วันที่ 25 ส.ค. 67 พนังกั้นแตก จุดสะพานวังใหญ่ น้ำทะลักท่วม พื้นที่ ต.วังทอง ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ชาวบ้านเร่งขนของหนีน้ำ โดยปริมาณน้ำในแม่น้ำยมที่ไหลมาอย่างรวดเร็วและแรงด้วยความเร็วของน้ำ 779.30 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้กระแสน้ำพุงเข้าชนพนังกั้นน้ำ และกัดเซาะบริเวณ ตลิ่งข้างคอสะพานสิริปัญญารัตน์ หน้าวัดวังใหญ่ หมู่ 6 ต.วังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง จ.สุโขทัย

ถึงแม้ว่าที่จุดนี้จะมีการเตรียมการเอาไว้ มีการเรียงกระสอบทรายพร้อมปูผ้ายางป้องกันการกัดเซาะอย่างแข็งแรง แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถรองรับมวลน้ำก้อนใหญ่ได้ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

มวลน้ำจากแม่น้ำยมที่ไหลมาด้วยความเร็วและแรง ได้กัดเซาะพนังดินกั้นน้ำถนนเลียบตลิ่งแม่น้ำยมฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นจุดที่พังเมื่อปีที่ผ่านมาจนขาดเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร กระแสน้ำเชี่ยวหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว จนถนนสายหลังสุโขทัย-ศรีสำโรง รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ปริมาณน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน และพื้นที่ทางการเกษตรเป็นบริเวณกว้างในทันที

จากการรายงานปริมาณน้ำที่ อ.วังชิ้น จ.แพร่ ที่มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดปริมาณน้ำไหลผ่าน 1700 ลบ.ม.ต่อวินาที กำลังไหลลงสุโขทัย คาดอาจรับไม่อยู่

วันที่ 25 ส.ค. 67 พนังกั้นแตก จุดสะพานวังใหญ่ น้ำทะลักท่วม พื้นที่ ต.วังทอง ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ชาวบ้านเร่งขนของหนีน้ำ โดยปริมาณน้ำในแม่น้ำยมที่ไหลมาอย่างรวดเร็วและแรงด้วยความเร็วของน้ำ 779.30 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้กระแสน้ำพุงเข้าชนพนังกั้นน้ำ และกัดเซาะบริเวณ ตลิ่งข้างคอสะพานสิริปัญญารัตน์ หน้าวัดวังใหญ่ หมู่ 6 ต.วังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง จ.สุโขทัย

ถึงแม้ว่าที่จุดนี้จะมีการเตรียมการเอาไว้ มีการเรียงกระสอบทรายพร้อมปูผ้ายางป้องกันการกัดเซาะอย่างแข็งแรง แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถรองรับมวลน้ำก้อนใหญ่ได้ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

มวลน้ำจากแม่น้ำยมที่ไหลมาด้วยความเร็วและแรง ได้กัดเซาะพนังดินกั้นน้ำถนนเลียบตลิ่งแม่น้ำยมฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นจุดที่พังเมื่อปีที่ผ่านมาจนขาดเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร กระแสน้ำเชี่ยวหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว จนถนนสายหลังสุโขทัย-ศรีสำโรง รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ปริมาณน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน และพื้นที่ทางการเกษตรเป็นบริเวณกว้างในทันที

จากการรายงานปริมาณน้ำที่ อ.วังชิ้น จ.แพร่ ที่มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดปริมาณน้ำไหลผ่าน 1700 ลบ.ม.ต่อวินาที กำลังไหลลงสุโขทัย คาดอาจรับไม่อยู่

จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าววิสัยทัศน์ตอนหนึ่งระบุถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เท่าที่เขาเล่าให้ฟัง เนื่องจากว่ามีคนค้าน และคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ค้านไปก่อน บางคนก็ค้านจนลืมไปว่าตัวเองคือส่วนหนึ่งของต้มยำกุ้ง

นายทักษิณกล่าวว่า จริงๆ แล้ว ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการยิงนก 3 ตัว ด้วยกระสุนนัดเดียว อันแรกคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เราจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ประเทศเราโตช้ามานาน จีดีพีของเราน้อยกว่าคนอื่นหมดโดยเฉลี่ย

พอมองเห็นว่าเงินมันไม่พอรัฐบาลจึงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการกระตุ้นทำไมต้องใช้ดิจิทัลวอลเล็ต ทำไมไม่ใช้เงินสดนั้น

นายทักษิณกล่าวว่า ดิจิทัลวอลเล็ต 1.จริงๆ แล้วข้างหลังบ้านคือระบบบล็อกเชน ซึ่งมีสมาร์ทคอนแท็ก หรือการควบคุมการใช้เงินได้ หากพิจารณาจากเงื่อนที่กำหนดให้ใช้ในเขตนี้ อำเภอนี้ ให้ซื้อของประเภทนี้ และไม่ให้ซื้ออย่างอื่น เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นแม่นยำ และอยู่ในพื้นที่ใครพื้นที่มัน ดังนั้น เศรษฐกิจจะชุ่มฉ่ำทั่วประเทศ และนี่คือความหมายที่จะใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต

2.อยากให้คนไทยถึงระดับรากหญ้าได้เรียนรู้เทคโนโลยี และ 3.เมื่อมีการเรียนรู้แล้ว ดิจิทัลวอลเล็ตจะมีการใช้ต่อไป หรือในครั้งหน้าจะได้ทั้งดิจิทัลไอดี และซูเปอร์แอป เพื่อให้คนเข้าไปใช้ทุกบริการของภาครัฐได้หมด

แต่วันนี้เมื่อมีการค้านและเกิดความไม่เข้าใจ และมีการตั้งงบประมาณปี 2567 ที่ต้องใช้หมดในเดือนกันยายนนี้ นายทักษิณกล่าว

นายทักษิณกล่าวว่า ทางคณะกรรมการจึงเล่าให้ฟังว่ามีการตั้งงบประมาณปี 2567 เพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท บวกกับงบกลางฯเพิ่มเติมอีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1.4 แสนล้านบาทโดยประมาณ ซึ่งจะเอาไปใช้กับกลุ่มเปราะบาง 13.5 ล้านคน และใช้กับคนพิการที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเปราะบางอีก 1 ล้านคน รวมเป็น 14.5 ล้านคน โดยแจกให้คนละ 10,000 บาทเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเบื้องต้นใช้เม็ดเงินนับแสนล้าน ซึ่งจะใช้ได้ในเดือนกันยายนนี้

พอเดือนตุลาคม 67 มีงบฯใหม่ออก คนที่ลงทะเบียนไว้เกือบ 30 ล้านคน นั่นก็คือกลุ่มคนปกติ 1.ก็จะถูกคัดว่าคุณสมบัติครบหรือไม่ 2.ซ้ำกับคนที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางและพิการหรือไม่ จากนั้นจะนำเงินที่ได้แจกต่อไปให้กับกลุ่มที่ลงทะเบียนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถ้าระบบเสร็จก็จะเป็นการจ่ายระบบดิจิทัลวอลเล็ต เพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แม่นยำ เพราะใช้จ่ายเป็นเงินสดไม่แม่นยำแต่สามารถใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ เช่น บางคนนำเงินไปใช้หนี้ระบบไม่สามารถตรวจสอบได้ บางคนนำเงินไปจ่ายในสิ่งที่ไม่สามารถทำให้เกิดการขยายตัวเศรษฐกิจทั้งระบบ

แต่ไม่เป็นไร ถ้าแบบไหนระบบทันจะจ่ายด้วยดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่กำลังจะทำกัน นายทักษิณกล่าว

หลังประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกหญิงคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ และเป็นนายกที่อายุน้อยที่สุดที่ประเทศไทยเคยมี ทำให้สายตาและแสงไฟ จับจ้องไปที่ครอบครัวชินวัตรอีกครั้ง ทั้งตัว อุ๊งอิ๊ง และคนรอบตัว และวันนี้ เราจะพาไปรู้จักกับอีกหนึ่งคนสำคัญ ที่อยู่เคียงข้างอุ๊งอิ๊งมานานกว่า 37 ปี ก็คือพี่สาวสุดที่รักอย่าง เอม พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์

ประวัติ เอม พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์
พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ (ชื่อเดิม : พิณทองทา ชินวัตร) ชื่อเล่น เอม

