ทำเอา พิธีกรคนดัง ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ ถึงกับช็อก ก่อนจะแชร์ประสบการณ์ พร้อมเตือนภัย หลังมาร่วมงาน Her Awards UNFPA, Thailand 2024 สัญจร ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร “เสียงจากประชากรหญิง สู่พลังการพัฒนาประชากรไทย Voice of her” ที่ ห้องประชุมและแสดงดนตรี ชั้น 2 อาคารจุฬาภรณ์พิศาลศิลปิ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยได้เผยว่าคุณแม่ของเธอได้เจอแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหาพัวพันฟอกเงินและบัญชีม้า สูญเงินหลักล้านในไม่กี่โมง
“คุณแม่ถูกคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินไปมูลค่า 1 ล้านบาทค่ะ จริงๆ เป็นเรื่องที่ฟังคนอื่นมาเยอะว่าให้ระวังคอลเซ็นเตอร์นะ ก็ไม่เคยคิดว่าวันนึงเราจะต้องมานั่งแก้ปัญหานี้ให้กับคุณแม่ เรื่องมันเกิดเมื่อวานนี้ เรากำลังทำงานที่อยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ อยู่ดีๆ แม่ก็มิสคอลมา แต่เป็นเบอร์ของเด็กที่ทำงานที่บ้าน ไม่ใช่เบอร์แม่ โทรมา 3-4 มิสคอล เราก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น โทรกลับไปก็ไม่รับ พอแม่รับแม่ก็บอกว่าแม่ไม่มีเวลาแล้ว แม่เหลือเวลาอีกไม่มาก เราก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แม่บอกว่าพูดอะไรไม่ได้เลย ต้องเป็นความลับ แม่บอกใครไม่ได้ แม่ตกอยู่ในอันตราย คือคนแก่เขาก็กลัว เราก็ตกใจ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับแม่ เราก็เลยนั่งมอเตอร์ไซค์จากเซ็นทรัลเวิลด์ไปหาคุณแม่ที่บ้าน ตอนนั้นแม่ปิดบ้านหมดเลย แล้วก็ลากเราเข้าไป บอกว่าเดี๋ยวแม่ต้องรายงานตัว เราก็ถามว่ารายงานตัวอะไร ก็เจอว่าเขาต้องวิดีโอคอลกับมิจฉาชีพ
ก็คือเมื่อวานตอนประมาณ 11 โมง แม่ก็ได้รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากค่ายมือถือค่ายนึง แจ้งว่าเจ้าของเบอร์โทรศัพท์นี้ถูกตรวจสอบว่ามีการฟอกเงินเกิดขึ้น มูลค่า 14 ล้าน ก็ขอโอนสายให้กับเจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าคุณถูกใช้ชื่อแอบอ้างไปเป็นบัญชีม้า ฟอกเงินจำนวน 14 ล้าน ตอนนี้คุณคือผู้ต้องหา เพราะฉะนั้นเราจะช่วยคุณอะไรประมาณนี้ ก็คุยจนแอดไลน์กัน
