Home Blog Page 17

ท็อป ดารณีนุช ควงหวานใจ ไมโล เผยเส้นทางรัก ใช้เวลารอ 40 ปี แพลนแต่งงาน

จากเพื่อนเลื่อนขั้นเป็นแฟน ท็อป ดารณีนุช ควงหวานใจ ไมโล เผยเส้นทางรัก ใช้เวลารอ 40 ปี แพลนแต่งงานรีสอร์ท หมิว ลลิตา

รุ่นใหญ่หัวใจสีชมพู ท็อป ดารณีนุช ควงแฟนหนุ่ม ไมโล มาเปิดเรื่องหัวใจ จากรักที่ไม่มีทางเป็นไปได้ สู่ความรักหวานฉ่ำกว่า 2 ปี พร้อมเปิดมุมมองความรักครั้งใหม่ในวัย 56 ปี กลัวคนมองว่าแก่เกินมีรักใหม่หรือเปล่า ต่างฝ่ายฝ่าด่านลูกๆ กันยังไง งานนี้เส้นทางแอบรักเพื่อนกว่า 40 ปี เป็นยังไง แล้วที่มีข่าวว่าเตรียมมีข่าวดีควงคู่กันแต่งงานจริงไหม ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา, บูม สุภาพร และดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

พี่ไมโลแอบรักมา 40 ปีจริงเหรอ? ไมโล : “ตอนเด็กๆ แอบชอบมากกว่า เจอกันครั้งแรกตอน ม.1 ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกันเลย วันนั้นผมเอาวิทยุไปโรงเรียน แล้วเขาเดินมาขอยืม เราก็งงเพราะยังไม่รู้จักกันเลยแต่ก็ให้ยืม”

นึกอะไรไปยืมเขา?ท็อป : “คนมันทันสมัย”

ตอนนั้นคิดอะไรกับเขาไหม? ท็อป : “ไม่คิด อยากได้ของจะมาอวดเพื่อนผู้หญิง เขาให้วิทยุเรามา แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเขาประทับใจเรา”

ไมโล : “เขาบอกว่าเดี๋ยวเลิกแถวเอามาคืนซึ่งวันนั้นเราก็กลัวว่าถ้าไม่ได้คืน กลับไปต้องโดนว่าแน่ แล้วเลิกแถวเขาก็เดินเอามาคืนเราจริงๆ”

ท็อป : “เขาประทับใจที่ฉันเป็นมิจฉาชีพ”

จุดเริ่มต้นของความรักและการแอบชอบคือยังไง? ไมโล : “จากตรงนี้ก็เริ่มชอบ เริ่มมองเขาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้จีบ ในที่สุดเพื่อนก็อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ก็ยังไม่กล้าบอกเขานะว่าชอบ”

พี่ท็อปรู้มั้ย? ท็อป : “ไม่ได้สนใจเลย พี่มีแต่พุ่งไปข้างหน้า ชีวิตสนุก ชอบไปชอบผู้ชาย ถ้าเห็นหล่อจะต้องไปเก็บสแปร์ คือไปดู ไปแอบส่องผู้ชาย เพราะไม่เคยอยู่โรงเรียนที่มีผู้ชาย อยู่แต่โรงเรียนหญิงล้วน”

แล้วได้มาเจอกันอีกทีเมื่อประมาณกี่ปีที่แล้ว? ท็อป : “เกือบสองปี”

แล้วมาเจอกันได้ยังไง? ท็อป : “คือเล่นเฟซบุ๊ก ตอนพี่เปิดเฟซบุ๊กก็ไม่ได้เปิดเอง ตอนนั้นมีลูกน้อง ลูกน้องเป็นคนเปิดให้ เราไม่ค่อยรู้เรื่อง เสร็จแล้วเขาเข้ามาในกล่องข้อความ เราไม่แม้กระทั่งรับเขาเป็นเพื่อน พอรับไม่เป็น ไม่รู้เรื่องเลยไม่สนใจ แล้วเขาทักข้อความมาหาเราแต่มันไม่ได้รับการอ่าน เพราะเราไม่ได้เป็นเพื่อนเขา เสร็จแล้ววันนั้นเราไปทำบุญ ทำธุระ รถก็ยางแตก ก็เลยไปสระผม เพราะอยู่ร้านทำผมมันมีสมาธิแล้วก็เปิดดู แล้วมือไปโดนปุ่มข้อความ ก็เจอว่าเขาส่งข้อความมาหาเรา แล้วลบทิ้ง 2 ข้อความ ก็รู้สึกทำไมเรามารยาทไม่ดีเลย คือคนเขาคุย เขาลบทิ้งแสดงว่าเขาต้องรอนาน ก็เลยตอบกลับไปว่า ขอโทษทีนะ เราเพิ่งได้มาอ่าน นี่ตอบทันทีเลย”

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

2 ข้อความ ที่ลบทิ้งไปส่งไปว่าอะไร? ไมโล : “ตอนนั้นมีเรื่องอยากจะปรึกษาเขาคิดว่าเรื่องนี้อยากปรึกษาใครสักคน แต่ไม่อยากได้เพื่อนสนิท อยากได้คนที่รู้จักเราหมด แต่ก็ไม่อยากได้คนที่เราไม่รู้จักเลย แต่ออกมาเป็นเขาได้ยังไงก็ไม่รู้”

ท็อป : “พอเขาบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษา พี่ก็ถามเขาว่า เธอจะยืมตังค์เราเหรอ เราระแวง”

แล้วพี่ไมโลตอบไปว่ายังไง? ไมโล : “พอตอบกลับไปสักอาทิตย์เขาก็ไม่อ่าน เราก็แบบสงสัยเขาไม่อยากอ่านแล้ว ก็ลบดีกว่า พอลบไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกคาใจ อยากปรึกษา ก็พิมพ์ไปอีกรอบแต่ก็ลบอีก นั่นแหละครั้งที่สองเขาถึงติดต่อมา”

เวลาผ่านไปเกือบ 40 ปี จำเขาได้ไหม? ท็อป : “จำได้ รู้จัก”

ไมโล : “เป็นเพื่อนในกลุ่มอยู่แล้ว”

ท็อป : “มันเป็นกลุ่ม แต่ไม่ได้เป็นเพื่อนผู้ชายที่สนิท มีเพื่อนผู้ชายอีกชั้นนึงที่สนิท กับพี่ไมโลไม่ค่อยได้พูด มึง กู กัน แต่กับเพื่อนผู้ชายคนอื่นเราก็ชัดเจน”

ทำไมเขาพูดไม่ได้? ท็อป : “ตอนเวลาอยู่ในกลุ่ม ตอนเย็นเราต้องไปนั่งหลังตึก เขาก็จะมีพ่อแม่มารับพาไปตีเทนนิส”