เกิด 17 เมษายน พ.ศ. 2525 เป็นบุตรสาวคนรองของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์

มีพี่น้องสองคนคือ พานทองแท้ ชินวัตร และแพทองธาร ชินวัตร

ประวัติการศึกษา
มัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์
มัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย
ระดับอุดมศึกษา ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์ บริหารรัฐกิจ) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จาก CASS Business School, City, University of London

พินทองทาเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แมนซิตี มาร์เก็ตติง ไทยแลนด์ จำกัด ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) และกรรมการมูลนิธิไทยคม

ชีวิตสมรส
พินทองทา สมรสกับ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นพี่ชายของสรพันธ์ คุณากรวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารบริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) พินทองทาและณัฐพงศ์เข้าพิธีหมั้นเมื่อเช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 และพิธีมงคลสมรสเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2554 ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี

ปัจจุบันทั้งคู่มีลูกสาวฝาแฝด เกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2557 และลูกชาย 1 คน เกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559

เมื่อเวลา 18.27 น. วันที่ 25 ส.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานงานกาล่าดินเนอร์เฉลิมพระเกียรติฯ “เบญจกตัญญุตา” ภายใต้โครงการ “สสธวท รวมใจ เทิดเอกลักษณ์แห่งปัญจมังกร จารึกความกตัญญูต่อแผ่นดิน” เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

โดยมี คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุลประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ และประธานจัดงานฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการจัดงานฯ ผู้แทนองค์กรภาคีร่วม ได้แก่ สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มูลนิธิเกียรติร่วมมิตรเพื่อการศึกษา และสมาคมสตรีสัมพันธ์ เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ถนนราชดาริ

เมื่อเสด็จฯ ถึงภายในงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตร นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 , นิทรรศการเกี่ยวกับอุปรากรจีนภาคภาษาไทย (งิ้วไทย) ตำนานจีน 24 ยอดกตัญญู ภายใต้เนื้อหา 24 บทเรียนแสดงถึงเรื่องคุณธรรม จริยธรรม สอนให้เข้าใจถึงธรรมชาติในการใช้ชีวิตอย่างถูกต้องถือเป็นหลักสากล โดยเฉพาะวัฒนธรรมวิถีชีวิตของสังคมจีนโดยวัฒนธรรมสังคม เชิงพระพุทธศาสนา

แบ่งบุญคุณของผู้มีอุปการะเป็น 5 ประเภท คือ อุปัตติคุณบุญคุณที่ให้กำเนิดชีวิตและร่างกาย อุปถัมภคุณ บุญคุณที่เลี้ยงดูให้ข้าวให้น้ำให้ที่อยู่ อารักขคุณ บุญคุณที่เฝ้าปกป้องรักษาไม่ให้เกิดอันตราย สาสคุณ บุญคุณที่ให้การสั่งสอนให้ความรู้เกิดความสมัครสมานสามัคคี ปิยคุณบุญคุณที่ให้ความรักความเมตตา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แล้วทอดพระเนตรนิทรรศการขององค์กรภาคีที่ร่วมกิจกรรม จากนั้นพระราชทานวโรกาสในคณะกรรมการจัดงาน เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร และของที่ระลึกตามลำดับ

ต่อมา คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุลประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 มีการกล่าวอาเศียรวาทราชสดุดีเทิดพระเกียรติ โดย คณะกรรมการภาคีเครือข่ายองค์กรและคณะกรรมการจัดงาน

ขณะเดียวกัน เพื่อต่อเนื่องจากวัตถุประสงค์เมื่อครั้งสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ในปีพุทธศักราช 2525 จึงนำตำนาน “24 ยอดกตัญญูของจีน” ซึ่งยกย่องเชิดชูความกตัญญู ซึ่งทั่วโลกเล่าขานมาทุกยุคจัดแสดงอุปรากรจีนภาคภาษาไทย (งิ้วไทย) สร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายความคิดให้มวลชนทุกภาคส่วนให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญูกตเวที อันเป็นคุณธรรมที่แสดงถึงอารยธรรมของประเทศ น้อมนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง

อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ เพื่อจารึกไว้เป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูกตเวทิตา ต่อสมเด็จพระบูรพมหากษัตริ ยาธิราช แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ คือการรวมใจกันสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน 2 จุด ได้แก่

