ข่าววันนี้

Home ข่าววันนี้ Page 53

เผย 5 อันดับ มหาวิทยาลัยเรียนจบไม่ต้องกลัวตกงาน เพราะนายจ้างพร้อมรับทำงาน

เผยออกมาแล้ว สำหรับ 5 อันดับ มหาวิทยาลัยที่ได้คะแนนความยอมรับจากผู้จ้าง มากที่สุดในประเทศไทย หรือง่ายๆ คือ เรียนจบจากที่นี่ ไม่ต้องกลัวตกงาน เพราะอัตราจ้างงานสูง นายจ้างพร้อมรับเข้าทำงานเสมอ

โดยการจัดอันดับในครั้งนี้เป็นการจัดอันดับโดย QS World University Rankings โดยประเมินจาก คุณภาพการสอน (Academic Reputation), งานวิจัย (Employer Reputation), อัตราการจ้างงาน (Faculty/Student Ratio), จำนวนการอ้างอิงงานวิจัย (Citations per Faculty) และ จำนวนนักศึกษาต่างชาติ (International Faculty and Students) และนี่คือ 5 อันดับมหาวิทยาลัยที่ได้คะแนนความยอมรับจากผู้จ้าง ที่มากที่สุดในประเทศไทย

istock 869247700

1721890173888

2

อุตส่าห์ซึ้ง ลูกค้าจ่ายทิปพนักงานเสิร์ฟ 1 แสน ช็อก กลายเป็นจุดเริ่มต้นความซวยของร้าน

ลูกค้าจ่ายทิปพนักงานเสิร์ฟ 1 แสน ยืนยันตั้งใจให้ อุตส่าห์ซาบซึ้งนึกว่าจะจบสวย ผ่านไปไม่ถึงเดือนร้านซวยหนักมาก

เว็บไซต์ Unilad รายงานเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เปิดเผยเรื่องราวของ ร้านอาหารเล็ก ๆ ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ที่มีลูกค้ารายหนึ่งมอบทิปก้อนโตแก่เด็กเสิร์ฟในร้าน เป็นจำนวนเงินถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 110,000 บาท) แต่เรื่องนี้กลับไม่ได้จบสวยแบบที่คิด และกลายเป็นฝันร้ายของทางร้าน

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 เอริค สมิธ เข้ามาใช้บริการที่ร้านอาหาร Alfredo’s Cafe ในเมืองสแครนตัน เขาสั่งกาแฟและสตรอมโบลี่ ซึ่งค่าอาหารมื้อนั้นเพียง 13.25 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 480 บาท) แต่แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึง เมื่อเขาเขียนเงินค่าทิปให้แก่พนักงานเสิร์ฟ จำนวน 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ

มาเรียน่า แลมเบิร์ต พนักงานเสิร์ฟผู้โชคดี ยอมรับว่าเธอรู้สึกตื้นตันอย่างมากเมื่อเห็นจำนวนทิปที่ลูกค้าให้ และบอกว่ามันมีความหมายกับเธอมากจริง ๆ

เพื่อให้มั่นใจว่าการให้ทิปดังกล่าวไม่ใช่ความผิดพลาดหรือการเข้าใจผิดลูกลูกค้า ผู้จัดการร้านจึงเข้าไปตรวจสอบยืนยันความถูกต้องกับลูกค้า ซึ่งเขาก็อธิบายว่าได้รับแรงบันดาลใจในการทำเรื่องดังกล่าวมาจากเทรนด์ในโซเชียลมีเดียเรื่อง “Tips for Jesus” และตัดสินใจจะมอบทิปนี้หลังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นใจจากพนักงานเสิร์ฟรายนี้

