จากเพื่อนเลื่อนขั้นเป็นแฟน ท็อป ดารณีนุช ควงหวานใจ ไมโล เผยเส้นทางรัก ใช้เวลารอ 40 ปี แพลนแต่งงานรีสอร์ท หมิว ลลิตา
รุ่นใหญ่หัวใจสีชมพู ท็อป ดารณีนุช ควงแฟนหนุ่ม ไมโล มาเปิดเรื่องหัวใจ จากรักที่ไม่มีทางเป็นไปได้ สู่ความรักหวานฉ่ำกว่า 2 ปี พร้อมเปิดมุมมองความรักครั้งใหม่ในวัย 56 ปี กลัวคนมองว่าแก่เกินมีรักใหม่หรือเปล่า ต่างฝ่ายฝ่าด่านลูกๆ กันยังไง งานนี้เส้นทางแอบรักเพื่อนกว่า 40 ปี เป็นยังไง แล้วที่มีข่าวว่าเตรียมมีข่าวดีควงคู่กันแต่งงานจริงไหม ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา, บูม สุภาพร และดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
พี่ไมโลแอบรักมา 40 ปีจริงเหรอ? ไมโล : “ตอนเด็กๆ แอบชอบมากกว่า เจอกันครั้งแรกตอน ม.1 ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกันเลย วันนั้นผมเอาวิทยุไปโรงเรียน แล้วเขาเดินมาขอยืม เราก็งงเพราะยังไม่รู้จักกันเลยแต่ก็ให้ยืม”
นึกอะไรไปยืมเขา?ท็อป : “คนมันทันสมัย”
ตอนนั้นคิดอะไรกับเขาไหม? ท็อป : “ไม่คิด อยากได้ของจะมาอวดเพื่อนผู้หญิง เขาให้วิทยุเรามา แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเขาประทับใจเรา”
ไมโล : “เขาบอกว่าเดี๋ยวเลิกแถวเอามาคืนซึ่งวันนั้นเราก็กลัวว่าถ้าไม่ได้คืน กลับไปต้องโดนว่าแน่ แล้วเลิกแถวเขาก็เดินเอามาคืนเราจริงๆ”
ท็อป : “เขาประทับใจที่ฉันเป็นมิจฉาชีพ”
จุดเริ่มต้นของความรักและการแอบชอบคือยังไง? ไมโล : “จากตรงนี้ก็เริ่มชอบ เริ่มมองเขาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้จีบ ในที่สุดเพื่อนก็อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ก็ยังไม่กล้าบอกเขานะว่าชอบ”
พี่ท็อปรู้มั้ย? ท็อป : “ไม่ได้สนใจเลย พี่มีแต่พุ่งไปข้างหน้า ชีวิตสนุก ชอบไปชอบผู้ชาย ถ้าเห็นหล่อจะต้องไปเก็บสแปร์ คือไปดู ไปแอบส่องผู้ชาย เพราะไม่เคยอยู่โรงเรียนที่มีผู้ชาย อยู่แต่โรงเรียนหญิงล้วน”
แล้วได้มาเจอกันอีกทีเมื่อประมาณกี่ปีที่แล้ว? ท็อป : “เกือบสองปี”
แล้วมาเจอกันได้ยังไง? ท็อป : “คือเล่นเฟซบุ๊ก ตอนพี่เปิดเฟซบุ๊กก็ไม่ได้เปิดเอง ตอนนั้นมีลูกน้อง ลูกน้องเป็นคนเปิดให้ เราไม่ค่อยรู้เรื่อง เสร็จแล้วเขาเข้ามาในกล่องข้อความ เราไม่แม้กระทั่งรับเขาเป็นเพื่อน พอรับไม่เป็น ไม่รู้เรื่องเลยไม่สนใจ แล้วเขาทักข้อความมาหาเราแต่มันไม่ได้รับการอ่าน เพราะเราไม่ได้เป็นเพื่อนเขา เสร็จแล้ววันนั้นเราไปทำบุญ ทำธุระ รถก็ยางแตก ก็เลยไปสระผม เพราะอยู่ร้านทำผมมันมีสมาธิแล้วก็เปิดดู แล้วมือไปโดนปุ่มข้อความ ก็เจอว่าเขาส่งข้อความมาหาเรา แล้วลบทิ้ง 2 ข้อความ ก็รู้สึกทำไมเรามารยาทไม่ดีเลย คือคนเขาคุย เขาลบทิ้งแสดงว่าเขาต้องรอนาน ก็เลยตอบกลับไปว่า ขอโทษทีนะ เราเพิ่งได้มาอ่าน นี่ตอบทันทีเลย”
2 ข้อความ ที่ลบทิ้งไปส่งไปว่าอะไร? ไมโล : “ตอนนั้นมีเรื่องอยากจะปรึกษาเขาคิดว่าเรื่องนี้อยากปรึกษาใครสักคน แต่ไม่อยากได้เพื่อนสนิท อยากได้คนที่รู้จักเราหมด แต่ก็ไม่อยากได้คนที่เราไม่รู้จักเลย แต่ออกมาเป็นเขาได้ยังไงก็ไม่รู้”
ท็อป : “พอเขาบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษา พี่ก็ถามเขาว่า เธอจะยืมตังค์เราเหรอ เราระแวง”
แล้วพี่ไมโลตอบไปว่ายังไง? ไมโล : “พอตอบกลับไปสักอาทิตย์เขาก็ไม่อ่าน เราก็แบบสงสัยเขาไม่อยากอ่านแล้ว ก็ลบดีกว่า พอลบไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกคาใจ อยากปรึกษา ก็พิมพ์ไปอีกรอบแต่ก็ลบอีก นั่นแหละครั้งที่สองเขาถึงติดต่อมา”
เวลาผ่านไปเกือบ 40 ปี จำเขาได้ไหม? ท็อป : “จำได้ รู้จัก”
ไมโล : “เป็นเพื่อนในกลุ่มอยู่แล้ว”
ท็อป : “มันเป็นกลุ่ม แต่ไม่ได้เป็นเพื่อนผู้ชายที่สนิท มีเพื่อนผู้ชายอีกชั้นนึงที่สนิท กับพี่ไมโลไม่ค่อยได้พูด มึง กู กัน แต่กับเพื่อนผู้ชายคนอื่นเราก็ชัดเจน”
ทำไมเขาพูดไม่ได้? ท็อป : “ตอนเวลาอยู่ในกลุ่ม ตอนเย็นเราต้องไปนั่งหลังตึก เขาก็จะมีพ่อแม่มารับพาไปตีเทนนิส”
อะไรที่ทำให้ไปคุยกับเขา เพราะพี่ท็อปไม่ได้เปิดใจให้ใครง่ายๆ? ท็อป : “ไม่เปิดเลย คือเป็นเพื่อนไง ก็บอกเขาถ้าไม่ใช่เพื่อน ฉันไม่คุยนะ ก็คุยกับเขา เขาบอกมีเรื่องปรึกษา คนทั่วไปเข้ามาในไอจีปรึกษาพี่ พี่ยังคุยด้วยเลย พอคุยกันไปมาก็รู้สึกว่าเขาคงไม่มีใครจริงๆ หมายถึง 1. เขาเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว แล้วคนที่เขาคุยปรึกษาที่มันเป็นชะนีก็คงไม่มี เขาปรึกษาเรื่องความรักด้วยซ้ำไป เราเป็นแบบเหมือนเจนโลก ก็มีมาคนนึง ก็คิดว่าเรามาใช้ชีวิตเดี่ยวแบบนี้ก็มีมุมมองความรักอีกแบบนึง ก็ให้คำปรึกษากับเขา”
แล้วจีบกันยังไง? ท็อป : “เขาเป็นคนคุยทุกวัน เขาติดต่อมาทุกวัน เราก็เริ่มติด เขาจะทักมาไหม วันนึงคุยกันเขาบอกว่า เคยแอบชอบเราด้วยนะ เราก็คุยไปเรื่องอื่น แล้วเขาก็บอกว่า อุ๊ย…บอกไปแล้วทำลูกเล่น”