แล้วเขาก็ส่งหน้าบุ๊กแบงก์มา ซึ่งในบุ๊กแบงก์มีชื่อคุณแม่อยู่จริงๆ แสดงว่าเขาลงทุนทำบุ๊คแบงค์ที่เป็นเอกสารมา เพื่อให้คุณแม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้ต้องหาจริงๆ และหลักฐานหลายๆ อย่างคือไม่รู้ว่าเขารู้ข้อมูลได้ยังไง คุณแม่ก็โอนให้หมดบัญชีที่เป็นโมบายแบงกิ้งเลย แต่มิจฉาชีพก็เก่งค่ะ เขามีการกำกับมาตลอดว่าโอนยอดแรกเท่านี้ๆ นะ ซึ่งก็ทยอยโอนจนหมด เขาก็กำกับจนคุณแม่ไปที่ธนาคาร แล้วก็ขายพวกกองทุนอะไรต่างๆ คือกำกับจนคุณแม่เตรียมล้างทุกบัญชีที่มีอยู่ให้มิจฉาชีพ แต่โชคดีที่ว่ามันติดเคลียริ่ง ก็เลยโอนไปแค่ 1 ล้านบาท ยอดแรก 199,000 บาท ยอดที่สอง 330,000 บาท และยอดสุดท้าย 500,000 บาท
พอเกิดเรื่องขึ้นเขาก็ข่มขู่แม่ว่าห้ามบอกใคร ถ้าบอกจะจับเข้าคุก แม่ก็บอกว่าอยากจะบอกลูก เขาก็ไม่ให้บอก บอกว่าถ้าบอกลูก ลูกจะต้องโดนไปด้วย ก็ด้วยความที่แม่เขาเป็นห่วงเรา เขาก็เลยพยายามไฟต์ด้วยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมิจฉาขีพมันร้ายมาก ให้คุณแม่รายงานตัวกับมันทุกชั่วโมงผ่านวิดีโอคอล ถ้าจะออกจากบ้านก็ให้วิดีโอคอลไปบอกเขา เอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า เพื่อให้มั่นใจว่าแม่จะไม่บอกใคร
เมื่อวานตอนกลับไปหาคุณแม่ เขาก็อยู่ในอาการตกใจ ว่าเขาเป็นผู้ต้องหา ส่วนเราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่ามันคือมิจฉาชีพ อีกอย่างคือเขาข่มขู่ว่าจะต้องรายงานตัวทุกชั่วโมง เมื่อเช้านี้ก็นอนอยู่ด้วยกัน เขาก็โทรมาตั้งแต่ 9 โมงเช้าให้รายงานตัว คิดว่าน่าจะเป็นเพราะคุณแม่ถ่ายบัญชีให้เขาเห็นหมดเลยว่ามีอะไรบ้าง เขาก็พยายามกำกับเพื่อให้โอนเงินทุกบาททุกสตางค์ไปให้หมด และเเมื่อ 15 นาทีที่แล้วเขาก็วิดีโอคอลมาว่าให้มารายงานตัวด้วย จริงๆ อยากใช้โอกาสนี้บอกกับทุกคนว่าส่วนตัวมองว่าเงินที่เสียไปไม่มีทางที่จะกลับมาอยู่แล้ว แต่ก็ถือเป็นอุทาหรณ์แล้วกัน เพราะเชื่อว่าจะต้องมีผู้ใหญ่ที่อยู่ที่บ้านต้องมีคนเคยเจออะไรแบบนี้แน่นอน ใครที่มีคนแก่อยู่ที่บ้านแล้วเราอาจไม่ได้ไปดูแลเขา ฝากให้ช่วยกระจายต่อเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
เมื่อคืนไปสถานีตำรวจเกือบเที่ยงคืนแล้ว เขาบอกว่าวันๆ นึงมีประมาณ 20 ราย เพราะฉะนั้นอยากฝากพี่ๆ สื่อกระจายข่าวออกไปเพื่อให้เรารู้เท่าทัน เพราะถึงแม้เราจะเตือนกันมากแค่ไหนก็ตาม แต่บางทีพอเราเห็นเอกสารแล้วเราก็ตกใจ และมันแอดวานซ์ขึ้นเรื่อยๆ คือตอนวิดีโอคอลมีตำรวจอยู่ในนั้นด้วย เซตฉากทุกอย่าง ทำทุกอย่างเหมือนมากค่ะ ก็อยากจะฝากทุกคนให้เตือนคนเฒ่าคนแก่ที่อยู่ในบ้าน หรือแม้กระทั่งพวกเรากันเองนี่แหละ บางทีพอเราเห็นหลักฐานมามันก็น่าตกใจ”
ตอนนี้จิตใจคุณแม่เป็นยังไงบ้าง? “เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยดี ตอนนี้ต้องประกบคุณแม่ตลอดค่ะ ถามว่าเราโกรธมั้ย เราก็โกรธนะ หงุดหงิดแม่ว่าเงินกว่าจะหามาได้ แต่เราก็ต้องไม่โกรธเขา เพราะถ้าเรายิ่งไปโกรธ แม่จะยิ่งรู้สึกผิด ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร ที่หายไปก็เดี๋ยวรีฟีลกลับให้ (ยิ้ม)”
รู้ตัวคนทำหรือยัง? “ตอนนี้ยังค่ะ แต่แจ้งไปตามกระบวนการแล้ว ก็ฝากว่าบางคนเจอแล้วอาจจะทำตัวไม่ถูกว่าต้องทำยังไง อยากแรกไม่ใช่ไปสถานีตำรวจก่อนนะคะ ต้องโทรแจ้ง 1441 ก่อน เล่ารายละเอียดทุกอย่างให้เขาฟัง เขาก็จะต่อสายไปยังธนาคารที่จะช่วยยับยั้งได้ถ้าทันนะคะ สองคือเราจะได้เลขเคสมา แล้วก็ไปแจ้งตำรวจ ฉะนั้นท่ามกลางความตกใจก็ต้องดึงสติกลับมา แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องดูแลคนเฒ่าคนแก่ที่บ้านให้ดี อย่าปล่อยให้เขาอยู่บ้านคนเดียว เพราะบางทีแม่ๆ เขาไม่รู้ว่าโทรศัพท์ที่โทรเข้ามามันคืออะไร และเดี๋ยวนี้มันเนียนมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ”
ตอนแรกที่ได้ฟังจากแม่ เรารู้เลยมั้ยว่าคือมิจฉาชีพ? “เรารู้ทันทีเลยว่าเป็นมิจฉาชีพ คือเราสัมภาษณ์คนมาเยอะมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเราก็พูดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลาในสื่อ คอยเตือนคนมาตลอด แต่เมื่อวานกำลังขายของอยู่แล้วรู้สึกว่าแปลกๆ แม่พูดว่า ‘แม่ไม่มีเวลาแล้ว‘ เราเป็นคนพูดกับแม่ว่า ’แม่ฟังนะ ลูกคนนี้ทำให้แม่ได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ลูกทำให้แม่ไม่ได้‘ โอ้ย..จะร้อง (น้ำตาคลอ) บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น เรานี่คือเป็นห่วงมาก (เช็ดน้ำตา) เราก็นั่งมอไซด์จากเซ็นทรัลเวิลด์ไปเลย เราก็กลัวว่าแม่มีอันตราย แต่พอไปถึงก็โล่งใจว่าก็แค่เงิน เพราะว่าอย่างน้อยแม่เราโอเค คือจริงๆ ถ้าเพียงแม่บอกลูกสักนิดมันจะไม่เกิดขึ้น มิจฉาชีพโทรมาตอน 11.30 น. คุณแม่โอนไปตอน 13.53 น. ยอดแรก ยอดที่ 2 ตอน 13.54 น. แล้วเงินก็หมดแล้ว เขาก็กำกับให้ไปขายกองทุนขายอะไรที่แบงก์ อีกยอดนึงก็คือ 16.40 น. แล้วก็บอกว่าคุณจะต้องกลับบ้านภายใน 6 โมงเย็นเพื่อไปรายงานตัว หากไม่รายงานตัวเราจะมีเจ้าหน้าที่ไปจับคุณที่บ้าน คือข่มขู่ทุกอย่าง แล้วก็มีเสียงวอเสียงอะไรทำเป็นเหมือนตำรวจหมดทุกอย่าง ก็ค่อนข้างเนียนค่ะ โปรดักชั่นใหญ่อยู่ค่ะ“
