นางสาว A กล่าวต่อว่า ตนไปถึงโรงแรมช่วงเวลาประมาณตี 4 ลูกค้าได้เปิดห้องเอาไว้ 2 ห้อง ภายในห้องมีลูกค้า 2 คน และนางสาว B ที่เป็นคนเอนเตอร์เทนผู้ก่อเหตุที่ทำร้ายร่างกายตน ส่วนตนรับหน้าที่ชงเหล้าให้กับลูกค้าอีกคนหนึ่ง
นางสาว A กล่าวต่อว่า พอได้ยินแบบนั้น ตนก็รู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องอยู่คนเดียว เลยขอลูกค้าว่าหนูจะขอกลับด้วยเลยได้มั้ย เพราะที่คุยงานกันไว้ คือไม่รับงานเอนแบบ 1-1 ตอนนั้นอาการผู้ก่อเหตุเริ่มดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจ
นางสาว A กล่าวอีกว่า พอถึงช่วงเวลา 06.30 น. หมดเวลาของนางสาว B จึงขอรับค่าตัว โดยผู้ก่อเหตุได้โอนเงินค่าตัวให้จำนวน 1,500 ก่อนยืนคุยกับนางสาว B สักพักเริ่มจะด่านางสาว B และทะเลาะกัน ผู้ก่อเหตุได้ขอเงินค่าตัวคืน โดยพูดว่า “กูไม่อยากให้เงินมึงแล้ว เงินกูเอาคืนมา”
นางสาว A กล่าวอีกว่า เมื่อนั่งดื่มกันไปสักพักถึงช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. นางสาว B ได้ถามลูกค้าว่าจะต่อเวลาอีกมั้ย เพราะรอบของนางสาว B จะครบ 4 ชม. ในเวลา 06.30 น. จะได้อยู่เป็นเพื่อนตน เพราะรอบของตนหมดเวลา 08.00 น. แต่ลูกค้าไม่ขอต่อเวลาและไล่ให้นางสาว B กลับไปได้เลย
นางสาว A กล่าวต่อว่า หลังโต้เถียงกันสักพัก นางสาว B ไม่อยากมีปัญหา จึงยอมคืนเงินไป ก่อนจะเดินออกจากห้องไปที่รถ ผู้ก่อเหตุยังคงตามไปด่าถึงที่รถ แล้วเดินกลับมาหา ตน และพูดว่า “มึงมานี่ดิ มึงจะอยู่ต่อคนเดียวได้มั้ย”
นางสาว A กล่าวอีกว่า ตนดูเวลาตอนนี้ก็ใกล้จะ 7 โมงเช้าแล้ว อีก 1 ชั่วโมงก็จะครบเวลา จึงตอบกลับไปว่าอยู่ได้ เพราะไม่อยากมีปัญหา ผู้ก่อเหตุจึงพาตนเดินไปหานางสาว B ที่รถ เพื่อให้ไปบอกกับนางสาว B ว่าตนอยู่ต่อคนเดียวได้
นางสาว A กล่าวต่อว่า ก่อนกลับตนได้ยกมือไหว้ขอโทษนางสาว B ที่ต้องมามีปัญหากับลูกค้าเพราะตน และหันไปไหว้ขอโทษผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุกับพูดว่า “มึงไปไหว้พ่อมึงเถอะ ไม่ต้องมาไหว้กู กูไม่ใช่พ่อมึง” ตนจึงบอกว่าพี่ทำไมมาพูดถึงพ่อถึงแม่คนอื่นแบบนี้ ด้านผู้ก่อเหตุไม่สนใจและพูดกับตนว่า มึงกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นนางสาว B ก็ขับรถกลับไปโดยที่ไม่ได้ค่าตัว