โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก จ.ขอนแก่น ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุ Saveนักการ และรปภ. โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก เผยว่า

เรียน ท่านผู้ปกครองที่เคารพ

วันนี้ฝนตกหนักช่วงโรงเรียนเลิกกลับบ้าน ผู้ปกครอง นักเรียน ครู นักการตลอดจน รปภ. ต่างก็พยายามส่งนักเรียนกลับบ้านให้รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด

แต่วันนี้มีผู้ปกครองมาด่าว่าให้สียหาย ทั้งด่า รปภ. และนักการ และ จะทำร้ายนักการ ในขณะที่นักการกำลังปฏิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือนักเรียนข้ามถนน ท่านไม่ทราบหรือครับว่า เราจัด รปภ.ดูแลความปลอดภัยให้ลูกหลานท่าน อำนวยความสะดวกให้ท่านเวลามาติดต่อทางโรงเรียน และ นักการต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า มากวาดขยะทำความสะอาด เสร็จแล้วต้องมาพานักเรียนข้ามถนน สายมาทำห้องน้ำให้สะอาด ใกล้เที่ยงต้องเข็นอาหารมาจัดเรียงไว้ให้บุตรหลานท่านรับประทานอาหารกลางวัน บ่ายทำความสะอาดห้องน้ำอาคาร เย็นมาต้องพานักเรียนข้ามถนนกลับบ้าน แม้ฝนตกแดดออก เพื่อลูกๆ จำนวน 2,400 คน และโรงเรียนเทศบาลสวนสนุก

แต่ต้องมาโดนผู้ปกครองด่าและจะทำร้ายร่างกาย ตอนนี้โรงเรียนได้แจ้งความไว้แล้ว และมีภาพจากกล้องวงจรปิด ในนามผู้บริหารสถานศึกษา ผมขอปกป้อง รปภ.และนักการของโรงเรียนเทศบาลสวนสนุก

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2567 ที่บริเวณลานหน้าที่ว่าการอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง มีพิธีวางศิลาฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ขนาดความสูงเท่าองค์จริง โดยมีนายอำเภอป่าโมก เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาฤกษ์ มีพราหมณ์ ประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และอ่านคำบูชาฤกษ์ โดยมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

จากนั้น นายรักศักดิ์ เทียนไชย นายอำเภอป่าโมก ประธานในพิธีพร้อมผู้มีเกียรติ ร่วมประกอบพิธี วางศิลาฤกษ์ และพิธีเททอง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จนเสร็จพิธี

หลังเสร็จพิธี ผู้ร่วมงานที่ประกอบไปด้วยข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พ่อค้า ประชาชน ต่างแห่ไปดูเลขที่ขันน้ำมนต์และธูป ซึ่งน่าอัศจรรย์เลขในขันน้ำมนต์ได้ เลข 5 , 3 และเลขที่ธูปได้ เลข 5 1 3 มีเลข 5 3 เหมือน ทำให้ผู้ร่วมงานต้องนำโทรศัพท์ออกมาถ่ายภาพเก็บไว้ เพื่อนำไปซื้อลอตเตอรี่ ที่มาขายภายในงานจนเกลี้ยงแผง

จากกรณีแม่ค้าทุเรียน ที่ออกมาไลฟ์วิจารณ์ลูกค้าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และดูถูกลูกค้า ตอนหนึ่งระบุว่า ที่ไม่ตอบลูกค้า เพราะไม่ง้อ หน้าด้านมาซื้อทำไมของถูก กูขายของแพงก็ซื้อสิ ของร้อยเดียวเป็นใหญ่เป็นโต เห็นสภาพแล้ว ถึงว่ากระจอกอยู่แบบนั้น ถ้ามีปัญญาแดกของดีๆ ก็ขยันทำงานสิ พร้อมกับท้ามาตัวๆที่หน้าร้าน

ต่อมาที่ร้านขายทุเรียนดังกล่าว ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ พบเจ้าของร้านคือ นางสาวสุนิสา (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี เปิดเผยว่า ประเด็นมันเกิดมาจากทุเรียนที่ตนจัดโปรโมชั่นในราคา 2 แพ็ก 200 บาท แต่ถ้าซื้อในราคา 1 แพ็ก จะอยู่ที่ราคา 150 บาท ซึ่งเป็นทุเรียนที่มีสภาพแย่แล้ว เป็นทุเรียนที่เกรดต่ำ ตนก็ได้แจ้งลูกค้าทุกคนให้รู้แล้วด้วย รวมถึงมีป้ายบอกชัดเจน

