จากกรณี ผู้ใหญ่บ้านที่พัทลุงถูกแจ้งความทำร้ายร่างกายป้าวัย 59 ปี ลูกบ้าน ฟันหัก ร่างกาย ใบหน้ามีบาดแผลฟกช้ำน่วมทั้งตัว เหตุจากนำฝูงวัวไปเลี้ยงในที่ดินแปลงเดียวกัน เจอกันตอนต้อนวัวกลับเลยมีเรื่อง ล่าสุดนายอำเภอตั้งกรรมการสอบแล้ว พร้อมนำกระเช้าไปเยี่ยมผู้เสียหายที่รพ. ลูกสาวยอมรับกลัว แต่จะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จากเหตุการณ์เมื่อเวลา 17.45 น วันที่ 27 สิงหาคม 2567 นางสาววรรณา ชูแย้ม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 ม.15 ต.ตำนาน อ.เมือง จ.พัทลุง ได้นำนางเกษม ชัยสุริยา อายุ 59 ปี ผู้เป็นแม่ ส่งโรงพยาบาลพัทลุง
หลังได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกาย จนเลือดกบปาก ฟันหัก 1 ซี่ ร่างกายและใบหน้ามีบาดแผลฟกช้ำ น่วมไปทั้งตัว แพทย์ทำแผล ให้น้ำเกลือ และให้นอนรักษาตัวที่ รพ.พัทลุง นางสาววรรณา ลูกสาว เล่าว่าผู้ก่อเหตุคือ ผู้ใหญ่หมา หรือนายพงษ์พันธ์ เอียดหมุน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ตำบลท่าแค อ.เมืองพัทลุง โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่นางเกษม ผู้เป็นแม่ กำลังไปเอาฝูงวัวที่ล่ามไว้บนที่ดินของเพื่อนบ้านกลับเข้าคอก ได้เจอกับผู้ใหญ่บ้านกำลังไปต้อนฝูงวัวที่ปล่อยเลี้ยงไว้ในที่ดินแห่งเดียวกันกลับเข้าคอกเช่นกัน ขณะที่นางเกษมกำลังต้อนวัวอยู่นั้น ผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาต่อว่า
ทำนองไม่พอใจที่นางเกษม เอาฝูงวัวที่เลี้ยงมาปล่อยเลี้ยงในที่ดินแห่งเดียวกันและห้ามไม่ให้นางเกษม นำวัวมาเลี้ยงที่ดินดังกล่าวอีก “แต่แม่บอกว่า ขออนุญาตเจ้าของที่แล้ว จะเอายังไงก็ให้เจ้าของที่มาพูดกับเธอเอง และบอกด้วยว่าวัวของแม่มีไม่กี่ตัว พ่อของผู้ใหญ่บ้านมีวัวที่นำมาเลี้ยงในที่ดินมากกว่าอีก
และแม่ยืนยันจะเลี้ยงในที่ดินตรงนี้จนเกิดการโต้เถียงกัน ทำให้ผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจ เดินเข้าไปทำร้ายร่างกายแม่ ทั้งเตะ ต่อย ตบและถีบ จนแม่ล้ม ต้องยกมือไหว้ ร้องขอชีวิต ขอว่าอย่าทำร้าย อย่าทำแบบนี้เพราะไม่ใช่ใครมาจากไหน คนในหมู่บ้านเดียวกัน และเป็นลูกบ้าน แต่ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ฟัง ส่วนเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย
หลังซ้อมแม่จนหนำใจ ยังขู่แม่ด้วยว่าหากเรื่องนี้ถึงโรงพัก กูจะเอาให้ถึงที่สุด” นางสาววรรณา ลูกสาว ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้เธอเองและครอบครัว รู้สึกหวาดกลัว เพราะผู้ใหญ่มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่ก็ขอแจ้งความ เพราะผู้ใหญ่บ้านทำเกินไป มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำและครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อประมาณเกือบ 10 ปี นางเกษม เคยถูกบิดาของผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ตบหน้าหลังทะเลาะกันเรื่องวัวไปกินหญ้าที่แปลงของครอบครัวผู้ใหญ่บ้าน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ทั้งสองครอบครัวมีเรื่องระหองระแหงกันมาบ่อยครั้ง
