จากกรณีที่โซเชียลมีการแชร์ต่อและวิพากษ์วิจารณ์คลิปของหญิงรายหนึ่ง อ้างตัวเป็นร่างทรงพญานาค มีการแต่งกายด้วยชุดไทยโบราณ แต่งหน้าทาคิ้ว
สวมชดา พร้อมระบุว่า ตัวเองคือ “แสนสิริ” ร่างทรงพญานาคราช ผมคือของจริง…รักษาคนได้ เปิดดวง เปิดญาณ เปิดบารมี ดูอดีตชาติได้ จนกลายเป็นคลิปไวรัลในโซเชียล
ล่าสุดวันที่ 2 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวได้ทางไปที่วัดบางชัน กทม. พบกับหญิงสาวที่อ้างตัวเป็นร่างทรงพญานาค ทราบชื่อคือ น.ส.หัสยา อายุ 40 ปี
โดยน.ส.หัสยา เล่าว่า ตนเองก็เป็นคนปกติทั่วไป เป็นเซลล์ขายเครื่องมือวิทยาศาสต์ อยู่ๆก็มาเป็นแบบนี้ได้ไงก็ไม่รู้ แต่ก่อนตนเองไม่เคยศรัทธาอะไรเลย
แต่พอภายหลังได้เข้ามาวงการคอสเพลย์ แล้วตอนหลังก็ไม่ได้เป็นเซลล์ขายเครื่องมือวิทยาศาสตร์แล้วเพราะปู่ไม่ให้ทำ แต่ต่อมาได้ไปถ้ำวังบาลดาล จ.สุราษฏร์ธานี ก็รู้สึกแปลกๆ
โดยรู้สึกแปลกๆตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว จากนั้นพอเวลาผ่านไปตนเองก็เริ่มได้ยินเสียงในจิต แต่ตอนนั้นยังไม่ชัดเจน ยังคิดว่าตัวเองบ้า เสียงจะมาตอนที่นั่งสมาธิ เขาก็จะมาเรียกพ่อแสนๆ ต่อพอหลังจากที่ได้เปิดบารมีก็รู้สึกมีการเปลี่ยนแปลง
วันนั้นกำลังทำงานอยู่ที่ออฟฟิต อยู่ดีๆเราก็คำรามออกมาเลย เรามีความรู้สึกว่าเราร้อน ร้อนไปทั้งหน้าอกเลยก็คือก่อนวันบวงสรวง แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แล้วมันก็คำรามเอง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคำรามยังไง น.ส.หัสยา ได้สาธิตการคำรามให้ผู้สื่อข่าวดู โดยขอให้องค์พ่ออนุญาต จากนั้นจึงคำรามออกมาเป็นเสียงดังลั่น
น.ส.หัสยา เล่าต่อว่า ต่อมาพอถึงวันบวงสรวญ เราก็คำรามเองโดยไม่รู้ตัว เราเดินเข้าไปแอร์ก็ดับ ร้อนไปทั้งห้องเลย และก็มีคนที่มีญาณบารมี
ซึ่งเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊กก็มาทักเราว่า ทำไมไม่ไปงานบวงสรวญ ตนก็ตอบไปว่า ไม่จำเป็นต้องไปเพราะเราไม่ได้สนใจอะไรเลย
เขาก็ทักมาบอกอีกว่า มันเป็นงานของเรา ปู่นาคราชให้เราไปร่วมงาน จากนั้นตนก็เริ่มพูดภาษาเทพได้เลยตั้งแต่วันั้น อยู่ดีๆก็เป็นเอง ต่อมาภายหลังพอได้ญาฯบารมี เราก็ทโน่นทำนี่ได้ ตอนนี้ก็เป็นร่างทรงด้วยเป็นหมอผีด้วย