ล่าสุดวันที่ 30 ส.ค.2567 มีรายงานว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปที่ร้านดังกล่าว เนื่องจากรับไม่ได้กับพฤติกรรมของแม่ค้า พร้อมเรียกร้องให้ออกมาขอโทษ และให้ย้ายร้านไปขายที่จังหวัดอื่น

โดยเพจ อีซ้อขยี้ข่าว3 โพสต์ภาพพร้อมเขียนข้อความ ระบุว่า กฐินเมืองช้าง…ล่าสุดร้านทุเรียนดังอาจต้องเตรียมย้ายที่ใหม่ หลังถูกพ่อแม่พี่น้องชาวสุรินทร์บุกไปกดดันต้องการให้เจ้าของร้านออกมาขอโทษและขอให้ย้ายร้านไปขายที่จังหวัดอื่น

วันที่ 30 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก ค่ายเพลง โตเกียว มิวสิค โพสต์แสดงความอาลัย หลังน้องวิท หรือนายวิทยา เป็งสุข แดนเซอร์ของค่ายเสียชีวิตแล้ว โดยระบุว่า พวกเรา ชาวโตเกียวมิวสิค ขอแสดงความเสียใจกับการจากไป ของน้องวิท ส่วนเรื่องกำหนดการเดี๋ยวทางค่ายจะอัพเดทแจ้งไปนะครับ

ซึ่ง วิท เกิดอุบัติอเหตุเมื่อช่วงใกล้รุ่งสางวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถพ่วง 22 ล้อที่แยกไฟแดงมอดินแดง ถนนมิตรภาพ อาการสาหัส และได้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา กระทั่งมาเสียชีวิตเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา

ขณะที่ บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ ได้ไลฟ์เฟซบุ๊ก ถึงเรื่องการสูญเสียดังกล่าว โดยบอกว่า น้องวิทประสบอุบัติเหตุครบ 1 เดือนพอดี น้องวิทเป็นแดนเซอร์ของโตเกียวมิวสิค รักษาตัวมาเรื่อยๆ ตอนที่เกิดอุบัติเหตุเป็นช่วงกลางคืน ชนท้ายรถพ่วง เข้า รพ. ผ่าตัดสมอง ขาหัก 2 ข้าง เมื่อวานที่โพสต์เหมือนจะดีขึ้น และเหมือนจะชู 2 นิ้ว ส่วนเรื่องกำหนดการของวิททางค่ายจะแจ้งอีกครั้ง พรุ่งนี้เที่ยงๆ ร่างจะเคลื่อนเข้าวัด น้องเสียชีวิตเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ตอนทราบข่าวตกใจมาก และทุกคนก็เสียใจ เมื่อวานก็คิดว่าน้องจะหาย เพราะ รพ.ส่งคลิปมาให้ดู คล้ายจะชู 2 นิ้ว แต่ก็มาเสียชีวิต มีการปั๊มหัวใจช่วยเหลือด้วย แต่ก็จากไปอย่างสงบ

วิท อยู่กับน้องกับแม่ และแม่ไม่สบายด้วย จำได้ตอนที่มาสมัครงาน เขาบอกว่าอยากหาบ้านให้แม่ และแม่ไม่สบายด้วย ก่อนมาเต้นทำงานบาริสต้ามาก่อน แล้วออกจากงานประจำก็มาเป็นแดนเซอร์ เงินที่เปิดรับบริจาคช่วยเหลือน้องรอบแรกได้ปิดไปแล้ว ได้ประมาณ 3 แสนกว่าบาท และมอบให้น้องไปแล้วระหว่างรักษา ทางบ้านน้องก็ไม่ค่อยมีเงิน หาเช้ากินค่ำ เอฟซีอยากช่วยเหลือน้องเดี๋ยวผมจะขึ้นเลขบัญชีให้และจะมาอัพเดตว่าได้เท่าไร ใครอยากเป็นเจ้าภาพติดต่อทางค่ายได้เลย ซึ่งทางค่ายก็ดูแลอยู่แล้ว แต่ว่าใครอยากร่วมบุญก็ยินดี ทุกคนก็ใจหายอยู่คิดว่าน้องจะดีขึ้น นิสัยส่วนตัวเป็นคนดี มีสัมมาคารวะ มีแต่คนรัก นัดหมายเวลาไหนก็จะมาก่อนเพื่อนทุกครั้ง เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ที่พระอุโบสถ วัดธาตุ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พิธีพุทธาภิเษก พระพุทธศรีสัตนาคนหุต หลวงพ่อพระลับ รุ่นมหาเศรษฐี ได้ถูกอัญเชิญพระพุทธพระลับ มายังภายในพระอุโบสถเพื่อประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก โดยมีพระราชวัชรธรรมโสภณ หรือหลวงปู่ศิลา สิริจันโท เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ มาร่วมพิธีนั่งปรกอธิฐานจิต ผ่านสายสิญจน์ไปยังวัตถุมงคล โดยเงินรายได้จะนำสมทบทุนในการสร้างพระวิหาร 500 ปี พระศรีสัตนาคะนะหุต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระคู่บ้านคู่เมืองขอนแก่น สร้างขึ้นพร้อมการตั้งเมืองขอนแก่น

จากนั้น ที่พุทธศาสนสถาน มณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้แทนกำลังพลและครอบครัวค่ายศรีพัชรินทร รับมอบเงินจำนวน 2 ล้านบาท จากหลวงปู่ศิลา เพื่อมอบส่งต่อให้กับพลตรี กิตติพงษ์ เนื่องชมพู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ในการนำไปเป็นทุนทรัพย์ในการดำเนินการโครงการ จัดตั้งคลินิกดูแลผู้สูงอายุ โดยมอบหมายให้ รพ.ค่ายศรีพัชรินทรเป็นโรงพยาบาลนำร่อง และโครงการพัฒนาปรับปรุงพุทธสถาน ค่ายศรีพัชรินทร ซึ่งเป็นสถานที่ใช้การประกอบพิธีกรรมทางศาสนานี้ให้มีความมั่นคงและสง่างาม อันจะเป็นสถานที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการยึดเหนี่ยวจิตใจ และจรรโลงพระพุทธศาสนา

พร้อมฝากข้อคิดว่า สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ บางแห่งซบเซา บางแห่งทรงตัว ขอให้ประชาชนได้ประคองตัวให้รอดพ้นจากความจน ให้ถูกเลขรางวัลทุกคน รางวัลที่ 1 ให้หลวงปู่ศิลา รางวัลที่ 2-3-4-5 ให้ญาติโยมทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าคอหวยก็ไม่พลาด นำเลขที่ท่านกล่าวมาตีเป็นเลขไม่ว่าจะเป็น 23 45 (เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณ)

30 ส.ค. 2567 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่อง กำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก

ตามพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 มาตรา 13 บัญญัติว่าให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการ และวางนโยบายของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ อำนาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง (7/1) การกำหนดประเภทและรูปแบบ สลากกินแบ่งรัฐบาล โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 13 (7) และ (7/1) แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในประกาศนี้

สลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก” หมายความว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลประเภทสมทบ เงินรางวัลที่กำหนดหมายเลขให้เลือกจำนวนสามหลัก หมายเลขแต่ละหลักผู้ซื้อสามารถเลือกหมายเลขได้ โดยเลือกจากหมายเลขศูนย์ถึงเก้าเพื่อให้ครบสามหลัก และหมายเลขแต่ละหลักซ้ำกันได้

รางวัลสามตรง” หมายความว่า ประเภทรางวัลที่มีหมายเลขตรงกับผลการออกรางวัลครบทั้งสามหมายเลข และหลักตรงกันทั้งสามหลัก

รางวัลสามสลับหลัก” หมายความว่า ประเภทรางวัลที่มีหมายเลขตรงกับผลการออกรางวัลครบทั้งสามหมายเลข แต่สลับหลักหรือหลักไม่ตรงกับรางวัลสามตรง

รางวัลสองตรง” หมายความว่า ประเภทรางวัลที่มีหมายเลขตรงกับผลการออกรางวัลครบทั้งสองหมายเลข และหลักตรงกันทั้งสองหลัก

รางวัลพิเศษ” หมายความว่า ประเภทรางวัลที่มีหมายเลขตรงกับผลการออกรางวัลพิเศษ

ผู้ซื้อสลาก” หมายความว่า ผู้ซึ่งได้ทำการลงทะเบียนเป็นผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก ตามขั้นตอนของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและทำการซื้อสลากสำเร็จ

ผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัล” หมายความว่า ผู้ซื้อสลากซึ่งมีสิทธิเรียกร้องในเงินรางวัลหนึ่งรางวัลใดตามประเภทเงินรางวัลของสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเสขสามหลัก

สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

ข้อ 2 สลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลักประเภทสมทบเงินรางวัล หากการออกรางวัลในงวดใด ไม่มีผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลจะนำเงินรางวัลที่จัดสรรไว้ไปสมทบเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลในงวดถัดไปหนึ่งงวด โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

ข้อ 3 การจัดสรรเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลักในแต่ละงวด ให้สำนักงานจัดสรร ดังนี้

(1) ร้อยละหกสิบเป็นเงินรางวัล

(2) ไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบสามเป็นรายได้แผ่นดิน

(3) ไม่เกินกว่าร้อยละสิบเจ็ดเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลักด้วย

ข้อ 4 ประเภทรางวัลของสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก กำหนดไว้ ดังต่อไปนี้

(1) รางวัลสามตรง

(2) รางวัลสามสลับหลัก

(3) รางวัลสองตรง

(4) รางวัลพิเศษ

ข้อ 5 การกำหนดสัดส่วนเงินรางวัลร้อยละหกสิบของยอดการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลขสามหลัก รวมในแต่ละงวดนั้น ให้สำนักงานกำหนดสัดส่วนในการจัดสรรเงินรางวัลตามข้อ 4 ประกอบด้วย ไม่เกินกว่าร้อยละสามสิบเป็นรางวัลสามตรง ไม่เกินกว่าร้อยละสามสิบเป็นรางวัลสามสลับหลัก ไม่เกินกว่าร้อยละสามสิบเก้าเป็นรางวัลสองตรง และไม่น้อยกว่าร้อยละหนึ่งเป็นรางวัลพิเศษ

โดยกำหนดอัตราการจ่ายเงินรางวัลให้กับผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลในแต่ละประเภทรางวัลให้ครบร้อยละหกสิบ ตามมาตรา 22(1) แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ดังต่อไปนี้ ราชกิจจาฯ ประกาศกำหนดประเภท และรูปแบบสลาก N3

(1) รางวัลสามตรง จ่ายแบบผันแปรจากเงินรางวัลที่ได้รับจัดสรรไม่เกินกว่าร้อยละสามสิบให้กับผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลตามจำนวนผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลในอัตราจ่ายเท่ากันทุกรายเป็นจำนวนเงินเต็ม ในกรณีการจ่ายเงินรางวัลมีเศษให้สำนักงานปัดเศษลงให้คงเหลือเป็นจำนวนเงินเต็ม และให้นำเศษที่เหลือสมทบเป็นเงินรางวัลรวมกับรางวัลพิเศษ เพื่อจ่ายรางวัลให้กับผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลพิเศษ

(2) รางวัลสามสลับหลัก จ่ายแบบผันแปรจากเงินรางวัลที่ได้รับการจัดสรรไม่เกินกว่าร้อยละสามสิบ ให้กับผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลตามจำนวนผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลในอัตราจ่ายเท่ากันทุกรายเป็นจำนวนเงินเต็ม ในกรณีการจ่ายเงินรางวัลมีเศษให้สำนักงานปัดเศษลงให้คงเหลือเป็นจำนวนเงินเต็ม และให้นำเศษที่เหลือสมทบเป็นเงินรางวัลรวมกับรางวัลพิเศษ เพื่อจ่ายรางวัลให้กับผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลพิเศษ

(3) รางวัลสองตรง จ่ายแบบผันแปรจากเงินรางวัลที่ได้รับจัดสรรไม่เกินกว่าร้อยละสามสิบเก้าให้กับผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลตามจำนวนผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลในอัตราจ่ายเท่ากันทุกราย เป็นจำนวนเงินเต็ม ในกรณีการจ่ายเงินรางวัลมีเศษให้สำนักงานปัดเศษลงให้คงเหลือเป็นจำนวนเงินเต็ม และให้นำเศษที่เหลือสมทบเป็นเงินรางวัลรวมกับรางวัลพิเศษ เพื่อจ่ายรางวัลให้กับผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลพิเศษ

(4) รางวัลพิเศษ จ่ายรางวัลให้กับผู้มีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลพิเศษจากเงินรางวัลที่ได้รับจัดสรรไม่น้อยกว่าร้อยละหนึ่งรวมกับเศษที่เหลือของรางวัลตามข้อ 5 (1) – (3)

ข้อ 6 วิธีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก จำหน่ายเป็นแบบดิจิทัล หรือวิธีการจำหน่ายอื่นที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลกำหนด

ข้อ 7 การออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก ทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของเดือน หรือตามวันที่สำนักงานกำหนด และการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก ในแต่ละงวดสำนักงานจะประกาศสัดส่วนการจ่ายเงินรางวัลในแต่ละประเภทรางวัลล่วงหน้าก่อนการออกรางวัล

ข้อ 8 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗

ลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

วันที่ 30 ส.ค.2567 นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เดินทางมา พบปะประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่ วัดคลองกระจง อำเภอสวรรคโลก ทันทีที่เดินทางมาถึง ได้เข้าไปกราบนมัสการพระครูสุมณฑ์ธรรมธาดา เจ้าอาวาสวัดคลองกระจง อ.สวรรคโลก จากนั้นได้เดินทางพบปะประชาชนที่มารอเป็นจำนวนมาก อีกทั้งช่วยบรรจุอาหาร ที่ประกอบสำหรับเลี้ยงผู้ประสบภัย เป็นเมนูแกงเผ็ดไก่ และกุนเชียงทอด และแวะทักทายกลุ่มผู้สูงอายุที่มารอพบ และรับมอบตะกร้าสาน หัตกรรมชุมชน

จากนั้นนางสาวแพทองธาร ได้มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ก่อนที่จะเดินทางไปติดตามสถานการณ์ และการบริหารจัดการน้ำ ที่บริเวณประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ อ.สวรรคโลก จากนั้นลงพื้นที่ ต.วังทองอำเภอศรีสำโรงที่ได้รับผลกระทบจากน้ำแม่น้ำยมผุดบริเวณตอหม้อสะพานสิริปัญญารัต พบปะทักทายผู้มารอพบและแจกถุงยังชีพบางส่วน และอีก 200 ชุด จะใช้รถหกล้อสูงเข้าพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อแจกถุงยังชีพให้ราษฎรต่อไป

สำหรับภารกิจการลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยครั้งนี้ นายกฯ แพทองธาร ใช้รถตู้เบนซ์ ทะเบียน ฮธ 1111 กรุงเทพมหานคร

ทีมข่าวสยามนิวส์ จังหวัดสุโขทัย รายงาน

วันที่ 29 ส.ค.67 เวลา 11.00 น. ที่ สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พาสาวเอ็นวัย 27 ปี เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาปล้นทรัพย์ ผู้เสียหายหวาดกลัวกังวลความปลอดภัย เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่26 ส.ค.67

ทีมสายไหมต้องรอดพาผู้เสียหายไปดูจุดเกิดเหตุ นางสาวเอ นามสมมุติ เปิดเผยว่า หลังจากเขากับเพื่อน ได้รับการติดต่อจากฝ่ายชายก็ให้เขามาเจอที่โรงแรมในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ในช่วงเวลาราว22.30 น. เปิดห้องโรงแรมสองห้อง จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ได้มีการตกลงเงินที่ 1,500 บาทก่อนที่ฝ่ายชายจะสำเร็จความใคร่ และแสดงตัวเป็นตำรวจโดยมีการนำหลักฐานให้เขาดู ก่อนที่จะพาผู้เสียหายขึ้นรถไปที่หน่วยสวาท

ด้าน นายเอกภพ เล่าว่า ตนเองได้รับเรื่องจากน้องผู้เสียหายคนหนึ่ง จากผู้เสียหายที่มีสองคนว่าทำงานเอนเตอร์เทน วันเกิดเหตุวันที่ 26 ต่อเนื่อง 27 สิงหาที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากผู้ชายคนหนึ่ง และมีการไปร่วมหลับนอนกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นฝ่ายชายก็มีการจ่ายเงินจำนวน 1500 บาท ต่อมาฝ่ายชายมีการขอเงินคืนจากผู้เสียหายอ้างว่าเป็นตำรวจ เนื่องจากไม่สำเร็จความใคร่ พี่ผู้เสียหายก็ไม่ยอมเนื่องจากได้มีการตกลงกันแล้วทำให้ชายที่อ้างเป็นตำรวจบอกว่าถ้าไม่ยอมจะมีการจับกุม จากนั้นได้พาผู้เสียหายมาที่โรงพัก จะพนักงานสอบสวน ข้อหาค้าประเวณี ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว จึงยอมคืนเงินจำนวน 1500 บาทให้กับชายคนดังกล่าวไป เอามาใช้ที่อ้างเป็นตำรวจยังข่มขู่ขอเงินจากผู้เสียหายเพิ่มอีก 20,000 บาท ขณะที่ผู้เสียหายบอกว่าทางครอบครัวไม่รู้เรื่องว่าเค้ามาทำงานแบบนี้ทำให้ชายที่อ้างเป็นตำรวจจึงมีการข่มขู่เพิ่มเติม

ต่อมาผู้เสียหายจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้อีกฝ่ายนำตัวเขาส่งพนักงานสอบสวนดีกว่าเนื่องจากยังไงโทษปรับก็มีจำนวนน้อยกว่าจำนวนเงินที่อีกฝ่ายต้องการ ต่อมาชายที่อ้างเป็นตำรวจจำนวนสี่คนก็ยังมีการข่มขู่ว่าจะโทรไปติดต่อให้ญาติของผู้เสียหายมาผู้เสียหายจึงยอม เจรจาต่อรองจ่ายเงินให้กลุ่มชายที่อ้างเป็นตำรวจจำนวน 5,000 บาท เป็นเงินสดจำนวน 4,000 ละโอนเข้าบัญชีอีก 1,000 บาท โดยมีหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงิน นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่ผู้เสียหายว่าจะต้องจ่ายอีกเป็นรายเดือน นอกจากการข่มขู่เรียกเงินจากผู้เสียหายยังจะมีความพยายามนำตัวผู้เสียหายทั้งสองคนจะให้ไปร่วมหลับนอนกับคนอื่นๆอีก ทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว ตัดสินใจมาร้องขอความเป็นธรรม

โดยนายเอกภพบอกว่ายังไม่ยืนยันว่ากลุ่มชายที่ก่อเหตุนั้นเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ แต่ขณะนี้เป็นคำกล่าวอ้าง

ด้าน พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าเคสดังกล่าวเป็นเคสที่มีการกล่าวอ้างถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมืองพระนครศรีอยุธยา

อย่างไรก็ตามต้องมีการพิสูจน์ทราบก่อนว่าผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ หากพบเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิดจริง

หากเป็นการกระทำโดยส่วนตัว ก็จะถือว่าเป็นความผิดในฐานะผู้ซื้อบริการ แต่ถ้าหากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นตำรวจ ใช้อำนาจหน้าที่ในการไปล่อซื้อ แล้วไม่ดำเนินการจับกุมตามกฏหมายก็จะมีความผิดในเบื้องต้นมีความผิดตามมาตรา 157 รวมถึง  พ.ร.บ.อุ้มหาย  และความผิดอื่นๆซึ่งถ้าเป็นการล่อซื้อจริงๆถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ใช้วิธีการที่ตำรวจปฏิบัติ ยืนยันว่าในเรื่องนี้จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

วันที่ 30 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าว จ.ตาก ว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความว่า “อวสานปลากระป๋องตั้งแต่ 6 โมงเช้า ปกติเป็นคนไม่ชอบกินปลากระป๋องอยู่แล้ว แต่วันนี้เด็กๆ อยากกินคั่วปลากระป๋อง กำลังผัดมะเขือส้มเตรียมจะใส่ปลากระป๋อง เปิดมากระป๋องเเรกก็เจอเลย ไอ้เราก็คิดว่าทำไมไข่ปลามันอันใหญ่จัง เลยใช้ตะหลิวตักมาดูเป็นดั่งภาพ แขยงมากทำไมมันสกปรกขนาดนี้ ขนลุก”

พร้อมลงภาพปลากระป๋องที่มีการเทออกจากกระป๋องใส่ถ้วยแล้ว ปรากฏว่ามีจิ้งจก 1 ตัว รวมอยู่ในปลากระป๋องที่เทออกมาด้วย ลักษณะเกือบเต็มตัว ส่วนขาท่อนล่างขาดกุดทั้ง 4 ขา เนื้อชุ่มฉ่ำเคล้าซอส

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปกับเจ้าของเฟซบุ๊ก ทราบชื่อนางสุทัชชา ปาทาน แม่ค้าขายขนมออนไลน์ขึ้นชื่อของเมืองแม่สอด ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูสิ่งแปลกปลอมในอาหารเมนูปลากระป๋อง พร้อมเปิดเผยว่า ตนสั่งซื้อปลากระป๋องยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งเป็นแพ็กเกจ 4 กระป๋อง จากร้านสะดวกซื้อชื่อดังใกล้บ้าน โดยให้พนักงานบริการส่งถึงบ้าน

นางสุทัชชา กล่าวต่อว่า เช้าวันนี้ตนจะปรุงอาหารเพื่อให้ลูกๆ รับประทานก่อนไปโรงเรียน ซึ่งปกติตนไม่ได้ทานปลากระป๋องอยู่แล้ว แต่เนื่องจากลูกบ่นอยากกิน จึงสั่งมา เมื่อตั้งกระทะใส่มะเขือเทศลงไปสักครู่ จึงเปิดฝากระป๋องใส่ภาชนะ และกำลังคลุกไปมา เห็นเนื้อปลาและมีไข่ด้วย จึงเกลี่ยให้เข้ากัน

นางสุทัชชา กล่าวอีกว่า แต่ตนก็ต้องตกใจขนลุก ขยะแขยง เมื่อพบว่าไข่ปลากลายเป็นจิ้งจก จึงถ่ายรูปและเก็บหลักฐานไว้ แล้วตัดสินใจโพสต์ในโซเชียลมีเดีย เพื่อให้กลุ่มเพื่อนและญาติรับทราบ จนกระทั่งมีการแชร์ออกไปจำนวนมาก

นางสุทัชชา กล่าวต่อว่า หลังจากตนโพสต์ได้ไม่นาน มีผู้หญิงอ้างว่าเป็นตัวแทนจากปลากระป๋องยี่ห้อดังกล่าวติดต่อมา พยายามจะขอปลากระป๋องไปตรวจสอบ และซักถามข้อเท็จจริง แต่ตนมาคิดไตร่ตรองดูแล้ว การที่จะขอตัวอย่างไปอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยความจริงใจด้วย เพราะตนเป็นผู้บริโภค

นางสุทัชชา กล่าวอีกว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่ลูกตนรับประทานไปแล้วเกิดติดเชื้อโรคขึ้นมาจะทำอย่างไรใครจะรับผิดชอบ ตนจะไปแจ้งความลงบันทึกประวันที่ สภ.แม่สอดไว้ เป็นหลักฐานด้วย

ขณะที่ลูกๆ ของนางสุทัชชา ต่างออกมาบอกว่า เข็ดแล้ว จะไม่ร้องขอแม่ ให้ซื้อปลากระป๋องมาทานอีก

ที่มา : มติชนออนไลน์

วันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ สภ.เมืองสกลนคร ได้มีนางพีรญา (สงวนนามสกุล) หรือ คุณแอน อายุ 44 ปี ชาว จ.ปราจีนบุรี มาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร เพื่อนำหลักฐานรายการเดินบัญชีธนาคารมายื่นเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2567 ได้เดินทางแจ้งความร้องทุกข์ไว้ว่าถูกถอนเงินจากบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นคนถอนเงิน และไม่เคยทำธุรกรรมการเงินในบัญชีธนาคาร เนื่องจากตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 ตนพักอาศัยอยู่กับลูก 3 คน ที่ประเทศนิวซีแลนด์มาโดยตลอด

กระทั่งเพิ่งกลับประเทศไทยเมื่อเดือน มี.ค.2567 ก็พบว่าทรัพย์สินหลายรายการ รวมไปถึงเงินสดจำนวนกว่า 3,800,000 บาทหายไปจากบัญชีธนาคาร ทั้งที่ระหว่าง 5 ปีมานี้ตนไม่เคยกลับมาประเทศไทยเลย พอเกิดเรื่องจึงรีบกลับมาตรวจสอบ

คุณแอน กล่าวทั้งน้ำตาว่าตนกับสามี อายุ 47 ปี ชาวจ.สกลนคร ได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสอยู่กินกันมา 19 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตลอดเวลาที่ผ่านมาช่วยกันทำมาหากิน เปิดบริษัทลิสซิ่งร่วมกันจนมีฐานะ เมื่อ พ.ศ.2561 พอลูกโตตัดสินใจพาลูกไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยมีตนเป็นคนเลี้ยงลูกอยู่ที่ต่างประเทศ ส่วนสามีดำเนินการประกอบธุรกิจอยู่ที่จ.สกลนคร

ต่อมาต้นปี พ.ศ.2567 ระยะเวลาผ่านไปกว่า 5 ปี เริ่มระแคะระคายว่าสามีแอบไปมีชู้แล้วแต่งงานใหม่ จึงบินกลับมาประเทศไทยเพื่อตรวจสอบปรากฎว่าเป็นจริงตามคาด พร้อมกันนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่าทรัพย์สินหลายรายการ เช่นบ้าน ที่ดิน รวมไปถึงเงินสดในบัญชีธนาคารของตนถูกถอนและเซ็นโอนขายไปหมดเกลี้ยงแล้ว พอทราบดังนั้นเลยดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนของการฟ้องร้องต่อศาล

วันนี้ได้เอาเอกสารหลักฐานรายการเดินบัญชีธนาคา รเอกสารการเดินทางเข้า-ออกประเทศมามอบเพิ่มให้กับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองสกลนคร โดยเอกสารข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย ระบุว่าเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2562 ตนเดินทางออกนอกประเทศไทย และกลับเข้ามาเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2567 ซึ่งระหว่าง 5 ปีนี้ที่ตนไม่ได้อยู่ในประไทย บัญชีธนาคารชื่อของตนเองนั้นเงินถูกถอนออกไปได้อย่างไรและทั้งที่เจ้าของบัญชีธนาคารไม่ได้มาด้วยตัวเอง ทำไมถึงสามารถเบิกถอนออกไปได้ โดยรวมทั้งหมด 15 ครั้ง เงินจำนวน 3,800,000 บาท จึงตั้งข้อสงสัยว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นได้อย่างไร

เมื่อติดต่อสอบถามไปยังธนาคารแห่งนั้น ได้รับคำตอบว่ามีการถอนเงินออกไปจากบัญชีไปหลายครั้ง โดยการเขียนเบิกถอนและนำสมุดบัญชีเล่มจริงมาแสดงพร้อมกับเอกสารประจำตัวของตน ซึ่งขอยืนยันว่าตนไม่เคยเซ็นกำกับเอกสารหรือเซ็นมอบอำนาจให้ใคร สำหรับเรื่องนี้ตนสงสัยสามีที่กำลังฟ้องร้องกันอยู่ ว่าอาจจะเป็นคนไปปลอมเอกสารและลายเซ็นเเบิกถอนหรือไม่ เนื่องจากสมุดบัญชีเล่มจริงตนเอาเก็บไว้ในตู้เซฟอย่างดี มีแค่สามีที่ทราบรหัสตู้เซฟ ส่วนทางธนาคารดังกล่าวก็ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินการว่าต้องทำอย่างไรบ้างในการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ที่ทางธนาคารพอจะช่วยเหลือได้ตามกรอบกฎหมาย

จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกทุกข์ใจมากอยากดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้อง หวังอยากได้เงินคืนโดยเร็ว เพราะตอนนี้แทบไม่มีเงินประคองชีพในไทยแล้ว ไหนจะค่าเลี้ยงดูลูกและค่าเทอมที่เมืองนอกอีก ซึ่งตอนนี้บัญชีก็เหลือเพียงเงินติดบัญชีเพียง 600 บาท และวันนี้ก็ต้องกลับ จ.ปราจีนบุรี เพราะสิ่งที่ทำไว้กับสามีอยู่ที่ จ.สกลนคร ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ส่วนลูกทั้ง 3 คนนั้นเขาก็ไม่ค่อยติดต่อไปและลูกตัดสินใจจะอยู่กับแม่ เพราะสงสารแม่.