เจฟ-อิงฟ้า ใส่สุด / เจฟ ซาเตอร์ และ อิงฟ้า วราหะ แท็กทีมเล่าประสบการณ์สุดโหดกับการถ่ายทำภาพยนตร์ “วิมานหนาม” ผลงานชิ้นล่าสุดจาก GDH โดยทั้งคู่บอกทุ่มสุดตัว และต้องยกกองไปถ่ายทำที่ต่างจังหวัดนาน 2 เดือนเต็ม แม้จะเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก แต่แฟนๆ ก็รอคอยที่จะชมกัน ทั้งยังส่งกำลังใจให้อย่างล้มหลาม และเจฟยังรับหน้าที่แต่งเพลงและร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย ทั้งคู่ได้ให้สัมภาษณ์ในงานรอบสื่อมวลชน “วิมานหนาม” ที่ เอสเอฟเวิลด์ เซ็นทรัลเวิลด์
การร่วมงานกับเจฟเป็นไงบ้าง?
อิงฟ้า “เหมือนได้เพื่อนเพิ่มอีกคน เรามีความคล้ายกันในเรื่องของการเป็นศิลปิน ชอบทำงานด้วยกันทั้งคู่ มีแพชชั่นไปในทิศทางเดียวกัน งานเลยออกมาดีมากๆ”
ถ่ายทำโหดมาก ให้กำลังใจกันยังไง?
อิงฟ้า มีช็อตนึง วันนั้นเราถ่ายซีนที่ยากที่สุดของเรื่อง ดูรู้แล้วแหละว่าเขาไม่น่าจะไหว จนวูบไป ก็เบรคไปถ่ายในวันรุ่งขึ้น เราไม่ได้ใช้สแตนด์อินเลย เล่นจริงเจ็บจริง ได้แต่ส่งทางสายตา สู้นะเว้ยไปด้วยกัน”
มีโดนหนามทุเรียนจริงไหม?
อิงฟ้า “ก็โดนกันบ้าง มีปาจริงๆ ลูกที่โดนเป็นลูกที่เมคขึ้นมา หนูเจ็บเท้าเล็บฉีก”
เจฟ “รวมๆแล้วเป็นการเชือดเฉือนอารมณ์มากกว่า มันไม่ได้ไปบู๊ขนาดนั้น”
ตอนวูบเป็นยังไง?
เจฟ “มันมีเซฟตี้ข้างในแล้วมันแน่น มี ไวเลททับอีกชั้นนึง แล้วก็มีเซฟข้างหลังอีกทีนึง เหมือนเราฟันเราโดนไปทีนึงแล้ว มันเจ็บข้างขวา พอโดนอีกข้างนึง แล้วอารมณ์มันกำลังไต่ระดับสูง ทุกอย่างมันรวมกัน ผมไม่ไหวแล้วเหมือนจะวูบ วูบไปไม่ถึงนาทีแล้วก็ตื่นขึ้นมา”
เป็นครั้งแรกไหมที่วูบ?
เจฟ “ครั้งแรกในชีวิตเลย ไม่เคยวูบมาก่อน”
อิงฟ้าก็หน้าสดทุกอย่างสดมาก?
อิงฟ้า “จริงๆมีเมคอัพทำให้โตขึ้น เติมร่องแก้มใต้ตา สีผิว ให้ดูแก่ ด้วยตัว ”โหม๋“ เขาไม่รู้จักเครื่องสำอาง”
คนมองว่าเราไม่ห่วงสวยเลย?
เจฟ “ผมว่าก็ยังสวยอยู่นะ มันคือความสวยที่จริง ไม่ว่าใครในเรื่อง มันคือความจริงที่เราใช้ชีวิต รอยไหม้ของแดด หรือบาดแผล มันก็เป็นความสวยงาม”
ทุกคนมีแสงในตัวกันมาก ลดแสงยังไง?
เจฟ “ทีมงานเขาเตรียมการมาดีด้วย เราไม่ได้รู้สึกมีแสงอะไร เราก็แค่เล่นไปพยายามให้เข้าถึงบท ไม่ว่าจะเป็นเมคอัพ ถ้าเราเชื่อจริงๆก็จะเป็นตัวละครนั้นจริงๆ เราไม่ต้องพยายาม เราไปอยู่นานจนลืมไปเลยว่าเป็นนักร้อง ถ่ายเป็นเดือนสองเดือนเลย”
อิงฟ้า “แล้วเราเชื่อจริงๆ”
คาดหวังกันแค่ไหน GDH ก็เป็นแฟนๆเยอะทั้งในประเทศและต่างประเทศ?
อิงฟ้า “นอกเหนือจากรายได้ ก็อยากให้ไปหลายประเทศ ไปทั่วโลกให้คนได้เห็นภาพยนตร์ไทย ไม่ว่าจะเป็น แสง สี เสียง เป็นอีกหนึ่งผลงานของคนไทยที่เราภูมิใจ”
เจฟ “รายได้เป็นรีวอร์ดของคนตั้งใจทำงานเนอะ ทุกคนทุ่มเทจริงๆ ตอนนี้ได้รับเลือกเป็นหนึ่งภาพยนตร์ติดท๊อปไฟฟ์ ฟิล์ม festival บนโลกใบนี้ เฮ้ย เรายังไม่ได้ดูเลยอ่ะ แต่มันไปถึงจุดนั้นแล้ว หรือว่าไปคานส์อย่างนี้ มันคือความฝันของทุกคนแหละ หวังว่าทุกคนจะได้ดูกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
ตัวสตอรี่ถ้าคนต่างประเทศดูคงเข้าใจแน่นอน?
เจฟ “ยิ่งเราโชว์ความเป็นไทย ผมว่ามันยิ่งมีเสน่ห์นะ ผมรู้สึกว่าอะไรที่เป็นแบบนี้มันหาไม่ได้ที่อื่นนอกจากที่ประเทศไทย หวังว่าจะทำให้หลายคนรู้จักประเทศไทย ภาพยนตร์ไทย นักแสดงไทยมากขึ้น”