เกี่ยวกับเรื่อง “The icon group” (ดิไอคอนกรุ๊ป) ที่เป็นคดีใหญ่ที่กำลังต้องติดตามกันอย่างต่อเนื่องในตอนนี้ โดยล่าสุดนั้นเหมือนจะมีผู้ต้องหา และตัวละครลับต่าง ๆ เปิดเผยขึ้นมามากมาย

โดยล่าสุด ทนายรัชพล ทนายความชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ทนายรัชพล ศิริสาคร Fanpage ระบุว่า

ผู้หญิงคนดัง ตบทรัพย์ ดิไอคอน 10ล้าน ช่วงต้นปี2567 อ้างรู้จักคนมียศ อยากรู้จังว่าใคร

แกเคยไปโหนกะแสด้วยนะ อิอิ

พร้อมยังโพสต์ต่ออีกว่า

นักร้องเรียนหญิง ตบเงินดิไอคอน 10 ล้าน แถมผู้เสียหายที่ได้เงินคืนต้องจ่ายค่าเหนื่อยให้นักร้องเรียนหญิงด้วย ได้ 2 ทางเลย

ทั้งนี้ในส่วนของ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เอ่ยถึงประเด็นของนักร้องเรียนที่มีการตบทรัพย์นั้น แหล่งข่าวระบุว่าเป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้อยู่ในวงการการเมือง และมักจะชอบบอกว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแชร์  ตบทรัพย์บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ไป 10 ล้านบาท เมื่อประมาณช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้มักอ้างว่ารู้จักคนระดับใหญ่โตที่มียศ แต่ไม่ถึงขั้นระดับรัฐมนตรี แต่บุคคลที่ผู้หญิงคนนี้แอบอ้างว่ารู้จักนั้น สามารถทำให้ดิไอคอนเดือดร้อนได้ บริษัทจึงได้จ่ายเงินไปจำนวน 10 ล้านบาท และมีการจ่ายเพิ่มไปอีก

หลังจากตำรวจนำตัวกลุ่มผู้ต้องหาของดิไอคอน กรุ๊ป ทั้ง 18 คน มายื่นขอฝากขังต่อศาล พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยศาลพิเคราะห์ว่า คดีนี้มีการทำเป็นขบวนการ และแบ่งหน้าที่กันทำ นับเป็นเรื่องร้ายกระทบเป็นวงกว้าง ประกอบกับคำคัดค้านของพนักงานสอบสวน และผู้เสียหายเกรงว่าจะมีการหลบหนี และทำให้พยานหลักฐานยุ่งเหยิง จึงมีคำสั่งยกคำร้องไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

ต่อมาอดีตนักแสดงดัง นายเมธี อมรวุฒิกุล หรือ นายณชิต อำนาจเดชานนท์ ซึ่งได้รับโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ทางแอดมินได้โพสต์ผ่านเพจ คุยกับณชิตเมธี เปิดเผยชีวิตความเป็นอยู่หลังจากคืนแรกในเรือนจำของ แซม และ กัน

สำหรับ เมธี อมรวุฒิกุล ที่เป็นผู้ช่วยในเรือนจำนั้นได้นั่งเป็นเพื่อนคุยเพื่อลดความเครียดนักโทษใหม่

ต่อมา ภรรยาของเมธี อมรวุฒิกุล ได้ไลฟ์เล่าบรรยากาศในเรือนจำว่า กันต์มีอาการเครียด ส่วนแซมดูนิ่งๆ เมธีจึงเข้าไปถามอาการ และแซมเล่าว่าเคยไปบวชที่อินเดีย ทำให้ปลงได้ว่าเรื่องเกิดขึ้นแล้ว

จากนั้นคุณแซมบอกกับเมธีว่า ตอนนี้มีคติประจำใจว่าใช้ชีวิตวันต่อวัน คุณแซมเข้มแข็งมาก และไม่มีความกังวลอะไรมาก คุณเมธีเลยคุยกับคุณแซมชั่วโมงกว่า โดยคุยกับกันต์ด้วย ซึ่งได้เล่าข้อมูลลึกของคดีให้พี่เมธีฟังด้วย