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

อะไรที่ทำให้ไปคุยกับเขา เพราะพี่ท็อปไม่ได้เปิดใจให้ใครง่ายๆ? ท็อป : “ไม่เปิดเลย คือเป็นเพื่อนไง ก็บอกเขาถ้าไม่ใช่เพื่อน ฉันไม่คุยนะ ก็คุยกับเขา เขาบอกมีเรื่องปรึกษา คนทั่วไปเข้ามาในไอจีปรึกษาพี่ พี่ยังคุยด้วยเลย พอคุยกันไปมาก็รู้สึกว่าเขาคงไม่มีใครจริงๆ หมายถึง 1. เขาเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว แล้วคนที่เขาคุยปรึกษาที่มันเป็นชะนีก็คงไม่มี เขาปรึกษาเรื่องความรักด้วยซ้ำไป เราเป็นแบบเหมือนเจนโลก ก็มีมาคนนึง ก็คิดว่าเรามาใช้ชีวิตเดี่ยวแบบนี้ก็มีมุมมองความรักอีกแบบนึง ก็ให้คำปรึกษากับเขา”

แล้วจีบกันยังไง? ท็อป : “เขาเป็นคนคุยทุกวัน เขาติดต่อมาทุกวัน เราก็เริ่มติด เขาจะทักมาไหม วันนึงคุยกันเขาบอกว่า เคยแอบชอบเราด้วยนะ เราก็คุยไปเรื่องอื่น แล้วเขาก็บอกว่า อุ๊ย…บอกไปแล้วทำลูกเล่น”

ตอนนั้นพี่ไมโลจีบพี่ท็อปแล้วใช่ไหม? ไมโล : “ใช่สิ”

ทำไมจากการปรึกษาแล้วมาเปลี่ยนว่าจีบคนนี้ดีกว่า? ไมโล : “เราชอบอยู่แล้ว แล้วตามเขามาอยู่ตลอด แต่ว่ามันหลายอย่าง แล้วก็จังหวะชีวิต มันเหมือนทุกอย่างมาลงตัวตอนนั้นพอดี”

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

แล้วโมเมนต์ไหนที่ขอเป็นแฟน? ท็อป : “จำได้ขอในรถ ตอนนั้นเวลาจีบกัน เราชอบไปเดิน สุวรรณภูมิ นี่เดินจนคนเขางง เสร็จวันนั้นที่ตกลงเป็นแฟนก็คุยกันในรถนี่แหละ ตกลงว่ามาคบกันก่อน เสร็จแล้วให้เขาไปเคลียร์ตัวเอง แล้วมันก็มีเหตุต่างๆ เฮ้ย เอายังไงกันแน่ แล้วเขาก็ไปเคลียร์ จนมันเสร็จแล้ว ก็เลยบอกโอเค จากวันนี้เราคบกันนะ เขาไปรับเราไปทำบุญ เช้าใส่บาตร น้ำตาไหล คือก่อนหน้าหน้านั้นมันจะเอายังไง เราไม่ชอบความรู้สึกพวกนี้อยู่แล้วที่ต้องมาเสียใจ ไม่เอาละเว้ยความรัก”

ให้เขาไปเคลียร์เราเองก็เฝ้ารอ? ท็อป : “ก็ไม่ถึงกับรอ ให้มันรู้แล้วกัน ถ้าไม่คบก็จะได้เดินต่อ”

ที่บอกว่าตักบาตรแล้วน้ำตาไหล ตอนนั้นคิดอะไร? ท็อป : “เฮ้ย ทำไมมันเป็นเรื่องรบกวนใจเรา ทำไมเสียใจวะ ปกติจะไปกับน้องสองคน เราจะเป็นคนขับรถจากอุดรไปบึงกาฬ วันนั้นน้องขับคนเดียว นี่ก็นั่งโทรศัพท์กับเล่นไลน์คุยกับเขาว่าตกลงยังไง เสร็จเขาบอกว่าขอมารับได้ไหมที่สนามบิน พอเขามารับก็พาไปเดินเล่น CDC ก็ถ่ายรูปกันครั้งแรกที่คบกัน พวกเพื่อนๆ ได้ดูรูปนี้ โห.. ความรู้สึกผู้หญิงมันเยอะกว่าผู้ชาย”

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

ส่งรูปนี้ไปให้ใครดูบ้าง? ท็อป : “พี่ก้อง พี่ผัดไท พวกนั้นจะบอกว่าผู้หญิงมันดูเยอะเนาะ ผู้ชายก็งั้นๆ แต่ผู้หญิงมันดูเยอะ ผัดไท บอกว่าพี่ไมโลหนีไป เตือนแล้วนะ”

เพื่อนๆ น่าจะแฮปปี้มากที่พี่ท็อปตัดสินใจ? ท็อป : “แรกๆ ก็ไม่แฮปปี้ เหมือนโดนแย่งเพื่อน ในกลุ่มก็มีความกระสับกระส่ายพอสมควร แล้วเขาก็ปรึกษากัน ผัดไทบอกว่า เผื่อเขารักกันจริง เราอยากไปอะไรเลยไหม ท่าทางคือแบบทำให้มันแตกแยกกันไป จะได้เพื่อนกลับมา”

เขาเป็นห่วงหรือกลัวเพื่อนหาย? ท็อป : “เขาอิจฉากันนั่นแหละ ฉันไม่มี ทำไมพวกแกมี มันว่าอย่างนี้ คือเพื่อนๆ ไม่มีคู่ แล้วมารวมกันไปซื้อที่ดินด้วยกัน กะจะไปอยู่ด้วย อยู่ๆ จะหนีไปมีแฟน เพื่อนก็เซ็ง”

พี่ไมโลได้เจอเพื่อนพี่ท็อปบ้างหรือยัง? ไมโล : “เจอครับ พอเริ่มตกลงว่าเป็นแฟนกันปุ๊บ เขาก็บอกว่าเธอต้องไปเจอเพื่อนเขานะ”

ท็อป : “เพื่อนเหมือนพ่อแม่ เพื่อนเหมือนญาติ เพราะพ่อแม่เราตายแล้ว เพื่อนเราคือญาติเรา ต้องมาเจอ เพราะชีวิตเราดำเนินมาได้ด้วยการปรึกษาเพื่อนมาโดยตลอด”

พอไปเจอเพื่อน ด่านเพื่อนเป็นยังไง? ไมโล : “ดูน่ากลัว แต่พอเจอจริงๆ แล้ว ดีทุกคน น่ารักทุกคน”

เขาบอกว่าพี่ท็อปเป็นคนที่แพ้คนเล่นกีต้าร์แล้วก็ร้องเพลง? ท็อป : “ไม่แพ้แต่ไม่เคยมี”

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

ไม่มีคนเข้ามาในชีวิตเรานานมาก แต่อยู่ๆ มีผู้ชายเล่นกีต้าร์จีบเรา ตอนนั้นหัวใจหลุดออกมาไหม? ท็อป : “ตอนฟังเขาร้องเพลง ชอบตอนเขาเล่นกีต้าร์ เขาเสียงหวานมาก เราเคยเจอแต่พวกผู้ชายดิบเถื่อน ก็รู้สึกว่ามันก็ชุ่มชื่นหัวใจดี”

