ข่าววันนี้

Home ข่าววันนี้ Page 17

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่3 เตือน 53 จังหวัด เตรียมรับมือฝนถล่มหนัก

วันที่ 26 ส.ค. 67 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ ฉบับที่ 3 (151/2567) เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 26-28 สิงหาคม 2567)

ในช่วงวันที่ 26-28 ส.ค. 67 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศเมียนมา

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี

ในวันที่ 26 สิงหาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครราชสีมา และบุรีรัมย์

ภาคกลาง: จังหวัดลพบุรี สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

ในวันที่ 27 สิงหาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครราชสีมา และบุรีรัมย์

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

ในวันที่ 28 สิงหาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย และกำแพงเพชร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 27-29 ส.ค. 67 ทะเลอันดามัน ตอนบนมีคลื่นสูง 2–3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าว เดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าวนี้ไว้ด้วย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประกาศ ณ วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 05.00 น.

หนุ่มไทยตกตึก ชั้น 17 ในปอยเปตเสียชีวิต เพื่อนเชื่อไม่ใช่อุบัติเหตุ

วันที่ 26 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุสลดกับคนไทยในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา มีชายไทย อายุ 26 ปี ชาวจังหวัดกาญจนบุรี ตกจากตึกชั้น 17 ของอาคาร 18 ชั้น ในเมืองปอยเปต โดยไม่ทราบสาเหตุ

เบื้องต้นทางการกัมพูชาอ้างว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชาวกัมพูชา แต่หลังจากเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิตนำหลักฐานต่างๆ มาพิสูจน์ โดยเฉพาะบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เสียชีวิต ทางการกัมพูชาจึงยอมรับ

รายงานข่าวแจ้งว่า อาคาร 18 ชั้นดังกล่าวเป็นที่ตั้งของธุรกิจสีเทาและสีดำของนายทุนชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นคอลเซ็นเตอร์หรือการพนันออนไลน์ ที่ใช้หลอกลวงคนไทยมายาวนาน จึงมีคนไทยทำงานภายในอาคารแห่งนี้ค่อนข้างมาก ทั้้งที่สมัครใจและถูกหลอกลวงเข้าไป

สำหรับชายไทยที่เสียชีวิตรายนี้ คาดว่าถูกจับโยนลงมาจากชั้นที่ 17 ของอาคาร ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือการกระโดดลงมาเพื่อฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีข้อมูลจากเพื่อนสนิทของผู้ตายระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายถูกบังคับจากพนักงานระดับหัวหน้า ให้ทำหน้าที่บางอย่าง ที่ผู้ตายไม่ต้องการทำ จึงเกิดการข่มขู่และมีปากเสียงกัน จึงไม่คิดว่าผู้ตายจะฆ่าตัวตาย

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ศพของผู้เสียชีวิตถูกนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี บ้านเกิดเรียบร้อยแล้ว

เช็กได้เลย เปิดวิธีขอดูยอดเงินสดดิจิทัลวอลเล็ต 10,000

ชัดเจนแล้วว่าแจกเงินสดดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท กลุ่มแรกที่จะได้รับเงิน คือ กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านราย ดังนี้

ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนจำนวน 13.5 ล้านราย

กลุ่มเปราะบางผู้พิการจำนวน 1 ล้านราย

โดยรัฐบาลจะโอนงินสดเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนสำหรับผู้ได้รับสิทธิ และ โอนเงินพร้อมเพย์บัตรประชาชนสำหรับกลุ่มเปราะบาง 1 ล้านราย

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน วิธีขอดูยอดเงินสดดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

ตามไทม์ไลน์ที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไได้ปาฐกถา วิสัยทัศน์ประเทศไทย” Vision For Thailand จัดโดย เนชั่น กรุ๊ป ว่า กลุ่มเปราะบางทั้งสองกลุ่ม คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน และ กลุ่มคนพิการ รัฐบาลโอนเงินสดในเดือนกันยายน 2567 หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในเดือนกันยายนนี้ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน และ กลุ่มเปราะบาง สามารถเช็กยอดเงินสดเข้าในบัญชี โดยสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้

ไปที่ตู้เอทีเอ็ม( ATM )ธนาคารกรุงไทย

สอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้าตู้ เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย

ใส่รหัสผ่าน 6 หลัก

เข้าหน้าเมนูหลักแล้ว ให้กดปุ่ม”บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” (*หากตู้เอทีเอ็ม ที่ไม่มีปุ่ม “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” จะไม่สามารถทำรายการต่อได้ ต้องหาตู้ เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทยตู้อื่นแทน )

จากนั้นกดปุ่ม “ขอดูยอดวงเงินเหลือ” เพื่อตรวจสอบว่ามีเงินโอนเข้ามาหรือไม่ และเหลือยอดเงินที่สามารถกดได้เท่าไร

หน้าจอจะแสดงยอดเงินคงเหลือที่ใช้ได้ โดยระบบจะถามว่า ท่านต้องการบริการอื่นอีกหรือไม่ หากต้องการถอนเงิน ให้กดปุ่ม “ต้องการ ”

ระบบจะกลับมาที่หน้าเมนูหลักอีกครั้ง หลังจากนั้นให้กดปุ่ม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซ้ำ

กดปุ่ม ถอนเงิน ใส่จำนวนเงินที่ต้องการถอนและกดปุ่มถูกต้องจากนั้นจะได้รับเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม

หรือค้นหาจุดบริการตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย เพื่อขอดูยอดเงินเข้า

วิธีเช็กเงินเข้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ผูกบัตรประชาชนพร้อมเพย์ ดังนี้

ผูกบัตรประชาชนผ่านพร้อมเพย์ ด้วยบัตรประชาชน 13 หลัก

หลังจากนั้นนำ ATM ที่ผูกกับพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

เข้าหน้าเมนูหลักแล้ว ให้กดปุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (*หากตู้เอทีเอ็ม ที่ไม่มีปุ่ม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะไม่สามารถทำรายการต่อได้ ต้องหาตู้ เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทยตู้อื่นแทน )

จากนั้นกดปุ่ม ขอดูยอดวงเงินเหลือ เพื่อตรวจสอบว่ามีเงินโอนเข้ามาหรือไม่ และเหลือยอดเงินที่สามารถกดได้เท่าไร

หน้าจอจะแสดงยอดเงินคงเหลือที่ใช้ได้ โดยระบบจะถามว่า ท่านต้องการบริการอื่นอีกหรือไม่ หากต้องการถอนเงิน ให้กดปุ่มต้องการ

ระบบจะกลับมาที่หน้าเมนูหลักอีกครั้ง หลังจากนั้นให้กดปุ่ม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซ้ำ

กดปุ่ม ถอนเงิน ใส่จำนวนเงินที่ต้องการถอนและกดปุ่ม ถูกต้อง จากนั้นจะได้รับเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม.

ด่วน! รีบเก็บของขึ้นที่สูง มวลน้ำก้อนใหญ่ จ่อถล่ม 11 จังหวัด เตรียมรับมือ

วันที่ 26 ส.ค. 67 สถานการณ์น้ำ เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ล่าสุดพบว่าปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลง เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่จุดวัดน้ำ C 2หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์

ล่าสุดวัดได้ 1,068 ลบ.ม./วินาที (ลูกบาศเมตรต่อวินาที) ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวขึ้น 25 ซ.ม. ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุดวัดได้16.19 ม.รทก. (เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) โดยที่เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิม 650 ลบ.ม./วินาที ขึ้นไปที่ 700 ลบ.ม./วินาที ส่งผลระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นล่าสุดวัดได้ 9.64 ม.รทก.

โดยกรมชลประทานได้ออกหนังสือ แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำฉบับที่ 4 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัดลุ่มภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร

โดยระบุว่าช่วงวันที่ 26 ส.ค. นี้ มวลน้ำเหนือปริมาณกว่า 1,000 ลบ.ม./วินาที จะไหลผ่านจ.นครสวรรค์เข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยา ทำให้เขื่อนเจ้าพระยามีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นไปอยู่ในเกณฑ์ 700-900 ลบ.ม./วินาที

ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มนอกคันกั้นน้ำริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่จะมีระดับน้ำที่สูงขึ้นจากเดิมได้อีก 40-80 ซ.ม. จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวยกของขึ้นที่สูง และเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ รวมทั้งติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป

เดือนกันยายน 2567 ผู้ประกันสังคม ม.33-ม.39-ม.40 ต้องส่งเงินสมทบเท่าไหร่

ประกันสังคมเดือนกันยายน 2567 จ่ายกี่บาท?

ผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 33

พนักงานประจำ ที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ต้องจ่ายเงินสมทบเป็นจำนวน 5% ของรายได้ต่อเดือน คิดจากฐานค่าจ้างต่ำสุด 1,650 บาท และสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท

นายจ้างและลูกจ้าง จ่ายฝ่ายละ 5% หากใครมีเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป ต้องจ่ายเงินสมทบ 750 บาทต่อเดือน

เมื่อรวมเงินสมทบประกันสังคมที่จ่ายทั้งหมดตลอด 12 เดือน ผู้ที่มีเงินเดือนมากกว่า 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบรวมทั้งหมด 9,000 บาท

ผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 39

ส่งเงินสมทบประกันสังคมมาตรา 39 เป็นจำนวน 432 บาท

เมื่อรวมจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนมาตรา 39 นำส่งประกันสังคมตลอดปี เป็นวงเงินทั้งสิ้น 5,184 บาท

ผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 40

ทางเลือกที่ 1 จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ในอัตรา 70 บาทต่อเดือน

ถ้าจ่ายครบ 12 เดือน เท่ากับว่าในปี 2566 ได้จ่ายเงินสมทบไปทั้งหมด 840 บาท

ทางเลือกที่ 2 จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย และกรณีชราภาพ ในอัตรา 100 บาทต่อเดือน

ถ้าจ่ายครบ 12 เดือน เท่ากับว่าในปี 2566 ได้จ่ายเงินสมทบไปทั้งหมด 1,200 บาท

ทางเลือกที่ 3 จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร ในอัตรา 300 บาทต่อเดือน

ถ้าจ่ายครบ 12 เดือน เท่ากับว่าในปี 2566 ได้จ่ายเงินสมทบไปทั้งหมด 3,600 บาท

เสียชีวิตแล้ว นายอรรครพงษ์ ขอแสดงความเสียใจ

ในช่วงเวลาประมาณ 06.30 น.ของวันนี้ทาง ร.ต.อ.โสภณ ศรีสมบัติ พนักงานสอบสวนร้อยเวร สภ.ภูซาง จ.พะเยา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่บ้านสบบง ม.3 ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา ว่าเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมาได้มีชาวบ้านรายหนึ่งขี่จักรยานยนต์จะฝ่ากระแสน้ำหลากที่กำลังเชี่ยว บริเวณสวนปลูกอ้อยซึ่งในเวลานั้นเป็นเวลาช่วงประมาณ 16.30 น.โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ห้ามไม่ฟัง ก่อนจะฝืนขี่รถจักรยานยนต์ไปต่อและถูกน้ำป่าพัดจมหายในเวลาต่อมา

โดยได้มีการประสานขอกำลังจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิลือชาพะเยาชุดประดาน้ำและมูลนิธิลือชาจุดภูซาง ลงพื้นที่เพื่อลงดำค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 2 วันไม่มีวี่แววว่าจะเจอ โดยเมื่อวานตอนเช้าประมาณ 09.00 น.เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเก็บกู้รถจักรยานยนต์ของผู้สูญหายซึ่งห่างจากถนนเพียง 3 เมตร และทราบชื่อคนขี่ต่อมาคือนายอรรครพงศ์ ต้นวงศ์ อายุ 43 ปี ชาวบ้านทุ่งควบ ม.2 ต.ทุ่งผาสุก อ.เชียงคำ จ.พะเยา

ล่าสุดเช้าวันนี้พบร่างของนายอรรครพงษ์ ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งกู้ภัยจึงรุดลงพื้นที่เพื่อนำร่างอันไร้วิญญาณขึ้นฝั่ง ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้เป็นภรรยาและลูก ๆ

นายสมศักดิ์ นวลแก้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิลือชาจุดภูซางได้เปิดเผยว่า ในช่วง 2 วันก่อน ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนถูกน้ำป่าพัดจมหายไปจากบนถนน โดยช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่น้ำป่ากำลังหลากและไหลแรงด้วย ซึ่งหลังจากลงพื้นที่ก็ได้สอบถามชาวบ้านที่กำลังมาดูน้ำหลากว่าผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์กำลังจะข้ามไปอีกฝั่ง แต่ชาวบ้านหลายคนได้ห้ามไว้