จากนั้นเวลา 22.00 น. หลังจากแพทย์ให้นางเกษมนอนพักฟื้นที่ รพ.พัทลุง นางสาววรรณา ลูกสาว ได้เดินทางไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.วัลลภ ยั่งยืน ร้อยเวร สภ.เมือง พัทลุง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใหญ่บ้าน ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายแม่ ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวผู้เสียหายมาสอบสวนหลังจากแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล พร้อมจะเรียกผู้ใหญ่บ้านมาสอบสวนและตั้งข้อกล่าวหาต่อไป ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ สอบถาม นางสุวรรณดี มากมณี อายุ 65 ปี ชาวบ้านตำบลท่าแค อ.เมืองพัทลุง เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า ในเบื้องต้นเพิ่งทราบเรื่องจากข่าวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่ทราบรายละเอียด แต่ในฐานะเจ้าของที่ดินไม่เคยห้ามหรือร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านในเรื่องการเลี้ยงวัวในสวนยาง เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รับผลกระทบอะไร เป็นไปได้มั้ย ที่ผู้ใหญ่บ้านจะหวงที่ดินไว้ให้พ่อเลี้ยงวัวจึงห้ามคนอื่นเลี้ยง ด้านนายภักดิ์ เอียดหมุน อายุ 70 ปี พ่อผู้ใหญ่หมา กล่าวว่า
เข้าใจว่าผู้เสียหายมีนิสัยอย่างไร กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเชื่อว่าลูกชายคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เนื่องจากอีกฝ่ายคงจะด่าทอหรือต่อว่า ที่ลูกชายไปเป็นคนกลางให้ลูกบ้านที่ร้องขอให้ช่วยตักเตือนคนเลี้ยงวัว อย่าเอามาเลี้ยงในสวนยางพาราเพราะจะมีผลกระทบ แต่หลังจากเตือนคงจะมีการด่าทอ ลูกชายในฐานะผู้ใหญ่เลยทนไม่ไหว ขณะที่นางสาวศรอนงค์ สงสมพันธ์ นายอำเภอเมืองพัทลุง กล่าวว่าเบื้องต้นได้เรียกนายพงพันธ์หรือ ผู้ใหญ่หมา มาสอบถามเกี่ยวกับเหตุณ์กระทำความรุนแรงแล้ว
โดยผู้ใหญ่หมาบอกตนว่าเป็นแค่คนกลางไปคุยไม่ให้ผู้เสียหายนำวัวไปเลี้ยง แต่ถูกด่าทอเลยเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ลงมือทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ดี ในฐานะนายอำเภอได้ว่ากล่าวตักเตือนผู้ใหญ่บ้านในการใช้ความรุนแรงและต้องระลึกอยู่เสมอว่าเราเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นนักปกครอง และหลังจากนี้จะได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จภายใน 15 วัน เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ ตนต้องลงไปดูแลและเยียวยาเพื่อเป็นกำลังในการที่ถูกกระทำความรุนแรง
ต่อมาวันที่ 28 ส.ค. นางสาวศรอนงค์ สงสมพันธ์ นายอำเภอเมืองพัทลุง ได้นำกระเช้าเยี่ยมนางเกษมที่ รพ.พัทลุง เพื่อเป็นกำลังใจและดูช่องทางการในการช่วยเหลือเยียวยา โดยนางเกษม ยังคงมีอาการปวดตามร่างกาย ใบหน้าบวมและมีเลือดออกในปาก เนื่องจากฟันหักไป 1 ซี่ และอีก 2 ซี่โยก แพทย์ยังให้นอนรักษาตัวที่ โรงพยาบาลอีกระยะ ขณะที่นางสาววรรณา ชูแย้ม บุตรสาว บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัวยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ล่าสุดตอนนี้เธอเป็นห่วงแม่มาก เพราะอาการโดยรวมยังไม่ดีขึ้น
ทั้งมีความกังวลและหวาดกลัวในเรื่องความปลอดภัย นางสาววรรณา บอกกับทีมข่าวด้วยว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจจะเพราะปมเหตุความขัดแย้งของครอบครัวของเธอกับผู้ใหญ่บ้านที่มีมาตลอด และเหตุจูงใจอีกเรื่องน่าจะมาจากเรื่องที่ดินของป้า ซึ่งเป็นพี่สาวของแม่ที่ผู้ใหญ่บ้านขอที่ดินไปเพื่อทำเป็นทางสาธารณะแต่ป้าไม่ยอมยกให้เป็นที่สาธารณะ แต่อนุญาตให้ทำถนนได้ เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใหญ่บ้านและอาจเป็นปมเหตุในเรื่องนี้ด้วย ส่วนแม่ปกติก็เป็นคนไม่มีเรี่ยวแรงอยู่แล้วเพราะป่วยมีโรคประจำตัว ผู้ใหญ่บ้านไม่น่าจะทำกับครอบครัวของเธอแบบนี้เลย