ตอนนั้นพี่ไมโลจีบพี่ท็อปแล้วใช่ไหม? ไมโล : “ใช่สิ”
ทำไมจากการปรึกษาแล้วมาเปลี่ยนว่าจีบคนนี้ดีกว่า? ไมโล : “เราชอบอยู่แล้ว แล้วตามเขามาอยู่ตลอด แต่ว่ามันหลายอย่าง แล้วก็จังหวะชีวิต มันเหมือนทุกอย่างมาลงตัวตอนนั้นพอดี”
แล้วโมเมนต์ไหนที่ขอเป็นแฟน? ท็อป : “จำได้ขอในรถ ตอนนั้นเวลาจีบกัน เราชอบไปเดิน สุวรรณภูมิ นี่เดินจนคนเขางง เสร็จวันนั้นที่ตกลงเป็นแฟนก็คุยกันในรถนี่แหละ ตกลงว่ามาคบกันก่อน เสร็จแล้วให้เขาไปเคลียร์ตัวเอง แล้วมันก็มีเหตุต่างๆ เฮ้ย เอายังไงกันแน่ แล้วเขาก็ไปเคลียร์ จนมันเสร็จแล้ว ก็เลยบอกโอเค จากวันนี้เราคบกันนะ เขาไปรับเราไปทำบุญ เช้าใส่บาตร น้ำตาไหล คือก่อนหน้าหน้านั้นมันจะเอายังไง เราไม่ชอบความรู้สึกพวกนี้อยู่แล้วที่ต้องมาเสียใจ ไม่เอาละเว้ยความรัก”
ให้เขาไปเคลียร์เราเองก็เฝ้ารอ? ท็อป : “ก็ไม่ถึงกับรอ ให้มันรู้แล้วกัน ถ้าไม่คบก็จะได้เดินต่อ”
ที่บอกว่าตักบาตรแล้วน้ำตาไหล ตอนนั้นคิดอะไร? ท็อป : “เฮ้ย ทำไมมันเป็นเรื่องรบกวนใจเรา ทำไมเสียใจวะ ปกติจะไปกับน้องสองคน เราจะเป็นคนขับรถจากอุดรไปบึงกาฬ วันนั้นน้องขับคนเดียว นี่ก็นั่งโทรศัพท์กับเล่นไลน์คุยกับเขาว่าตกลงยังไง เสร็จเขาบอกว่าขอมารับได้ไหมที่สนามบิน พอเขามารับก็พาไปเดินเล่น CDC ก็ถ่ายรูปกันครั้งแรกที่คบกัน พวกเพื่อนๆ ได้ดูรูปนี้ โห.. ความรู้สึกผู้หญิงมันเยอะกว่าผู้ชาย”
ส่งรูปนี้ไปให้ใครดูบ้าง? ท็อป : “พี่ก้อง พี่ผัดไท พวกนั้นจะบอกว่าผู้หญิงมันดูเยอะเนาะ ผู้ชายก็งั้นๆ แต่ผู้หญิงมันดูเยอะ ผัดไท บอกว่าพี่ไมโลหนีไป เตือนแล้วนะ”
เพื่อนๆ น่าจะแฮปปี้มากที่พี่ท็อปตัดสินใจ? ท็อป : “แรกๆ ก็ไม่แฮปปี้ เหมือนโดนแย่งเพื่อน ในกลุ่มก็มีความกระสับกระส่ายพอสมควร แล้วเขาก็ปรึกษากัน ผัดไทบอกว่า เผื่อเขารักกันจริง เราอยากไปอะไรเลยไหม ท่าทางคือแบบทำให้มันแตกแยกกันไป จะได้เพื่อนกลับมา”
เขาเป็นห่วงหรือกลัวเพื่อนหาย? ท็อป : “เขาอิจฉากันนั่นแหละ ฉันไม่มี ทำไมพวกแกมี มันว่าอย่างนี้ คือเพื่อนๆ ไม่มีคู่ แล้วมารวมกันไปซื้อที่ดินด้วยกัน กะจะไปอยู่ด้วย อยู่ๆ จะหนีไปมีแฟน เพื่อนก็เซ็ง”
พี่ไมโลได้เจอเพื่อนพี่ท็อปบ้างหรือยัง? ไมโล : “เจอครับ พอเริ่มตกลงว่าเป็นแฟนกันปุ๊บ เขาก็บอกว่าเธอต้องไปเจอเพื่อนเขานะ”