จุดที่ 1 บนถนนเจริญกรุงช่วงบริเวณศาลาเฉลิมกรุงลงมาถึงบริเวณสะพานดำรงสถิต และจุดที่ 2 บริเวณห้าแยกหมอมี ภายใต้ 5 แนวคิดหลัก ดังนี้ พระมหากษัตริย์ทรงได้รับการสดุดีเป็นมังกรแห่งมวลมนุษย์, นักษัตรประจำปีพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, ปีพุทธศักราช 2567 เป็นนักษัตรปีมังกร ตาม สุริยคติ, วัดเล่งเน่ยยี่ หรือ มังกรกมลาวาส เป็นหนึ่งในศูนย์รวมใจพุทธศาสนิกชน ท้ายสุด “ถนนเจริญกรุง” ได้ชื่อว่า “ถนนสายมังกร”

โดยจะนำรายได้จากการจัดงานกาล่าดินเนอร์ฯ ส่วนหนึ่ง ทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อพระราชทานเป็นทุนประเดิมในการจัดสร้างถาวรวัตถุเฉลิมพระเกียรติฯ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูต่อสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช แห่งพระบรมราชจกัรีวงศ์ ต่อไป

จากนั้น คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลเบิกผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานฯ เข้ารับพระราชทานของที่ระลึก แล้วร่วมกันกราบบังคมทูลถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการแสดงอุปรากรจีนชุด 24 ยอดกตัญญู

แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ การแสดงที่ 1 ประกอบด้วย 8 เซียนถวายพระพรและการแสดงอุปรากรจีนภาคภาษาไทย (งิ้วไทย) เรื่องกตัญญูเหนือยศศักดิ์..ฮ่องเต้ฮั่นเหวินตี้ชิมพระโอสถ การแสดงช่วงที่ 2 เป็นการแสดงอุปรากรจีนภาคภาษาไทย (งิ้วไทย) เรื่อง ฮัวมู่หลาน..ออกศึกแทนบิดา

ภายหลังจบการแสดง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสวยพระกระยา หารค่ำ โดยมีการแสดงขับร้องบทเพลงจากนักร้องกิตติมศักดิ์ จากนั้นพระราชทานวโรกาสให้นักแสดง เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานช่อดอกไม้ พร้อมกับพระราชทานวโรกาสให้คณะกรรมการจัดงานฯ ผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานฯ ตลอดจนคณะผู้แสดงอุปรากรจีนกิตติมศักดิ์ ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับพระองค์ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

สำหรับการจัดงานครั้งนี้ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล เผยว่า งานในค่ำคืนนี้ จัดเพื่อเทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาส 72 พรรษา โดยไฮไลท์เรื่องความกตัญญูเป็นสำคัญ สืบเนื่องจากเมื่อครั้งสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ในปี 2525 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ดำรงพระราชอิสริยยศที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุราชกุมาร ในขณะนั้น) เสด็จฯ ไปทรงเป็นองค์ประธานในพิธีถวายราชสักการะสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ณ พลับพลาพิธี บริเวณวงเวียนโอเดียนเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ที่นายเกียรติ-นางจรรย์สมร วัธนเวคิน ประธานมูลนิธิเกียรติร่วมมิตรเพื่อการศึกษา ได้รวมพลังคนไทยเชื้อสายจีนจากทั่วประเทศจัดโครงการ “พระบรมโพธิสมภารร่มเย็นเป็นสุข” เป็นการแสดงความกตัญญูต่อแผ่นดินสยาม ที่ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารแห่งบูรพมหากษัตริยาธิราช

ในวันนั้นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรที่เข้าเฝ้าทลูละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิด ชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีนต่างสำนึกในพรมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จนมาถึงโอกาสมหามงคลยิ่งในปีนี้ คณะกรรมการจัดงาน และองค์กรภาคีทุกภาคส่วน ขอแสดงความจงรักภักดี และขอถวายราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ยอดกตัญญู