แต่แล้วไม่กี่สัปดาห์ต่อมา สถานการณ์ก็พลิกผันไปในทางเลวร้าย เมื่อทางร้านได้รับจดหมายแจ้งว่าลูกค้ารายดังกล่าว ได้ยื่นโต้แย้งเรื่องการเรียกเก็บเงินค่าทิปจากบริษัทบัตรเครดิต และต้องการเงินจำนวนนั้นคืน แต่ทางร้านได้จ่ายเงินค่าทิปจำนวนนั้นให้แก่พนักงานเสิร์ฟไปแล้ว เท่ากับว่าร้านจะต้องจ่ายเงินคืนให้ลูกค้าเอง

ต่อมาทางร้านได้พยายามติดต่อกับลูกค้ารายนี้ผ่านเฟซบุ๊กของเขา แต่ลูกค้าเจ้าปัญหากลับเมินเฉย ไม่ยอมตอบกลับข้อความ จนเมื่อเวลาผ่านไปนานถึง 3 เดือน ทางร้านจึงตัดสินใจที่จะยื่นฟ้องคดีทางแพ่งกับลูกค้ารายนี้ เพื่อหวังจะได้เงินจำนวนดังกล่าวคืน มันโชคร้ายที่ทางร้านจำเป็นต้องยื่นฟ้องผ่านสำนักงานผู้พิพากษา เพราะทางร้านไม่มีเงินแล้ว และลูกค้าก็บอกให้เราไปฟ้องเอา

จากสถานการณ์ที่ทางร้านเผชิญ สมาชิกในชุมชนรอบ ๆ ร้านจึงเริ่มตั้งเพจระดมทุนเพื่อให้การสนับสนุนธุรกิจของทางร้าน แต่ทางร้านปฏิเสธที่จะรับเงิน ทำให้การระดมทุนดังกล่าวปิดตัวไป

ขณะที่ล่าสุดผ่านไป 2 ปี คดีความดังกล่าวนั้นเงียบไป ไม่มีความคืบหน้าใดๆ

1 582

ทิป0219 1

2

สาว งง ถามโซเชียล กู้บ้าน 3 ล้าน จ่ายเดือนละ 2 หมื่น โดนหักเป็นดอกเบี้ย 100%

ที่อยู่อาศัย นับเป็นปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งปัจจุบันการซื้อที่อยู่อาศัยก็จะเป็นการกู้ยืมจากธนาคารและผ่อนชำระกันยาวๆ 20-30 ปี เป็นอย่างน้อย แต่สิ่งที่ต้องศึกษาก่อนซื้อบ้านก็คือ เรื่องดอกเบี้ยเงินกู้นั่นเอง

โดยหลายครั้งบนโซเชียลมักจะมีการตั้งคำถามถึงเรื่องดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งโพสต์นี้ถูกโพสต์ลงในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค ระบุว่า “ค่าบ้านไม่ตัดเงินต้นสักบาท ดอกเบี้ย 100% ใครเป็นบ้าง”

ผู้โพสต์ได้แนบบิลการชำระเงิน ในเดือน มิยและ ก.. โดยมีรายละเอียดระบุว่า เป็นการหักชำระอัตโนมัติ ในเดือนมิ.ย.ชำระไป 18,500 บาท เป็นเงินต้น 8,057 บาท และดอกเบี้ย 10,442 บาท แต่เดือน ก.ค.ชำระ 20,500 บาท เป็นดอกเบี้ย 20,500 บาททำให้กลายเป็นสาเหตุของความข้องใจครั้งนี้

ทั้งนี้ ในการคำนวณดอกเบี้ยบ้านนั้น จะต้องทราบกำหนดระยะเวลาการจ่ายคืน และดอกเบี้ยที่ธนาคารคิด ซึ่งธนาคารมักจะให้สิทธิผู้กู้ ได้จ่ายดอกเบี้ยต่ำช่วงแรกก่อนที่พ้นระยะเวลาก็จะมีการปรับเปลี่ยนการคำนวณดอกเบี้ยใหม่ แต่จะให้สิทธิรีไฟแนนซ์ได้ ทำให้ผู้บริโภคต้องศึกษารายละเอียดการกู้อย่างรอบคอบ

2

วัดร้างซะแล้ว จับสึกเจ้าอาวาสเสพยา หลังพระลูกวัดทั้งหมดล้วนฉี่ม่วง โดนจับลาสิกขาไปก่อนหน้า

จากกรณีชาวบ้านร้องเรียน พระวัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด มีพฤติการณ์ยุ่งเกี่ยวกับยาบ้า นั่นจึงเป็นเหตุให้ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง พร้อมด้วยฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้อง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ

เจ้าหน้าที่ได้ขอทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด พระลูกวัด 2 รูป ผลการตรวจปรากฏว่าฉี่เป็นสีม่วงทั้ง 2 องค์ โดยทั้ง 2 ยอมรับว่า เสพยาบ้าจริง จึงนิมนต์พระไปลาสิกขา และนำเข้ารับการบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

ความคืบหน้าล่าสุด นายวิเชียร สุดาทิพย์ นายอำเภอเมืองร้อยเอ็ด ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบวัดแห่งเดิมอีกครั้ง หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพระที่ยังอยู่ยังคงยุ่งเกี่ยวกับยาบ้า แม้พระลูกวัดจะถูกจับสึกไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

โดยปัจจุบัน วัดดังกล่าว เหลือพระสงฆ์อยู่เพียงรูปเดียวคือ เจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะเจ้าอาวาส ผลปรากฏว่า พบสารเสพติดในปัสสาวะ เจ้าหน้าที่จึงนิมนต์ให้เจ้าอาวาสไปลาสิกขา ส่งผลให้ตอนนี้ ทั้งวัดเหลือแค่สมภารรูปเดียว และไม่เหลือพระจำพรรษาสักรูป

2

รีวิวสับๆ จวกร้าน สาระแน หลังเขียนถึงลูกค้า กินให้อร่อยนะคะ

การรีวิวในปัจจุบันถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อใช้บริการ หรือ ซื้อสินค้าต่างๆ ซึ่งหลายคนก่อนจะใช้บริการ หรือ ซื้อสินค้าก็มักจะใช้รีวิวของคนอื่นๆ ในการตัดสินใจด้วย

โพสต์ที่กลายเป็นที่พูดถึงครั้งนี้ เป็นการรีวิวที่หลายคนอ่านแล้วปวดหัวแทนเจ้าของร้าน เนื่องจากลูกค้าเข้ามาต่อว่าอย่างหนัก หลังจากเจ้าของร้าน พูดกับลูกค้าว่า “กินให้อร่อยนะคะ”

โดยผู้รีวิว ได้เขียนถึงร้านนี้ว่า “พนักงานทำงานเกินหน้าที่ ไม่ต้องหวังดีเพราะความหวังดีที่ลูกค้าไม่ได้ต้องการมันเรียกว่า สาระแน คำว่า “กินให้อร่อยนะคะ “ทีหลังไม่ต้องเขียนมา สั่งให้ผัวค่ะ ไม่ต้องหวังดีมาสาระแนยุ่งกับผัวคนอื่น จะกินอร่อยไม่อร่อยมันอยู่ที่ปากคนกินไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำที่เขียนมา อย่าก้าวก่ายชีวิตคู่ของคนอื่นโดยทำสันดานต่ำๆ แบบนี้ มันไม่ได้ดูดีไม่ได้น่าหนุน ไปอบรมตักเตือนพนักงาน…คนที่เขียนมาด้วยนะ”

เพจป้าข้างบ้าน ซึ่งได้แชร์โพสต์ดังกล่าว ระบุข้อมูลเพิ่มเติมว่า “เมื่อวานเขียนแก้วกาแฟไม่ดีเลยมีปัญหา มาวันนี้เขียนดีแต่ดันมีปัญหาอีก 5555555 ไปเจอมาในแอพดำ คือมีสาวอันนึง ไปสั่งกาแฟให้ผัว แล้วที่นี่มีนโยบายเขียนแก้ว ซึ่งอีแก้วนี้เขียนว่า “กินให้อร่อยนะคะ” สาวอันนี้เลยคอมเพลนไปว่า ไม่ต้อง สอรอนอ กับผัวคนอื่น เอ๊าาาาาาาาาา อิหยังวะ”

2

ชัดเจนแล้ว เรื่องเงินดิจิทัลแลกเป็นเงินสด

จากกรณี สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ พูดคุยกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึงประเด็นเกี่ยวกับ ดิจิทัลวอลเล็ต โดยช่วงหนึ่งสอบถามเรื่องข้อกังวลว่า อาจจะเกิดช่องโหว่ที่ทำให้บางกลุ่มได้ผลประโยชน์ รวมทั้งเมื่อแจกเงินดิจิทัลแล้ว ก็อาจจะถูกนำไปแลกเป็นเงินสด ดังนั้นจะมีวิธีดูแลจัดการอย่างไร

ทั้งนี้ นายสรยุทธถามว่า เราจะสามารถป้องกันคนเอาเงินดิจิทัลวอลเล็ต ไปแลกเป็นเงินสดอย่างไร ในกรณีที่คนที่ต้องการที่จะแลก อยากได้เงินสดไปซื้อเหล้า เอาไปจ่ายค่าไฟ โดยยอมที่จะเสียส่วนต่าง เช่น มีเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่ขอแลกเป็นเงินสด 7,000 บาท ให้ร้านกินกำไรไปเลย 3,000 บาท

ซึ่งนายจุลพันธ์ยอมรับว่า เรื่องนี้มันยากที่จะป้องกันได้ 100% แต่ตนจะบอกว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท มีค่าเท่ากับเงินสด 10,000 บาท การจะเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินสดในราคาที่ลดลง มันไม่ฉลาด และเงินดิจิทัลใช้ได้กว้าง ใช้ได้ทุกที่ อีกอย่างคือ หากต้องการซื้อสินค้าที่อยู่ในลิสต์ต้องห้าม คุณสามารถเอาเงินสดไปซื้อได้ แล้วค่อยใช้เงินดิจิทัลไปซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคแทน การจะเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินสดในมูลค่าที่ลดลง ถือเป็นเรื่องไม่ฉลาด

อีกประเด็นคือ เรามีระบบการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ข้อมูลในระบบไม่หาย เช่น ร้านค้าร้านหนึ่ง ปกติขายได้เฉลี่ย 4,000 แต่อีกวันขายได้กระโดดไป 80,000 ระบบจะต้องแจ้งเลย แล้วหน่วยงานก็จะต้องไปตรวจสอบ หากพบว่าไม่ได้มีการซื้อขายสินค้าจริงก็จะดำเนินการ ซึ่งในอดีต เคสที่รัฐดำเนินคดีและเรียกเงินคืนรวมทั้งตัดสิทธิ

ด้านนายสรยุทธถามต่อว่า ในมุมของร้านค้าร้านเล็ก เนื่องจากกว่าจะได้เงินสดก็นาน ร้านจะไม่มีเงินสดไปซื้อกับร้านรายย่อยอื่น ๆ ได้ แบบนี้สุดท้าย เงินก็จะหมุนเข้าสู่ร้านใหญ่ นายจุลพันธ์ก็ตอบว่า ร้านรายย่อยสามารถขึ้นทะเบียนกับเราได้ เพื่อให้มีตัวเลือกที่กว้างขึ้น และเราจะดึงซัพพลายเชนเข้ามาถึงผู้บริโภคดีขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัว อีกอย่างคือ เงินสดในระบบมีอยู่ 10 ล้านล้าน ส่วนเงินดิจิทัลนั้นเพียง 5 แสนล้าน ดังนั้นเงินในระบบไม่ได้หายไปไหน ดังนั้น การที่ร้านไปซื้อข้าวของมาขาย ไม่จำเป็นต้องใช้ดิจิทัลวอลเล็ตทุกเคสอยู่แล้ว

สุดท้าย นายจุลพันธ์ยืนยันว่า เชื่อว่าหลังจากรัฐบาลแถลงครั้งล่าสุด จะเกิดผลในทางบวกต่อเศรษฐกิจ เมื่อทุกคนรู้ว่าช่วงปลายปีเงินจะลงมา จีดีพีปีนี้ขยับแน่นอน ร้านค้าและโรงงานต้องเริ่มผลิตสินค้า ขยับจ้างงาน และหลังจากนั้นจะเกิดผลเต็มรูปแบบ และคาดว่าประชาชนจะได้ทันใช้เงินดิจิทัลก่อนสงกรานต์และปีใหม่

2

หนักสุดรอบหลายสิบปี พายุถล่มจันทบุรี ทุเรียนล้มกว่า 80 ต้น โรงเรียนเละ โชคดีเป็นวันหยุด

วันที่ 28 ก.ค. 2567 นายจักรพงษ์ พันธุ์โชติ นายอำเภอขลุง จ.จันทบุรี รับแจ้งเกิดภัยพิบัติ มีพายุลมพัดแรงในพื้นที่ จึงมอบหมายให้ทุกตำบลในพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหาย เบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีโรงเรียน วัด และสวนทุเรียนของชาวบ้าน ถูกพายุพัดได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นภัยพิบัติที่หนักสุดในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะโรงเรียนขลุงรัชดาถิเษก และสวนผลไม้พื้นที่ หมู่ 2 และหมู่ 4 ต.วันยาว อ.ขลุง

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่โรงเรียนขลุงรัชดาภิเษก พบต้นไม้หลายสิบต้นทั่วบริเวณโรงเรียน ล้มระเนระนาด ทับเสาไฟฟ้า, อาคารเรียน, บ้านพักครู ตลอดจนประตูรั้วและโรงจอดรถ กระเบื้องหลังคาโบสถ์ ปลิวว่อน กระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ และยังพบป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ถูกแรงลมพัดโค่นล้มลงมา โชคดีขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเย็น ไม่มีคนอยู่ ทำให้ไม่มีใครได้รับอันตราย

จากการดูภาพกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียน เผยคลิปวินาทีเหตุการณ์ขณะเกิดพายุงวงช้างพัดกระหน่ำเข้าใส่ ส่งผลทำให้ต้นไม้อายุกว่า 30 ปี นับสิบต้น โค่นล้มระเนระนาด ทับอาคารเรียน เสาไฟฟ้าแรงสูง จนเกิดประกายและเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว นอกจากนี้ยังพัดกระเบื้องหลังคาวัดที่อยู่ใกล้ปลิวว่อนหลุดหายไปทั้งแถบ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสวนผลไม้ พื้นที่หมู่ 2 และหมู่ 4 ต.วันยาว อ.ขลุง ซึ่งเป็นสวนทุเรียนของ นายสมชาย ยิ้มสกุล อายุ 56 ปี หลังได้รับรายงานว่า มีต้นทุเรียนถูกพายุหักโค่นล้ม ได้รับความเสียหายเกือบ 80 ต้น

สอบถามนายสมชาย เจ้าของทุเรียน เปิดเผยา ตนทำสวนทุเรียนบนเนื้อที่ 7 ไร่ ปลูกทุเรียนอายุตั้งแต่ 10-15 ปี ไว้จำนวนกว่า 100 ต้น โดยช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา มีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวัน กระทั่งเวลา 18.30 น. มีพายุลมแรงพัดเข้ามาในสวนไม่ถึง 10 นาที ตอนนั้นทั้งตกใจทั้งกลัว แต่ทำอะไรไม่ได้

นายสมชาย กล่าวต่อว่า หลังพายุฝนสงบได้รีบเข้าไปตรวจสอบ พบต้นทุเรียนพันธุ์กระดุม และหมอนทอง ถูกพายุพัดโค่นล้มได้รับความเสียหาย ทั้งหมด 71 ต้น และยังมีต้นทุเรียนในสวนฝั่งตรงข้ามของเพื่อนบ้านถูกแรงลมหักโค่นอีกจำนวน 8 ต้น

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปในพื้นที่หมู่ 4 ต.วันยาว อ.ขลุง หลังรับแจ้งว่า มีต้นกระบกขนาดใหญ่ อายุกว่า 200 ปี ถูกพายุพัดหักโค่นอีก 1 ต้น จากการตรวจสอบ พบต้นกระบกดังกล่าว มีขนาดลำต้นไม่ต่ำกว่า 6-7 คนโอบ มีการตั้งศาลไว้ 4 หลัง

เจ้าของบอกว่า ต้นกระบกดังกล่าวถูกพบตั้งแต่สมัยรุ่นทวด ขณะเกิดเหตุมีแม่อยู่ที่บ้าน บอกว่าเกิดพายุลมพัดแรงอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน จนสามารถพัดต้นกระบกที่สูงใหญ่และแข็งแรงโค่นล้มลงได้ โชคดีที่ไม่มีใครในบ้านได้รับบาดเจ็บ

2

ด่วน!! เกิดเหตุพ่อสังหาร ภรรยาและลูกยกครัว ก่อนจบชีวิตตัวเองตาม

เกิดเหตุสลดเมื่อวันที่ 28 ก.ค.67 เฟสบุ๊ค โจโฉ กะแหลง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ที่ ศศช.ห้วยบง อำเภอฮอด, จังหวัดเชียงใหม่ ข่าวสะเทือนขวัญ พ่อสังหารยกครัว พ่อของน้องสังหารลูกและเมียเสร็จตั วเองก็จบชีวิตตาม ทั้งหมด3ราย โชคดีที่น้องวิ่งหนีออกมาได้ ได้รับบาลเจ็บ ขอให้น้องปลอดภัยนะครับ

โดยเหตุเกิดที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เป็นพ่อได้ก่อเหตุ สังหารยกครัว ก่อนจบชีวิตตัวเองตาม รวมทั้งหมด 3 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ

1นายซูอวย

2.น.ส.อังพัง

3.ด.ญ.ชนิกานต์

นอกจากนี้ยับมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คนคือ ด.ญ.มะลิ

ทางด้านผู้ใหญ่บ้านให้การเบื้องต้นทราบว่า มีปากเสียงกันในบ้านหลังดังกล่าว โดยมีชาวบ้านข้างเคียงได้ยินเสียง ต่อมาเมื่อเสียงทะเลาะกันเงียบไป

โชคดีที่ ด.ญ.มะลิ ซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนวิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ก่อนขอรถกู้ชีพไปรับต่อส่งมารักษาที่โรงพยาบาลอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้น้องปลอดภัยแล้ว

2

ของจริงมาแล้ว เลข เจ๊นุ๊ก บารมีมหาเฮง 1/08/67

ปล่อยของจริงออกมากแล้ว สำหรับเลขของเจ้าแม่ใบ้หวยคนดังอย่าง เจ๊นุ๊ก บารมีมหาเฮง ที่ให้ถูกมาหลายงวด ก่อนนี้เจ้าได้โพสต์ลงเพจว่า กู้เพจกลับมาได้แล้ว ซึ่งในงวด 1 สิงหาคม 2567 เจ้าตัวให้เลขไว้ดังนี้

1/8/67 5 50-51-59 41-49-53 สลากกินแบ่งรัฐบาลไทย

อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น โปรดใช้วิตารณญาณ

เรียบเรียง สยามนิวส์

2

ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 28 ก.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยเสด็จในการนี้ด้วย

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นชานหน้าพระอุโบสถ ทรงประเคนสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร แด่บรรพชิตจีน จำนวน 10 รูป และบรรพชิตญวน จำนวน 9 รูป ที่ได้ทรงตั้งสมณศักดิ์ใหม่ และทรงประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 แด่บรรพชิตจีนและญวน ทรงรับการถวายพระพรของบรรพชิตจีนและญวณ แล้วเสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 แด่พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ จำนวน 5 รูป

จากนั้น ทรงจุดเทียนพระมหามงคลที่ตั้งอยู่บนธรรมาสน์ศิลา เทียนเท่าพระองค์ในตู้ข้างธรรมาสน์ศิลาด้านพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ เทียนเท่าพระองค์ในตู้ข้างธรรมาสน์ศิลา ด้านพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ พระพุทธเลิศหล้านภาไลย เสร็จแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศ แล้วประทับพระราชอาสน์

พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายใบสมิต ช่อที่ 1 ทรงรับแล้วทรงปัดพระกรซ้าย ทรงรับใบสมิต ช่อที่ 2 แล้วทรงปัดพระกรขวา ทรงรับใบสมิต ช่อที่ 3 แล้วทรงปัดพระอุระจนถึงพระบาท แล้วทรงรับน้ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์พิธีพราหมณ์และทรงแตะที่พระนลาฏ ทรงรับใบมะตูม ทรงทัดที่พระกรรณขวา

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนที่โต๊ะหน้าอาสน์สงฆ์ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ และทรงจุดเทียนที่บัตรเทวดานพเคราะห์บนแท่นซึ่งตั้งอยู่ตรงพระทวารกลาง เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมพระศิวลึงค์ทองคำ

ประธานพระครูพราหมณ์ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระศิวลึงค์ทองคำ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วเสด็จลงชานหน้าพระอุโบสถ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ผู้สูงอายุฝ่ายหน้า ฝ่ายใน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานราชสังคหวัตถุ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

ต่อมาเวลา 17.54 น. ภายหลังเสด็จเข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วประทับพระราชอาสน์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อาลักษณ์อ่านประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาอิสริยยศฐานันดรศักดิ์ หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล เป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล

จากนั้น ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ พระราชทานใบมะตูม และทรงเจิม พระราชทานพระสุพรรณบัฏ เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า และเหรียญรัตนาภรณ์ ชั้น 2 พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เจ้าพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ เสร็จแล้ว

ต่อมาเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประเคนหิรัญบัฏ พัดยศและเครื่องประกอบสมณศักดิ์แด่พระราชาคณะเจ้าคณะรอง และทรงประเคนสัญญาบัตร พัดยศ แด่พระสงฆ์ที่ได้ทรงตั้งสมณศักดิ์ใหม่ ตามลำดับ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เจ้าพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว พระราชทานสัญญาบัตรแก่พระครูพราหมณ์ประจำพระราชสำนัก ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประเคนพัดรองที่ระลึกงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระราชาคณะ จากนั้น ทรงประเคนพัดรองที่ระลึก ฯ แด่พระราชาคณะเจ้าคณะรอง และพระราชาคณะ จำนวน 73 รูป เสร็จแล้ว

เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดเทียนพระมหามงคลที่พระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เทียนเท่าพระองค์ในตู้ข้างพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป เทวรูปเทวดานพเคราะห์องค์อภิบาลพระชนมพรรษา จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้น บูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลที่ 9 และพระพุทธรูปประจำพระชนมวารรัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงกราบ ทรงศีล

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีล จบแล้ว พระสงฆ์ 73 รูป เจริญพระพุทธมนต์การพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ถึงบททำน้ำพระพุทธมนต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนที่ฝาครอบพระกริ่งปวเรศ

จากนั้น ทรงประเคนพระครอบพระกริ่งปวเรศแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์การพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จบแล้ว ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้ที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ

2

Popular Posts

My Favorites