ท็อป : “เพื่อนเหมือนพ่อแม่ เพื่อนเหมือนญาติ เพราะพ่อแม่เราตายแล้ว เพื่อนเราคือญาติเรา ต้องมาเจอ เพราะชีวิตเราดำเนินมาได้ด้วยการปรึกษาเพื่อนมาโดยตลอด”
พอไปเจอเพื่อน ด่านเพื่อนเป็นยังไง? ไมโล : “ดูน่ากลัว แต่พอเจอจริงๆ แล้ว ดีทุกคน น่ารักทุกคน”
เขาบอกว่าพี่ท็อปเป็นคนที่แพ้คนเล่นกีต้าร์แล้วก็ร้องเพลง? ท็อป : “ไม่แพ้แต่ไม่เคยมี”
ไม่มีคนเข้ามาในชีวิตเรานานมาก แต่อยู่ๆ มีผู้ชายเล่นกีต้าร์จีบเรา ตอนนั้นหัวใจหลุดออกมาไหม? ท็อป : “ตอนฟังเขาร้องเพลง ชอบตอนเขาเล่นกีต้าร์ เขาเสียงหวานมาก เราเคยเจอแต่พวกผู้ชายดิบเถื่อน ก็รู้สึกว่ามันก็ชุ่มชื่นหัวใจดี”
เพราะเวลาผ่านไปสักระยะ ได้คุยกัน แล้วตัดสินใจมาคบกันจริงๆ ความรู้สึกที่เราเฝ้ารอมา 40 ปี เป็นยังไงบ้าง? ไมโล : “มันดีกว่าที่เราคิด ทั้งหมดมันเกินกว่าที่เราคาดไว้”
ความรักในวัยนี้มันดีไหม? ท็อป : “ดี ความรักถ้ามันเป็นความรักที่จริงใจแล้วมันเป็นความรักจริงๆ ดีหมด รักที่มันปรารถนาดีต่อกัน รักที่เมตตาต่อกัน มันไม่ได้หมายความว่ามันมีแค่ความรัก มันจะต้องเริ่มใช้ชีวิต เริ่มต้นดำเนินเรื่องต่างๆ ไปด้วยกัน แชร์ความรู้สึกกันทุกๆ อย่าง เราต้องมานั่งคุยกันก่อนว่า สิ่งที่เรารู้สึกมันดีอย่างนี้ มันถึงจะรักษาโมเมนต์นี้ ไปด้วยกันในความสัมพันธ์”
มีความกังวลที่จะต้องบอกใครไหม? ท็อป : “ตอนแรกมีนะ เราก็คิดเหมือนกัน อายุเยอะแล้วมามีแฟน คือเราไม่ได้แคร์หรอกว่าใครจะยังไง บางครั้งมันอาจจะไม่ใช่วัย ในวงจรชีวิตของมนุษย์ทั่วไป 20-30 มีครอบครัว นี่ฉันจะเกษียณอยู่แล้วจะย้อนมาตรงนี้อีก เขาจะมองว่าอะไร ก็มีบ้าง อันนั้นมันเป็นการเปิดให้เราก้าวข้ามอะไรบางอย่างที่เรากังวล ฟีดแบ็กจากคนรอบข้าง เพื่อนๆ ลูก คุณผู้ชม มันทำให้เรารู้สึกว่าไม่เป็นไรหรอก
แล้วมันทำให้เรารู้ตัวเองว่า จริงๆ แล้วตัวเราเวลามีความรัก โดยเฉพาะอายุอย่างนี้ประสบการณ์ในชีวิตมันทำให้เราฉลาดขึ้น เพราะฉะนั้นที่เราต้องมี คือได้เก็บสะสมสติ ปัญญา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เอามาเพื่อประกอบการพิจารณาความรักเรา แต่ก่อนเรามีแต่ส่วนของอารมณ์ ความรู้สึก แล้วสมองก็จะน้อย จะเอาแต่รักๆ แต่ตอนนี้มิติมันกว้างขึ้น เพราะฉะนั้นรักในวัยนี้มันทำให้เรารอบคอบขึ้น แล้วก็ไม่ทะเลาะกัน”
แล้วพี่ไมโลล่ะ เป็นการเริ่มต้นใหม่ กับรักแรก? ไมโล : “อย่างที่บอกมันเกินคาด ผมไม่ค่อยห่วงทางฝั่งผมเท่าไหร่ ตั้งแต่เริ่มต้นเลยที่กลัวคือห่วงทางฝั่งเขามากกว่า ห่วงคือหมายถึงว่า เพื่อนเขา คนรอบตัวเขาจะรู้สึกยังไง”
สิ่งที่ยากสำหรับพี่ๆ ในวัยนี้คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องลูก? ท็อป : “ใช่”
ไมโล : “ใช่ นั่นคือเรื่องแรกเลยที่คิด”
เราคุยกับลูกยังไง? ท็อป : “ตอนคุยกับพี่ไมโล พี่ก็เล่าให้ลูกฟังว่าแม่คุยกับเพื่อนอยู่นะ เขาก็ถามว่าเพื่อนคนไหนเพราะเขารู้จักเพื่อนแม่ทุกคน ก็บอกว่าอันนี้ลูกไม่รู้จักหรอก จนตอนหลังเราเริ่มไปเดินออกกำลังกาย ก็เลยบอกว่าเออแม่คบคนนี้อยู่นะ ลูกคนเล็กก็อ๋อรับรู้ แต่ลูกคนโตเขาแยกบ้านไปอยู่กับภรรยา คนนั้นทำตัวเป็นพ่อ คนโตจะใจร้อน เขาจะอยากรู้ว่า เขาเป็นใคร ทำไมผมไม่รู้จัก เดี๋ยวผมจะโทรไปสืบ เพื่อนมัธยมแม่ที่เป็นผู้ชายลูกคนโตจะรู้จัก เขาจะสืบ ทำงานอะไร เราก็บอกว่าใจเย็นๆ ยังไม่บอกอะไรเยอะ เราก็ให้เจอลูกคนเล็กก่อน เพราะเขาเป็นคนชิล ใจกว้าง แล้วค่อยมานัดเจอลูกคนโต
โชคดีตอนที่เจอมีเรื่องที่ต้องคุยกัน เพราะลูกคนโตเขาจะขายรถ ปรึกษาทางนี้ก็คุยกัน หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวกัน แล้วเขาก็มาบอกว่า คือลูกจะดูพี่ไมโลตลอดว่าเป็นยังไง เขาบอกแม่เขาเป็นคนอย่างนี้ๆ นะ เขาก็สบายใจขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาจะไปเรียนต่อเมืองนอก เขาบอกว่าเดี๋ยวผมจะเป็นสปอนเซอร์ให้เราสองคนรวมถึงตัวเขาด้วยไปเที่ยวกระบี่ด้วยกัน เพราะว่าน้องเล็กไปบวชอยู่ ก็เลยพากันไปเที่ยวกระบี่ ต้องขอบคุณลูกๆ ใจกว้าง เขาเป็นคนเปิดใจ
ถามว่าเขารักเรา เขาห่วงเราไหม รัก เขาพูดกับเราว่าแม่ได้ทำทุกอย่าง ตามคำพูดที่ให้ไว้กับผมคือพอเลิกกับคุณพ่อเขา เราก็ไม่มีใคร แล้วเราก็เลี้ยงเขามาจนเขาเติบโต จนเขาแข็งแรงแล้ว แล้วตอนนี้เหมือนเป็นพาร์ตที่เธออยากจะมีความสุขก็ให้โอกาสเธอนะ”
พี่ไมโลเตรียมตัวเตรียมใจที่จะไปเจอลูกของพี่ท็อปไหม? ไมโล : “ก็เตรียมตัวครับ แต่ก็อย่างที่บอกมันจังหวะพอดี เขาอยากปรึกษาเรื่องรถพอดี เพราะผมก็ทำรถมือสองอยู่ ก็เลยได้คุยมันเลยง่าย แล้วที่เขาชวนไปกระบี่ ส่วนนึงเขาก็คงอยากเห็นด้วยว่าเราเป็นยังไง เพราะมันจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันหลายวัน”
ฝั่งพี่ท็อปผ่านแล้วแล้วฝั่งพี่คุยกับทางบ้านยังไง? ไมโล : “ลูกผมจะเด็กกว่า อยู่ ม.4-ม.5 เขาก็ฟังเราอยู่แล้ว เราอธิบายให้เขาฟัง เราไม่ได้ทำอะไรที่เขาไม่เห็น มีอะไรก็บอกลูก เพียงแต่ว่าเราอาจจะต้องใส่ใจเขามากกว่าหน่อยด้วยความที่เขาดีกว่า”