เพราะเวลาผ่านไปสักระยะ ได้คุยกัน แล้วตัดสินใจมาคบกันจริงๆ ความรู้สึกที่เราเฝ้ารอมา 40 ปี เป็นยังไงบ้าง? ไมโล : “มันดีกว่าที่เราคิด ทั้งหมดมันเกินกว่าที่เราคาดไว้”

ความรักในวัยนี้มันดีไหม? ท็อป : “ดี ความรักถ้ามันเป็นความรักที่จริงใจแล้วมันเป็นความรักจริงๆ ดีหมด รักที่มันปรารถนาดีต่อกัน รักที่เมตตาต่อกัน มันไม่ได้หมายความว่ามันมีแค่ความรัก มันจะต้องเริ่มใช้ชีวิต เริ่มต้นดำเนินเรื่องต่างๆ ไปด้วยกัน แชร์ความรู้สึกกันทุกๆ อย่าง เราต้องมานั่งคุยกันก่อนว่า สิ่งที่เรารู้สึกมันดีอย่างนี้ มันถึงจะรักษาโมเมนต์นี้ ไปด้วยกันในความสัมพันธ์”

มีความกังวลที่จะต้องบอกใครไหม? ท็อป : “ตอนแรกมีนะ เราก็คิดเหมือนกัน อายุเยอะแล้วมามีแฟน คือเราไม่ได้แคร์หรอกว่าใครจะยังไง บางครั้งมันอาจจะไม่ใช่วัย ในวงจรชีวิตของมนุษย์ทั่วไป 20-30 มีครอบครัว นี่ฉันจะเกษียณอยู่แล้วจะย้อนมาตรงนี้อีก เขาจะมองว่าอะไร ก็มีบ้าง อันนั้นมันเป็นการเปิดให้เราก้าวข้ามอะไรบางอย่างที่เรากังวล ฟีดแบ็กจากคนรอบข้าง เพื่อนๆ ลูก คุณผู้ชม มันทำให้เรารู้สึกว่าไม่เป็นไรหรอก

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

แล้วมันทำให้เรารู้ตัวเองว่า จริงๆ แล้วตัวเราเวลามีความรัก โดยเฉพาะอายุอย่างนี้ประสบการณ์ในชีวิตมันทำให้เราฉลาดขึ้น เพราะฉะนั้นที่เราต้องมี คือได้เก็บสะสมสติ ปัญญา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เอามาเพื่อประกอบการพิจารณาความรักเรา แต่ก่อนเรามีแต่ส่วนของอารมณ์ ความรู้สึก แล้วสมองก็จะน้อย จะเอาแต่รักๆ แต่ตอนนี้มิติมันกว้างขึ้น เพราะฉะนั้นรักในวัยนี้มันทำให้เรารอบคอบขึ้น แล้วก็ไม่ทะเลาะกัน”

แล้วพี่ไมโลล่ะ เป็นการเริ่มต้นใหม่ กับรักแรก? ไมโล : “อย่างที่บอกมันเกินคาด ผมไม่ค่อยห่วงทางฝั่งผมเท่าไหร่ ตั้งแต่เริ่มต้นเลยที่กลัวคือห่วงทางฝั่งเขามากกว่า ห่วงคือหมายถึงว่า เพื่อนเขา คนรอบตัวเขาจะรู้สึกยังไง”

สิ่งที่ยากสำหรับพี่ๆ ในวัยนี้คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องลูก? ท็อป : “ใช่”

ไมโล : “ใช่ นั่นคือเรื่องแรกเลยที่คิด”

เราคุยกับลูกยังไง? ท็อป : “ตอนคุยกับพี่ไมโล พี่ก็เล่าให้ลูกฟังว่าแม่คุยกับเพื่อนอยู่นะ เขาก็ถามว่าเพื่อนคนไหนเพราะเขารู้จักเพื่อนแม่ทุกคน ก็บอกว่าอันนี้ลูกไม่รู้จักหรอก จนตอนหลังเราเริ่มไปเดินออกกำลังกาย ก็เลยบอกว่าเออแม่คบคนนี้อยู่นะ ลูกคนเล็กก็อ๋อรับรู้ แต่ลูกคนโตเขาแยกบ้านไปอยู่กับภรรยา คนนั้นทำตัวเป็นพ่อ คนโตจะใจร้อน เขาจะอยากรู้ว่า เขาเป็นใคร ทำไมผมไม่รู้จัก เดี๋ยวผมจะโทรไปสืบ เพื่อนมัธยมแม่ที่เป็นผู้ชายลูกคนโตจะรู้จัก เขาจะสืบ ทำงานอะไร เราก็บอกว่าใจเย็นๆ ยังไม่บอกอะไรเยอะ เราก็ให้เจอลูกคนเล็กก่อน เพราะเขาเป็นคนชิล ใจกว้าง แล้วค่อยมานัดเจอลูกคนโต

โชคดีตอนที่เจอมีเรื่องที่ต้องคุยกัน เพราะลูกคนโตเขาจะขายรถ ปรึกษาทางนี้ก็คุยกัน หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวกัน แล้วเขาก็มาบอกว่า คือลูกจะดูพี่ไมโลตลอดว่าเป็นยังไง เขาบอกแม่เขาเป็นคนอย่างนี้ๆ นะ เขาก็สบายใจขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาจะไปเรียนต่อเมืองนอก เขาบอกว่าเดี๋ยวผมจะเป็นสปอนเซอร์ให้เราสองคนรวมถึงตัวเขาด้วยไปเที่ยวกระบี่ด้วยกัน เพราะว่าน้องเล็กไปบวชอยู่ ก็เลยพากันไปเที่ยวกระบี่ ต้องขอบคุณลูกๆ ใจกว้าง เขาเป็นคนเปิดใจ

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

ถามว่าเขารักเรา เขาห่วงเราไหม รัก เขาพูดกับเราว่าแม่ได้ทำทุกอย่าง ตามคำพูดที่ให้ไว้กับผมคือพอเลิกกับคุณพ่อเขา เราก็ไม่มีใคร แล้วเราก็เลี้ยงเขามาจนเขาเติบโต จนเขาแข็งแรงแล้ว แล้วตอนนี้เหมือนเป็นพาร์ตที่เธออยากจะมีความสุขก็ให้โอกาสเธอนะ”

พี่ไมโลเตรียมตัวเตรียมใจที่จะไปเจอลูกของพี่ท็อปไหม? ไมโล : “ก็เตรียมตัวครับ แต่ก็อย่างที่บอกมันจังหวะพอดี เขาอยากปรึกษาเรื่องรถพอดี เพราะผมก็ทำรถมือสองอยู่ ก็เลยได้คุยมันเลยง่าย แล้วที่เขาชวนไปกระบี่ ส่วนนึงเขาก็คงอยากเห็นด้วยว่าเราเป็นยังไง เพราะมันจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันหลายวัน”