โดยในช่วงนั้นเห็นว่าผู้ตายไม่ยอมฟังคำเตือนและได้ขับไปเรื่อย จนคาดว่าน่าจะเสียหลักล้มจนถูกกระแสน้ำพัดจมหายไปต่อหน้าต่อตาของชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ หลังจากนั้นตนเองได้มีการนำทีมลงสำรวจในรอบแรก ก็พบว่าระดับน้ำยังสูงและไหลเชี่ยวจึงได้ประสานไปยังทีมกู้ภัยลือชาพะเยาชุดประดาน้ำให้เข้ามาช่วยให้การดำค้นหา โดยตลอดระยะเวลา 2 วันในการค้นหานั้นระดับน้ำยังไหลเชี่ยวอยู่เรื่อยๆ จนเมื่อวานนี้ช่วงเช้าได้พบรถจักรยานยนต์ของผู้ตายห่างจากถนนเพียง 3 เมตร และได้ทำการค้นหาต่อจนกระทั่งเวลา 16.00 น.จึงได้ยุติการค้นหา

ทั้งนี้ต่อมาเช้าของวันนี้ตนเองกำลังเดินทางเพื่อนำรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่มีน้ำดื่มไปไว้ที่จุดเตรียมค้นหา โดยช่วงนั้นชาวบ้านต่างเห็นบางอย่างทีแรกคล้ายท่อนซุงซึ่งลอยอยู่ในทุ่งป่าอ้อยแต่มองดี ๆ ก็พบว่าเป็นร่างของผู้ตายที่ได้จมน้ำ ทั้งนี้จึงได้แจ้งชุดกู้ภัยทีมของตนให้เข้าพื้นที่ทันที หลังจากนั้นก็ได้ลงไปนำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นจากฝั่งซึ่งสภาพศพนั้นคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน ทั้งนี้ญาติไม่ได้ติดใจการตายแต่อย่างใด

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า วันแรกของการค้นหานั้นเห็นว่าภรรยาของผู้ตายมาเล่าให้ฟังประมาณว่า ในช่วงวันเกิดเหตุภรรยาของผู้ตายได้ห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน เพราะมีน้ำท่วมและกระแสแรง แต่ผู้ตายไม่ยอมฟังอีกทั้งยังพูดเหมือนเป็นลางว่า “ออกบ้านครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะไปโผล่ที่ไหน” ซึ่งผู้ตายได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อหาไม้มาทำโต๊ะที่บ้านของตนเอง โดยได้เช่าบ้านอยู่ในพื้นที่บ้านสบบง ม.10 ต.สบบง อยู่กันเพียง 3 คน จนสุดท้ายก็มาพบศพในเช้าวันนี้

ด่วน!! พบร่างสาวใหญ่เสียชีวิต ชิ้นส่วนกระจัดกระจายกลางซอย

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2567 ข่าวช่อง 8 รายงานว่า พ.ต.ท.วิทวัส วงษา สารวัตรสอบสวน สภ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกฆ่-าเสียชีวิต และร่างถูกทิ้งเป็นชิ้นส่วนกระจัดกระจายอยู่ภายในซอย 9 หมู่บ้านแม่เรียบ หมู่ 2 ต.โชคชัย อ.ดอยหลวง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.อรรณพ เลิศสุวรรณ ผกก.พ.ต.ท.ไตรกิตติ สินไธสง รอง ผกก.(สอบสวน) ได้รับทราบ

จากนั้นพร้อมด้วยชุดสืบสวนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างหญิง 1 คน ทราบชื่อต่อมาว่า นางจินดา อายุ 59 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านดังกล่าว สภาพเสียชีวิตแล้ว และร่างกายถูกตัดส่วนของศีรษะ ขาข้างซ้าย และขาข้างขวา แล้วทิ้งกระจัดกระจายอยู่กลางซอย

ภาพจาก ข่าวช่อง 8

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบส่วนที่เป็นร่างกาย ศีรษะ และขาข้างซ้าย แต่ยังไม่พบขาข้างขวา รวมทั้งไม่พบบุคคลต้องสงสัยอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กันสถานที่เอาไว้และตรวจหาหลักฐาน รวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.เชียงราย ให้เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ และแจ้งแพทย์โรงพยาบาลดอยหลวงให้ไปชันสูตรเบื้องต้น ก่อนนำร่างส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อ.เมืองเชียงราย เพื่อชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด

จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุอาจจะเป็นนายสมหมาย อายุ 59 ปีเท่ากัน ซึ่งเป็นสามีของนางจินดา เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจดูที่บ้านซึ่งทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกัน ก็พบนายสมหมายมีอาการมึนเมาอย่างหนักจึงได้ควบคุมตัวเอาไว้ก่อน เบื้องต้นยังให้การสับสนวกวน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปยัง สภ.ดอยหลวง เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดและออกติดตามหาชิ้นส่วนศพที่ยังขาดหายต่อไป

‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ โพสต์รูปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ก่อนเป็นนายกฯ แคปชั่นแบบนี้

วันที่ 25 ส.ค. 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว
เป็นรูปขณะท่องเที่ยวอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ โดยระบุว่า “รูปนี้ก่อนกลับจากเซี่ยงไฮ้ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ชีวิตจะเปลี่ยน..ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า”

1724646552364

1724646543864

1724646495063

1724646480563

1724646472331

1724646455531

1724646437897

1724646419113

“เทพไท” เปรียบเจ็บ “อิ๊งค์” เหมือนคนตาบอด ต้องใช้ “ทักษิณ” จูงเดิน

“เทพไท” อดีต สส.นครศรีธรรมราช ปชป. โพสต์เฟซบุ๊ก เปรียบ “อิ๊งค์” เหมือนคนตาบอด ต้องใช้ “ทักษิณ” จูงเดิน ชี้ชัด ผลโพล ประชาชนคนไทยรู้ใครคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง

วันที่ 26 ส.ค. เทพไท เสนพงษ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ปชป. โพสต์เฟซบุ๊ก เปรียบ “อิ๊งค์” เหมือนคนตาบอด ต้องใช้ “ทักษิณ” จูงเดิน ชี้ชัด ผลโพล ประชาชนคนไทยรู้ใครคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง รอดูทักษิณลงพื้นที่เชียงรายพรุ่งนี้ จะท็อปฟอร์มนายกรัฐมนตรีตัวจริงหรือไม่

“อิ๊งค์” เหมือนคนตาบอด ต้องใช้ “ทักษิณ” จูงเดิน

ผลการสำรวจความคิดเห็นของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง “บทบาทอดีตนายกฯ ทักษิณ ในรัฐบาลอิ๊งค์”

เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะบริหารประเทศโดยปราศจาก คุณทักษิณ ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.01 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย รองลงมา ร้อยละ 15.42 ระบุว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ร้อยละ 14.96 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 9.77 ระบุว่า เป็นไปได้แน่นอน และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ผลการสำรวจในครั้งนี้ จะเห็นได้ชัดว่าความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า คุณอิ๊งค์จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยไม่มี นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงช่วยเหลือ หรือกำกับการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีสัดส่วนที่สูง คือ 59.01% เป็นไปไม่ได้เลย และ 15.42% ไม่น่าเป็นไปได้ รวมความเห็นทิศทางที่เป็นไปไม่ได้ 74.43% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก แสดงถึงวุฒิภาวะความเข้าใจของประชาชนที่ถูกต้องและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงมากที่สุด
คุณอิ๊งค์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีก็จริง แต่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยกำกับช่วยเหลือ คือ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อ ซึ่งประกาศต่อสาธารณชนแล้วว่าเป็นผู้ครอบครอง

คุณอิ๊งค์แต่เพียงผู้เดียว สถานะของคุณอิ๊งค์ในตอนนี้เปรียบเหมือนผู้พิการทางสายตา หรือคนตาบอดที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้านำทาง หรือพี่เลี้ยงคอยพยุงหรือคอยจูง มิฉะนั้นจะเดินไปไหนไม่ได้ เหมือนกับการบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรี ถ้าคุณทักษิณไม่คอยกำกับอยู่เบื้องหลังหรือชี้นำ ก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้สำเร็จ

