เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา เวลา 10.00 น วันที่ 27 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตถูกนำมาทิ้งหมกภายในพงหญ้าริมบ่อปลา หมู่ที่ 7 ซอยข้างโรงพยาบาลรามาธิบดี สมุทรปราการ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสาน ชุดสืบสวน แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัด พร้อม เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดบริเวณพงหญ้าริมบ่อปลา เจ้าหน้าที่ พบ ผู้เสียชีวิต เบื้องต้นไม่ทราบ เพศและอายุ ถูกทิ้งหมกร่างบริเวณพงหญ้าริมบ่อปลา ในลักษณะมีกกหญ้าปิดอำพรางร่างไว้ ลำตัวอยู่ในบ่อปลา เห็นแต่เท้าที่โผล่พ้นน้ำ เจ้าหน้าที่จึงกั้นที่เกิดเหตุ พร้อมรายงานเจ้าหน้าที่ตามลำดับ

โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าผู้เสียชีวิต เป็น ชาย 1 ราย ไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50-60 ปี สวมเสื้อโปโลสีเทา กางเกงขายาวสีครีม สวมรองเท้าแตะหูหนีบ มีแขนทั้ง 2 ข้างถูกพันธนาการด้วยเชือกไนล่อนสีเขียวมือไขว่หลัง ที่ศีรษะมีบาดแผลขนาดใหญ่จนกะโหลกแตก จากการโดนของแข็ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง ตามร่างกายมีรอยสักต้นแขน ทั้ง 2 ข้าง หลังมือด้านซ้ายและคอ แผ่นหลังมังกร ด้านหน้าเสือเผ่น โดยในจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ พบ รอยล้อรถยนต์ขับเข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางยาว เจ้าหน้าที่จึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ส่วนร่างผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่มอบให้มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลรามาธิบดี จักรนฤบดินทร์ สมุทรปราการ ชันสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

จากการสอบถาม ทราบว่า เมื่อคืน ( 27 สิงหาคม 2567 ) ช่วงเวลา 02.30 น ได้มีรถแท็กซี่เขียวเหลืองขับเข้ามาในจุดเกิดเหตุ คาดว่า หลังก่อเหตุเสร็จทางผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์แท็กซี่เข้าไปขอน้ำคนเฝ้าบ่อปลาดื่ม ซึ่งเลยเข้าไปจากจุดเกิดเหตุอีก 150 เมตร ซึ่งเป็นชาวรูปร่างสูง ตัวใหญ่ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถแท็กซี่ออกไป ก่อนที่ในช่วงเช้า เวลา 09.00 น คนงานที่เฝ้าบ่อปลาได้มาทำธุระส่วนตัวบริเวณนี้จะมาพบร่างผู้เสียชีวิตถูกอำพรางไว้ตรงนี้ คนงานเฝ้าบ่อปลาจึงไปบอกเจ้านายก่อนที่เจ้านายจะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบดังกล่าว

จากการสอบถาม นายไพศาล สุขแสงเนตร อดีตกำนันตำบลบางปลา เล่าว่า ลูกน้องของตนโทรมาบอกตนว่าเจอศพ ลูกน้องตนมาดูแลบ่อ แต่ตอนไปทำบุญเพราะวันพระลูกน้องโทรมาบอกตนเลยรีบมาที่บ่อและแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ลูกน้องเป็นพม่าก็จะพูดไม่พูดไทยไม่ค่อยได้ ลูกน้องตอนมาดูแลปลาและตัดหญ้าในบ่อ ตรงจุดที่เจอศพไม่ใช่บอกของตนเป็นบ่อของคนข้างๆ ลูกน้องน้องโทรไปหาตนตอนประมาณ 8 เศษ ๆ ตอนเข้าไปดูศพพร้อมผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่มาก็เข้าไปดูกัน 3 คนเป็นพยานพร้อมกัน พอเข้าไปคนเดียวไม่กล้าแต่ก็เห็นแต่รองเท้า

ส่วน นายธีระพงษ์ ฟักอ่อน ผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า เวลาประมาณ 08.30 มีลูกบ้านโทรมาว่าเหมือนมีคนเอาถุงศพมาทิ้งไว้ ตนสอบถามว่าอยู่ตรงไหน ตนรีบมาดูเลยพบว่ารอยล้อรถแล้วก็มีรอยหญ้าราบ ตนเลยเดินดูและชะโงกหน้าไปดู เลยเห็นเป็นศพนอนหงายหน้ามีหญ้าปกปิดไว้ สังเกตเห็นได้มีเท้าโผล่ออกมาเป็นรองเท้าหูหนีบช้างดาวโผล่ออกมา ตนเลยรีบประสานงานเจ้าหน้าที่ ตอนกลางคืนแถวนี้เปลี่ยวและเงียบมากปกติก็จะมีสายตรวจวิ่งปกติตนก็จะวิ่งดูด้วยเพราะว่ามันเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง 3 อำเภอ หมู่ 7 เป็นพื้นที่ถนนอะไรก็เพิ่งมาใหม่เป็นหมู่ที่กำลังพัฒนา และอีกอย่างเป็นหมู่บ้านทางผ่านเพราะอย่างนั้นก็จะมีรถวิ่งผ่านเยอะทั้งมอไซด์แข่งกันรถมาจอดพื้นที่มันกว้างบางทีเราอาจรอดเราไปได้บ้าง คนที่มาดูคนแรกเขาเป็นคนที่ดูบ่อปลาแถวนี้อยู่ ปกติเขาจะไปเข้าห้องน้ำอีกฝั่งแต่ห้องน้ำเต็มเขาเลยมาเข้าฝั่งนี้ เขาก็มาเห็นว่ามีรอยเขาโทรไปแจ้งเจ้าของบ่อเจ้าของบอกก็โทรมาแจ้งตนอีกที เห็นเขาบอกว่าเห็นแท็กซี่เข้ามาเหมือนว่าจะไปขอน้ำกินน่าจะมาหลังฝนตกไปแล้วประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ คนที่มาเห็นคนแรกน่าจะเจอศพตอนประมาณ 8:00 น ตนไม่เห็นรอยบาดแผลเพราะว่ามีหญ้าปิดอยู่ ลักษณะหักต้นปรือหักหญ้าปิดไว้ ลักษณะพื้นที่ที่สังเกตมีรอยล้อรถและหญ้าราบไปเลยเพราะเมื่อคืนฝนตกเขาน่าจะมาหลังฝนตกเดินหน้าแล้วถอยรถออกไปเลย ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลเป็นพื้นที่ของบ่อปลาข้างในมันก็จะตันไปไหนไม่ได้ก็มีแต่คนข้างในที่จะเข้าออก แท็กซี่เขียวเหลือง ลูกน้องจำทะเบียนข้างหลังได้แค่ 69 ทำทีมาขอน้ำกินเหมือนจะมาดูสถานที่ คนขับแท็กซี่ลักษณะสูงเป็นผู้ชายผิวคล้ำลงมาคนเดียว

ด้านผู้การปากน้ำ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ รุดเดินทางลงตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญและอุกอาจไม่เกรงต่อกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดสมุทรปราการ รายงาน