จากกรณีที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.1 ว่าถูก “น้ำผึ้ง” โมเดลลิ่งเก๊หลอกว่าจะพาไปถ่ายงานโฆษณาร่วมกับ “ลิซ่า” แต่ต้องวางเงินมัดจำประกันก่อน จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเสียเงินไปกว่า 8.7 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ก.ค.2567 ที่ บก.สอท.1 นายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พาผู้เสียหาย 6 คน ที่ถูก “น้ำผึ้ง” โมเดลลิ่งเก๊หลอก เข้าแจ้งความเพิ่มเติม โดยมีพล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผกก.สอบสวน รับเรื่องร้องทุกข์
นายนิรันดร์ กล่าวว่า หลังมีการนำเสนอข่าวออกไป ก็มีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 20 คน ทักมาในเพจว่าถูก “น้ำผึ้ง” หลอกลวงในลักษณะเดียวกัน แต่ละคนมีมูลค่าความเสียหายหลักแสนถึงหลักล้าน ซึ่งบางคนก็เคยไปเรียนการแสดงจริง มีนักแสดงมาสอนจริง เคยไปถ่ายงานมาจริง จึงยังไม่รู้ตัวว่าถูกหลอก ยังอยู่ระหว่างการทวงถาม จนมาเห็นข่าวเมื่อวาน จึงถึงกระจ่าง
หนึ่งในคุณแม่ผู้เสียหาย เดินทางมาจากพัทยา เสียหายไปกว่า 1.5 ล้านบาท กล่าวว่า ประมาณ 1 ปีที่แล้ว ตนสนใจอยากให้ลูกได้ทำงานด้านนี้ เลยค้นหาในเฟซบุ๊ก ก็ไปเจอกับเพจของ “น้ำผึ้ง” แนะนำขึ้นมา จากนั้นก็มีการพูดคุยกัน มีการจ่ายเงินไปเรียนการแสดง และทำสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดจริง
จากนั้นก็เริ่มมีงานให้น้อง ไปเล่นละคร เป็นนักแสดงตัวประกอบ ที่ได้ออกอากาศจริง ตอนที่ไปถ่ายก็เจอกับน.ส.น้ำผึ้ง มีการพูดคุยกัน ทำให้ไม่เอะใจ จนต่อมา น้ำผึ้ง บอกว่า มีงานให้น้องไปถ่ายโฆษณาได้ค่าตัวงานละ 1 หมื่นบาท แต่ทุกงานต้องวางเงินประกัน
โดยน.ส.น้ำผึ้งให้เหตุผลว่า ป้องกันเราเบี้ยวงาน ก็จะเอาเงินนี้ไปจ่ายค่าเสียหายให้บริษัท ซึ่งก็มีการดีลงานลักษณะนี้ และวางเงินประกันมาเรื่อยๆ หลายครั้ง แต่ไปถ่ายมาจริงๆ 4 งาน ซึ่ง น.ส.น้ำผึ้งอ้างว่า เป็นโฆษณาของต่างประเทศ จึงไม่เคยเห็นว่าได้ออกอากาศหรือไม่
จนเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว เริ่มเอะใจ เพราะค่าตัว และเงินประกันที่ต้องได้คืน เริ่มค้างเยอะ ทวงถามก็ยังไม่ได้ เวลาทวงแต่ละครั้ง มักจะผัดผ่อน บอกว่าเดี๋ยวจะจ่ายให้ แล้วก็เงียบไป พอตามอีกก็จะอ้างว่า ติดวันหยุด ติดเสาร์อาทิตย์ และอ้างว่าตัวเองไม่ค่อยสบาย ถ้าหายจะจัดการให้ แต่ก็ยังไม่ได้ ตนเลยคิดว่า จะไม่รับงานเพิ่มจนกว่าจะได้เงินคืน
ขณะที่ คุณแม่ผู้เสียหายอีกรายหนึ่ง เดินทางมาจากนนทบุรี บอกว่า ตนรู้จักกับน.ส.น้ำผึ้งตั้งแต่ปี65 เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน น.ส.น้ำผึ้งจึงได้ชักชวนลูกสาวไปเรียนการแสดงที่บ้าน ซึ่งทำเป็นสตูดิโออยู่ในหมู่บ้านย่านบางใหญ่ เรียนครั้งละ 1-2 ชั่วโมง มีครูที่เป็นนักแสดงตัวประกอบมาสอนให้จริงๆ
ลูกตนได้เรียนไป 5 ครัั้ง หลังจากนั้น น.ส.น้ำผึ้งก็บอกว่า มีงานโฆษณานมยี่ห้อหนึ่งติดต่อมา แต่ต้องวางเงินประกันก่อนหลักหมื่น ตนจึงหลงเชื่อโอนเงินไป แล้วก็ได้ไปถ่ายจริงๆ มีสตูดิโอและทีมงานจริงๆ และมีลักษณะนี้อีกหลายครั้ง
เงินประกันมีตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสน รวมแล้วตนโอนเงินไป 8.7 แสนบาท แต่เพิ่งได้ค่าตัวน้องมาแค่ 3,000 บาท และไม่เคยได้เงินประกันคืนเลย โดยน.ส.น้ำผึ้งอ้างว่ายังไม่ถึงกำหนดบ้าง ยังไม่สะดวกอยู่ต่างจังหวัดบ้าง
และเมื่อเดือนก.พ.66 น.ส.น้ำผึ้งได้บอกว่า ลูกจะได้ถ่ายละครช่องดัง แต่ต้องวางเงินประกัน 1.5 แสนบาท หลังจากที่ตนโอนเงินไป น.ส.น้ำผึ้งกลับเปลี่ยนใจ บอกว่ามีงานที่น่าสนใจกว่า ใหญ่กว่า คือ ถ่ายภาพยนตร์กับณเดชน์-ญาญ่า และให้ตนวางเงินประกันอีก 1.5 แสนบาท รวม 2 รอบ 3 แสนบาท แต่ยังไม่เคยได้ไปถ่ายกับณเดชน์-ญาญ่า จริง
ทั้งนี้มีครั้งหนึ่งที่ไปถ่ายโฆษณา ช่างแต่งหน้ามาบอกว่า กองถ่ายนี้เซตขึ้นมา แม่ดูไม่ออกหรอ เขาดูออก ตนก็บอกว่า ตนไม่รู้เพราะมันเหมือนจริงมาก ช่างแต่งหน้าก็บอกว่า มันไม่มีที่ไหนที่จ้างนักแสดงแล้วเก็บเงินก่อน หลังจากนั้น ตนจึงหยุดรับงาน แต่น.ส.น้ำผึ้งก็ยังติดต่อมาถามตลอดว่า เดี๋ยวนี้ไม่มาเรียนแล้วหรอ
ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ตอนนี้ผู้เสียหายที่รวมตัวมาแจ้งความแล้ว มีมูลค่าความเสียหายรวมกันไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเหตุเกิดต่างพื้นที่กัน และเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ แต่ทาง บก.สอท.1 จะช่วยรับเรื่องแจ้งความ และอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหาย
และหากมีผู้เสียหายรายอื่นๆ อีก ขอให้รีบเข้ามาพบพนักงานสอบสวน สามารถไปแจ้งความที่ สน.ท้องที่ได้ เพราะกรณีนี้รู้ตัวตนผู้ก่อเหตุอยู่แล้ว สำหรับผู้เสียหายที่เดินทางมาแจ้งความในวันนี้ มีทั้งหมด 6 ราย มูลค่าความเสียหายรวม กว่า 6,120,000 บาท