ที่บอกว่าเขาโทรมาอยู่เรายังรับสายไหม? ”กำลังคุยกับคุณแม่อยู่ว่าจะรับสายดีไหม เพราะว่าจริงๆ ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใช้วิธีไหนหรอที่จะมาหลอกคนแก่ได้ แล้วขนาดแม่พูดภาษาไทยไม่ชัด เขายังจะมีความอดทนมากพอที่จะคุยจนกำกับแม่เราให้แอดไลน์ได้ เพราะฉะนั้นเนี่ยก็ มันน่ากลัวกว่าที่เราคิดเยอะมากค่ะได้แต่เตือนกันค่ะและหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นกับใครอีก“
ไม่สามารถตรวจสอบได้เหรอว่าเขาคือใครอยู่ที่ไหน ? ”นั่นน่ะสิคะ (ยิ้ม) มันก็เป็นสิ่งที่เราน่าจะต้องทำงานร่วมกัน (มิจชาชีพโทรมาเครื่องแม่ได๋อีกรอบพอดี ได๋ได้อ่านข้อความให้ฟังว่า) ‘ตื่นหรือยังครับคุณพี่จะมีการพูดคุยเล็กน้อยครับคุณพี่ตอนนี้หากว่างแล้วติดต่อเข้ามาหน่อย’ แล้วก็มิสคอลเข้ามา เราวิดีโอคอลหาเขาเลยไหมคะ (กดโทรออกหามิจฉาชีพ) มิจฉาชีพ : สวัสดีครับ ได๋ : ค่า มิจฉาชีพ : ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ ได๋ : อยู่บ้านค่ะ มิจฉาชีพ : เอาหน้าเข้ากล้องด้วยครับ ได๋ : คะ ให้ทำอะไรนะคะ มิจฉาชีพ : ไม่ค่อยได้ยินครับ (ตัดสาย) เนี่ยเขาก็พยายามจะคอลเข้ามาตลอดเวลา ก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องจัดการยังไงพี่ๆ คิดว่าควรจะรับโทรศัพท์ต่อไปเรื่อยๆ ไหมคะ จนกว่าเขาจะยอมโผล่หน้ามา ซึ่งเมื่อเช้านี้พอเขาโทรมาอย่างนี้เขาไม่ได้ให้เห็นหน้านะจะเป็นโลโก้ของเขาเฉยๆ ที่ให้เห็นหน้าคือเป็นตำรวจหญิงเรามีแค่อัดเสียงไว้ค่ะแต่เราไม่ได้เห็นอันนี้จากการสอบปากคำคุณแม่“
แค้นไหม? ”ถ้าจะบอกว่าไม่แค้นก็โกหกอะค่ะ เพราะรู้สึกว่าอะไรวะทำกันขนาดนี้เลยหรอ แต่ความแค้นมันก็ต้องสงบลงเพราะว่าถ้าเรามัวแต่แค้นและเราไม่ไปช่วยกันป่าวประกาศและสื่อสารต่อ เชื่อว่าทุกชั่วโมงมีคนโดนก็ไม่อยากให้มีคนโดนแล้วค่ะ จริงๆมันเป็นสิ่งที่เราต้องทำร่วมกันเนาะสื่อก็ต้องช่วยกันกระจายข่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็อาจจะต้องทำงานร่วมกันในการช่วยเหลือประชาชนด้วยเพราะว่าถ้าจะให้มองปัจจุบันนี้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านให้พูดตรงๆ ก็คือบางคนแทบจะไม่มีจะกินอยู่แล้ว โชคดีที่คนนี้ที่โดนเป็นแม่เราเราสู้เพื่อแม่เราได้แต่คนอื่น บางคนเขาไม่มีแม้แต่จะกินแล้วมาหลอกเขาหมดบัญชีแบบนี้มันไม่โอเคค่ะ หน่วยงานไหนช่วยกันได้ก็อยากให้ช่วยๆ กันในการลดปัญหาเหล่านี้ให้มันเกิดเกิดขึ้นน้อยที่สุดค่ะ”