ฝั่งพี่ท็อปผ่านแล้วแล้วฝั่งพี่คุยกับทางบ้านยังไง? ไมโล : “ลูกผมจะเด็กกว่า อยู่ ม.4-ม.5 เขาก็ฟังเราอยู่แล้ว เราอธิบายให้เขาฟัง เราไม่ได้ทำอะไรที่เขาไม่เห็น มีอะไรก็บอกลูก เพียงแต่ว่าเราอาจจะต้องใส่ใจเขามากกว่าหน่อยด้วยความที่เขาดีกว่า”

เขาเจอพี่ท็อปเขากลัวไหม? ไมโล : “ไม่เลย เขาชอบ คนนี้เขาเข้ากับเด็กได้อยู่แล้ว”

ทำยังไงถึงจะชนะใจเด็กๆ? ท็อป : “เราต้องไม่พยายาม เป็นธรรมชาติ เราไม่ได้รู้สึกว่าเรามาเพื่อแทนใคร เราไปในฐานะ ไปด้วยกันแล้วเอ็นดูเขา อะไรที่เป็นเรื่องของเขา เราก็ไม่ล้ำเส้น หรือเขาเล่าเรื่องความลับอะไรให้เราฟัง เราก็ไม่บอกพ่อเขา เรารู้สึกว่าพอเราเคารพเขา หรือฟังเขา เขาก็อยากจะเล่า เขาก็คุย เจอกันก็พาไปไปกินข้าวให้เขาสบายใจ”

พี่ไมโลวางแผนจะแต่งงานกับแม่ท็อปจริงเหรอ? ไมโล : “เราต่างคนต่างไม่ได้คิดคิดถึงเรื่องตรงนี้แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ หลายๆ คนเชียร์ อยากให้มีงาน มันเหมือนเป็นการรวมเพื่อน ปาร์ตี้ให้เพื่อนมาเจอกัน วัยเรามันไม่น่ามีงานแบบนี้แล้วถูกไหม คือถ้าไปก็ไปงานลูกแล้ว”

ท็อป ดารณีนุช เส้นทางรักครั้งใหม่

ไม่รู้จะจัดไหมแต่มีสถานที่แล้ว? ท็อป : “คุณหมิว ลลิตา นัดเจอกัน คุณดาวเขาบอกว่าพี่ท็อปไปจัดที่รีสอร์ทน้องหมิว เป็นแบบเล็กๆ น่ารักริมทะเล เขาก็คิดวาดฝันกันใหญ่ ไอ้เรายังงงอยู่เลยใครเจ้าสาว อ๋อ เราเหรอ มันก็ตื่นเต้น แต่ตอนไหนอะไรยังไงยังไม่รู้”

แล้วเจ้าของสถานที่เขาว่ายังไงบ้าง? ท็อป : “พี่หมิวเขาบอกมาเลยๆ เขาอยากให้เราจัด เหมือนถ้าเราจัดก็จะได้โปรโมทรีสอร์ทด้วย น้องหมิวเป็นคนน่ารักมาก เหมือนน้องสาวคนนึงเวลาเขาไม่สบายก็โทรคุยติดต่อกันตลอด แต่พอมีพี่ไมโล ฉันไม่โทรหาหมิวเลย”

มีอะไรอยากจะพูดกับพี่หมิวหน่อยไหม? ท็อป : “ขอบคุณหมิวมากนะ หมิวอยู่ในช่วงชีวิตพี่ตั้งแต่พี่เข้าวงการมาใหม่ๆ อยู่ด้วยกันมาตลอด เพราะฉะนั้นหมิวก็เป็นคนสำคัญในชีวิต งานบวช งานแต่ง งานอะไรหมิวจะต้องมีส่วนตลอด”

พี่หมิวคอนเฟิร์มจริงไหม?หมิว ลลิตา : “ขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ของพี่ ถ้าเกิดว่างเมื่อไหร่จะปิดโรงแรมให้เลย พี่ทำงานกันเยอะแล้วอยากให้พักผ่อน สบายๆ หรืออยากให้เพื่อนๆ ในแก๊งไปด้วยก็ยินดีต้อนรับ อาจจะมีงานอะไรเล็กๆ ให้เพื่อนฝูงได้พบกันด้วยแล้วฉลองความสุขของพี่ด้วย ขอให้พี่มีความสุขมากๆ”

พี่ไมโลพอเห็นเพื่อนพี่ท็อปเขาเวลคัมเรา อยากให้เราแต่งงานขนาดนี้ อยากจะบอกอะไรเขา? ไมโล : “ดีใจที่เขายินดีกับเรา จริงๆ ถ้ามันเป็นไปได้ เราก็อยากให้มันเกิดขึ้น”.

ใครเมนต์แซ่บเตรียมตัว! วงในเผย กามิน ติดต่อทนายในไทย เตรียมฟ้องคนที่มาด่า

ใครเมนต์แซ่บเตรียมตัว! วงในเผย กามิน ติดต่อทนายหลายคนในไทย เตรียมฟ้องคนที่มาด่าให้หมดทุกคน ชี้ได้ข่าวว่า ฟ้องเยอะ

ยังคงตกเป็นดราม่าร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับปมความขัดแย้งระหว่างอดีตคู่รักอย่าง แน็ก ชาลี ไตรรัตน์ และกามิน สาวเกาหลี ซึ่งตั้งแต่ที่ฝ่ายชายออกมาไลฟ์สดประกาศแยกทางกับสาวกามิน ชาวเน็ตก็พากันมุ่งโจมตีไปที่ฝ่ายหญิงไม่หยุด

เท่านั้นไม่พอ ยังเกิดการโต้แย้งครั้งใหญ่ในโซเชียลทั้งฝ่ายเข้าข้างแน็กชาลีและฝ่ายเข้าข้างกามิน พร้อมติดแฮซแท็ก #savegamin ได้พุ่งทะยานติดอันดับบนแพลตฟอร์ม X (Twitter)

ล่าสุด วงการบันเทิงมีเรื่องให้เผือกอีกแล้ว พิธีกร เต๋า ทีวีพูล ออกมาโพสต์ข้อความสืบมาจากวงในผ่านอินสตาแกรม โดยระบุว่า “กูบอกแล้ว!!! กามินเตรียมฟ้องคนที่มาด่าตัวเธอ งานนี้เตรียมตังในกระเป๋าไว้ให้ดี ๆ นะคะ ได้ข่าวมาว่าฟ้องเยอะ” พร้อมแคปชั่นว่า ติดต่อทนายดังหลายคนในเมืองไทยให้เตรียมฟ้องหมดค่ะ”

งานนี้ ทำเอาชาวเน็ตแห่เมนต์เพียบ เช่น “เอาเงินคนไทย มาจ้างทนายฟ้องคนไทย ไม่เริสอ่ะแม่” ,”ถ้าเค้าด่าไม่จริงก็ฟ้องเลย สนุกดี รอชมค่ะ” , “คนประเทศอื่น มาฟ้องคนไทยได้เหรอ” , “โชคดีที่ไม่ได้ด่า เพราะรู้ว่าเงินในบัญชีมีน้อย”

เตือนคนเกิด 4 ราศี กรกฎ สิงห์ กันย์ ธนู หลังวันที่ 21 ก.ย. กะทันหันสุดๆ

ดาวอาทิตย์ย้าย ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ดวงดาวจะมีการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้นักพยากรณ์ชื่อดังอย่าง หมอไวท์ เปิดดวง หรือ หมอดูโอปป้า ได้ดูดวงวันนี้ เผยดวงหลังดาวอาทิตย์ย้าย ช่วง 17 กันยายน 2567 – 17 ตุลาคม 2567 พบมี 4 ราศี เงินก้อนใหญ่เข้าฉ่ำ หลังวันที่ 21 ก.ย. ดวงได้ของใหญ่

โดยในเพจเฟซบุ๊ก White Jewel ได้เผยคำทำนายดวง ดังนี้

ราศีกรกฎ มีลูกค้าเพิ่ม ค้าขายดี ได้เงินเข้า หลังวันที่ 21 ก.ย. ได้ของใหญ่

ราศีสิงห์ ได้เงินก้อนใหญ่ในรอบปี หลัง 21 ก.ย. จะมีคนนำเงินมาให้

ราศีกันย์ ระวังป่วยบางสิ่งที่รอคลาดเคลื่อน หลัง 21 ก.ย. ได้เงินก้อนเข้าฉ่ำ

ราศีธนู ดวงได้งานใหญ่ หลังวันที่ 21 ก.ย. มีดวงได้โชคใหญ่ในรอบปี

เรียบเรียง สยามนิวส์

กระจ่าง เปิดคะแนน ครูเบญ เต็ม 150 ได้เท่าไหร่

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ ครูเบญ อายุ 24 ปี ผู้เสียหายกรณีการสอบบรรจุพนักงานราชการตำแหน่งครู ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว ได้อันดับ 1 แต่ผ่านไป 3 วัน ชื่อกลับหายไป ทำให้มีการสอบสวนเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งวันนี้ครบรอบกำหนดการแถลงผลสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้นั้น

ล่าสุด วันที่ 20 กันยายน 2567 ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ผลสืบข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถออกมาแถลงได้ เนื่องจากต้องการให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง และต้องการให้ ครูเบญ มาร่วมแถลงด้วย แต่ ครูเบญ ติดซ้อมรับปริญญาในช่วงนี้ จึงไม่สะดวก วันนี้จะส่งเอกสารทั้งหมดให้กับผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(พฐ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส

ว่าที่ ร.ต.ธนุ กล่าวต่อว่า ส่วนผลสืบเบื้องต้นของสพฐ. พบว่าผลสอบของครูเบญ คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ คือ ไม่ถึง 60 % ตามที่ระเบียบกำหนดไว้ ทั้งภาค ก. และ ภาค ข.จริง และไม่ติด 1 ใน 10 ซึ่งให้ครูเบญยืนยันแล้ว

ส่วนคนที่ได้ที่ 1 พบว่าคะแนนสูงสุดจริง ซึ่งบุคคลดังกล่าวมีผลการเรียนที่ได้เกียรตินิยม และสภาพแวดล้อมหลายอย่าง ยืนยันน่าจะสอบได้จริง แต่ต้องรอผลการสอบของผู้เชี่ยวชาญยืนยันอีกครั้ง

ว่าที่ ร.ต.ธนุ กล่าวด้วยว่า ขณะที่ผลการตรวจสอบ ผอ.สพม.สระแก้ว และเจ้าหน้าที่ในสังกัด พบว่ามีมูลความผิดจริง เข้าข่ายประมาท และบกพร่องในหน้าที่ ซึ่งจะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนที่จะลงโทษตามกฎหมาย

รายงานข่าวแจ้งว่า ครูเบญ ได้ 81 คะแนนจากคะแนนเต็ม 150 คะแนน โดยแยกเป็น ภาค ก. คะแนนเต็ม 50 คะแนน ภาค ข. คะแนนเต็ม 50 คะแนน และภาค ค. (สัมภาษณ์) คะแนนเต็ม 50 คะแนน

สามีนางเอกดัง โผล่เมียนมา หล่อแรงจนสาวๆร้องไห้เลย

หล่อแรงจนสาวๆร้องกรี๊ดเลยละค่ะ สำหรับ นักร้องหนุ่ม “ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” สามีของนางเอกสาว “มาร์กี้ ราศรี” เพราะหลังจากที่ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศเพื่อนบ้าน

อย่าง เมียนมา ก็มีแฟนๆมารอต้อนรับกันอย่างเนืองแน่น แถมยังมีสาวต่างชาติรายหนึ่งออกมาโพสต์คลิปให้ได้ติดตามกันด้วย

ซึ่งเป็นตอนที่มีโอกาสได้ถ่ายภาพเซลฟี่และจับมือกับ ป๊อก เพราะสาวคนดังกล่าวกรี๊ดหนักมาก

แถมยังปลื้มใจจนน้ำตาไหลออกมาเองเลยด้วย แหม สมกับที่หลายคนเคยบอกว่าตัวจริงหนุ่มคนนี้เป็นคนที่หล่อและมีเสน่ห์มาก

เพราะในจออาจจะดูไม่เท่าไหร่แต่ตัวจริงหล่อ ออร่กระจายหนักมาก

ขนาดแฟนๆต่างชาติยังกรี๊ดขนาดนี้ เชื่อว่าตัวจริงต้องหล่อออร่าสมคำร่ำลือแน่นอน

เอาเป็นว่าแฟนๆคนไหนที่ชื่นชอบและอยากติดตามหนุ่มคนนี้ก็สามารถไปติดตามที่อินสตาแกรม “pokmindset”  กันได้เลย

เพราะนอกจากจะมีการอัพเดทผลงานใหม่ๆผ่านทางช่องทางนี้แล้วยังมีภาพไลฟ์สไตล์นอกจออกมาให้ติดตามกันตลอดด้วย

ใครที่ชื่นชอบและไม่อยากพลาดความเคลื่อนไหวของหนุ่มคนนี้ก็สามารถไปติดตามกันได้เลย

ขอบคุณข้อมูล : @ chawin2222

แหม่ม แม่เวียร์ ศุกลวัฒน์ ได้สัญชาติอเมริกันแล้ว คาดทำได้ยังไง คำตอบอยู่ในรูปนี้

หลังจากที่ คุณแม่แหม่ม พลอยไพลิน คุณแม่ของพระเอกหนุ่มเข้ม เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ ย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกาแบบถาวรมาได้หลายปี ล่าสุดก็เผยข่าวดีว่าได้สัญชาติอเมริกันเรียบร้อยแล้วจ้า!!

ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะกับ แม่แหม่ม พลอยไพลิน คุณแม่ของ เวียร์ ศุกลวัฒน์ ที่ได้ออกมาเผยเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 ว่าตอนนี้คุณแม่ได้สัญชาติอเมริกัน หลังจากเข้าทำพิธีสาบานตนเป็นพลเมืองอเมริกันแล้ว

ทั้งนี้ คุณแม่ของเวียร์ ได้โพสต์ภาพและคลิปในพิธีสาบานตนเพื่อเป็นพลเมืองอเมริกัน โดยที่มีผู้เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ซึ่งบนจอก็มีข้อความว่า “วันนี้ ฉันเป็นพลเมืองอเมริกัน” และ “วันนี้ ฉันสามารถขอพาสปอร์ตอเมริกันได้” และ “วันนี้ ฉันได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคนอเมริกัน”

ด้านคุณแม่แหม่มได้บอกว่า “วันนี้ฉันได้เป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง” พร้อมกับที่มีคนมาแสดงความยินดีกับคุณแม่กันเป็นจำนวนมาก

ก่อนหน้านี้ แม่แหม่ม ได้เลิกรากับคุณพ่อของเวียร์ แต่ทั้งสองคนก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และยังปรากฏตัวพร้อมกันในงานแต่งงานของเวียร์และวิกกี้ ก่อนที่แม่แหม่มจะแต่งงานใหม่กับชาวอเมริกัน พร้อมกับย้ายรกรากไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาถาวร และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Katherine โดยเมื่อช่วงปีใหม่ 2566 เวียร์ก็ยังพาน้องวิรินและวิกกี้ไปเยี่ยมแม่แหม่มที่อเมริกา ซึ่งคาดว่าเหตุที่แม่แหม่มได้สัญชาติอเมริกันนั้นน่าจะมาจากการแต่งงานนั่นเอง

วินาทีบีบหัวใจ ก่อนน้องเอวา จะหมดลมหายใจ บอก ‘ถ้าหนูตายแม่ไปอยู่กับหนูได้ไหม?’

แม่เมย์ เล่าวินาทีบีบหัวใจ ก่อน น้องเอวา จะหมดลม บอก ‘ถ้าหนูตายแม่ไปอยู่กับหนูได้ไหม?’ ยันไม่เคยเปิดรับบริจาค

จากกรณี แม่เมย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นภาพแม่เมย์จับมือน้องเอวา เพื่อบอกลาครั้งสุดท้าย เพราะลูกนั้นเสียชีวิตลงแล้ว จากอาการป่วยมะเร็งต่อมหมวกไต ระยะสุดท้าย โดยแม่เมย์ระบุว่า “เดินทางไปรอแม่ที่ดาวก่อนนะลูก เดินไปตามทางสวนดอกไม้สวยๆ ไม่เจ็บปวด ไม่ทรมานอีกแล้ว ลืมมันไปให้หมดเลยนะลูก ทิ้งความเจ็บปวดไว้ในชาตินี้ให้หมด พอแล้ว…. เกิดมาใหม่ขอให้หนูร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บนะ รักสุดหัวใจน้องเอวา”

เมื่อวันที่ 19 กันยายน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางที่ วัดสระแท่น ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี พบพ่อแม่ของน้องเอวา ได้นำร่างลูกสาววัย 11 ปีมาที่ศาลาการเปรียญภายในวัด และทำพิธีรดน้ำศพหนูน้อย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ โดยเฉพาะคุณแม่ที่มองดูร่างอันไร้วิญญาณของลูกสาวอยู่ไม่ห่าง

น.ส.ณัฐสุดา หรือแม่เมย์ เปิดเผยว่า น้องเอวา อายุ 11 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ขณะนั้นน้องเอวาได้เรียนหนังสืออยู่ในระดับชั้นอนุบาล 2 หลังจากที่อาการโรคร้ายกำเริบหนัก น้องเอวาไม่สามารถที่จะไปเรียนหนังสือร่วมกับเพื่อนๆ ได้ เพราะสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงด้วยโรคร้ายที่รุมเร้าในร่างกาย แม่ได้ส่งน้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ โดยให้คุณหมอคีโม แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ได้แต่ให้กำลังใจและปลอบใจลูกสาวทุกๆ วันเพื่อให้มีกำลังใจต่อสู้กับโรคร้ายนี้ไปวันๆ

แม่เมย์กล่าวต่อว่า และ 8 เดือนหลังที่ผ่านมาโรคร้ายกำเริบหนัก ร่างกายของน้องเอวามีแต่ทรุดลง คุณแม่ก็ได้แต่พูดปลอบใจและให้กำลังใจลูกสาว ซึ่งลูกสาวพูดเก่งกินเก่ง และลูกสาวก็สิ้นลมหายใจไปด้วย อายุเพียง 11 ปี จะตั้งบำเพ็ญกุศลศพไว้ 3 คืน อยากขอให้ดวงวิญญาณของลูกไปสู่ภูมิภพที่ดี แม่รักลูกสุดหัวใจน้องเอวา

แม่เมย์กล่าวต่อว่า เมื่อวานตอนเย็นยังเห็นน้องเอวาว่ายังดีอยู่ ไม่คิดว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมง เขาก็ไปแล้ว ไม่ได้บอกลาอะไรกันเลย แต่ช่วงก่อนหน้านั้น ที่จะนิมนต์พระมาสวด น้องดูแย่มากๆ ดูไม่ดี ตนคิดว่าน้องคงไม่อยู่แล้ว เขาคงจะไปแล้ว จึงบอกลาลูก แต่วันนี้มันเร็วไปหมดตอนที่เขาไม่มีลมหายใจตนยังช็อก มาพูดตอนที่น้องไปแล้ว ถ้าน้องรับรู้ได้ อยากบอกว่า ไม่ต้องห่วง แม่จะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด เพราะน้องเอวาห่วงตนมาก จะบอกลูกให้ไปรอแม่ก่อนเดี๋ยวแม่ตามไป เดี๋ยวได้เจอกัน เขาเก่งที่สุด ตนกับลูกสู้กันมามากแล้ว ไม่ติดใจอะไรแล้ว รู้สึกว่าเขาไปสบายจริงๆ

แม่เมย์เล่าต่อว่า ก่อนที่น้องจะเสีย เขาปวดตัวมาก นั่งกอดกัน 2 คน ตนก็ถามลูกว่า เอวารู้ไหม ตายแล้วจะเป็นอย่างไร เอวาบอกว่า หนูไม่รู้ว่าตายแล้วไปไหน หนูรู้แค่ว่าหนูอยากอยู่กับแม่ ถ้าหนูตายแม่ไปอยู่กับหนูได้ไหม หนูไม่อยากอยู่คนเดียว ตนก็ได้แต่บอกลูกว่า หนูจะมีแม่อยู่ข้างๆ อยากรู้ความรู้สึกเขาตอนนี้เป็นอย่างไร เอวาถามว่าโรคของหนูเป็นหนักเลยเหรอ เราก็บอกว่าโรคหนูดื้อมากๆ แต่ไม่เป็นไร แม่จะอยู่ข้างๆ ลูกตลอด

น้องมีไข้สูง 39 องศา และอวัยวะของน้องเป็นหนอง ลิ้นเป็นห้อเลือด มีหนองไหลออกจากปาก ตนก็พาน้องไปแอดมิดเลย ก็ดูเรื่องติดเชื้อ พอติดเชื้อผ่าน ก็เป็นงูสวัดขึ้นตา น้องมีภูมิต่ำ เป็นตุ่มเล็กๆ ใสๆ พอตุ่มแตกก็ลามไปหมดเลย ตาปิด 2 ข้างไปเลย น้องก็สู้ขนาดตาปิดก็ยังกินข้าวได้ แม่จ๋าขอระบายสีได้ไหม น้องสู้จริงๆ ที่น้องสู้เพราะน้องอยากอยู่กับตนจริงๆ ตนก็รู้ว่าใจเขาไม่อยากไป แต่น้องใจสู้

ทั้งนี้ แม่เมย์ยันว่า ตนไม่เคยขอบริจาคเงินแต่อย่างใดเลย เคยมีเพื่อนโทรมาบอกว่าใน TIKTOK เอาชื่อตนไปลงเพื่อขอบริจาค ซึ่งตนก็ได้ลงเพจไปแล้วว่า ไม่เคยขอบริจาคเงินแต่อย่างใด

เผยผลสอบ ปิยะโสภิชา ได้ที่1 แทน ครูเบญ การันตีความเก่งติด 1 ใน400

เรียกได้ว่าไม่จบลงง่ายเลยที่เดียวค่ะ สำหรับ ครูเบญ ที่สอบติดครู ได้อันดับที่ 1 แต่ผ่านไป 3 วันชื่อหาย และมีของสาวอีกราย ปิยะโสภิชา นามสกุลใหญ่ ปรากฏชื่อขึ้นมาสะอย่างนั้น จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในไปทั่วโลกโซเซียลกันเลยทีเดียวค่ะ

ล่าสุดวันที่ 20 ก.ย.2567 ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความและผลสอบจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยผลสอบของ ปิยะโสภิชาโดยระบุในทำนองว่า จากข่าว น้องคนหนึ่งสอบครูติด อันดับ 1 ผ่านไป 3 วัน ชื่อหาย ขออย่าเพิ่งด่า น้องคนที่มาเสียบแทน เพราะเอาชื่อน้องไปเสิร์ชในกูเกิล น้องคนนี้ก็เก่งระดับหัวกะทิ เพราะน้องสอบผ่าน ภาค ก. ภาค ข. สนามอาชีวะ ซึ่งเป็นข้อสอบที่ยากกว่า สพม.ที่เป็นข่าวนี้ น้องติด 1 ใน 400 คน จาก 10,000 คน น้องก็ไม่ธรรมดา รอตรวจสอบให้แน่ชัด ถ้าน้องใช้เส้นสายจริงค่อยด่า นั้นเองค่ะ

‘หนุ่ม กรรชัย’ เผยคำพูดถึง ‘พู่กัน-แมงปอ’ หลังต่อสายตรงหา ตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูก

จากกรณีของ พู่กัน-แมงปอ ที่เจอปัญหาหนี้สินทำให้ต้องยุติชีวิตคู่ทั้งยังรักและห่วงใยกัน ฝ่ายหญิงร้องสื่อผ่านหลังถูกพ่อฝ่ายชายหลอกให้จัดงานแต่งสูญเงินกว่า 3 แสนบาท จนพ่อแม่ แมงปอ ต้องนำเอาทองคำไปจำนำและหยิบยืมเงินญาติและเพื่อนบ้านเพื่อใช้หนี้การจัดงาน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ พู่กัน แมงปอ จะดีขึ้นหลังจากผู้ใหญ่ใจดียื่นมือช่วยเหลือล่าสุดเฟสบุ๊คส่วนตัว ของ หนุ่ม กรรชัย ได้ออกมาโพสต์ระบุข้อความว่า เมื่อเช้าน้องพู่กันโทรหาผมและบอกว่า ตอนนี้ผมและแมงปอทำตัวไม่ถูกครับมีทั้งคนชมและคนว่าผมผมเลยบอกน้องไปว่า ไม่ต้องคิดมาก อย่าคาดหวังให้คนทุกคนเข้าใจเรา ยิ่งคุณเข้ามาสู่วงการนี้แล้ว ก็ต้องแบกรับให้ไหว ถ้าน้องต้องทำงานหาเงินด้านนี้ น้องก็ต้องรับคำชม และรับคำด่าให้ได้ แต่ถ้าน้องทนคำติฉินนินทาไม่ได้ ทางเลือกคือ เอ็งต้องกลับไปสู่จุดเดิม คือเรียนหนังสือแล้วกลับที่พัก ใช้ชีวิตเป็นไอ้พู่ ไม่ใช่น้องพู่ สุดท้ายน้องต้องเลือกทางเดินเองครับพู่ ก่อนวางสาย ผมบอกน้องไปว่า เอ็งจงจำคำพี่ไว้นะพู่ ของฟรีไม่มีในโลก

S-129744991-0-696x392

S-129744994-0-696x392

w1200-16

ส่องชีวิตล่าสุด ‘ชลิต เฟื่องอารมย์’ ผันตัวทำสวนทุเรียน รวยเป็นเศรษฐี ร้อยล้าน

หายหน้าหายตาจากจอทีวีไปพักใหญ่ สำหรับ ตุ่ม-ชลิต เฟื่องอารมย์ นักแสดงอาวุโส เปลี่ยนเส้นทางชีวิต หันไปเป็นเกษตรกรปลูกทุเรียน ขายดีมากจนคนมาเหมาทั้งสวน ล่าสุด ตุ่ม ชลิต ออกมาเปิดใจในรายการโต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา ถึงการวางแผนชีวิตหลังเกษียณ พร้อมเปิดใจเรื่องงานในวงการบันเทิงหลังจากนี้

แนน ชลิตา

เริ่มต้นที่จะไปเป็นชาวสวนทุเรียนตั้งแต่เมื่อไร ? “ตั้งแต่เราวัยรุ่นแล้วนะ ตั้งแต่เริ่มเล่นละคร เริ่มมีอาชีพเป็นนักแสดง ซึ่งตากล้องช่อง 3 เขาจะขายพื้นที่จันทบุรีไร่ละ 30,000 ซึ่งเราก็พอจะมีเงินไปซื้อ แล้วจันทบุรีเขาปลูกทุเรียน เราก็เริ่มปลูกแต่พื้นที่โล่งๆ ว่างเปล่า ตอนแรกซื้อมา 15 ไร่ และทำไปเรื่อยๆ ซึ่งครั้งแรกเราก็ปลูกทุเรียนเลย แล้วก็มังคุด เงาะ ลองกอง อะไรที่เป็นผลไม้ของเมืองจันเราลงหมดเลย”

การทำสวนมันอยู่ในความฝันเราไหม ? “เราเรียนรู้และศึกษาเอาเอง จากคุณที่เราให้เขามาดูแลสวน ซึ่งเมื่อก่อนเราไปนอนพักผ่อนและมีหน้าที่จ่ายเงินเดือนเขาอย่างเดียว พอเราเริ่มรู้จักคนที่สมาคมเมืองจัน เราก็ไปช่วยงานเขาบ่อย จนกลายเป็นคนเมืองจันไปแล้ว และเราก็ไปหากินที่นู้น ช่วยงานจังหวัดโดยไม่ต้องจ่ายค่าตัว ไปช่วยให้ฟรี”

ตอนนี้ขยายได้กี่ไร่แล้ว ? “จาก 15 ไร่ ตอนนี้เป็น 50 ไร่แล้ว และเราก็เริ่มซื้อไปเรื่อยๆ ตรงไหนเขาเดือดร้อนมาเราก็ช่วยซื้อ ซึ่งเมื่อก่อนคนสวนถือว่าไม่มีเงินเหมือนตอนนี้ เมื่อก่อนทุเรียนถูกราคา 30 บาท แต่ปัจจุบันมูลค่ามันขึ้นมาเยอะขึ้นเพราะเราส่งออกไปที่จีน”

ค่าใช้จ่ายเดือนเท่าไหร่ ? “ใช้เงินหลักแสนในการทำสวน ต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำสวนแล้วก็คนงาน ถ้าพูดถึงตอนนั้นกับตอนนี้การลงทุนก็ใกล้เคียงกัน แต่ตอนนี้มากขึ้นกว่าทุเรียนเป็นโรคมากขึ้น สารพัดโรคเลย”

อัปเดตชีวิตล่าสุด ชลิต เฟื่องอารมย์ ฟุ้งแม้โควิด-19 แต่

การที่จะเป็นเศรษฐีร้อยล้าน เป็นเจ้าของสวนทุเรียนยากไหม ? “อย่าทำเลยไม่แนะนำ เพราะถ้าคนงานขาดเราทำเอง ซึ่งคนงานเราก็ต้องจ่ายราคาแพง เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ถูกๆ เมื่อก่อนวันละ 100 เดี๋ยวนี้วันละ 300- 400 ทุกอย่างต้องลงทุนหมดแต่ทุกคนมองไม่เห็น ทุกคนมองเห็นแต่เงิน ว่ามันต้องได้เยอะอย่างนั้นอย่างนี้”

ทุกวันนี้คนไทยมีโอกาสได้กินทุเรียนสวนเราไหม ? “เราก็ไม่แน่ใจว่ามีใครได้กินบ้าง เมื่อก่อนนี้ได้กิน ซึ่งทุเรียนเมืองจันมันเยอะมาก แต่เดี๋ยวนี้ล้งคนจีนมาเหมาทั้งสวนเลย ซึ่งเขาจะมีคนงานมาตัดและเขาก็จะคิดค่าตัดเรารวมอยู่ในราคาซื้อทุเรียน เจอกันที 20 กว่าคน มาที 20 กว่าตัน ไม่ได้ตัดแค่ 100-200 กิโลกรัม”

อนาคตและความคาดหวังจากนี้ไปเป็นยังไงบ้าง ? “เราไม่ได้คาดหวัง คิดแค่ว่าทำปีนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง ทุกอย่างเราต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด เพราะให้เงินเราเราก็ต้องดูแลเขา เราต้องเร่งราก ตัดแต่งกิ่ง ฉีดยาทุกอย่างให้เขา อยู่กับเขาตั้งแต่ตีห้ายัน 6 โมงเย็นทุกวัน ซึ่งทุกวันนี้เราก็อยู่ที่จันทบุรีเป็นหลัก”

เป็นมรดกให้กับลูกได้ไหม ? “อยู่ที่ว่าเขาจะเอาหรือไม่เอา เพราะไม่รู้ดูไม่ออกว่าใครจะเอา อาจจะเป็นหลานก็ได้ที่อยากจะทำต่อ ก็ต้องรอดูต่อไป แต่คิดว่าลูกหลานคงไม่ทิ้งเพราะมันคงเป็นมรดก”

ทุกวันนี้ยังจะทำงานในวงการบันเทิงต่อไปไหม ? “ทำสิๆ มันคือชีวิตของเรา เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็ยังโชคดี ยังมีงานมาให้เราได้เล่นบ้าง แต่เราก็มาเจอในกองมองเห็นสภาพที่เราตอนเป็นหนุ่ม รวมไปถึงผู้จัดละครที่สนิทสนม ได้ไปเจอนักแสดงรุ่นเดียวกันมันก็มีความสุขอีกอย่างนึง ได้เห็นการเป็นไปของเป็นเพื่อน อย่างน้อยวงการนี้มันมีอะไรซึ่งเรารักกันโดยไม่รู้ตัว เวลาไปทำงานมันจะรู้สึกภาพเก่าๆ มันปรากฏแล้วทำให้เรารู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ มันมีความสุข”

ส่องชีวิต ตุ่ม ชลิต กับอาชีพเกษตรกร เจ้าของสวนทุเรียนเมืองจันทร์

ชลิต เฟื่องอารมย์ ขนมาให้เป็นคันรถ ผลไม้สด ๆ จากสวน แถมแบ่งบ้านสะใภ้เชียงใหม่

ชลิต เฟื่องอารมย์ ขนมาให้เป็นคันรถ ผลไม้สด ๆ จากสวน แถมแบ่งบ้านสะใภ้เชียงใหม่

ส่องอาณาจักรบ้านสวน

Popular Posts

My Favorites

“โค้ชเอก” เปิดใจระทึก น้ำท่วมติดอยู่บนหลังคา 3 วัน รู้สึกเหมือนตอนติดถ้ำ

0
จากสถานการณ์น้ำท่วมแม่สายครั้งใหญ่ทำให้ประชาชนจำนวนมากกลายเป็นผู้ประสบภัย 1 ในนั้นคือโค้ชเอก ทีมหมูป่า หรือ นายเอกพล จันทะวงษ์ ที่เคยเข้าไปติดในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน กลายเป็นผู้ประสบภัยอีกครั้งในเหตุการณ์น้ำท่วม ที่โค้ชเอกและครอบครัวต้องพากันหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านเป็นเวลาถึง 3 วัน 2 คืน ก่อนที่ทางหน่วยซีลจะเข้าไปช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จ ล่าสุดวันที่ 12 กันยายน 2567 เพจ Thai Navy SEAL Foundation ได้โพสต์คลิปสัมภาษณ์โค้ชเอก เปิดใจเล่านาทีกลายเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วมแม่สาย  โค้ชเอก เปิดใจเล่าวินาทีระทึกกลายเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงรายว่าครั้งนี้โหดมาก น้ำมาเร็วมาก เอาข้าวของอะไรออกมาไม่ทันเลย...