วันที่ 29 ส.ค.67 เวลา 11.00 น. ที่ สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พาสาวเอ็นวัย 27 ปี เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาปล้นทรัพย์ ผู้เสียหายหวาดกลัวกังวลความปลอดภัย เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่26 ส.ค.67
ทีมสายไหมต้องรอดพาผู้เสียหายไปดูจุดเกิดเหตุ นางสาวเอ นามสมมุติ เปิดเผยว่า หลังจากเขากับเพื่อน ได้รับการติดต่อจากฝ่ายชายก็ให้เขามาเจอที่โรงแรมในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ในช่วงเวลาราว22.30 น. เปิดห้องโรงแรมสองห้อง จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ได้มีการตกลงเงินที่ 1,500 บาทก่อนที่ฝ่ายชายจะสำเร็จความใคร่ และแสดงตัวเป็นตำรวจโดยมีการนำหลักฐานให้เขาดู ก่อนที่จะพาผู้เสียหายขึ้นรถไปที่หน่วยสวาท
ด้าน นายเอกภพ เล่าว่า ตนเองได้รับเรื่องจากน้องผู้เสียหายคนหนึ่ง จากผู้เสียหายที่มีสองคนว่าทำงานเอนเตอร์เทน วันเกิดเหตุวันที่ 26 ต่อเนื่อง 27 สิงหาที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากผู้ชายคนหนึ่ง และมีการไปร่วมหลับนอนกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นฝ่ายชายก็มีการจ่ายเงินจำนวน 1500 บาท ต่อมาฝ่ายชายมีการขอเงินคืนจากผู้เสียหายอ้างว่าเป็นตำรวจ เนื่องจากไม่สำเร็จความใคร่ พี่ผู้เสียหายก็ไม่ยอมเนื่องจากได้มีการตกลงกันแล้วทำให้ชายที่อ้างเป็นตำรวจบอกว่าถ้าไม่ยอมจะมีการจับกุม จากนั้นได้พาผู้เสียหายมาที่โรงพัก จะพนักงานสอบสวน ข้อหาค้าประเวณี ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว จึงยอมคืนเงินจำนวน 1500 บาทให้กับชายคนดังกล่าวไป เอามาใช้ที่อ้างเป็นตำรวจยังข่มขู่ขอเงินจากผู้เสียหายเพิ่มอีก 20,000 บาท ขณะที่ผู้เสียหายบอกว่าทางครอบครัวไม่รู้เรื่องว่าเค้ามาทำงานแบบนี้ทำให้ชายที่อ้างเป็นตำรวจจึงมีการข่มขู่เพิ่มเติม
ต่อมาผู้เสียหายจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้อีกฝ่ายนำตัวเขาส่งพนักงานสอบสวนดีกว่าเนื่องจากยังไงโทษปรับก็มีจำนวนน้อยกว่าจำนวนเงินที่อีกฝ่ายต้องการ ต่อมาชายที่อ้างเป็นตำรวจจำนวนสี่คนก็ยังมีการข่มขู่ว่าจะโทรไปติดต่อให้ญาติของผู้เสียหายมาผู้เสียหายจึงยอม เจรจาต่อรองจ่ายเงินให้กลุ่มชายที่อ้างเป็นตำรวจจำนวน 5,000 บาท เป็นเงินสดจำนวน 4,000 ละโอนเข้าบัญชีอีก 1,000 บาท โดยมีหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงิน นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่ผู้เสียหายว่าจะต้องจ่ายอีกเป็นรายเดือน นอกจากการข่มขู่เรียกเงินจากผู้เสียหายยังจะมีความพยายามนำตัวผู้เสียหายทั้งสองคนจะให้ไปร่วมหลับนอนกับคนอื่นๆอีก ทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว ตัดสินใจมาร้องขอความเป็นธรรม
โดยนายเอกภพบอกว่ายังไม่ยืนยันว่ากลุ่มชายที่ก่อเหตุนั้นเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ แต่ขณะนี้เป็นคำกล่าวอ้าง
ด้าน พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าเคสดังกล่าวเป็นเคสที่มีการกล่าวอ้างถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมืองพระนครศรีอยุธยา
อย่างไรก็ตามต้องมีการพิสูจน์ทราบก่อนว่าผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ หากพบเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิดจริง
หากเป็นการกระทำโดยส่วนตัว ก็จะถือว่าเป็นความผิดในฐานะผู้ซื้อบริการ แต่ถ้าหากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นตำรวจ ใช้อำนาจหน้าที่ในการไปล่อซื้อ แล้วไม่ดำเนินการจับกุมตามกฏหมายก็จะมีความผิดในเบื้องต้นมีความผิดตามมาตรา 157 รวมถึง พ.ร.บ.อุ้มหาย และความผิดอื่นๆซึ่งถ้าเป็นการล่อซื้อจริงๆถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ใช้วิธีการที่ตำรวจปฏิบัติ ยืนยันว่าในเรื่องนี้จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย