เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร่ำไห้อยากตาย ถูกหลอกเงินเกลี้ยงบัญชี 2.5 ล้าน สามีเสียชีวิตจากโรคไตหมดค่ารักษาไป 2 ล้าน ยังโดนคอลเซ็นเตอร์หลอกซ้ำ
วันที่ 4 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางบัวลิน อายุ 57 ปี แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งย่านบางกรวย ซึ่งตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนสูญเงินเก็บในบัญชีไป 2.5 ล้านบาท
โดยเหตุเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่คดีไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการติดต่อกลับมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังผ่านมา 5 เดือนจึงขอร้องสื่อช่วยติดตามความคืบหน้าในคดีหลังคิดหนักจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
นางบัวลิน ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.67 ช่วงเวลาประมาณ 10.40 น.ตนได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหาพร้อมกับอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพาวุธ เพื่อแจ้งสิทธิ์เงินบำนาญของสามีตนที่เพิ่งเสียชีวิตไปว่ายังมีเงินตรงนี้ตกค้างอยู่
โดยคนร้ายสามารถระบุข้อมูลของสามี ซึ่งเป็นทหารลูกจ้างประจำแผนกอาวุธ 2 กรมสรรพาวุธทหารบกได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ประกอบกับสามีตนยังมีเงินบำนาญคงค้างอยู่หลังเพิ่งเสียชีวิตไป ตนจึงหลงเชื่อพูดคุยกับคนร้ายทางโทรศัพท์ต่อไป
หลังตนหลงเชื่อพูดคุยกับคนร้ายได้สักพัก คนร้ายได้แนะนำให้ตนทำตามขั้นตอนในโทรศัพท์มือถือ ตนก็หลงเชื่อทำตามขั้นตอนไปแม้กระทั่งการสแกนใบหน้าผ่านทางโทรศัพท์ตามที่คนร้ายบอก ก่อนที่ต่อมาโทรศัพท์มือถือของตนเครื่องก็ค้างไป ไม่สามารถกดหรือทำอะไรกับหน้าจอได้ อีกทำให้ตนถูกมิจฉาชีพดูดเงินจากบัญชีแรกไปจำนวน 2 ล้านบาทในทันที และตามมาด้วยเงินในบัญชีที่ 2 อีก 5 แสนบาท รวมเป็นเงิน 2.5 ล้านบาท หลังจากนั้นตนจึงใช้โทรศัพท์อีกเครื่องโทรไปปรึกษาลูกชายคนโต จึงรู้ตัวว่าตนได้ถูกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงินเก็บจากบัญชีธนาคารทั้ง 2 แห่งไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว ก่อนที่ตนจะรีบเดินทางไปเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางกรวย เพื่อให้ช่วยเหลือ แต่นับจากแจ้งความผ่านไปมาจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 5 เดือนแล้วที่คดีไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
นางบัวลิน กล่าวด้วยน้ำตาาว่าที่ผ่านมาชีวิตครอบครัวก็ประสบความลำบากและสูญเสียมาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อสามีที่ป่วยเป็นโรคไตมาหลายปีและต้องไปฟอกไตเป็นประจำจนหมดค่ารักษาที่เบิกไม่ได้ ต้องออกเงินค่ารักษาเองไปเกือบ 2 ล้านบาท จนกระทั่งสามีเสียชีวิตลง ผ่านมาประมาณ 5 เดือน ตนก็มาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงินจากบัญชีไปอีก 2.5 ล้านบาท
ซึ่งเป็นเงินที่ตนกับสามีเก็บสะสมกันมาทั้งชีวิตเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในยามแก่เฒ่า แต่ก็มาถูกซ้ำเติมจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จนตนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว จากเดิมที่เคยคิดว่าจะมีความหวังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามตัวคนร้ายและนำเงินของตนกลับคืนมาได้ จนผ่านมา 5 เดือนแล้ว ไม่มีใครติดต่อแจ้งข่าวความคืบหน้าอะไรกลับมาเลย ทุกวันนี้ตนยอมรับว่าท้อแท้ใจมาก จนแทบไม่อยากจะทีชีวิตอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลูกชายอีก 2 คน.