เขาเจอพี่ท็อปเขากลัวไหม? ไมโล : “ไม่เลย เขาชอบ คนนี้เขาเข้ากับเด็กได้อยู่แล้ว”
ทำยังไงถึงจะชนะใจเด็กๆ? ท็อป : “เราต้องไม่พยายาม เป็นธรรมชาติ เราไม่ได้รู้สึกว่าเรามาเพื่อแทนใคร เราไปในฐานะ ไปด้วยกันแล้วเอ็นดูเขา อะไรที่เป็นเรื่องของเขา เราก็ไม่ล้ำเส้น หรือเขาเล่าเรื่องความลับอะไรให้เราฟัง เราก็ไม่บอกพ่อเขา เรารู้สึกว่าพอเราเคารพเขา หรือฟังเขา เขาก็อยากจะเล่า เขาก็คุย เจอกันก็พาไปไปกินข้าวให้เขาสบายใจ”
พี่ไมโลวางแผนจะแต่งงานกับแม่ท็อปจริงเหรอ? ไมโล : “เราต่างคนต่างไม่ได้คิดคิดถึงเรื่องตรงนี้แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ หลายๆ คนเชียร์ อยากให้มีงาน มันเหมือนเป็นการรวมเพื่อน ปาร์ตี้ให้เพื่อนมาเจอกัน วัยเรามันไม่น่ามีงานแบบนี้แล้วถูกไหม คือถ้าไปก็ไปงานลูกแล้ว”
ไม่รู้จะจัดไหมแต่มีสถานที่แล้ว? ท็อป : “คุณหมิว ลลิตา นัดเจอกัน คุณดาวเขาบอกว่าพี่ท็อปไปจัดที่รีสอร์ทน้องหมิว เป็นแบบเล็กๆ น่ารักริมทะเล เขาก็คิดวาดฝันกันใหญ่ ไอ้เรายังงงอยู่เลยใครเจ้าสาว อ๋อ เราเหรอ มันก็ตื่นเต้น แต่ตอนไหนอะไรยังไงยังไม่รู้”
แล้วเจ้าของสถานที่เขาว่ายังไงบ้าง? ท็อป : “พี่หมิวเขาบอกมาเลยๆ เขาอยากให้เราจัด เหมือนถ้าเราจัดก็จะได้โปรโมทรีสอร์ทด้วย น้องหมิวเป็นคนน่ารักมาก เหมือนน้องสาวคนนึงเวลาเขาไม่สบายก็โทรคุยติดต่อกันตลอด แต่พอมีพี่ไมโล ฉันไม่โทรหาหมิวเลย”
มีอะไรอยากจะพูดกับพี่หมิวหน่อยไหม? ท็อป : “ขอบคุณหมิวมากนะ หมิวอยู่ในช่วงชีวิตพี่ตั้งแต่พี่เข้าวงการมาใหม่ๆ อยู่ด้วยกันมาตลอด เพราะฉะนั้นหมิวก็เป็นคนสำคัญในชีวิต งานบวช งานแต่ง งานอะไรหมิวจะต้องมีส่วนตลอด”
พี่หมิวคอนเฟิร์มจริงไหม?หมิว ลลิตา : “ขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ของพี่ ถ้าเกิดว่างเมื่อไหร่จะปิดโรงแรมให้เลย พี่ทำงานกันเยอะแล้วอยากให้พักผ่อน สบายๆ หรืออยากให้เพื่อนๆ ในแก๊งไปด้วยก็ยินดีต้อนรับ อาจจะมีงานอะไรเล็กๆ ให้เพื่อนฝูงได้พบกันด้วยแล้วฉลองความสุขของพี่ด้วย ขอให้พี่มีความสุขมากๆ”
พี่ไมโลพอเห็นเพื่อนพี่ท็อปเขาเวลคัมเรา อยากให้เราแต่งงานขนาดนี้ อยากจะบอกอะไรเขา? ไมโล : “ดีใจที่เขายินดีกับเรา จริงๆ ถ้ามันเป็นไปได้ เราก็อยากให้มันเกิดขึ้น”.