บรรยากาศภายในห้องแกรนด์บอลรูมคับคั่งไปด้วยผู้ร่วมงานกว่า 500 คน ล้วนแล้วแต่เป็นแขกที่ได้รับเชิญ ทั้งสมาชิกองค์กรเครือข่ายจากหลากหลายวงการ ทูตานุทูตแขกต่างประเทศ ผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นายกองค์กรสมาชิกทั่วประเทศ พร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยสีเหลืองอย่างพร้อมเพรียง เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 การจัดงานในครั้งนี้ เป็นไปอย่างงดงาม สมพระเกียรติ และประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

ศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ก้ำ กลฺยาณธมฺโม หรือพระราชมงคลวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดบุญเกิด อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัยกับหลวงปู่เป็นจำนวนมาก หลังจากที่ท่านได้มรณภาพไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่งผลให้ บรรดาพระสงฆ์และศิษยานุศิษย์ที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัยกันอย่างต่อเนื่อง โดยหลวงปู่ก้ำดังกล่าว นั้นเป็นพระสงฆ์ที่มีจริยวัฒน์ที่งดงาม นอกจากนั้นยังเป็นพระสงฆ์ที่สูงอายุและสามารถปฎิบัติกิจสงฆ์ได้จนถึงวาระสุดท้าย โดยมีอายุมากถึง 103 ปี 83 พรรษา เป็นอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 อดีตเจ้าอาวาสวัดบุญเกิด ตำบลบุญเกิด อำเภอดอกคำใต้

โดยขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีคุณงามความดีและถือเป็นเกจิชื่อดังของจังหวัดพะเยา โดยเก่งในทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย นอกจากนั้นท่านยังเป็นพระนักการศึกษาและนักพัฒนาในเรื่องของการศึกษา โดยได้มีการส่งเสริมการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมจัดตั้งโรงเรียนปริยัติธรรม จัดตั้งโรงเรียนระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษา ภายในบริเวณวัด นอกจากนั้นยังส่งเสริมสถานศึกษาแทบทุกแห่งในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ โดยพระเดชพระคุณท่านมรณภาพไปด้วยอาการสงบหลังนอนพักผ่อนช่วงคืนที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 25 ส.ค.67 ผู้ใช้ TikTok ชื่อ xnakhonprathom หรือ เป็นที่รู้จักในชื่อ “เอ็กซ์นครปฐม” แชร์คลิปข้อมูลเหรียญในปีต่างๆ ว่ารับซื้อกันอยู่เท่าไหร่

โดย เหรียญบาท หากเป็นปี พ.ศ.2529 รับซื้อเหรียญละ 200-500 บาท

เหรียญ 5 บาท หากเป็นปี พ.ศ.2540 รับซื้อ 4,000-7,000 บาท อย่างไรก็ตาม มีเหรียญดัดแปลงจากปีอื่น ให้สังเกตที่เลข 4 ที่หลายคนมักจะเอาไปเจียหัวเลข 5 ออกกลายเป็นเลข 4 ไทยแทน ต้องสังเกตว่ามีรอยตะไบออกหรือไม่

เหรียญ 10 ปี พ.ศ.2531 รับซื้อเหรียญละ 700-1,000 บาท ผลิต 62,000 เหรียญเท่านั้น แต่หากเป็นปี พ.ศ.2533 รับซื้อ 5 แสน – 1 ล้านบาท เพราะผลิตออกมาแค่ 100 เหรียญ เจอในประเทศไทยแค่ 10 กว่าเหรียญเท่านั้นเอง ปัจจุบันราคาจึงอยู่ที่ล้านต้นๆ

นอกจากนี้ ยังมีเหรียญ 10 ปี 2541 แต่ราคาไม่แพงมาก อยู่ที่เหรียญละ 50-500 บาท

เรียบเรียงโดย news.in.th

จากกรณีเหตุเครื่องบินเล็ก เที่ยวบินที่ TFT209 แบบเครื่อง Cessna caravan C208 ทะเบียน HSSKR วิ่งขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ จุดหมายปลายทาง เกาะไม้ชี้จังหวัดตราด ตกลงบริเวณป่าชายเลนหลังวัดเขาดิน หมู่ 6 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา พบผู้ที่อยู่ในเครื่องบินทั้ง 9 ชีวิตเสียชีวิตทั้งหมด

แบ่งเป็นผู้โดยสาร 7 คน นักบิน 2 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 5 ราย มีเด็กหญิงอายุประมาณ 12-13 ปีอยู่ในจำนวนนี้ด้วย และที่เหลือเป็นคนไทย 4 รายรวมนักบินและผู้ช่วยนักบิน

เครื่องบินเล็ก เที่ยวบินที่ TFT209 ขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพียงไม่ถึง 10 นาที เครื่องบินก็ขาดการติดต่อกับ Bangkok Approach ที่ความถี่ 122.35 MHz

เวลา 14.50 น. ศูนย์วิทยุควบคุมการบินรับแจ้งจากเครื่องบินลำดังกล่าวว่าเกิดเหตุผิดปกติ

เวลา 14.57 น. พบตำแหน่งเครื่องบินอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ระยะทาง 18.7 ไมล์ทะเล BEARING 116/18.7 NM

เวลา 15.10 น. เครื่องบินเล็ก เที่ยวบินที่ TFT209 ขาดการติดต่อกับศูนย์วิทยุควบคุมการบินไป

เจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 300 ชีวิตทำการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 9 รายด้วยความยากลำบาก โดยใช้เวลากว่า 11 ชม.แต่พบเพียงเศษชิ้นเนื้อ รวมถึงชิ้นส่วนมนุษย์ฝังอยู่ใต้ดินในบ่อโคลนใต้ซากเครื่องบินเท่านั้น จึงต้องรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป

วันที่ 24 ส.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อ.เทิง จ.เชียงราย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ และการบริหารจัดการ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย

นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า การช่วยเหลือ ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ได้สนับสนุนเครื่องจักรสาธารณภัย เช่น รถแบคโฮ ขุดตัก เกลี่ยดินที่ถล่มลงมาในพื้นถนน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถสัญจรได้ และขอฝากให้ผู้ว่าฯ รีบกลับมา จ.เชียงรายด้วย คนเชียงรายรออยู่

ผมสั่งการท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้กลับพื้นที่มาให้เร็วที่สุด ตอนนี้มันมีสถานการณ์ที่ต้องดูแลแก้ไข ต่อให้มีภารกิจที่ไหนก็ต้องอยู่ในพื้นที่ แต่ไม่เป็นไร วันนี้ผมมาทำงานแทนท่านผู้ว่าฯ แล้ว เข้ามาสั่งการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน เรื่องการระบายน้ำไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ก็จัดการไประดับหนึ่ง ตอนนี้หวังว่าจะไม่มีน้ำเอ่อเข้ามาอีก ในเรื่องของการช่วยเหลือ มีการจัดสิ่งของยังชีพ ของจำเป็น เครื่องมือเครื่องจักรเข้ามา เพื่อเคลียร์ทางเคลียร์พื้นที่ให้ชาวบ้านสัญจรไปมาได้ ดูแล้วสถานการณ์น่าจะดีขึ้น

ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจใน จ.เชียงราย คณะของนายภูมิธรรม และนายอนุทิน ได้เดินทางไป จ.น่าน เพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยใน อ.เมือง และอ.ภูเพียง ต่อไป

เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบบอกใบ้หวย อย่าง นักแสดงตลกอาวุโส เป็ด เชิญยิ้ม ในงวดที่ผ่านๆมานั้น ต่างก็ให้เข้ามาแล้ว ก่อนหน้านี้งวดวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็ด เชิญยิ้ม ได้ไปไหว้หนมุานมหาปราบ ณ วัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม และเลขที่ล้วงไหได้คือ 28 ตรงกับเลขท้ายสองตัว เรียกว่าบรรดาคอหวยต่างเฮกันถ้วนหน้าหลังจากได้ติดตาม

ล่าสุดได้เผยคลิปลงช่อง @pedpovijit จาก เป็ด เชิญยิ้ม เจ้าตัวได้บอกกล่าวว่าจะเดินทางไปไหว้อีกครั้งในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ เป็นการทำพิธีแก้บน พร้อมกับแสดงความยินดีกับทุกคนที่สมหวัง

แน่นอนว่าการไปวันที่ 26 สิงหาคมของ เป็ด เชิญยิ้ม แฟนคลับคอหวย ต่างรอลุ้นเลขจากการล้วงไหอีกครั้ง

เรียบเรียง news.in.th