กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช  ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา  ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.สุรพงศ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์,พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, รอง ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.ณรงเวทย์ จิวเดช สว.กก.2 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม   นายสุภัสสราฯ อายุ  27  ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 4013/2567 ลง 26 ส.ค.67พร้อมด้วยของกลาง 1.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง สีดำ รุ่นกาแล็คซี่ M12 จำนวน 1 เครื่อง 2.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน สีทอง รุ่น 14 Pro Max จำนวน 1 เครื่อง 3.ขาตั้งโทรศัพท์พร้อมไฟส่องสว่าง  จำนวน 1 อัน 4.ถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้  จำนวน 20 ชิ้น ในความผิดฐาน “เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้”

สถานที่จับกุม  บริเวณแมนชั่น ถ.สุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์  เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.ได้สืบทราบว่ามีความผิดเกี่ยวกับการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารทางระบบอินเทอร์เน็ต ผ่านแอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์ (เป็นกลุ่มสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ากลุ่มได้) และทางสื่อโอลิแฟน โดยมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ มีการลักลอบเผยแพร่คลิปการร่วมเพศและเชิญชวนบุคคลทั่วไปให้เข้ากลุ่มไลน์เผยแพร่คลิปลามกอนาจาร ซึ่งเป็นการร่วมเพศระหว่างเด็กชาย หรือวัยรุ่นชายกับบุคคลลักษณะสาวประเภทสอง โดยมีข้อความเชิญชวนเข้ากลุ่มแอ๊คล๊อคในราคา 599 บาท เข้ากลุ่ม กลุ่มไลน์ 1,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบความผิดด้วยการสมัครเข้ากลุ่ม

จากนั้นผู้ต้องหาก็จะเพิ่มรายชื่อผู้ที่โอนเงินแล้วเข้าไปในกลุ่มลับ เพื่อรับชมคลิปลามกอนาจารและการร่วมเพศระหว่างสาวสองกับวัยรุ่นและเยาวชนชายหลายรายไม่ซ้ำหน้า จากการตรวจสอบคลิปวีดิโอพบว่ามีวัยรุ่นและเยาวชนชายจำนวนประมาณ 100 กว่าราย ที่ตกเป็นเหยื่อถูกถ่ายคลิปซึ่งมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติหลายราย ซึ่งผู้ต้องหามีรายได้จากการสมาชิกในการเข้ากลุ่มเป็นจำนวนมาก

จนกระทั่งวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม.สืบสวนทราบว่านายสุภัสสราฯ ผู้ต้องหา ได้พักอาศัยอยู่ภายในแมนชั่นแห่งหนึ่งแถวราษฎร์บูรณะ ไม่ได้ประกอบอาชีพพักอาศัยอยู่แต่ภายในห้องพัก จึงได้วางแผนนำกำลังเข้าจับกุมตัวนายสุภัสสราฯ สอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและให้การว่าตนเองได้ตั้งกลุ่มในทวิตเตอร์ โอลิแฟน และกลุ่มไลน์ ขึ้นมาเพื่อชักชวนให้สมาชิกเสียเงินเพื่อเข้ากลุ่มเพื่อชมคลิปลามกอนาจารการร่วมเพศซึ่งตนเองได้ถ่ายทำขึ้นมาแล้วนำเข้าในกลุ่มเพื่อเผยแพร่ให้สมาชิกดู  โดยผู้ต้องหาให้การว่าตนเองได้ใช้แอ๊ปหาคู่ชื่อ Tinder (ทินเดอร์) ในการติดต่อลวงวัยรุ่นชายและเยาวชนชายมาหาและมีเพศสัมพันธ์กัน โดยตนเองจะตั้งกล้องถ่ายคลิปวีดิโอไว้

จากนั้นก็จะนำคลิปวีดิโอเข้าสู่ระบบของทวิตเตอร์ โอลิแฟนและกลุ่มไลน์ขายให้สมาชิกเสียเงินเข้ามาดูคลิปวิดีโอที่ตนเองทำขึ้นมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ข้อกล่าวหา นายสุภัสสราฯ ว่า “เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายสอบถามคำให้การผู้ต้องหา

เบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าตนเองได้ใช้แอพหาคู่ชื่อ Tinder (ทินเดอร์) ในการติดต่อลวงวัยรุ่นชายและเยาวชนชายมาหาและมีเพศสัมพันธ์กัน โดยตนเองจะตั้งกล้องถ่ายคลิปวีดิโอไว้ จากนั้นก็จะนำคลิปวีดิโอเข้าสู่ระบบของทวิตเตอร์ โอลิแฟนและกลุ่มไลน์ขายให้สมาชิกเสียเงินเข้ามาดูคลิปวิดีโอที่ตนเองทำขึ้นมาเป็นรายได้หลักที่ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันซึ่งตนเองไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่งแต่อย่างใดตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ให้ระมัดระวังในการใช้เสื่อสังคมออนไลน์ในยุคที่ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไร้พรมแดน อาจตกเป็นเหยื่อถูกติดต่อชักชวนจากบุคคลทั้งทางสื่อออนไลน์จากบุคคลแปลกหน้าที่พบ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนให้พึ่งใช้ความระมัดระวังในการที่จะพูดคุยติดต่อจากบุคคลแปลกหน้า อาจตกเป็นเหยื่อของมิสสาชีพและถูกล่อลวงไปกระทำสิ่งไม่ดี ซึ่งสิ่งที่ต้องพึงระวังคือถ้าไม่จำเป็นอย่าเชื่อใจคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันอาจนำภัยมาให้แก่ตนเองและเป็นอันตรายต่อร่างกาย ชีวิต หรือทรัพย์สินสิ่งมีค่า หากวัยรุ่นและเยาวชนคนใดที่ตกเป็นเหยื่อถูกล่อลวงไปมีเพศสัมพันธ์และถูกถ่ายคลิปวีดิโอไว้ประสงค์จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ให้มาแจ้งความดำเนินคดีได้ที่ กก.2 บก.ปคม.เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน