จากกรณีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นางเบ็ญจา อายุ 60 ปี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดระยอง สาขาบ้านค่าย เรียกรับเงินจากผู้เสียหายในการจัดสรรที่ดิน เพื่อแลกกับการรับโฉนดที่ดินที่มีการแบ่งแยกโฉนด เป็นเงินจำนวน 100,000 บาท ซึ่งคิดเป็นแปลงละ 2,000 บาท โดยมีพฤติกรรมเช่นนี้มาเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาเจ้าพนักงานคนดังกล่าวถึงกับเป็นลม เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงต้องช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โบกพัดให้ตลอดเวลา
สำหรับพฤติการณ์ของเจ้าพนักงานที่ดินรายดังกล่าวนั้น สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ส.ค.67 กรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป.เกี่ยวกับการกระทำของนางเบ็ญจา เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดระยอง สาขาบ้านค่าย ซึ่งเรียกรับเงินเพื่อให้ได้โฉนดที่ดินที่ได้ยื่นขอทำการจัดสรรที่ดิน โดยได้ชำระค่าคำขออนุญาตจัดสรรที่ดิน และขอรังวัดแบ่งที่ดินตามใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน รวม 54 ไร่ จนเสร็จตามขั้นตอนแล้ว
แต่ถูกเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดระยองสาขาบ้านค่ายเรียกรับเงินค่าออกใบโฉนดที่ดินดังกล่าวเพิ่มเติม จากค่าธรรมเนียมที่จะต้องชำระอีกจำนวนแปลงละ 2,000 บาท รวมเงินกว่า 100,000 บาท เพื่อแลกกับการได้รับโฉนดที่ดินที่ชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งระหว่างที่กรรมการผู้จัดการบริษัทรายนี้เข้าพบกับผู้ต้องหานั้น ได้ติดอุปกรณ์บันทึกภาพและเสียง ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.
ต่อมา พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้สั่งการให้ กก.2 บก.ปปป.ดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ติดตามหาตัวผู้ต้องหาและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย ในพื้นที่ จ.ระยอง
จนวันที่ 6 ก.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา และดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ นางเบ็ญจา อายุ 60 ปี เจ้าพนักงานที่ดินระยอง สาขาบ้านค่าย จะมีอายุเกษียณราชการอีก 26 วันนี้ หรือสิ้นเดือนกันยายน 2567 แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน ก่อนเกษียณอายุราชการ ส่วนผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ความผิดดังกล่าวเกิดจากการกระทำส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต้นสังกัด