การลงพื้นที่ไปช่วยน้ำท่วมที่ภาคเหนือของคุณอิ๊ง ก็เป็นเพียงการไปทำกิจกรรมเพื่อไม่ให้ถูกสังคมวิจารณ์และเป็นการสร้างภาพเท่านั้น ท่ามกลางความห้อมล้อมของรัฐมนตรีและ สส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งให้ความยอมรับคุณอิ๊งค์ในฐานะลูกสาวนายใหญ่มากกว่านายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีตัวจริงคือ นายทักษิณ ชินวัตร เพียงผู้เดียว ซึ่งรอดูว่าการลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายของ นายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ จะท็อปฟอร์มนายกรัฐมนตรีตัวจริงหรือไม่

ตอนนี้แม้ว่าคุณอิ๊งค์จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่นายกรัฐมนตรีตัวจริงก็คือ คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่มีความฉลาดพอที่จะแยกแยะได้ว่าอำนาจที่แท้จริงอยู่ที่ใคร เห็นได้จากการตอบผลการสำรวจของนิด้าโพล

ขอบคุณภาพ : ภาพการ์ตูนล้อการเมืองไทย ที่สิงคโปร์ วาดช้างพ่อเดินนำหน้าช้างลูก ซึ่งมีผู้หญิงขี่หลังเดินตามช้างพ่อ มีภาษาจีนอยู่ 2 คำ แปลว่า ทักษิณ-แพทองธาร ได้เผยแพร่ไปทั่วโลก

เพื่อนเล่าไม่ใช่อุบัติเหตุ!! หนุ่มไทยวัย 26 พลัดตกตึกชั้น 17 ในปอยเปต

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุสลดกับคนไทยในเมือง ปอยเปต ประเทศกัมพูชา เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา มีชายไทย อายุ 26 ปี ชาวจังหวัดกาญจนบุรี ได้ตกจากตึกชั้น 17 ของอาคาร 18 ชั้น ในเมืองปอยเปต โดยไม่ทราบสาเหตุ เบื้องต้นทางการกัมพูชา อ้างว่าผู้เสียชีวิตเป็นชาวกัมพูชา แต่หลังจากเพื่อนร่วมงานกับผู้เสียชีวิตนำหลักฐานต่างๆ มาพิสูจน์ โดยเฉพาะบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิต ทางการกัมพูชาจึงยอมรับ รายงานข่าวแจ้งว่า อาคาร 18 ชั้น ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของธุรกิจสีเทาและสีดำ ของนายทุนชาวจีนไม่ว่าจะเป็น คอลเซ็นเตอร์ หรือการพนันออนไลน์ ที่ใช้หลอกลวงคนไทยมานาน จึงมีคนไทยทำงานภายในอาคารแห่งนี้ค่อนข้างมาก ทั้้งที่สมัครใจ และ ถูกหลอกลวงเข้าไป

สำหรับชายไทยที่เสียชีวิตรายนี้ คาดว่าถูกจับโยนลงมาจากชั้นที่ 17 ของอาคาร ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือการโดดลงมาเพื่อจบชีวิต เนื่องจากมีข้อมูลจากเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตถูกบังคับจากพนักงานระดับหัวหน้าให้ทำหน้าที่บางอย่างที่ผู้เสียชีวิตไม่ต้องการทำ จึงเกิดการข่มขู่และมีปากเสียงกัน จึงไม่คิดว่าผู้เสียชีวิตจะจบชีวิตตัวเอง อย่างไรก็ดี ขณะนี้ร่างของผู้เสียชีวิตถูกนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี บ้านเกิดเรียบร้อยแล้ว

Popular Posts

My Favorites

ล่าสุด ‘ออย ธนา’ ในวัย 47 ปี หล่อโกงอายุ เหมือนหยุดเวลาไว้เมื่อ 10 ปี

0
หย่าภรรยา-ใช้ชีวิตลำพังกลับดูเปลี่ยนไปมาก! ล่าสุด ‘ออย ธนา’ ในวัย 47 ปี หล่อโกงอายุ เหมือนหยุดเวลาไว้เมื่อ 10 ปี ทำเอาแฟนๆฮือฮาหนักมาก สำหรับ ออย ธนา สุทธิกมล หลังไปออกรายการ แฉ จากลุคที่ดูหล่อในวัย 47 ปี ซึ่งดูไม่ต่างจากตอนเข้าวงการใหม่ๆ และล่าสุดเขาได้โพสต์ภาพ หลังรายการที่ทำเอาแฟนๆ ปรับฟีลไม่ทันโดยภาพแรกออยได้โพสต์พร้อมข้อความว่า...