าค่ะ ไปทำสวนอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว คือ แบบนี้ค่ะ แม่ของสามีเขายกที่ดินแบ่งที่ดินให้ลูกชายเขาสี่คนใช่ไหมค่ะ แล้วสามีพี่เป็นคนที่สี่ แล้วเขาแบ่งให้คนล่ะ 120 ไร่ ตอนได้เราไม่ใช่จะดีใจนะ เครียดมาก คือเราจะทำอะไรดี ปลูกผักปลูกหญ้าก็ไม่เป็นนะ พอได้มาเราก็คุยกับสามีขายไหม เราคงทำอะไรไม่เป็นหรอก คงไม่ไหว เพราะตอนนั้นเราใช้ชีวิตอยู่แต่ในวงการ”

แชมเปญ เอ็กซ์ : “แต่คือ ช่วงนั้นเศรษฐกิจ ก็ไม่ดี แล้วแม่ก็ป่วยก็ดูแลแม่ไปพอแม่เสียก็ไม่ได้ทำอะไร มีความสุขมา เราก็ไปเที่ยวแล้วก็ทำบุญ สามีก็ไม่ได้บินแล้วพอ 3-4 ปี หลังจากนั้นยกที่ให้เราก็ตกใจ”

แชมเปญ เอ็กซ์ : “พอเขายกให้ คือ พอเราสวดมนต์ไปสวดมนต์มากขึ้น มันมีความคิดดีที่ดีออกมาว่า พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย ที่เขายกที่ดินให้กับลูกหลานเพราะเขารักและเขาเป็นห่วง เพราะเผื่อวันหนึ่งที่ลูกหลานไม่มีที่ไปอย่างน้อยก็ได้มีผืนนา ผืนไร่ ที่เขายกให้ได้มีที่ทำกิน พี่ก็เลยคิดว่าควรจะทำสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินเรานะ เพราะเรายังมีแรงจะทำอยู่ สามีเราก็ยังแข็งแรง”

สุดท้ายก็เลยเกิดขึ้นมาเป็น ไร่วันจันทร์เพ็ญ

แชมเปญ เอ็กซ์ : “ใช่ค่ะ จันทร์เพ็ญ คือชื่อเรา แต่แฟนเราชื่อ วันชาติ ก็เลยรวมกันได้ชื่อนี้”

พอได้ชื่อไร่แล้วตอนนั้นตัดสินใจยากไหมว่าจะเริ่มปลูกอะไร

แชมเปญ เอ็กซ์ : “คิดอยู่นานมาก แล้วตอนนั้นคือสามีเขาไปเจอเพื่อนเก่าเขาที่อยู่ซาอุฯ คุณหลานปลูกยางสิ ลุง ปลูกยางมันขึ้นทุกวันเลยนะ มันไม่ยากคือ ยางพารานะคะคือเราก็คิดเพราะเราไม่เคยปลูก คุณลุงบอกว่าไม่ยากหรอกเดี๋ยวลุงมาช่วย เราก็เลยตัดสินใจไปเรียนกับลุง ไปเรียนเองเลยค่ะ เขาก็สอนเราก็ไปจองกล้ายางเลย ตอนแรกเราลองปลูกร้อยไร่ก่อน เราก็จองกล้ายาง 8,700 กว่าต้น เราก็เลยลองถามคุณลุงว่า คือเราเรียนรู้ทำยังไง คือ คิดว่าเราจะจ้างคนมาก็จ้างคน จ้างตั้งแต่เหนือ ใต้ ออก ตก คือ ทุกคนบอกว่าจะมา สุดท้ายไม่มีใครมาเลยเพราะว่ายางมันขึ้นทุกวันๆ ทุกคนก็ปลูกของตัวเองหมด สุดท้ายไม่มีใครลุงบอกเราต้องทำเองทำเองแปดพันกว่าต้น เราก็ลงมือทำเลย ใส่เสื้อกล้ามลงกล้าปลูกเองเลย เพราะตอนนั้นเรายังหาคนงานไม่ได้ แล้วคือ ตอนนั้นสามีไปบิน”

แชมเปญ เอ็กซ์ : “ลุง เขาแนะนำว่าให้เราไปหาซื้อหลอดที่ใช้สำหรับดูดชาไข่มุก มาเผื่อใส่คอยางเวลายางเวลายางมันโตกันไม่ให้ทรายมันเข้าเวลาฝนตกทรายมันโดนคอยางแล้วมันจะไหม้ แล้วมันจะตาย แล้วเราก็ต้องขุด ต้องปลูกให้คนงานดูด้วย เป็นคนในหมู่บ้านที่เราอยู่เลยค่ะ เราเหมือนจะสร้างรายได้ให้เขา แต่เราก็ไปขอความช่วยเหลือเขาด้วย”

สุดท้ายแปดพันกว่าต้นรอดไหม

แชมเปญ เอ็กซ์ : “ตายไปพันกว่าต้น เพราะว่าฝนมันตก แล้วเราก็ไม่รู้ว่าพื้นดินตรงนั้นด้วย แล้วเราก็ซ้อมๆ ให้ดินตรงนั้นดีขึ้นที่ทำให้ต้นไม้ตาย เราก็ใส่ปุ๋ยใส่อะไรเต็มที่เลย พอผ่านไปหนึ่งปี สายป่านขาดเพราะเราหมดทุนด้วย แล้วคือช่วงนั้นน้ำท่วมที่กรุงเทพฯ ด้วย ที่ประเทศไทย เราก็เลยปรึกษาสามีว่า หรือเราจะปลูกข้าวแทนดี เขาก็บอกว่าดีๆ ปลูกข้าว ปลูกไม่สวยไม่เป็นไรเพราะเราปลูกไว้กินเอง”

แปลว่ายางที่เราปลูกตัดทิ้งหมดเลยใช่ไหม

แชมเปญ เอ็กซ์ : “ไม่หมดค่ะ เอาที่ส่วนที่มันเสียออก ตรงที่ชื้นแฉะเราก็ปลูกเป็นนาไป ปลูกข้าวไปค่ะ เราก็ปลูก 10 ไร่ ข้าวได้ถังกว่าเอง”

แชมเปญ เอ็กซ์ : “แต่ตอนนี้เราคิดว่าเราจะปลูกข้าวสวยๆ สัก 1 ไร่ ทำเป็นมุมถ่ายรูป แต่เพี้ยกินไม่ใช่เราไม่ดูแลนะคะ แต่พอแมลงพวกนี้ลงมันก็จะลงเร็วมาก เราแค่ไปบวชถือศีลแค่ 10 วันเอง เลยคิดว่าตรงไหนพังเราก็เอาไปซ่อม”

เคยคิดไหมว่าจะเลิกทำแล้ว

แชมเปญ เอ็กซ์ : “ไม่เคยคิดพี่เพราะไม่เคยคิดจะถอยหลัง คิดแต่จะไปข้างหน้า ทำอะไรก็ทำให้สุดๆ ไปเลย”

มีความสุขไหมเพราะชีวิตเราผกผันมากจากที่อยู่ในวงการบันเทิงแล้วต้องไปอยู่ตรงนั้น

แชมเปญ เอ็กซ์ : “มีความสุขนะคะ เพราะว่าเรามีคุณภาพชีวิตที่ดี ในน้ำมีปลา (แต่พี่ไม่ตกปลานะ) มะนาว ก็ได้ใช้ เพราะเราก็ปลูกเอง”

ไม่คิดถึงแบบอาชีพหน้าที่การงานของเราเหรอ ได้แต่งตัวสวยๆ มีคนชื่นชม

แชมเปญ เอ็กซ์ : “คิดว่าอิ่มตัวมาก ถามว่าคิดถึงไหม คิดถึงมาก แต่ทุกอย่างก็ตามยุคตามสมัยนะคะ เราก็ต้องเข้าใจยุคและสมัยโอกาสต่างๆ นั้นๆ ด้วย ถ้ามีก็ทำแต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร”

คือจากที่เราอยู่จุดเซ็กซี่สตาร์ แล้วเข้าไปอยู่ในโหมดสาวชาวสวน และ เข้าสู่สายธรรมะ ได้ยังไง

แชมเปญ เอ็กซ์ : “เริ่มแรกรู้จักอาเล็ก-ธานินทร์ อินทรเทพ พาไปที่เมืองกาญฯ ตอนนั้นคือเราเป็นเหมือนภูมิแพ้ มันคันไปทั่ว แล้วอาเล็กก็บอกว่ามีอาจารย์หลวงพ่อ อยากให้ เอ็กซ์ ตอนนั้น อาเข้าชวนอยู่เป็นปี เราก็เกรงใจเราเลยไป แล้วเราก็ไปเห็นพระอาจารย์เขาดูแลรักษาคนไข้ฟรีเขาไม่คิดอะไรเลย เราเห็นแบบนั้น เราเลยขอพระอาจารย์ว่าเรากินสมุนไพรด้วยได้ไหม พระอาจารย์ก็บอกว่ากินได้กินไปสิ เราก็กิน พอได้สัก 3-4 เดือน เราก็บอกหลวงพ่อว่าเราอยากจะช่วยงานเราทำอะไรได้บ้าง ขายส้มตำ เพราะมีลูกน้องทำส้มตำอร่อย พอทำให้ 2 เดือน ลูกน้องหนีกลับบ้านไปไม่บอกเราเลย เราก็ต้องตำเอง เราก็คิดว่าถ้าเราตั้งใจเป็นจิตอาสาขอให้เราตำอร่อยแล้วกัน จากนั้นทุกอาทิตย์เราก็ตำมาตลอด แล้วคือเราก็ตำอร่อยมาก”

แชมเปญ เอ็กซ์ : ตอนนี้ก็เปิดร้านอาหารอยู่ที่บ้านนะคะ แต่เปิดโต๊ะเดียวกลัวโควิด เพราะเราทำคนเดียวด้วยค่ะ เลยขายโต๊ะเดียวพอ

เห็นเปิดร้ายอาหารขายแบบนี้มีของมาให้ชิมด้วยไหม

แชมเปญ เอ็กซ์ : “มีน้ำพริกค่ะ พริกคั่วหัวฟาด คั่วเองเลยค่ะ โลโก้เป็นแม่มดขี่พริก ขวดละ 130 บาทค่ะ สะอาด อร่อย แน่นอนค่ะ”

ปัจุบัน ‘เอ๋ อุษณีย์’ อดีตนาง เอกดัง หลังหย่า เปลี่ยนชื่อใหม่หมด ก่อนเก็บตัว เงียบไม่ออกสื่อ

เชื่อว่าหลายๆคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับนักแสดงหน้าหวานประจำช่องมากสี สำหรับ ‘เอ๋ อุษณีย์ รักกสิกรณ์’ ปัจจุบันใน

วัย 45 ปี เธอเปลี่ยนชื่อ เสียงเรียงนามเป็น ‘รชยา รักกสิกรณ์’ ที่บอกเลยว่าเธอยังสวยไม่ สร่างจริงๆ ในช่วงที่ผ่าน

มาเธอก็ยังมีผลงานการแสดงให้เห็นอยู่บ้างประปรายเธอดูแลตัวเองดี ทำเอาสาวๆหลายคนแอบอิจฉา หน้าตาดูสาว

เหมือนอายุเพิ่งจะยี่สิบต้นๆอะไรอย่างนั้นเลยทีเดียว คือสวยไม่สร่างจริงๆสวยตลอดกาล กาลเวลาไม่สามารถทำ

อะไรเธอได้ เอ๋ อุษณีย์ เริ่มเข้าสู่วงการจริงจังด้วยการประกวดของนิตยสาร “เดอะบอย (The Boy)” มีผลงานการ

แสดงเป็นนักแสดง จากละครโทรทัศน์เรื่องต่าง ๆไม่ว่าจะได้รับบทบาทไหนก็ตีบทแตกสุดจนทำคนดูอินหนักมากเลย

ทีเดียว ส่วนใหญ่จะเห็น เอ๋ ในบทบาทนางร้ายแสดงได้ถึงอารมณ์มากจริงๆ แต่ทว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมามีข่าวคราว

ของ‘เอ๋ อุษณีย์ รักกสิกรณ์’ ว่าแต่งงานกับหนุ่มนอกวงการ และตอนนั้นเธอตัดสินใจออกจากวงการเพื่อไปเป็นนก

น้อยในกรงทอง เมื่อเธอบินออกจาก เธอกลับเข้าวงการอีกครั้งพร้อมชื่อใหม่ เอ๋ อุษณีย์ ตอนเล่นเรื่องน้ำใสใจจริง มี

เต๋า ศรราม แคทรียา นัทมีเรีย ดังมากๆไม่ว่าจะได้รับบทบาทไหนก็ตีบทแตกสุดจนทำคนดูอินหนักมากเลยทีเดียว

เจ้าของร้านร่ำไห้เปิดใจ โดนรีวิวมั่ว จนยอดขายตก เผยทำเจ๊งมาหลายร้าน ยันไม่คุยหลังไมค์

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ภูเขา พิชชี่ บาย พิชยา ได้ออกมาปกป้องร้านของตน ที่โดนโพสต์ประจานเสียๆ หายๆ ในกลุ่มน้องใหม่ มมส 68 อ่านข่าว สาวโพสต์เดือด ประจานร้านบุฟเฟต์ เจ้าของงัดหลักฐานโต้ โร่ขอโทษ ไม่มีเงินจ่าย โดนแจ้งความ

ล่าสุดเมื่อเวลา 17.42 น. วันที่ 1 ส.ค.67 คุณภูเขา เจ้าของโพสต์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีลูกค้า 6 ท่านเข้ามาใช้บริการทางร้าน ทางร้านก็ให้บริการตามปกติ ต่อมาลูกค้าก็เลือกน้ำซุป และตักน้ำจิ้ม กดเครื่องดื่ม เพื่อมานั่งทานที่โต๊ะกัน

จากนั้นลูกค้าท่านนึงในกลุ่มนี้ก็ทำท่าเอื้อมมือไปหยิบถ้วยใส่แป้งต็อก ซึ่งเป็นของส่วนกลางของสายพาน หยิบลงมาแล้วไปวางไว้ที่ตัก เพื่อแกะฟิล์มถนอมอาหารออก เมื่อผู้จัดการเห็นว่าลูกค้าทำอย่างนั้น จึงแจ้งไปว่า “หนูอย่าแกะออกหมดนะลูก ถ้าแกะแล้วให้ปิดด้วย” ซึ่งพูดด้วยคำสุภาพ ไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่ไม่ดี แต่ด้วยความที่น้ำเสียงของผู้จัดการ เป็นคนพูดเสียงดังและมีบุคลิกแบบนั้น อาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของคนฟังอย่างไร ทางร้านก็ไม่ทราบ

หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ลูกค้ากลุ่มนี้ก็รับประทานเสร็จและเช็คบิลออกไป ผ่านไปประมาณ 4 ชม. เวลาประมาณ 22.00 น. ก็มีการโพสต์รีวิวร้านแบบเสียๆ หายๆ ขึ้นมาในกลุ่มเฟซบุ๊ก น้องใหม่ มมส 68

เมื่อเจ้าของร้านได้อ่านแล้ว ก็รู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ไล่อ่านคอมเมนต์ในนั้นเกือบร้อยกว่าคอมเมนต์ มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวการให้บริการจำนวนมาก เจ้าของร้านจึงได้เข้าไปขออภัยลูกค้าที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยที่ตอนนั้นทางร้านก็ยังไม่ได้เปิดกล้องวงจรปิด เพราะร้านมองว่า อาจจะเกิดการผิดพลาดขึ้นได้ ไม่รู้ว่าในร้านตอนนั้นเป็นยังไง จึงขอโทษลูกค้าไปก่อนในคอมเมนต์ของโพสต์นั้น และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในส่วนตรงนี้

แต่หลังจากขอโทษไปแล้ว กระแสในนั้นก็ยังไม่ลดลงเลย มีทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มคนที่ไม่เคยมาทานที่ร้าน มาคอมเมนต์ปั่นให้ร้านเสียหาย ต่อมาเวลา 22.30 น. ทางร้านจึงโทรไปหาผจก. เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวผู้จัดการก็บอกว่าก่อนหน้านี้เหมือนจะมีปัญหากับลูกค้า 6 ท่าน ตนเลยถามว่าทำไมถึงมั่นใจว่าเป็น 6 คนนี้ ทางผู้จัดการเลยบอกว่า ลูกค้ากลุ่มนี้มีปัญหาตั้งแต่รับเข้าร้านมา โดยลูกค้าอยากจะเลือกที่นั่งตามใจชอบ ซึ่งในตอนนั้นผู้จัดการร้านอีกคนซึ่งเป็นผู้ชาย ได้บอกลูกค้าว่า สามารถเลือกที่นั่งได้ แต่รบกวนขอให้เว้นไว้เป็นที่นั่งคู่ เพราะจะทำให้การจัดการที่นั่งให้ลูกค้าคนอื่นง่ายขึ้น ซึ่งพอดูจากกล้องวงจรปิดก็เห็นได้ว่า ลูกค้ามีสีหน้าไม่พอใจตั้งแต่ช่วงนั้น

เจ้าของร้านจึงรู้สึกว่า ในเมื่อเราขอโทษไปแล้ว ยินดีปรับปรุงแก้ไขไปแล้ว ทำเต็มที่สุดความสามารถแล้ว ในความคิดของตนเคสแบบนี้มันไม่ควรมาถึงจุดนี้ด้วยซ้ำ มันควรจะจบที่ตรงนั้น แต่เขาไม่จบ เจ้าของโพสยังดึงเอาตัวผู้จัดการมาต่อว่า พูดจาในลักษณะที่เหยียด ทำร้ายจิตใจไม่หยุด รวมไปถึงมีการเอาเฟซบุ๊กผู้จัดการผู้หญิงมาคอมเมนต์ โดยใช้ถ้อยคำหยาบคาย ท้าทายให้ออกมาบ้าง ผู้จัดการเองก็บอกว่า ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไม่คิดว่าเขาก็จะโพสต์ว่าได้รุนแรงขนาดนี้

ตนเลยใช้เวลานั่งดูกล้องวงจรปิดเกือบ 2 ชม. ตั้งแต่รับลูกค้าจนลูกค้าออกไป พบพฤติกรรมของลูกค้าตามที่ผู้จัดการเล่า คือหยิบอาหารตรงถาดกลางลงมาบนตักตัวเอง และก็แจ้งลูกค้าไป แต่ไม่มีเหตุการณ์ตามที่ลูกค้าโพสต์ต่อว่าร้านเสียๆ หายๆ เลยขอดูไปอีกว่าใครเป็นคนถ่ายรูปร้านไปลง พอไปเปิดกล้องหน้าร้านดู ก็เห็นจังหวะที่เขาถ่ายมาพอดี หลังจากที่ทราบแล้วว่าเป็นลูกค้าท่านนี้ ตนเลยกลับมาดูที่สลิปโอนเงินและตามไปดูที่เฟซบุ๊กเจ้าของบัญชีนี้ เจอว่าคือกลุ่มลูกค้าเดียวกัน เลยสืบต่อ จนทราบว่าเป็นน้องคนที่โพสต์จริงๆ

เจ้าของร้านยังบอกอีกว่า พ่อค้าแม่ค้าในระแวกนี้จะกลัวการที่โดนแขวนในกลุ่มเฟซบุ๊ก น้องใหม่ มมส 68 มาก เพราะบางทีน้องๆ ไม่ได้ไตร่ตรองก่อนที่จะโพสต์อะไรลงไป ทำให้ร้านในระแวกนี้บางร้านเจ๊ง ปิดกิจการไปเยอะเหมือนกัน จากการโพสต์รีวิวเสียๆ หายๆ ในส่วนที่น้องคนดังกล่าวทักมาขอโทษ ต้องบอกตามตรงเลยว่า ยังไม่ได้มีความรู้สึกที่จะให้อภัยน้องได้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น กระทบกระเทือนจิตใจความรู้สึกของเจ้าของร้านและผู้จัดการมากๆ ทำให้สุขภาพจิตไม่ดีและจิตตกวิตกกังวลไปเลย

รวมถึงหลังเหตุการณ์นี้ ในวันที่ 30 ก.ค. ทั้งวัน ยอดขายจากปกติ ก็ตกลงมาครึ่งต่อครึ่ง ยอดของร้านไม่เคยตกแบบนี้มาก่อน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากที่น้องโพสต์ 100 เปอร์เซนต์ เจ้าของร้านเองก็มั่นใจว่า ถ้าในมุมที่ตนเป็นลูกค้าเจอโพสต์แบบนี้ ก็ไม่กล้าไปลองทานร้านแบบนี้เหมือนกัน ตอนนี้จึงยังไม่อยากจะคุยอะไรกับน้องเป็นการส่วนตัวเอง ขอให้เป็นการดำเนินคดีตามกฎหมายไปเลย ไม่อยากคุยอะไรหลังไมค์กับน้องอีกแล้ว เบื้องต้นได้อ่านรับทราบข้อความของน้องแล้ว แต่มันเยียวยาความรู้สึกไม่ได้ตอนนี้

จากที่ถามน้องเจ้าของโพสต์ว่า ทำไปทำไม เขาก็ไม่ตอบ แต่บอกแค่ว่า เขาไม่รู้ แต่คิดว่าอาจจะด้วยนิสัยส่วนตัวของน้องเขาด้วย เพราะคนรอบข้างของน้องก็ส่งข้อความมาเล่าให้ตนฟังว่า เขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าเขาไม่พอใจอะไรหรืออารมณ์เสีย ก็จะมีอาการแบบนี้
นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตไปเจอมาว่า เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว น้องคนนี้ก็เคยไปรีวิวร้านอาหารในมหาสารคามแบบเสียๆ หายๆ เช่นกัน

ทั้งนี้เจ้าของร้านยังฝากถึงลูกค้าทุกท่านด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า ร้านทุกร้าที่ดำเนินกิจการมา ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะบริการลูกค้าให้ประทับใจที่สุดเท่าที่ร้านนึงจะทำได้ กว่าที่จะเป็นร้านมาขนาดนี้ ผู้ประกอบการทุกคนเขาตั้งใจมาก ซึ่งตนก็เคยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มีร้านที่มันเจ๊งจากการรีวิวแบบนี้มาแล้ว

ถ้าทางร้านบริการผิดพลาดหรือมีเรื่องที่ขาดตกบกพร่อง ทางร้านมั่นใจเลยว่าทุกร้านยินดีที่จะรับคำ complain พร้อมรับฟังปัญหาจากลูกค้าอยู่แล้ว ไม่มีร้านไหนที่ปล่อยปละเลยลูกค้า เขาก็ต้องเอามาปรับปรุงแก้ไข เพื่อที่อยากจะดำเนินกิจการต่อไป ถ้าลูกค้าไม่พอใจหรือไม่ถูกใจ แนะนำให้ทักเพจหรือ complain ที่น่าเคาน์เตอร์ไปเลยจะดีกว่า กว่าจะสร้างร้านร้านนึงได้มันยากจริงๆ เราก็ยังอยากที่จะบริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ขอแค่ลูกค้าบอกจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาด เราก็พร้อมจะปรับปรุงแก้ไข

น่ารักไม่ไหว “ใบเฟิร์น” เคียงข้างให้กำลังใจ “ปอป้อ” หลังพ่าย ตกรอบโอลิมปิก

สำหรับ ปอป้อ ทรัพย์สิรี นักแบดมินตันหญิงทีมชาติไทย เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 โดยในการแข่งขันแบดมินตันคู่ผสม พวกเธอพลาดโอกาสไปไม่ถึงฝัน เพราะพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติญี่ปุ่น 2-0 เกม ทำให้ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ท่ามกลางการเชียร์จากแฟนกีฬาที่ส่งกำลังใจให้กันอย่างล้นหลาม

และ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เพื่อนของ ปอป้อ ก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญ ซึ่งล่าสุดผู้จัดการส่วนตัวของเธอได้โพสต์สตอรี่เป็นภาพวิดีโอคอลกับปอป้อ พร้อมแคปชั่นว่า “ไม่เป็นไรนะ คนเก่งที่ 1 ของพวกกู” จากนั้น ใบเฟิร์นก็แชร์โพสต์ดังกล่าวไว้ใน IG สตอรี่

ชีวิต ‘มนฤดี ยมาภัย’ อายุ 60 ปี อดีตนางเอกมือทองที่ 1 ของไทย

หลายคนคงจดจำชื่อของ ตุ๋ย มนฤดี ยมาภัย ได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว เธอคนนี้เป็นนางเอกที่โด่งดังมากๆ ของช่อง 7 คนหนึ่ง และเคยรับบท อีเย็น ในละครนางทาส ที่เรียกน้ำตาจากคนดูมาแล้ว

