ส่งตัวกลับแล้ว สาวจีน ป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต กลางแยกห้วยขวาง ตม. ขึ้นแบล็กลิสต์ รวบสามีคาสนามบิน หลังเตรียมเผ่นออกนอกประเทศ พบมีหมายจับข้อหาสำคัญ

วันที่ 25 ก.ค.2567 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ฐิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ชุดสืบสวน บก.สส.สตม. และชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวนขยายผล กรณีมีผู้ติดตั้งป้ายโฆษณาภาษาจีนที่บริเวณแยกห้วยขวาง กรุงเทพฯ

จากการสืบสวนพบว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องคือ นายซิน หลิง อายุ 33 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเป็นสามีของ นางซู น่า อายุ 35 ปี สัญชาติจีน สืบสวนทราบว่า นายซิน หลิง เป็นบุคคลตามหมายจับของประเทศจีน ในข้อหา ซื้อขายบัตรประจำตัว และเป็นบุคคลที่ทางการประเทศจีนต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี

ชุดสืบสวน สตม. จึงได้ทำการลงระบบเฝ้าระวังของ สตม. และขออนุมัติเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวของ นายซิน หลิง ไว้แล้ว

ต่อมาเวลาประมาณ 07.00 น. ได้ตรวจพบว่า นายซิน หลิง กำลังจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรทางช่องทาง ท่าอากาศยานดอนเมือง ชุดสืบสวนจึงได้เข้าตรวจสอบ พบนายซิน หลิง

จึงได้แจ้งให้ นายซิน หลิง ทราบว่า ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแล้ว จากนั้นจึงได้นำตัว นายซิน หลิง ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

จากการขยายผลพบว่า นายซิน หลิง เกี่ยวข้องเป็นสามีของ นางซู น่า โดยจากการตรวจสอบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ในโทรศัพท์ของนายซิน หลิง พบว่ามีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ที่ประกาศบนป้ายโฆษณาภาษาจีนที่บริเวณแยกห้วยขวาง กรุงเทพฯ

อีกทั้งจากการซักถามปากคำ นางซู น่า รับว่าได้นำโทรศัพท์มือถือของนายซิน หลิง สามี ไปใช้ เพื่อเตรียมตัวติดต่อกับลูกค้าที่จะมาใช้บริการทำหนังสือเดินทางตามที่ประกาศไว้บนป้ายโฆษณา แต่ยังไม่มีลูกค้าติดต่อมาแต่อย่างใด

ในส่วนของนางซู น่า วันนี้พนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. ได้นำตัวฟ้องดำเนินคดีต่อ ศาลแขวงพระนครเหนือ ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษา ลงโทษจำคุก 4 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุก รอลงอาญา 1 ปี ตามคดีดำที่ อ.4242/2567 คดีแดงที่ อ.4259/2567

จากนั้น จึงได้ทำการลงระบบบุคคลต้องห้ามของ สตม. (Blacklist) ห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ส่วนนายซิน หลิง ขณะนี้อยู่ระหว่างผลักดันออกนอกราชอาณาจักร

“บุ๋ม ปนัดดา” ทุ่มเงินเก็บซื้อที่ดินสร้างมูลนิธิช่วยเหลือประชาชน แล้วทิ้งให้เป็นสมบัติของชาติ เผยจุดเปลี่ยนชีวิตทำงานเพื่อสังคมเพราะลูก

นักแสดงและพิธีกรมากความสามารถที่มีความสุขในการต่อสู้เพื่อสังคม “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” มาเปิดใจในรายการ WOODY FM เล่าจุดเปลี่ยนชีวิตที่ผันตัวทำงานเพื่อสังคมจนก่อได้ตั้งมูลนิธิองค์กรทำดี

ปัจจุบันขอใช้ชีวิตคู่อย่างเรียบง่าย เผยล่าสุดทุ่มเงินเก็บซื้อที่ดินช่วยคนอื่น สร้างมูลนิธิให้เป็นสมบัติของประเทศ

จุดเปลี่ยนจากเดิมที่ทำงานเพื่อตัวเอง เปลี่ยนเป็นทำงานเพื่อผู้อื่น คือตอนไหน ?

บุ๋ม ปนัดดา : จุดเปลี่ยนคือปี 2557 คือก่อนหน้านั้นก็ทำงานในมุมของนางงามคนหนึ่งที่ช่วยงานการกุศลหรือะไรอยู่แล้ว คือในปี 2557 มีข่าวข่มขื่นบนรถไฟแล้วหันไปมองลูกสาวตัวเองแล้วก็คิดว่าทำไมมีเรื่องร้ายแรงแบบนี้ได้ แล้วอนาคตของลูกสาวจะมีใครปกป้องเขาได้

ถ้าวันหนึ่งเราไม่อยู่ คนที่เป็นแม่อย่างเราจะสามารถทำอะไรเพื่อปกป้องอนาคตเขาได้ ก็เลยหันมาดูกฎหมาย ศึกษาจริงจังทุกอย่างเลย ชีวิตเปลี่ยนเลย ก็เลยมาดูว่ากฎหมายเกี่ยวกับผู้หญิงไม่มีเปลี่ยนมา 30 ปี

ซึ่งก่อนหน้าบุ๋มไม่ใช่ว่าไม่มีใครขอเปลี่ยนนะ เขาไปประท้วงหน้าสภา คือเขาพยายามทำแล้ว เพียงแต่ว่าในมุมของบุ๋มวันนั้นเรามีพลังของสื่อ ความเป็นดาราด้วยก็เลยทำให้พลังมันแรงมาก กลายเป็นว่าน่าจะเป็นดาราคนแรกเลยมั้งที่ทำเรื่องเปลี่ยนกฎหมาย ก็เลยมีเรื่องอื่นๆ ตามมา ความช่วยเหลือจากผู้หญิงด้วยกัน เรื่องของคดีความอะไรอย่างนี้เข้ามา

กลายเป็นว่าเราเริ่มอินกับมัน แล้วรู้สึกดีที่ได้ช่วย รู้สึกดีที่เป็นพลังให้พวกเขา รู้สึกดีที่บางทีเขาแจ้งความมาเป็นปีแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย กลับกลายเป็นว่าแสงสว่างที่เรามี หรือเสียงดังที่เรามีมันกลายเป็นพลังให้กับเขา หาความยุติธรรมเพิ่มเติมให้กับเขา รู้สึกดีจัง เราเลยต้องทำในวันที่ฉันยังดังอยู่ เลยกลายเป็นมูลนิธิที่ใหญ่ระดับประเทศ ชื่อว่า มูลนิธิองค์กรทำดี

ใช้เวลากี่เปอร์เซ็นต์ของชีวิตเรา ?

บุ๋ม ปนัดดา : ตอนนี้ 70% เลยค่ะ เพราะว่าตื่นมาหรือขณะที่นอน มันกลายเป็นว่าเคสวันนี้วิ่งรถกี่คัน ไปต่างจังหวัดรงพยาบาลขอความร่วมมือมา หรือมีเคสขมขื่นจัดการยังไง มันหลายอย่างมากเลย

เวลาเอาเรื่องของชาวบ้านมาใส่สมองของเรา มีวิธีระบายยังไงได้บ้าง เพราะคุณก็อินกับทุกเรื่อง ?

บุ๋ม ปนัดดา : อินจริงแต่ตัดได้เร็วค่ะ เพราะว่าถ้าตัดไม่เร็วนะ ซึมเคร้าแน่นอนค่ะ เหมือนน้องหลายๆ คนที่เคยเข้ามาช่วย พอรับฟังเรื่องราวเยอะๆตัดไม่ได้ แม่หนูขอหยุดนะ มีเยอะเลย แต่สำหรับตัวเรากลับกลายเป็นว่าตัดได้ง่ายมาก เพราะว่าเรารู้สึกว่าทุกเคสสำคัญหมด

เราแสดงความเสียใจนะแต่ชีวิตยังต้อง Go On ยังต้องมีเคสอื่นที่เราต้องมีสติในการดูแลรักษาเขา และดูแลครอบครัวของเราเองด้วย มองว่าเรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา

ทำไมคุณถึงกลายเป็นคนที่เรียบง่าย ทั้งที่สมัยก่อนต้องเป็นข่าว ?

บุ๋ม ปนัดดา : สมัยก่อนหรือสมัยนี้บางทีโพสต์อะไรก็เป็นข่าวแล้ว เพียงแต่ว่าพอเป็นเรื่องของคุณก๊อต (สามี) เขาบอกว่าเขาเป็นคนนอกวงการบันเทิง ไม่อยากอยู่ในแสงสีเท่าไหร่ ขอใช้ชีวิตเงียบๆ ขอเลี้ยงลูกด้วยความสงบ เราก็เข้าใจ มันขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ว่าเขาอยากอยู่ในแสงสีมากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าไม่มีรายการเชิญเขาไปนะ มีเยอะมากเลย

น้องอเล็กซ์ เป็นยังไงบ้าง ?

บุ๋ม ปนัดดา : ซนค่ะ พลังงานเยอะมาก ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีลูกคนหนึ่งที่สามารถวิ่งได้ทั้งวัน (หัวเราะ) กลายเป็นว่าตอนนี้ต้องมีพี่เลี้ยงถึง 2 คน ลูกอยู่กับคุณพ่อมากกว่าแม่ เพราะคุณพ่อเขาขอค่ะ ขอเป็นคนเลี้ยงเอง เพราะเขาฝันมานานมากแล้วว่าอยากมีลูกชาย อยากเลี้ยงแบบสไตล์ที่เขาเล่น

ส่วน น้องอันดา เป็นสายเรียนเลยตอนนี้ ?

บุ๋ม ปนัดดา : ค่ะ ตอนนี้เรียนแพทย์ปี 1

ที่ผ่านมาบุ๋มทำเพื่อคนอื่นเยอะมาก เคยให้อะไรกับตัวเองไหม ?

บุ๋ม ปนัดดา : พอเอาจริงๆ ก็นึกไม่ออกว่าตัวเองอยากได้อะไรกับชีวิต เคยนั่งมองนาฬิกาหรูๆ นั่งมองแบรนด์เนม สวยนะยากซื้อ แต่เรากลับรู้สึกว่าเอาตังค์ไปช่วยเด็กดีกว่า ลูกบุญธรรมยังต้องเรียน มูลนิธิยังต้องสร้าง เอาไปตรงนั้นก่อนคิดอย่างนี้ เดี๋ยวของฉันไว้ทีหลัง

คือเหตุผลหนึ่งที่คุณสามีที่เขามาขอเราแต่งงาน เพราะเขาบอกว่าชีวิตบุ๋มเหมือนทำเพื่อคนอื่นเยอะมากเลย เพื่อครอบครัวของบุ๋มเอง เพื่อคนรอบข้าง เพื่อลูกน้อง เพื่อมูลนิธิ และเพื่อประชาชนอีก แต่ไม่มีอะไรเลยที่บุ๋มเคยพูดว่าจะทำอะไรเพื่อตัวเอง แต่มาวันนี้บุ๋มมีแล้วนะ

ทีมงานบอกว่าวันนี้บุ๋มจะประกาศให้พี่น้องชาวไทยรับทราบเกี่ยวกับเรื่องอนาคตที่วางเอาไว้และตัดสินใจว่าจะทำ ?

บุ๋ม ปนัดดา : บุ๋มเพิ่งเอาเงินเก็บก้อนที่เก็บเอาไว้ไปซื้อที่ดินตรงรังสิตคลอง 8 จะทำมูลนิธิองค์กรทำดี แบบที่มี Shelter สำหรับผู้หญิง มีโรงทาน มีสวนปฏิบัติธรรม แล้วก็เป็นมูลนิธิที่ใช้วิ่งรถช่วยเหลือประชาชน จะทำตรงนั้นแล้วก็ทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติของประเทศชาติค่ะ

ชมย้อนหลัง

บอกเลยว่าทั้งสวยและดูแพงมากๆเลยจ้า สำหรับ ศรีริต้า และ ไฮโซกรณ์ ล่าสุดทั้งสองคนได้ควงแขนกันออกงาน

ล่าสุดริต้าได้โพสต์ภาพขณะออกงานร่วมกับสามี พร้อมเขียนแคปชั่นว่า” 👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻 Madame Butterfly 🦋 สวยงามจับใจ!” มาชมภาพเซตนี้กันเถอะค่ะ 🌈✨

โหรรัตนโกสินทร์ – The rattanakosin ได้ออกมาโพสต์ข้อความเตือน ระบุว่า มรสุมชีวิต..ชัดๆ

ดาวพุธวิปริต 67 วัน

ดาวเสาร์วิปริต 127 วัน

ผู้ประสบภัยจากดวงดาว 8 ลัคนา เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน คือ เมษ พฤษภ กรกฎ สิงห์ กันย์ ธนู มังกร กุมภ์

สิ่งใดควบคุมไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง เข้มแข็งไว้ อย่าให้กระเป๋าตังค์ร้องขอชีวิต #ดวงไทยไว้ใจโหรรัตนโกสินทร์

โพสต์ดังกล่าว

เรียบเรียง สยามนิวส์

น้องสาวผอ.เหมียวขอความเป็นธรรม พี่สาวไม่ใช่คนเลวร้าย มีผัวหลายคนเพราะอาภัพรักถูกนอกใจตลอด พอเจอรักแท้ก็กลับมาถูกฆ่าตาย

จากกรณีเมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 22 กรกฏาคม 2567 เกิดเหตุ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ใช้อาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัดบุกยิงอดีตภรรยา สามีใหม่ที่เป็นทนายความ และครอบครัวเสียชีวิต จำนวน 4 ราย ที่บ้านหลังหนึ่งในบ้านพัฒนา หมู่ 8 ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นได้หลบหนีไปก่อนพบยิงตัวตายเสียชีวิตที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์

ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ บรรยากาศการอภิธรรมศพคืนแรกของนางสาวดวงเดือน อายุ 41 ปี หรือ ผอ.เหมียว นางหยกมณีอายุ 66 ปี แม่ของผอ.เหมียว และนายบุญเลื่อน อายุ 61 ปี น้าชายของผอ.เหมียว ที่วัดบ้านหอย ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ทบรรยากาศความเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

ด้าน น้องสาว ผอ.เหมียว เปิดเผยว่า จากที่มีกระแสโจมตีผอ.เหมียวในหลายประเด็น ตนขอชี้แจงว่าในการที่มีแฟน 4 คนนั้น คนแรกที่ผอ.เหมียวคบด้วยก็ถูกฝ่ายชายนอกใจจึงได้เลิกรากันไป คนที่สองก็โดนนอกใจเช่นกันและเลิกรากันไปในที่สุด ส่วนคนที่สามผอ.เขี้ยวคนที่ก่อเหตุ เป็นเรื่องของความรุนแรง หึงหวง ความหวาดระแวงของผู้ก่อเหตุ มันเลยเป็นสาเหตุเกิดความขัดแย้ง โดยในช่วงที่ผอ.เหมียวคบกับผู้ก่อเหตุนั้น จะถูกส่งข้อความด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายทุกวัน และบางครั้งถึงขนาดตบตีทำร้ายร่างกาย หนักสุดถึงขั้นเคยใช้อาวุธปืนขู่ว่าถ้าจะเลิกกันก็คือต้องตาย ผอ.เหมียวพยายามเลิกกับผู้ก่อเหตุหลายครั้ง แต่ก็ถูกตามรังควานถึงที่ทำงาน  แจกใบปลิวโจมตีทั่วเมือง ซึ่งทางครอบครัวของพวกตนก็ต้องปกป้องตัวเอง จึงได้มีการฟ้องร้องกันในที่สุด

จนกระทั่งผอ.เหมียว ได้มารู้จักกับทนายหรือแฟนคนที่ 4 แล้วแต่งงานกัน แต่ในตอนนั้นได้เลิกรากับผู้ก่อเหตุไปนานแล้ว

ในส่วนของเรื่องบ้านที่ดินตรงที่สร้างบ้านนั้นเป็นของพ่อแม่พวกตน แต่ในตอนนั้นผู้ก่อเหตุและผอ.เหมียว ได้ตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน ผู้ชายจึงมาสร้างบ้านตรงนี้ ซึ่งเงินในการสร้างบ้านก็เป็นเงินของทั้งสองคนร่วมกัน ไม่ใช่เงินของผู้ก่อเหตุคนเดียวแต่อย่างใด จนกระทั่งมีปัญหาเกิดการฟ้องร้องกัน ซึ่งทางเราฟ้องร้องผู้ก่อเหตุเกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาท ส่วนผู้ก่อเหตุได้ฟ้องร้องทาง ผอ.เหมียวในเรื่องของการยักยอกทรัพย์สิน ซึ่งทางเราเคยเสนอเงินให้แล้ว แต่ทางผู้ก่อเหตุไม่รับ พร้อมบอกว่าไม่เอาเงิน แต่จะเอาชีวิตแทน ซึ่งตนอยากจะบอกว่าพี่สาวของตนไม่ใช่คนเลวร้าย การพี่สาวของตนมีสามีหลายคน มันใม่ใช่พี่สาวของตนไปมีชู้ แต่เขาล้มเหลวในความรักหลายๆครั้งที่ไม่เคยสมหวังแ ต่พอเขาจะมีรักแท้เขาก็ต้องมาจบชีวิตแบบนี้ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเขาทำความดีมาตลอดให้กับสังคม ซึ่งอยากให้ความเป็นธรรมกับพี่สาวของตนด้วย.

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.67 เพจ นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ ได้เผยข้อความว่า รอฟังข่าวใหญ่เกี่ยวกับแรงงาน ปลดยับแรงงานสัญญาจ้างยกโรง พนักงานใหม่เก่าไม่แคร์ปลดหมดไม่สน เตรียมย้ายฐานไปเวียดนาม หากกิจการที่ไทย ถึงทางตัน

อย่างไรก็ตามหากมีข้อมูลเพิ่มเติม ทีมงานจะรีบนำมาอัพเดททันที

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 เมื่อหลายวันก่อนที่ผ่านมา นายวีระพล รักเสมอวงศ์ แอดมินเพจบ้านดุงอัพเดท ได้รับการประสานงานจากญาติโยมวัดศรีดาราม บ้านคำสีดา ต.นาชุมแสง อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ให้ไปรับพระครูอุดร สันติคุณ( ปู่หำ) เจ้าอาวาสวัดศรีดาราม บ้านคำสีดา ที่อาพาธอยู่ที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี ให้กลับวัด

เนื่องด้วยเป็นความประสงค์ของญาติโยม และหลวงปู่ หลังจากนายวีระพล ได้รับแจ้งจากทางญาติโยมเพื่อนำเจ้าอาวาสมาดูอาการอาพาธที่วัดท่านพระอธิการกลับมาวัดได้ไม่นานอาการอาพาธทรุดหนักและได้มรณะภาพแล้ว เมื่อคืนนี้ แจ้งญาติธรรมให้ทราบโดยทั่วกัน

กำหนดการประชุมเพลิง พระครูอุดรสันติกุล พระอธิการบุญหนัก เจ้าอาวาสวัด ศรีดาราม วัดที่มีรูปปั้นพญานาคใหญ่สวยงามยาว131 เมตรเลื้อยขึ้นจากหนองน้ำคำสีดาที่นักท่องเที่ยวมากราบไหว้ขอโชคลาภจากพ่อปู่ศรีสุทโธไม่ขาดสาย บ้านคำสีดา ต.นาชุมแสง อ.ทุ่งฝน อุดร ธานีในวันที่23-31กรกฎาคม 2567 พระสงฆ์สวดอภิธรรม วันพฤหัสบดี ที่1 สิงหาคม67 วันประชุมเพลิง ขอน้อมกราบส่งหลวงปู่สู่แดนนิพพาน

นายวีระพล บอกว่าในวันที่ไปรับหลวงปู่เจ้าอาวาส วัดสีดาราม อาพาธหนัก ออกจาก รพ.ศูนย์อุดรธานี กลับวัดที่บ้านคำสีดา ตำบลนาชุมแสง อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานีออกโรงพยาบาลนั้น ปู่พยายามพูดว่าให้ให้ให้ให้จะให้แอด แต่ฟังไม่รู้เรื่องก็เลยให้ปู่เขียนใส่กระดาษซึ่งหลวงปู่ เขียนเป็นตัวเลข ใส่กระดาษเป็นเลข 96,19 ตามที่เห็นในกระดาษ ซึ่งเป็นฝีมือของหลวงปู่ เผื่อปู่ให้โชคก่อนมรณะภาพ

ผู้สื่อข่าว จังหวัดอุดรธานี

โดยทางด้านเพจ เพลงไทยยุค 80-90 ได้โพสต์ภาพของ ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง และบอกว่า เป็นน้องแท้ ๆ ของ เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ รวมถึงบอกเหตุผลที่ใช้คนละนามสกุลว่า “ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง เป็นน้องแท้ ๆ เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ โดยมีพี่น้องกัน 4 คน แต่สาเหตุที่ใช้คนละนามสกุลกัน

เนื่องจากในวัยเด็ก พี่ตั้ว ได้ถูก ป้า ขอไปเลี้ยงเป็น บุตรบุญธรรม จึงใช้นามสกุลวงษ์กระจ่างของป้า แทนนามสกุล วรากุลนุเคราะห์” และคอมเมนต์ของแฟน ๆ เด็กยุค 80-90 เยอะเลยที่บอกว่า เพิ่งรู้เรื่องนี้และมีบ้างที่รู้ เช่น เพิ่งทราบวันนี้ค่ะว่าเป็นพี่น้องกัน,

จริงเหรอเนี่ย เพิ่งรู้ตอนนี้ค่ะ ชอบ คุณธเนศ มากร้องเพลงเพราะ ชอบ คุณตั้ว ศรัณยู ก็รูปหล่อไม่น่าเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน รักทั้งคู่ค่ะ, เป็นพี่น้องกันจริง ๆ พ่อแม่เดียวกัน พี่ตั้ว กับ พี่เอก ธเนศ เคยออกรายการ คุณวิทวัส จัดสี่ทุ่มสแควร์ ที่อยู่ช่อง 7 นานมากแล้วค่ะ เราดูอยู่, ทั้ง 2 ท่านยุคผมเลย แต่ผมก็พึ่งรู้เมื่อตอน คุณตั้ว เสียชีวิตนี่แหละครับว่าเขาพี่น้องท้องเดียวกันครับ, ฯลฯ

ฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 34 ปี อย่างอบอุ่นสุดๆ สำหรับนางเอกสาว ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ที่ได้เลี้ยงฉลองแบบเรียบง่ายกับคนในครอบครัว เพื่อนสนิท รวมไปถึงหวานใจหนุ่ม ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี

โดย ไมค์ ภัทรเดช ได้เซอร์ไพรส์ซื้อของขวัญเป็นสร้อยหรูที่ ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ อยากได้ ทำเอาฝ่ายหญิงดีใจสุดๆ

และเมื่อถูกเพื่อนๆ แซว ว่าเธอจะให้อะไรตอบแทนแฟนหนุ่ม สาวปุ๊กลุก ก็ได้ตัดสินใจคุกเข่าขอ ไมค์ ภัทรเดช แต่งงานแบบขำๆ ท่ามกลางคุณพ่อที่ยืนยิ้มชอบใจและปรบมืออยู่ข้างๆ

งานนี้ ไมค์ ภัทรเดช ยังได้อวยพรปุ๊กลุก ที่ฟังแล้วฟินสุดๆ อีกว่า “มีความสุขมากๆ กับทุกๆ วัน ดูแลสุขภาพด้วย อยู่ด้วยกันไปนานๆ มีคนฟังเยอะอะ อยู่ด้วยกันไปทั้งชีวิตเลย”

พอพูดจบประโยค ก็มีเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือดังสนั่นเลยทีเดียว

วันเวลาผ่านไปตอนนี้ น้องณดา ลูกสาวคนโตของแม่ กบ สุวนันท์ กับพ่อ บรู๊ค ดนุพร โตเป็นสาววัย 13 ขวบ สวยวันสวยคืนออร่านางเอกมาเต็มมาก เล่นเอาหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่อดใจหายไม่ได้

โดยเฉพาะภาพล่าสุดที่ แม่กบ โพสต์ผ่านไอจี kob_nada_nadol ในวันที่ลูกสาวจะออกไปทานข้าวนอกบ้าน พร้อมระบุข้อความว่า “ไปกินข้าวข้างนอกกัน #แต่งตัวเกินหน้าแม่มาก #13เองนะยู #กลับมาก่อน #อย่าเพิ่งรีบโตได้มั้ย”

เหล่าเอฟซีที่ติดตามบ้านนี้มานานตั้งแต่ น้องณดา ลืมตาดูโลกก็ตกใจไม่แพ้กัน หลายคนบอกว่า สวยมาก ๆ ค่ะ ดูคลิปแต่งหน้าน้องในติ๊กต็อกดูเพลินเก่งมาก ๆ ค่ะ, โตเป็นสาวสวยแล้ว, สวยน่ารักมากครับ น้องณดา, สวย น่ารักมาก ปล. พี่กบ ละครสักเรื่องไหมครับ คิดถึง, ฯลฯ