คุณแซมเล่าให้พี่เมธีฟังด้วยว่า ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ค่าตัว 6 ล้านบาท ส่วนน้องมิน พีชญาได้ค่าพรีเซ็นเตอร์ 8 ล้านบาท โดยสัญญา 1 ปี แต่รายเดือนได้นิดหน่อยเอง

ส่วนน้องกันต์มีอาการเครียดในเรือนจำ โดยให้ทำขัดฉาก 5 รอบยังไม่ได้เลย คงมีอาการมึนและงง พี่เมธีเลยแซวกันต์ไปว่า พอจัดรายการสคริปต์พิธีกร 2-3 ช.ม.จำได้หมด แต่ทำขัดฉาก 5 รอบยังไม่ได้ คุณเมธีเลยพยายามสอนให้ได้ กันต์คงมึนและเครียด

ชาวเน็ตยังคงขุดคุ้ยเรื่องราวของ กันต์ กันตถาวร อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เขาเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ดิไอคอนกรุ๊ป (The Icon Group) ที่กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ นอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว เรื่องส่วนตัวของเขาก็ถูกนำมาเป็นประเด็นพูดถึงเช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นความร่ำรวย ล่าสุดมีคลิปที่กันต์ซื้อขนมมาเซอร์ไพรส์ภรรยา พลอย อัยดา โดยบอกว่าเป็นขนมสุดหรูยี่ห้อ ORIO X SUPREAM ซึ่งมีราคาแพงถึง 2.8 ล้านบาท เล่นเอาฝั่งพลอยที่ได้ยินถึงกับตกใจ ในคลิปนั้น กันต์เล่าว่าเขาซื้อขนมนี้มาโชว์ แต่พอออกไปรับโทรศัพท์กลับมา เขาพบว่าภรรยาได้แกะซองและกินขนมไปแล้ว พอกันต์บอกว่าขนมซองนี้มีราคาสูงถึง 2,800,000 บาท หรือคิดเป็นชิ้นละ 900,000 บาท เขายังพูดหยอกล้อว่า “ดูการแกะซองแบบบ้านๆ”

หลายคนที่ดูคลิปนี้ก็สงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่คอนเทนต์สร้างความบันเทิง แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คลิปนี้ก็ทำให้คนพูดถึงและวิจารณ์กันอย่างมากในโลกออนไลน์

จากกรณีบอส 18 คน ดิไอคอน ถูกจับไปตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุด เพจ อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ตอนแรกก็ผ่านๆ นะ แต่ต่อมเอ๊ะ! มันสกิดเพราะมานั่งคิด ในข่าวกันต์ถอนเงิน1,800,000 บาทออกไปพอดี แต่…ถ้าพลอยจะหนีจริงๆ เงินแค่นี้ก็คงไม่พอ คิดว่ายังไงกับข่าวลือนี้?

ความคิดเห็นชาวโซเชียล

บางทีอาจจะหนีก่อนล่ะลูกให้ญาตหรือให้ใครบินพาไปตามทีหลังก็ได้ถ้าหนีจริง แต่ตอนนี้คือต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน

เป็นเราก็หนีนะ ถ้าอยู่แล้วต้องติดคุก ไปอยู่ต่างประเทศสบายกว่า แค่ภาษาได้ ทุกอย่างก็ง่ายหมด

ถ้าแกมีรายได้ร้อยล้าน แกจะโยกเงินหนีกระจายความเสี่ยงบ้างมั้ยล่ะ เขาต้องมีคุยกันอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรยังไง บอสๆแบ๊ดๆ

หนีออกนอกประเทศไหม ไม่รู้ แต่คิดว่า ก็น่าจะมีเงินติดตัวเยอะอยู่นะ ระดับแม่พลอยพันล้าน

16 ต.ค.67  เวิร์คพอยท์ ประกาศยุติสัญญา “กันต์ กันตถาวร” หลังถูกตำรวจออกหมายจับคดีดิไอคอนกรุ๊ป ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และ ข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ

โดยเพจ Workpoint Entertainment  เผยหนังสือ เรื่อง ประกาศยุติสัญญาศิลปินในสังกัด
บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ในฐานะต้นสังกัดของ คุณกันต์ กันตถาวร ขอแจ้งยุติสัญญา การเป็นพิธีกรและศิลปินในสังกัดของคุณกันต์ กันตถาวร และจะได้มีการแจ้งเป็นหนังสือยุติสัญญาไปยังศิลปินต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบ
บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด
ในเครือ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
วันที่ 16 ตุลาคม 2567

สำหรับ หมายจับ 18 ราย คดีดิไอคอน ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ มี 3บอสดาราดัง โดนหมายจับด้วย คือ กันต์ กันตถาวร , นางสาวพีชญา วัฒนามนตรี หรือ มิน พีชญา และ แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี

เรียกว่าเป็นคดีใหญ่ที่คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก หลังจากที่คดี ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2567 ตำรวจสอบสวนกลาง ได้ควบคุมตัวเหล่าบอส 18 บอส ดิไอคอนกรุ๊ป ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่ง 3 ใน 18 รายนี้ มีนักแสดงและพิธีกรดัง แซม ยุรนันท์ , มิน พีชญา และ กันต์ กันตถาวร ต้องเป็นผู้ต้องหา ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเพจดังอย่าง อีป้าข้างบ้าน ได้ออกมาโพสต์คลิป “เหตุผลที่คนรอสะใจกับ บอสกันต์ มากกว่าคนอื่นคืออะไรนะ? โจทก์: จงบอกเหตุผลที่คนสะใจกับบอสกันต์มากกว่าคนอื่นคืออะไร?”

โดยในคลิป ได้ระบุว่า มีคนสงสัยทำไมมีแต่คนรอสะใจบอสกันต์ มากกว่าคนอื่น หลังจากตำรวจมีหมายจับและจับทุกคนไปหมด แล้ว บอสกันต์ เป็นคนสุดท้ายที่โดนแล้วเป็นดาราคนดัง คนเลยตื่นเต้นฮือฮากันใหญ่ แล้วมาถามว่าทำไมคนรอสะใจบอสกันต์มากที่สุด

1. การที่คุณเป็นคนที่คนรักมากศรัทธา เป็นพิธีกรน่าเชื่อถือ คนก็ยิ่งเกลียดมากเช่นกัน คุณทำให้เขาผิดหวัง

2. เป็นคนชอบอวดนั่นอวดนี่ อวดนาฬิกา อวดรถ อวดบ้าน ชอบพูดประมาณมาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง แต่ก็จะมีคนบางกลุ่มบางคนหมั่นไส้ เวลาล้ม เขาก็รอเหยียบ”

3. พฤติกรรมที่ทำให้คนหมั่นไส้ คือ เป็นพิธีกรผู้ยิ่งใหญ่ ใครมารายการจะต้องมีความเกรงใจ เกรงกลัว เวลาใครมาเขาจะทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของรายการ โน่นนี่นั่นมีการสั่งโน่นสั่งนี่ พูดเหยียด บางทีก็ไม่ได้ให้เกียรติ ดารา คนที่มาในรายการ

4. เหตุผลที่ไม่มีเหตุผล แม้กันต์จะเป็นคนดี ทำดี พูดดี มีส่วนดี แต่มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดา เกลียดแบบไม่มีเหตุผล เข้าใจฟีลนี้ป่ะ เหตุผลที่ไปเช็กมาบางส่วน ก็อาจไม่ใช่เหตุผลจริงๆของคนทั้งประเทศ ทำไมคนไม่ชอบ เวลาเขาล้มแล้วรอสะใจมากกว่าคนอื่น เรื่องของ กันต์ ก็ให้เป็นเรื่องของกฎหมายต่อไป

จากกรณีที่ก่อนหน้านั้น ทาง เอส กันตพงศ์ ได้มีอาการทรุดลง และ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เมื่อหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ 2 ร้อยกว่าครั้งต่อนาที เครื่องกระตุ้นหัวใจเลยทำงานจนรู้สึกเจ็บไปหมด และอาการป่วยดังกล่าวทำให้เอส ต้องตัดสินใจแยกกันอยู่กับภรรยา อย่าง คิตตี้ คริสติน่า และลูกสาว น้องวาเลนติน่า เพื่อรักษาตัวเองให้หายดีค่อยกลับไปอยู่ด้วยกันนั่นเอง

โดยเอส เผยว่า ไม่อยากให้ลูกสาวเห็นอาการป่วย เพราะเขายังเด็กอยู่กลัวช็อกแล้วฝังอยู่ในใจ และความคิดของเขา ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมายังไม่ได้เจอกันก็คิดถึงพวกเขา ต้องหาเวลานัดเจอกัน ซึ่งปัจจุบันเอสอาศัยอยู่ที่บ้านกับคุณแม่เป็นหลัก

“หนุ่ม กรรชัย” งานนี้ถึงกับตัดพ้อ มาขับไล่ผมทำไม ซึ่งล่าสุด หนุ่ม กรรชัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความน้อยใจผ่านเฟซบุ๊กของตน ระบุว่า

แห่เป็นห่วง “หนุ่ม กรรชัย” ตัดพ้อ มาขับไล่ผมทำไม ก่อนเพจดังถล่มซ้ำทันที

ผมอยู่แมนยูมาแล้ว
อยู่เชลซีแล้ว
ทำไมจะอยู่ลิ้วพูลไม่ได้
จะขับไล่ผมทำไม

โดยเพจดังอย่าง อีเจี๊ยบ เลียบด่วน ก็ยังได้เข้ามาแสดงความเห็นระบุว่า

คุณมันไอ้ฆาตกรต่อเนื่อง เชียร์ทีมไหนตายหมด อย่ามาเชียร์โคตรทีมแชมป์ยุโรป6สมัย ไป๊ ไป๊ ชิ่ว

หนุ่ม กรรชัย จึงมาตอบว่า

เข้าแก๊งค์ไหนหัวหน้าตายหมดว่างั้น

แห่เป็นห่วง “หนุ่ม กรรชัย” ตัดพ้อ มาขับไล่ผมทำไม ก่อนเพจดังถล่มซ้ำทันที

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก การที่ กรรชัย นั้น เชียร์ทีมแมนยู แต่ แมนยูนั้นกลับผลงานย่ำแย่ และได้เผยว่าตนนั้นจะย้ายไปเชียร์เซลซี แต่ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา เชลซี ก็แพ้ ลิเวอร์พูล ไปอีก ทำให้เกิดการแซวเรื่องดังกล่าวขึ้นมา

เตือนภัยเบอร์มิจฉาชีพ หากมีเบอร์หมายเลขดังนี้ โทรเข้ามา อย่ารับสาบเด็ดขาด ให้ตัดสายทิ้ง โดยทาง ตำรวจสืบนครบาล ออกมาเตือนเบอร์อันตราย หมายเลข 0600031913 เป็นเบอร์ที่ไม่ได้มาจากเครือข่ายโทรศัพท์ในไทย ซึ่งเป็นเบอร์โทรผ่านอินเตอร์เน็ต (VoIP) แนะนำให้ระมัดระวังในการรับสาย และการให้ข้อมูลส่วนตัว พร้อมทำการบล็อคเบอร์

ศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) ขอยืนยันว่า แค่การรับโทรศัพท์ หรือการกดลิงก์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้มิจฉาชีพดูดเงินในบัญชีของเราได้

แต่การรับโทรศัพท์ การกดลิงก์นั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้ มิจฉาชีพ สามารถ หลอกลวง เราได้ โดยต้องมีพฤติการณ์อื่นร่วมนั้นเอง หลัก ๆ มิจฉาชีพมักจะใช้ 3 วิธีในการหลอกลวงเหยื่อ

1. พูดให้เหยื่อโอนเงินให้เอง

2. พยายามหลอกถามข้อมูลเหยื่อเพื่อนำข้อมูลไปใช้เข้าถึงบัญชีบน Application ของเหยื่อ

3. หลอกล่อให้เหยื่อติดตั้งโปรแกรมควบคุมมือถือเพื่อโอนเงินออกเอง

4. หลอกล่อให้เหยื่อเผลอกดรหัสนิรภัย หรือ ข้อมูลสำคัญสำหรับโอนเงิน

เบอร์อันตรายมิจฉาชีพ

ดังนั้นสิ่งที่ มิจฉาชีพ จะกระทำกับ เรา เมื่อ รับสายโทรศัพท์ คือ

1. พยายามสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง

2. พยายามสนทนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ท่านไม่มีสมาธิจดจ่อกับข้อความที่ปรากฏขึ้นบนโทรศัพท์

3. เมื่อท่านเริ่มเคลิ้มตามไปกับมิจฉาชีพ มิจฉาชีพจะใช้จังหวะนี้ในการหลอกถามข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อใช้ในการเข้าถึงแอปฯ บัญชีธนาคารของเราอีกที

จากกรณีก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น สายชาร์จดูดเงิน, ลิงก์ดูดเงิน, QR Code ดูดเงิน และในกรณีล่าสุดบนหน้าข่าวในช่วงนี้คือ รับสายเพื่อดูดเงิน ล้วนไม่เป็นความจริง มิจฉาชีพต้องดำเนินการอีกหลายขั้นตอนกว่าที่จะสามารถขโมยบัญชีของเหยื่อได้

แนวทางการป้องกัน เบอร์อันตราย

1. ไม่ดาวน์โหลดติดตั้ง รวมถึงกดลิงก์ใด ๆ โดยเฉพาะจากแหล่งที่ไม่รู้จักพร้อมให้ตรวจสอบลิงก์ก่อนกดทุกครั้ง

2. ไม่สแกนใบหน้ากับโปรแกรมจากแหล่งอื่น ๆ นอกเหนือจากแหล่งที่ได้รับการควบคุมและรับรองความปลอดภัยจากผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่เป็น Official Store (App Store สำหรับ iOS และ Play Store สำหรับ Android เป็นต้น)

3. เมื่อรู้ตัว หรือสงสัยว่ากำลังคุยกับมิจฉาชีพ ไม่แนะนำให้คุยต่อ เพราะอาจจะหลงเชื่อมิจฉาชีพ เนื่องจากมิจฉาชีพอาจจะมีข้อมูลจริงทำให้พูดคุยแล้วยิ่งหลงเชื่อ รวมไปถึงอาจเสี่ยงต่อการถูกนำเสียงไปใช้ปลอมเพื่อหลอกลวงผู้อื่นต่อ

4. หลีกเลี่ยงการใช้รหัสเดียวกันในการปลดล็อกอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะรหัสเข้าแอปพลิเคชัน Mobile Banking เพื่อป้องกันการเผลอกดรหัสโอนเงินโดยไม่ตั้งใจ

5. หากมีข้อสงสัยใด ๆ ให้โทรสอบถามที่เบอร์ทางการของหน่วยงานนั้นโดยตรง หรือโทร.ปรึกษาสายด่วนศูนย์ AOC 1441

คู่จิ้นในตำนาน ประกาศชัดลุ้นไม่ขึ้น! ยันเป็นแค่พี่น้อง เคลียร์ข่าวเมาท์มีลูกด้วยกันนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ฮาย อาภาพร เปิดใจครั้งแรกหลังคว้าปริญญาโทในวัย 53 ปี แพลนต่อดอกเตอร์? พร้อมควง ยิ่งยง ยอดบัวงาม คู่จิ้นวงการลูกทุ่งในตำนาน เคลียร์ข่าวเตรียมลงสมัครเป็นนักการเมือง และวีรกรรมอะไรที่ทำให้ความสนิท 30 ปีสั่นคลอน พร้อมลูกสาวที่ชาวเน็ตเมาท์ น้องโยโย่ คือลูกของ ฮาย-ยิ่งยง จริงหรือเปล่า? ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ช่องOne31 ที่มี ชมพู่ ธัณย์สิตา และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการยิ่งยง : ยินดีกับน้องฮาย เห็นว่าจะต่อดอกเตอร์ใช่มั้ย

ตกลงพี่สองคนเคยคบกันมั้ย ? ฮาย : ไม่เคยเลยนะ

ยิ่งยง : จริง ๆ เราทำงานด้วยกันตั้งแต่ปี 35 ตอนนั้นน้องฮายชื่อว่าน้องนิด ศิษย์บุญโทน ส่วนพี่ยิ่งยงดังเพลงสมศรี 1992 หาคนร้องแก้ไม่ได้ ทุกคนก็ลงมติในบริษัทว่า น้องนิด ศิษย์บุญโทนนี่แหละ เขาเป็นตัวสำรอง อีกคนให้ไปฝึกเพลงมาอาทิตย์นึงก็แล้ว สองอาทิตย์ก็แล้ว เดือนนึงก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว เฮ้ย ไม่ได้ ก็ตัดสินใจเอาน้องนิดดีกว่า

ฮาย : เขาเลยโยนเพลงเสียงครวญจากสมศรีที่ร้องแก้มาให้สัก 4 ทุ่ม อีกวันเราก็ร้องได้เลย เขาก็ให้ไปร้องเลย ก็กลายเป็นคู่จิ้นตั้งแต่ตอนนั้น เดินสายคอนเสิร์ตกับพี่ยิ่งยงอยู่ปีนึง

พี่ยิ่งยงแอบไปนอนบ้านพี่ฮาย ?

ยิ่งยง : ฮายเขาเป็นคนรักเราเหมือนพี่ เขาจะชวนไปนอนที่บ้านเขา ทำกับข้าวกิน บ้านฮายสมัยก่อนบ้านเล็ก ๆ มีห้องเดียว ฮายนอนบนเตียง ผมนอนข้างล่าง นอนห้องเดียวกัน ผมเข้าไปห้องน้ำเจอเสื้อใน กางเกงในหมด (หัวเราะ) เราก็ไปล้างห้องน้ำให้เขาด้วย

ฮาย : เอาโต๊ะปีนเช็ดตู้เสื้อผ้า แต่เขาไม่ได้ไปคนเดียว เขาไปกับแฟน ยิ่งยง : ตอนนั้นแต่งงานแล้ว ไปด้วยกัน จริง ๆ ไปบ้านฮายก็ไปกับแฟน

ฮาย : เตียงหกฟุตเราก็ให้เขานอน เรานอนโซฟา ตอนนั้นพี่ทิพย์ (ภรรยายิ่งยง) กลัวผี เขาขอมานอนที่บ้าน ตลกมากเลยเมียคุณ (หัวเราะ)

พี่ฮายกับพี่ยง รู้จักก่อนเจอพี่ทิพย์ พี่ยงเคยมีอารมณ์แบบชอบพี่ฮายฉันท์ชู้สาวมั้ย ?

ยิ่งยง : ชู้สาวไม่มี แต่ชื่นชมในความเป็นอาภาพรตอนนั้น น้องเก่ง น้องดูแลครอบครัว ดูแลลูกหลาน เราชื่นชมในความเป็นคนที่ใส่ใจ มุ่งมั่น ทำอะไรก็ได้ให้ครอบครัว ให้พ่อแม่มีความสุข ไม่มีสักแว๊บเลยจริง ๆ รักเหมือนน้องจริง ๆ ถึงผมจะหน้าตาดี แต่ผมก็เลือกนะ (หัวเราะ)

พี่ฮายล่ะ มีแว๊บ ๆ กับพี่ชายมั้ย ?

ฮาย : มันแปลกมาก เราอาจทำบุญร่วมอธิษฐานกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว เราเป็นผัวเมียแต่ไม่เอากันนะ

ยิ่งยง : (หัวเราะ) ยังไงวะเนี่ย

ฮาย : คนทั้งประเทศคิดว่าพี่ยงเป็นสามี ไม่ว่าจะเล่นคอนเสิร์ตหรือไปที่ไหน จะถามว่าสามีไม่มาเหรอ เราก็ถามว่าใครเหรอคะ เขาก็บอกยิ่งยง ไม่มีจริง ๆ พี่หันไปทีไรก็คิดว่าเป็นศิลปินคนเดียวที่หน้าเหมือนงูเห่า ไม่ได้ (หัวเราะ)

ยิ่งยง : ตรงไหน เกาหลีจะตาย เวลาผมไปคอนเสิร์ต ก็จะมีทักว่าเมียไม่มาด้วยเหรอ ใครอ่ะ อาภาพรไง ผมก็บอกว่าเลี้ยงลูกอยู่ ฮาย : ไม่เคยแก้ให้กูเลย แล้วชอบเรียกว่าอ้วน อึ่งเผือก

ฮาย : แต่พี่ว่าพี่ยงเอาพี่ คนอย่างเขาพี่รู้ คนพรรณนี้ คิดเอาเองแล้วกัน (หัวเราะ)

สมัยพี่ฮายออกเดต นัดผู้ชายไปแดนเนรมิต แต่หนีไม่พ้นพี่ชายคนนี้ ?

ฮาย : ครั้งแรกเลยในชีวิตออกเดตกับผู้ชาย ไปทำไม

ยิ่งยง : ไปซิ้งค์เพลงช่างทองร้องไห้ ซิ้งค์ไปซิ้งค์มา อยู่ดี ๆ มีคนวิ่งมาหา พี่ ๆ ฮาภาพรมา ตอนนั้นเขาดังแล้ว เราก็ไปดู สงสัยมาให้กำลังใจเราแหละ หันไปปุ๊บ เจอผู้ชายที่จีบเขาอยู่ คิดในใจที่อื่นเยอะแยะไม่ไป มาเดินที่แดนเนรมิต พามาดูลิงหรือเปล่า คนนั้นรู้จักดีเลย เป็นคนนอกวงการ

ฮาย : เราก็ตายแล้ว พี่ยงรู้ว่ามากับผู้ชาย แหวดน้องสาวสอบได้ที่สวนสุนันทา ก็ไปกันหลายคน แต่เราตกใจมาก เราไม่เคยทำแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่เราไปกับผู้ชาย เราตื่นเต้นคิดว่าพี่ยงต้องไปเล่าให้คนโน้นคนนี้ฟังแน่ ๆ หนีไม่พ้น ทำไงได้ เราไม่ทัก ผู้ชายไปทัก เรานั่งใจเต้นตึ๊ก ๆ อ๊ายอาย ตอนนั้นเด็กอายุ 22 ยิ่งยง : เขาคงไปแบบมีความสุข แต่มาเจอเรา (หัวเราะ) เราไม่ได้เกี่ยวเลย เราไปทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า แต่เด็กวิ่งมาบอก

ฮาย : สาระแน ลูกน้องพี่ (หัวเราะ) พอรู้ว่าเจอพี่ยง ไม่มีความสุขเลย อยากออกจากตรงนั้นเลย ด้วยความเป็นเด็ก เหมือนทำผิดแล้วโดนจับได้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดนะ เราจะชอบใคร

สนิทมากี่ปี ?

ยิ่งยง : ปี 2535 สามสิบกว่าปีแล้ว

หวงน้องมั้ย ?

ยิ่งยง : ต้องถามเขาก่อนว่ามาจริงหรือปลอม ถ้าจริงก็ต้องคลีน ข้างหลังต้องไม่มีอะไร บอกฮายถ้าต้องเป็นเล็กเป็นน้อยอย่าไปเป็นนะ มันไม่จำเป็นต้องเป็น ฮายก็สตรองอยู่แล้ว แข็งแรงอยู่แล้ว ทำอะไรได้หมด ไม่ว่าจะดูแลแม่ น้อง ครอบครัว ฮายแข็งแกร่งมาก ฉะนั้นผู้ชายที่คิดจะเข้ามาเล่น ๆ ก็อย่ามา

มีเสี่ย ๆ มีครอบครัวแล้วเข้ามา มีมั้ย ?

ฮาย : มี จะคุยกับพี่ยง เอาจริง ๆ พี่ยงก็บอกว่าฮายดูดี ๆ ถ้าดีก็แต่งเลย เอาเลย แกเป็นคนเดียวที่ยุให้เรามีผัว คนรอบข้างบอกจะไปมีทำไม อยู่จนป่านนี้ ไม่จำเป็นต้องมีแล้ว แต่เขาเป็นคนเดียวที่อยากให้มี

ยิ่งยง : วันหนึ่งไม่ว่าจะแม่หรือพี่น้อง ถ้าแม่ไม่อยู่ พี่น้องมีครอบครัว ถ้าฮายป่วยเข้า รพ. เพื่อน ๆ จะบอกว่าหายเร็ว ๆ นะ แล้วก็กลับ แต่สามีจะอยู่เป็นกำลังใจให้ ต่อให้อยู่บ้านพักคนชรามันก็ไม่เหมือนกัน ถ้าผู้ชายมาอยู่กับเราแล้วมีคนอื่น ก็แค่ขอเงินเดือนเพิ่มเท่าตัว (หัวเราะ) เขาลือว่าพี่ฮายเป็นแม่น้องโยโย่ โยโย่เป็นลูกใคร ?

ฮาย : ก็เหมือนลูกเรา วันแรกโย่ประมาณ 2 ขวบเจอหลังเวที ก่อนหน้านั้นไม่เคยเจอกันเลย น้าฮาย นุ่งกระโปรงวิ่งมาหา น้าฮาย หนูลูกพ่อยงค่ะ เราก็ตายแล้ว ทำไมน่ารักขนาดนี้ หลงมาก ถ้าว่างวันไหนจะไปหาโยโย่ตลอด

มีคนทักว่าเหมือนพี่ฮายมั้ย ?

โยโย่ : เยอะมากค่ะ (หัวเราะ) มีคนถามพอรู้ว่าเป็นลูกพ่อยิ่งยง เขาก็จะถามว่าเป็นลูกแม่ฮาย อาภาพรใช่มั้ย หนูก็บอกว่าไม่ใช่ เขาก็บอกว่าไม่ใช่ ๆ นี่ลูกฮาย เขายังเถียงเราอีก หนูบอกว่าแม่หนูไม่ใช่คนนี้

คนเข้าใจว่าเป็นลูกพี่ฮาย ?

ฮาย : พี่ทิพย์ก็เล่นมุกเลย แกจะอยู่ข้างหลังแล้วบอกว่าดูสิ ผัวเมียรักกันจะตาย แกก็เมาท์มอย พี่ทิพย์เป็นคนที่ไว้ใจพี่ฮายมากที่สุด เพราะแกจะรู้ว่าถ้าเราจะมีอะไรกัน คงมีตั้งแต่ตอนไม่เจอพี่ทิพย์แล้ว เราสนิทกันมาก่อนเจอพี่ทิพย์อีก ตอนแรกเขาหึงผัวเขามาก เจอพี่นี่กดทิ้งเลย กดหนีเลย ไม่ชอบ นี่ก็บอกว่าฮายเป็นคนดีนะ ปากไม่มีกลิ่นปาก แกก็มโนไปว่าแกได้กลิ่นปากกันเลยเหรอ เพราะร้องเพลงแรก ๆ ก็ต้องมีใกล้ชิด ตอนแรก ๆ ก็มีหึง พอเจอครั้งแรก แกกลับไปบ้านแล้วร้องไห้ รู้สึกผิดมากที่เกลียดเรา ทุกวันนี้เหมือนแกใช้กรรม โทรหาตลอด น้องคิดถึงนะ รักนะ

ยิ่งยง : ผมเป็นคนปกป้องเขาตลอด น้องน่ารัก เป็นคนดีนะ ใครไม่รักไม่รู้ แต่ผมสัมผัสแล้วน้องน่ารักมาก ตั้งแต่สมัยเลิกแล้วค่ะ ผมก็บอกภรรยาว่าน้องน่ารัก ตอนแรกก็บอกว่าน่ารักตรงไหน แต่พอมาเจอจริง ๆ ตอนนี้เขารักฮายมากกว่าเรา

ตอนนี้ภูมิใจโยโย่อีกเรื่อง ?

ยิ่งยง : โยโย่มีเพลงของตัวเองแล้ว

ฮาย : เรารักในอาชีพ ตอนแรกเขาบอกว่าถอดใจไปแล้ว แต่สักปีสองปี เขาอยากกลับมา น้องเขาเคยเล่นละครด้วย ก็บอกว่าเครื่องหน้าเขาครบมาก อย่างเดียวเลยคือผอม ถ้าผอมแล้วจะสวย

โยโย่ : ตอนนี้หนูผอมลงจากครั้งที่แล้วที่มาประมาณ 10 กิโล ไม่กินข้าวเย็น