และหลังจากนั้น ตุ๋ย มนฤดี ก็ค่อยๆ ห่างหายไปจากวงการบันเทิง ไม่รับงานแสดงอีกเลย และหันหน้าเข้าศึกษาพระธรรมอย่างตั้งใจ แต่ล่าสุด ผู้จัดละคร หลุยส์ สยาม สังวริบุตร และ ลอร์ด สยม สังวริบุตร ได้ไปร่วมงานศพของคุณแม่มลิลา ยมาภัย คุณแม่ของอดีตนางเอกชื่อดัง ที่เสียชีวิตด้วยโรคชรา ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

จึงทำให้แฟนๆ ละครได้เห็นภาพปัจจุบันของตุ๋ย มนฤดี อดีตนางเอกดังอีกครั้งในรอบหลายสิบปี ซึ่งก็ยังคงมีเค้าโครงเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไรนัก และทางบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ก็ขอแสดงความเสียใจกับตุ๋ย มนฤดี ที่ต้องสูญเสียคุณแม่ด้วยนะคะ.

ภาพปัจจุบันของอดีตนางเอก ตุ๋ย มนฤดี

“น้องผักบุ้ง” ลูกสาว “ทศพล หิมพานต์” ความสวยมาเต็ม แหล่เพราะ เหมือนพ่ออีกด้วย

เริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว สำหรับ น้องผักบุ้ง ลูกสาวของ ทศพล หิมพานต์ นักร้องลูกทุ่งและยังได้ฉายา เจ้าพ่อเพลงแหล่ อีกด้วย

ล่าสุด ทศพล ก็ได้เผยคลิปขณะที่สอน น้องผักบุ้ง แหล่เพลง สีกาสั่งนาค โดยหนูน้อยได้เปล่งเสียงอันทรงพลังออกมา ที่ฟังแล้วทำเอาต้องขนลุกไปตามๆ กัน

งานนี้นอกจากยอดไลก์จะกระหน่ำเข้ามาทะลุกว่า 5 แสนแล้ว ยังมีคอมเมนต์อีกนับหมื่นที่ชื่นชมในความสามารถของ น้องผักบุ้ง ไว้อย่างมากมาย

อาทิ “เสียงดีลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นครับ”, “น้องหน้าเหมือนพี่บิ๊ก D2B เลยค่ะ”, “น่าภูมิใจแทนพ่อและแม่ น้องเก่ง เสียงดี ไพเราะมากๆค่ะ”, “เสียงดีมากค่ะ.เก่งได้พ่อค่ะ”, “ฟังหลายรอบน้องเก่งเสียงดีมากลูก” เป็นต้น

Popular Posts

My Favorites

สาวโพสต์บ้านให้เช่า แต่เจอราคาที่ต้องจ่าย โซเชียลแห่ถามเป็นเสียงเดียวกัน มีใครมาเช่าหรือยัง

0
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวโซเชียลต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก หลังได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้มาโพสต์ภาพบ้านในโครงการหนึ่ง ให้เช่า ซึ่งได้ระบุข้อความว่า บ้านให้เช่าเดือนละ 3,500.- น้ำไฟจ่ายตาลบิลหลวง ((มัดจำ2เดือน ล่วงหน้า1เดือน =10,500.-เข้าอยู่ได้)) 2ห้องนอน 1ห้องโถง 1ห้องน้ำ เลี้ยงสัตว์ได้ค่ะ จอดรถได้ในบ้าน1คัน บ้านเลขที่371 ซ.15 ปล.รายละเอียดสำหรับมัดจำ 7,000.- ลูกค้าจะต้องแจ้งล่วงหน้า1เดือนว่าจะออก เดือนที่จะออกไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหักจากมัดจำ3,500.- ที่เหลือ 3,500.-บาทสำหรับไว้หักค่าน้ำไฟ ส่วนที่เหลือโอนคืนหากอุปกรณ์ในบ้านไม่ได้ที่มีเสียหายที่จะต้องชดใช้ หากเสียหายต้องซ่อมก็จะหักจ่ายและแจ้งลูกบ้านตามลำดับ โพสต์ดังกล่าว ภาพบ้านหลังที่ให้เช่า ท่ามกลางชาวโซเชียลเข้ามาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แพงขนาดนี้ เก็บมัดจำขนาดนี้ มีคนมาเช้าหือยัง ทางด้านเจ้าของโพสตฺเองก็ได้ตอบกลับว่า...