ที่ไม่แสดงตัวเพราะว่ายังจับไม่ได้หรือตำรวจบอกมาว่าไม่อยากให้แสดงตัว? “ไม่ได้เพราะอะไรคือแค่เราทำตัวไม่ถูกเราไม่รู้ว่าเราจะต้องไปยังไงต่อ แล้วเราก็แค่อยากรู้ว่าคนที่มาหลอกแม่เราอ่ะเขาหลอกได้ยังไงหรอ น้ำเสียงแบบไหนหรอทำไมแม่เราถึงเชื่อ เราอยากรู้อยากเห็นด้วยตัวเราเองก็เลยให้แม่ลองรับสิแล้วแม่ทำให้ดูสิว่าแม่คุยกับเขายังไง แล้วพอเห็นวิธีการพูดคุยและวิธีการข่มขู่ของเขาเราก็เลยรู้เลยว่า อ๋อ..พูดแบบนี้ไงคนแก่อยู่ที่บ้านเขาถึงกลัวไง มาใช้เสียงขู่อ่ะ ประมาณว่า ‘ จะตื่นกี่โมงเนี่ย ผมบอกคุณแล้วไงว่าคุณต้องรายงานตัวทุกชั่วโมง คุณจะตื่นกี่โมงจะนอนทั้งวันรึไง ไม่ให้เกียรติกันบ้างเลย’ (เสียงตะคอก) เราก็รู้สึกว่าโห..ขนาดเรามีสติเราฟังแล้วเรายังตกใจเลย แล้วคนที่กำลังกลัวอยู่โปรยหัวมาว่าเป็นผู้ต้องหาแล้วผู้สูงอายุที่อยู่ที่บ้านเขาจะยังไง”
มิจฉาชีพไม่รู้ว่าเป็นแม่ได๋? “เขาคงไม่รู้อะค่ะ เราเองก็เคยโดนเหมือนกัน ว่าคุณมีเงินเท่านี้เราก็บอกว่าฉันไม่ได้มีเงินขนาดนั้นหรอกวางหูไปก็แค่นั้นเองคือจริงๆ แค่ไม่คุยต่อมันก็จบ”
ล่าสุดที่เขาโทรมาแล้วเราไม่โอนเงินให้เขาแล้วให้เหตุผลเขาว่ายังไง? “ก็ตั้งแต่เมื่อวานค่ะที่ไปที่แบงค์ แล้วก็แจ้งเขาตลอดเวลาอยู่แล้วว่าก้อนเนี่ยมันต้องรอเคลียริ่งนะแล้วมันจะต้องเป็นวันพรุ่งนี้ถึงจะได้ คิดว่าที่เขายังวิดีโอคอลหาอยู่เพราะเขารอก้อนนี้ และก้อนต่อๆไปที่เขากำกับอยู่ว่าเข้ามาแล้วในบัญชีจะยังไงต่อค่ะ”
อายัดบัญชีไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม? “ยังไม่ได้อายัดบัญชีนะคะ หรือเราต้องอายัดบัญชีเขาด้วย แต่ตอนนี้ในบัญชีไม่มีเงินค่ะก็เป็นข้อดีว่าแม่ก็คงไม่โดนครั้งที่สองเพราะว่าหมดบัญชีแล้ว”
ตอนนี้ก็ต้องดูแลคุณแม่ใกล้ชิดพาไปงานด้วย? “ใช่ค่ะ คือแค่อยู่บนเวทีเมื่อกี้ก็คือมองตลอดว่าแม่อยู่ไหนเพราะว่ากลัวว่าเขาไปเข้าห้องน้ำแล้วมีใครโทรคุยกับเขา ตอนนี้ไม่ใช่แม่นอยด์นะลูกนอยด์กว่าแม่อีกเพราะมันกลายเป็นว่าเรารู้สึกว่าเราบกพร่องในฐานะของการเป็นลูก ที่ทำไมเราไม่ดูแลแม่ให้ดีกว่านี้”
ซึ่งหลังจบสัมภาษณ์ ได๋ ก็ ได้เปิดแชตที่คุยกับมิจฉาชีพให้ดูซึ่งปรากฏว่ามิจฉาชีพได้ออกจากห้องแชตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว