ข่าวด่วน

Home ข่าวด่วน Page 11
Featured posts

ด่วน! หนุ่มตะโกนขอความช่วยเหลือ ก่อนดิ่งชั้น 7 โรงแรมดังพัทยาดับสยอง

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 29 ส.ค. 2567 ร.ต.อ.ชานันท์ เกษรบัว รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุมีชาวต่างประเทศพลัดตกจากที่สูง เสียชีวิต เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมืองพัทยา ภายในซอยเลียบชายหาดพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้ง จึงพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รีบนำกำลังไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ พบพนักงานและผู้เข้าพักบางส่วนออกมาเฝ้าสังเกตการณ์ หลังพบร่าง MR.AKUHATA EDWARD ROBERT HAMMIND สัญชาตินิวซีแลนด์อายุ 36 ปี พลัดตกจากระเบียงห้องที่ 719 ชั้นที่ 7 ลงมากระแทกค้างอยู่กับท่อแอร์ และท่อสายไฟ ของโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียงกันทางด้านหลัง เสียชีวิตคาที่ ในสภาพหน้าสยดสยอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันช่วยกันกู้ร่างลงมา ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด

จากการสอบถามกลุ่มพนักงานของโรงแรมที่เกิดเหตุ ทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีอาการลักษณะคล้ายหลอนยาเสพติด พยายามตะโกนเป็นภาษาอังกฤษ HELP ME ขอความช่วยเหลือ ในขณะที่กลุ่ม พนักงานพยายามโต้ตอบเพื่อจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ชาวต่างชาติคนดังกล่าว ได้กระโดดลงจากระเบียงหลังห้อง จนร่างลอยละลิ่วลงมาตกค้างอยู่บนท่อสายไฟและท่อแอร์ จนเสียชีวิตคาที่ ทุกคนต่างอยู่ในความตกใจอย่างมาก เมื่อตั้งสติได้จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย โดยพนักงานยังมอบคลิปวีดีโอ วินาทีที่ชาวต่างชาติอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งไว้ให้เป็นหลักฐาน ก่อนจะได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เคลื่อนย้ายศพ ส่งไปตรวจ ชันสูตรพลิกศพ ยังสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

ผู้สื่อข่าวจังหวัดชลบุรี รายงาน

สั่งสอบด่วน!! ผู้ใหญ่บ้านตบป้า ตบป้าวัย 59 ปีฟันร่วงเจ็บหนักต้องนอนรพ

จากกรณี ผู้ใหญ่บ้านที่พัทลุงถูกแจ้งความทำร้ายร่างกายป้าวัย 59 ปี ลูกบ้าน ฟันหัก ร่างกาย ใบหน้ามีบาดแผลฟกช้ำน่วมทั้งตัว เหตุจากนำฝูงวัวไปเลี้ยงในที่ดินแปลงเดียวกัน เจอกันตอนต้อนวัวกลับเลยมีเรื่อง ล่าสุดนายอำเภอตั้งกรรมการสอบแล้ว พร้อมนำกระเช้าไปเยี่ยมผู้เสียหายที่รพ. ลูกสาวยอมรับกลัว แต่จะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จากเหตุการณ์เมื่อเวลา 17.45 น วันที่ 27 สิงหาคม 2567 นางสาววรรณา ชูแย้ม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 ม.15 ต.ตำนาน อ.เมือง จ.พัทลุง ได้นำนางเกษม ชัยสุริยา อายุ 59 ปี ผู้เป็นแม่ ส่งโรงพยาบาลพัทลุง

หลังได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกาย จนเลือดกบปาก ฟันหัก 1 ซี่ ร่างกายและใบหน้ามีบาดแผลฟกช้ำ น่วมไปทั้งตัว แพทย์ทำแผล ให้น้ำเกลือ และให้นอนรักษาตัวที่ รพ.พัทลุง นางสาววรรณา ลูกสาว เล่าว่าผู้ก่อเหตุคือ ผู้ใหญ่หมา หรือนายพงษ์พันธ์ เอียดหมุน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ตำบลท่าแค อ.เมืองพัทลุง โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่นางเกษม ผู้เป็นแม่ กำลังไปเอาฝูงวัวที่ล่ามไว้บนที่ดินของเพื่อนบ้านกลับเข้าคอก ได้เจอกับผู้ใหญ่บ้านกำลังไปต้อนฝูงวัวที่ปล่อยเลี้ยงไว้ในที่ดินแห่งเดียวกันกลับเข้าคอกเช่นกัน ขณะที่นางเกษมกำลังต้อนวัวอยู่นั้น ผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาต่อว่า

ทำนองไม่พอใจที่นางเกษม เอาฝูงวัวที่เลี้ยงมาปล่อยเลี้ยงในที่ดินแห่งเดียวกันและห้ามไม่ให้นางเกษม นำวัวมาเลี้ยงที่ดินดังกล่าวอีก “แต่แม่บอกว่า ขออนุญาตเจ้าของที่แล้ว จะเอายังไงก็ให้เจ้าของที่มาพูดกับเธอเอง และบอกด้วยว่าวัวของแม่มีไม่กี่ตัว พ่อของผู้ใหญ่บ้านมีวัวที่นำมาเลี้ยงในที่ดินมากกว่าอีก

และแม่ยืนยันจะเลี้ยงในที่ดินตรงนี้จนเกิดการโต้เถียงกัน ทำให้ผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจ เดินเข้าไปทำร้ายร่างกายแม่ ทั้งเตะ ต่อย ตบและถีบ จนแม่ล้ม ต้องยกมือไหว้ ร้องขอชีวิต ขอว่าอย่าทำร้าย อย่าทำแบบนี้เพราะไม่ใช่ใครมาจากไหน คนในหมู่บ้านเดียวกัน และเป็นลูกบ้าน แต่ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ฟัง ส่วนเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย

หลังซ้อมแม่จนหนำใจ ยังขู่แม่ด้วยว่าหากเรื่องนี้ถึงโรงพัก กูจะเอาให้ถึงที่สุด” นางสาววรรณา ลูกสาว ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้เธอเองและครอบครัว รู้สึกหวาดกลัว เพราะผู้ใหญ่มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่ก็ขอแจ้งความ เพราะผู้ใหญ่บ้านทำเกินไป มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำและครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อประมาณเกือบ 10 ปี นางเกษม เคยถูกบิดาของผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ตบหน้าหลังทะเลาะกันเรื่องวัวไปกินหญ้าที่แปลงของครอบครัวผู้ใหญ่บ้าน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ทั้งสองครอบครัวมีเรื่องระหองระแหงกันมาบ่อยครั้ง

จากนั้นเวลา 22.00 น. หลังจากแพทย์ให้นางเกษมนอนพักฟื้นที่ รพ.พัทลุง นางสาววรรณา ลูกสาว ได้เดินทางไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.วัลลภ ยั่งยืน ร้อยเวร สภ.เมือง พัทลุง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใหญ่บ้าน ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายแม่ ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวผู้เสียหายมาสอบสวนหลังจากแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล พร้อมจะเรียกผู้ใหญ่บ้านมาสอบสวนและตั้งข้อกล่าวหาต่อไป ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ สอบถาม นางสุวรรณดี มากมณี อายุ 65 ปี ชาวบ้านตำบลท่าแค อ.เมืองพัทลุง เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า ในเบื้องต้นเพิ่งทราบเรื่องจากข่าวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่ทราบรายละเอียด แต่ในฐานะเจ้าของที่ดินไม่เคยห้ามหรือร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านในเรื่องการเลี้ยงวัวในสวนยาง เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รับผลกระทบอะไร เป็นไปได้มั้ย ที่ผู้ใหญ่บ้านจะหวงที่ดินไว้ให้พ่อเลี้ยงวัวจึงห้ามคนอื่นเลี้ยง ด้านนายภักดิ์ เอียดหมุน อายุ 70 ปี พ่อผู้ใหญ่หมา กล่าวว่า

เข้าใจว่าผู้เสียหายมีนิสัยอย่างไร กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเชื่อว่าลูกชายคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เนื่องจากอีกฝ่ายคงจะด่าทอหรือต่อว่า ที่ลูกชายไปเป็นคนกลางให้ลูกบ้านที่ร้องขอให้ช่วยตักเตือนคนเลี้ยงวัว อย่าเอามาเลี้ยงในสวนยางพาราเพราะจะมีผลกระทบ แต่หลังจากเตือนคงจะมีการด่าทอ ลูกชายในฐานะผู้ใหญ่เลยทนไม่ไหว ขณะที่นางสาวศรอนงค์ สงสมพันธ์ นายอำเภอเมืองพัทลุง กล่าวว่าเบื้องต้นได้เรียกนายพงพันธ์หรือ ผู้ใหญ่หมา มาสอบถามเกี่ยวกับเหตุณ์กระทำความรุนแรงแล้ว

โดยผู้ใหญ่หมาบอกตนว่าเป็นแค่คนกลางไปคุยไม่ให้ผู้เสียหายนำวัวไปเลี้ยง แต่ถูกด่าทอเลยเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ลงมือทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ดี ในฐานะนายอำเภอได้ว่ากล่าวตักเตือนผู้ใหญ่บ้านในการใช้ความรุนแรงและต้องระลึกอยู่เสมอว่าเราเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นนักปกครอง และหลังจากนี้จะได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จภายใน 15 วัน เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ ตนต้องลงไปดูแลและเยียวยาเพื่อเป็นกำลังในการที่ถูกกระทำความรุนแรง

ต่อมาวันที่ 28 ส.ค. นางสาวศรอนงค์ สงสมพันธ์ นายอำเภอเมืองพัทลุง ได้นำกระเช้าเยี่ยมนางเกษมที่ รพ.พัทลุง เพื่อเป็นกำลังใจและดูช่องทางการในการช่วยเหลือเยียวยา โดยนางเกษม ยังคงมีอาการปวดตามร่างกาย ใบหน้าบวมและมีเลือดออกในปาก เนื่องจากฟันหักไป 1 ซี่ และอีก 2 ซี่โยก แพทย์ยังให้นอนรักษาตัวที่ โรงพยาบาลอีกระยะ ขณะที่นางสาววรรณา ชูแย้ม บุตรสาว บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัวยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ล่าสุดตอนนี้เธอเป็นห่วงแม่มาก เพราะอาการโดยรวมยังไม่ดีขึ้น

ทั้งมีความกังวลและหวาดกลัวในเรื่องความปลอดภัย นางสาววรรณา บอกกับทีมข่าวด้วยว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจจะเพราะปมเหตุความขัดแย้งของครอบครัวของเธอกับผู้ใหญ่บ้านที่มีมาตลอด และเหตุจูงใจอีกเรื่องน่าจะมาจากเรื่องที่ดินของป้า ซึ่งเป็นพี่สาวของแม่ที่ผู้ใหญ่บ้านขอที่ดินไปเพื่อทำเป็นทางสาธารณะแต่ป้าไม่ยอมยกให้เป็นที่สาธารณะ แต่อนุญาตให้ทำถนนได้ เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใหญ่บ้านและอาจเป็นปมเหตุในเรื่องนี้ด้วย ส่วนแม่ปกติก็เป็นคนไม่มีเรี่ยวแรงอยู่แล้วเพราะป่วยมีโรคประจำตัว ผู้ใหญ่บ้านไม่น่าจะทำกับครอบครัวของเธอแบบนี้เลย

ปู่จำใจขายวัว 12 ตัว ใช้หนี้ให้หลานสาว หลังถูกหลอกเปิดบัญชีม้า

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม นายก้อนแก้ว อายุ 70 ปี พานางสาวเปิ้ล (นามสมมุติ) หลานสาววัย 17 ปี เข้าร้องเรียนที่กองบังคับการตำรวจตำรวจสืบสวนสอบสวนอาญากรรมทางเทคโนโลยี 4 อ.เมืองเชียงใหม่ ขอให้ช่วยเหลือหลังจากที่หลานสาวถูกหลอกเปิดบัญชีม้าจนถูกหมายเรียกในข้อหาฉ้อโกงจำนวน 4 หมายจาก 4 โรงพัก ต้องขายวัวไปกว่า 10 ตัวเพื่อชดใช้ให้กับผู้เสียหายเพราะกลัวหลานติดคุกเสียอนาคต

น.ส.เปิ้ล เด็กสาวผู้เสียหาย เล่าว่า ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบการชักชวนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ให้ทำงานเสริมด้วยการเข้าไปชมและกดไลค์กดแชร์เว็บต่าง ๆ เธอสนใจเพราะเห็นว่าเป็นการหารายได้เสริมจึงสอบถามรายละเอียด ตอนแรกบอกให้ส่งหลักฐานเป็นบัตรประชาชนหน้าหลัง แต่หลังจากนั้นก็บอกว่าให้ถ่ายคลิปที่เห็นใบหน้าชัดเจนเพื่อเป็นการยืนยันตัวตน เธอจึงอัดคลิปส่งไปให้ แต่หลังจากนั้นคนที่ชักชวนก็บล็อกทุกช่องทาง ติดต่อไม่ได้อีกเลย

ต่อมา พบว่ามีหมายเรียกจากหลายโรงพักทยอยส่งมาถึงที่บ้าน โดยวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้รับหมายเรียกจาก สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 15 กุมภาพันธ์ หมายเรียกจาก สภ.บ่อเกลือ จ.น่าน วันที่ 11 กรกฏาคม หมายเรียกจาก สภ.เมืองสมุทรปราการ และ วันที่ 1 สิงหาคม ได้รับหมายเรียกจาก สภ.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ทั้งหมดเป็นหมายเรียกในข้อหาฉ้อโกง พฤติการณ์ลักษณะเดียวกันคือมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูกหลอกลวงและเงินที่ถูกหลอกโอนไปเข้าบัญชีธนาคารที่มีชื่อของเธอ รวมทั้งหมด 3 บัญชีธนาคาร เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้เธอเครียดจนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า

นายก้อนแก้ว ปู่ของนางสาวเปิ้ล บอกว่า หลังได้รับหมายเรียกหลานสาวเครียดหนักเพราะเสียใจที่เสียรู้ถูกหลอกจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแม่แจ่มมาหลายเดือน ขณะที่ตนได้ติดต่อสอบถามไปทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ทราบว่าฝั่งผู้เสียหายเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายที่ถูกหลอกโอนเงิน หากไม่ชดใช้จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ด้วยความกลัวหลานจะติดคุกจึงจำใจขายลูกวัวไป 12 ตัว นำเงินไปชดใช้ให้กับผู้เสียหายท้องที่ สภ.บ่อเกลือ 5,000 บาท และคดีที่ สภ.บางปะอิน 15,000 บาท เพื่อถอนแจ้งความ ส่วนอีก 2 คดีที่เหลือตอนนี้จนปัญญาแล้ว ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจึงเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่แจ่ม ก่อนที่นายสุระวุธ จันทร์งาม นายอำเภอแม่แจ่ม จะทำหนังสือขอให้ทาง บก.ปอท.4 ช่วยเหลือ

นายก้อนแก้ว เล่าด้วยว่า หลานสาวเป็นเด็กน่าสงสาร พ่อป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและตัดสินใจจบชีวิตไปตั้งแต่ลูกสาวอายุ 8 เดือน ส่วนแม่ก็ต้องออกไปทำงานไกลบ้าน ที่ผ่านมามีปู่และย่าคอยเลี้ยงดูมาตลอด รู้สึกสงสารหลานสาวมากที่ตอนนี้กลายเป็นโรคซึมเศร้า ช่วงไหนที่เครียดมากจะมีอาการมือไม้สั่นและร้องไห้หวาดกลัวจนทำให้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้การช่วยเหลือ

ด้าน นายนราชัย ใจคำ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เทศบาลตำบลแม่แจ่ม ผู้ประสานงานและพาสองปู่หลานเข้าร้อง บก.สอท.4 ในครั้งนี้ เปิดเผยว่า หลังจากร้องเรียนได้พาทั้งสองไปตรวจสอบข้อมูลที่ธนาคารแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่ถูกระบุว่าเปิดบัญชี ทราบว่าเป็นการเปิดบัญชีผ่านระบบดิจิทัลแบงกิ้ง จึงได้ทำคำร้องขอเอกสารเพื่อยื่นให้กับพนักงานสอบสวนเป็นหลักฐานยืนยัน โดยคาดว่าคลิปที่ถูกหลอกให้ถ่ายกลุ่มมิจฉาชีพจะนำไปใช้ในการเปิดบัญชีม้า ซึ่งหลังจากนี้ทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่แจ่มจะเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ไม่มาตามนัด ปลัดอำเภอกร่าง เลื่อนรับทราบข้อกล่าวหา

จากกรณีปลัดอำเภอวัฒนานคร จ.สระแก้ว ช่วยราชการฝ่ายปกครองจังหวัด สร้างวีรกรรม กร่าง พกปืนเข้าร้านเหล้าไปขู่บังคับพนักงานในร้านแล้วลากตัวไปขึ้นรถขับออกจากร้านไปแถมยังอวดอ้างว่าเป็นเด็กบ้านใหญ่ รู้จักผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เป็นอย่างดีเหตุเกิดภายในร้านเหล้าแห่งหนึ่งในเมืองสระแก้ว เมื่อคืนวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายเชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดได้ ออกคำสั่งให้ย้ายปลัดกร่างไปดำรงตำแหน่งปลัดฝ่ายความมั่นคง ในอำเภอโคกสูง

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม มีรายงานว่า นายเชาวเนตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ออกคำสั่งดังกล่าว เปิดเผยถึงเหตุผลสั้นๆ เหตุสั่งย้าย ว่า ทางอำเภอโคกสูงขาดปลัดฝ่ายความมั่นคงอยู่ จึงได้จังหวะย้ายให้ไปทำหน้าที่นี้

ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปลัดคนดังกล่าว จะมารับทราบข้อกล่าวหาตามที่ได้นัดไว้กับพนักงานสอบสวน โดยมีผู้สื่อข่าวจำนวนมากรอทำข่าวจำนวนมาก แต่เมื่อถึงเวลานัดทางปลัดได้ติดต่อขอเลื่อนการมารับหมายเรียกออกไปเนื่องจาก นายอำเภอโคกสูงเรียกไปพบ

ด้าน พต.ท.สาโรช บุบผา สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสระแก้ว เจ้าของคดี กล่าวถึงสาเหตุของคดีดังกล่าวว่า น่าจะเกิดจากความหึงหวง ปลัดที่ทราบว่าก่อนหน้านี้หญิงสาวที่ตนคบหาอยู่ มาที่ร้านเหล้า และออกไปกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งปลัดรู้ภายหลังว่า หนุ่มคนนั้น รู้จักสนิทสนมกับ นายปริญญา พนักงานบริการภายในร้านเหล้า จึงตรงเข้าไปหาแล้วชักปืนพกสั้นจ่อไปยังนายปริญญา พร้อมกับลากตัวออกไปนอกร้าน และสั่งให้ขึ้นรถไปกับปลัด เพื่อเดินทางไปยังพื้นที่ตำบลหนองบอน เพื่อตามหานายอินทพล ชายหนุ่มที่พาเพื่อนสาวของตนออกจากร้าน แต่ระหว่างที่ลากตัวออกไป ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายนายปริญญา ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

พต.ท.สาโรช กล่าวอีกว่า หลังจากปลัดขับรถออกมาจากพื้นที่ตำบลหนองบอน ขณะผ่านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยเทศบาล 17 ได้พบกับรถของนายอินทพลขับสวนทางมา จึงหักรถเข้าไปขวางเพื่อให้หยุด จากนั้นจึงตรงเข้าไปทำร้ายร่างกายนายอินทพล จนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นการทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่ร้านเหล้าตามที่เป็นข่าว และไม่ใช่พนักงานในร้านเหล้าที่ถูกทำร้ายร่างกาย

เปิดใจ “ฟิล์ม” นักศึกษา ปี 1 เจ้าของภาพ “น้ำทะเล” สุดไวรัล เปิดเหตุผลขายราคาแค่ 800 บาท เจ้าตัวตกใจมาก คนแห่กดไลก์กว่า 8 หมื่นแล้ว เผย ใช้เวลาวาดนานไหม

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “กิตติเชษฐ์ รัตนคุณศาสตร์” โพสต์ภาพผลงานผ่านกลุ่ม ART & CRAFT Lovers Market โดยระบุข้อความว่า “ขออนุญาตขายผลงานครับ 800 บาทครับ ชื่อภาพ “น้ำทะเล” เทคนิค “สีอะคริลิคบนกระดาษ” ขนาด 42×59″ จนทำให้มีเข้ามากดไลก์และแชร์ออกไปจนกลายเป็นไวรัล พร้อมตั้งคำถามว่า “ภาพสวยขนาดนี้ ขายถูกไปไหม”

ล่าสุดวันที่ 28 ส.ค.2567 นายกิตติเชษฐ์ รัตนคุณศาสตร์ หรือ ฟิล์ม นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะจิตรกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดใจกับ ว่า ภาพน้ำทะเลที่เป็นไวรัลอยู่ตอนนี้ เป็นผลงานจากการเรียน ในหัวข้อแสงและเงา

เปิดใจ "ฟิล์ม" นักศึกษา ปี 1 เจ้าของภาพ "น้ำทะเล" สุดไวรัล เปิดเหตุผลขายราคาแค่ 800 บาท เจ้าตัวตกใจมาก คนแห่กดไลก์กว่า 8 หมื่นแล้ว เผย ใช้เวลาวาดนานไหม

การวาดภาพนี้ตนมีแรงบันดาลใจมาจากเงาที่กระทบกับคลื่นน้ำทะเล ที่ดูมีความเคลื่อนไหวและดูละมุนตา ตนจึงเลือกที่จะเขียนรูปนี้ขึ้น โดยวาดตามรูปภาพน้ำทะเลที่ตนเป็นคนถ่ายด้วยตัวเอง แม้ไม่ได้ฟิกซ์ตามรูปมากนัก แต่พยายามเขียนให้ภาพดูมีมิติ เน้นพวกน้ำหนักแสงเงา ไฮไลต์ทำให้งานดูเสร็จสมบูรณ์และสวยงาม

ก่อนหน้านี้ตนก็เคยลงขายในเพจ ซึ่งเป็นผลงานหลังส่งงานที่วาดในวิชาเรียนที่มหาวิทยาลัย ลงไป 2-3 งาน ตอนนั้นมีคนกดไลก์ 20-30 คน คนชื่นชม 4-5 คน ราคาขายอยู่ที่ 1,000-1,500 บาท

แต่พอมาครั้งนี้ หลังจากตนโพสต์ลงไป ก็มีคนเข้ามากดไลก์และแชร์เป็นจำนวนมาก ซึ่งตนตกใจมาก ไม่คิดว่ามันจะแมสขนาดนี้ ปกติคนติดต่อมาตนก็จะขายไปเลย ไม่คิดว่าคราวนี้จะมีคนสนใจงานเยอะขนาดนี้

ตอนนี้ยอดจำนวนคนกดไลก์ของรูปนี้ล่าสุดอยู่ประมาณ 80,000 ไลก์ คิดว่าทุกคนเข้ามาเห็นผลงาน กดไลก์กดแชร์กันเรื่อย ๆ จึงกลายเป็นที่สนใจทำให้กดเข้ามาดูกัน

หลังจากโพสต์ไปประมาณ 15 นาที ก็มีคนติดต่อเข้ามาซื้อในราคา 800 บาท เหตุผลที่ขายในราคานี้ เพราะตนคิดว่า ภาพนี้ตนใช้เวลาในการวาดไม่นานมากนัก ประมาณ 4 ชั่วโมง วาดในกลางดึกวันอาทิตย์ เพื่อส่งในเช้าวันจันทร์ รีบทำให้เสร็จจะได้รีบนอนแล้วตื่นไปส่งงานตอนเช้า ไม่ได้ฟิตอะไรมากนัก

สำหรับผลงานในอนาคต ตนก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีแนวทางเป็นอย่างไร แต่น่าจะตั้งขายในราคาประมาณ 1,200 บาทเป็นต้นไป ส่วนความรู้สึกตอนนี้ ตนตกใจและงงมาก เป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

ภาพตัวอย่างสำหรับวาดภาพที่นายกิตติเชษฐ์ รัตนคุณศาสตร์ หามาจากอินเตอร์เน็ต

แต่ในขณะเดียวกันก็ดีใจที่ทุกคนได้มาชื่นชมผลงาน รู้จักผลงานของตนมากขึ้น โดยตนเรียนศิลปะมาโดยตรง พอมีผลงานหลังส่งงานอาจารย์ ก็นำเอามาโพสต์ขายเป็นบางครั้ง ด้วยความที่ทำงานวาดรูปทุกวัน ทำตามที่อาจารย์สั่ง ทำมาเรื่อย ๆ จนมันชำนาญขึ้นทีละนิด

ทั้งนี้ อยากฝากให้ทุก ๆ คนเข้ามาสนับสนุนผลงานนักศึกษากันได้ ขอบคุณทุก ๆ คนมาก ตนภูมิใจมากที่มีโอกาสแบบนี้เข้ามา สามารถติดตามผลงานของฟิล์มได้ทางเฟซบุ๊ก “กิตติเชษฐ์ รัตนคุณศาสตร์” และอินสตาแกรมผลงาน @art_fillm

ลูกชายเปิดน้ำดื่มในร้าน แม่หน้าซีด โดนพนง.สั่งปรับ 10 เท่า ก่อนแม่ถามกลับประโยคเดียว พนง.ถึงกับไปไม่เป็น

เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานเหตุการณ์ที่กำลังเป็นประเด็นบนโลกออนไลน์ เมื่อลูกเปิดน้ำดื่มในซูเปอร์ ก่อนจ่ายเงิน แต่พนักงานกลับสั่งปรับ 10 เท่า มองว่าคือการขโมย แม่หน้าซีดไม่ยอม ยกเหตุผลแก้เกมชัดเจน จนคนแห่ยกนิ้ว ชื่นชมในไหวพริบสุดฉลาด

โดยเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อคุณแม่พาลูกไปซูเปอร์ตามปกติ แต่ลูกชายเกิดหิวน้ำ แม่ไม่ได้คิดอะไร จึงเปิดขวดน้ำให้ลูกดื่ม ก่อนจ่ายเงิน เพราะคิดว่า ยังไงพนักงานก็คิดเงินได้อยู่แล้ว

แต่พอถึงเวลาคิดเงิน ปรากฏว่า พนักงานแคชเชียร์บอกว่า ตามกฎของซูเปอร์มาร์เก็ต การดื่มน้ำโดยไม่จ่ายเงินก่อน เรียกว่าขโมย ต้องจ่ายค่าชดเชยต้องเป็น 10 เท่าของมูลค่าสินค้า

เมื่อได้ยินดังนั้น แม่รีบขอโทษพนักงานสำหรับพฤติกรรมของลูก และบอกว่าแม้ว่าลูกของเธอจะดื่มน้ำไปครึ่งขวดก่อน แต่เธอก็ไม่ได้ออกจากร้าน และไม่ได้เจตนาจะหนีอย่างที่ถูกกล่าวหา ดังนั้น ไม่สามารถถือเป็นการขโมยได้

ขณะที่ ทางด้านพนักงานแคชเชียร์ยังคงไม่เห็นด้วย ยืนยันให้เธอชดเชย 10 เท่าอยู่ดี หลังจากนั้นผู้เป็นแม่ก็เริ่มถามกลับว่า มีพื้นฐานทางกฎหมายข้อไหน รองรับหรือไม่

พร้อมหยิบโทรศัพท์ออกมาบันทึก และขอให้พนักงานกล่าวข้อกฎหมายนี้อีกครั้ง เพื่อที่เธอจะได้ร้องเรียน เรื่องนี้ในหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค ด้านพนักงานแคชเชียร์ไปไม่เป็น ตอบกลับไม่ถูก ผู้เป็นแม่จึงจ่ายเงินแล้วจากไป

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเรื่องจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็ตาม แต่ก็ถือว่า วิธีการแก้ปัญหาของแม่คนนี้นั้นฉลาดมาก เธอสามารถลดการโต้เถียงที่ยาวนาน บางครั้งอาจนำไปสู่การทะเลาะใหญ่ก็เป็นได้ ที่สำคัญ คือ ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้

เกิดอุบัติเหตุ รถบัสทัศนศึกษา เสียหลักลงข้างทาง ครู-นร.อนุบาลกว่า 20 ชีวิต

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษา ที่มอหินขาว จ.ชัยภูมิ เสียหลักลงข้างทาง เบื้องต้น มีครูได้รับบาดเจ็บ 1 คน ส่วนเด็กนักเรียนทุกคนปลอดภัย โดยทางเพจ ชัยภูมิ ลูกพญาแล : Chaiyaphum city รายงานว่า ท่านนายกฯ ธีวรา วิตนากร ได้รับแจ้งรายงานเบืัองต้นแล้ว เป็นนักเรียนเทศบาล 2 เทศบาลเมืองชัยภูมิ เด็กทุกคนปลอดภัย คุณครูบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย เนื่องจากลงจากรถแล้วเสียหลักล้มบนถนน

โพสต์

เรียบเรียงโดย mumkhao

จนท. รวบ สุภัสสรา คาห้องพัก

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช  ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา  ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.สุรพงศ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์,พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, รอง ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.ณรงเวทย์ จิวเดช สว.กก.2 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม   นายสุภัสสราฯ อายุ  27  ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 4013/2567 ลง 26 ส.ค.67พร้อมด้วยของกลาง 1.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ซัมซุง สีดำ รุ่นกาแล็คซี่ M12 จำนวน 1 เครื่อง 2.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน สีทอง รุ่น 14 Pro Max จำนวน 1 เครื่อง 3.ขาตั้งโทรศัพท์พร้อมไฟส่องสว่าง  จำนวน 1 อัน 4.ถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้  จำนวน 20 ชิ้น ในความผิดฐาน “เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้”

สถานที่จับกุม  บริเวณแมนชั่น ถ.สุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์  เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.ได้สืบทราบว่ามีความผิดเกี่ยวกับการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารทางระบบอินเทอร์เน็ต ผ่านแอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์ (เป็นกลุ่มสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ากลุ่มได้) และทางสื่อโอลิแฟน โดยมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ มีการลักลอบเผยแพร่คลิปการร่วมเพศและเชิญชวนบุคคลทั่วไปให้เข้ากลุ่มไลน์เผยแพร่คลิปลามกอนาจาร ซึ่งเป็นการร่วมเพศระหว่างเด็กชาย หรือวัยรุ่นชายกับบุคคลลักษณะสาวประเภทสอง โดยมีข้อความเชิญชวนเข้ากลุ่มแอ๊คล๊อคในราคา 599 บาท เข้ากลุ่ม กลุ่มไลน์ 1,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบความผิดด้วยการสมัครเข้ากลุ่ม

จากนั้นผู้ต้องหาก็จะเพิ่มรายชื่อผู้ที่โอนเงินแล้วเข้าไปในกลุ่มลับ เพื่อรับชมคลิปลามกอนาจารและการร่วมเพศระหว่างสาวสองกับวัยรุ่นและเยาวชนชายหลายรายไม่ซ้ำหน้า จากการตรวจสอบคลิปวีดิโอพบว่ามีวัยรุ่นและเยาวชนชายจำนวนประมาณ 100 กว่าราย ที่ตกเป็นเหยื่อถูกถ่ายคลิปซึ่งมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติหลายราย ซึ่งผู้ต้องหามีรายได้จากการสมาชิกในการเข้ากลุ่มเป็นจำนวนมาก

จนกระทั่งวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม.สืบสวนทราบว่านายสุภัสสราฯ ผู้ต้องหา ได้พักอาศัยอยู่ภายในแมนชั่นแห่งหนึ่งแถวราษฎร์บูรณะ ไม่ได้ประกอบอาชีพพักอาศัยอยู่แต่ภายในห้องพัก จึงได้วางแผนนำกำลังเข้าจับกุมตัวนายสุภัสสราฯ สอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและให้การว่าตนเองได้ตั้งกลุ่มในทวิตเตอร์ โอลิแฟน และกลุ่มไลน์ ขึ้นมาเพื่อชักชวนให้สมาชิกเสียเงินเพื่อเข้ากลุ่มเพื่อชมคลิปลามกอนาจารการร่วมเพศซึ่งตนเองได้ถ่ายทำขึ้นมาแล้วนำเข้าในกลุ่มเพื่อเผยแพร่ให้สมาชิกดู  โดยผู้ต้องหาให้การว่าตนเองได้ใช้แอ๊ปหาคู่ชื่อ Tinder (ทินเดอร์) ในการติดต่อลวงวัยรุ่นชายและเยาวชนชายมาหาและมีเพศสัมพันธ์กัน โดยตนเองจะตั้งกล้องถ่ายคลิปวีดิโอไว้

จากนั้นก็จะนำคลิปวีดิโอเข้าสู่ระบบของทวิตเตอร์ โอลิแฟนและกลุ่มไลน์ขายให้สมาชิกเสียเงินเข้ามาดูคลิปวิดีโอที่ตนเองทำขึ้นมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ข้อกล่าวหา นายสุภัสสราฯ ว่า “เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายสอบถามคำให้การผู้ต้องหา

เบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าตนเองได้ใช้แอพหาคู่ชื่อ Tinder (ทินเดอร์) ในการติดต่อลวงวัยรุ่นชายและเยาวชนชายมาหาและมีเพศสัมพันธ์กัน โดยตนเองจะตั้งกล้องถ่ายคลิปวีดิโอไว้ จากนั้นก็จะนำคลิปวีดิโอเข้าสู่ระบบของทวิตเตอร์ โอลิแฟนและกลุ่มไลน์ขายให้สมาชิกเสียเงินเข้ามาดูคลิปวิดีโอที่ตนเองทำขึ้นมาเป็นรายได้หลักที่ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันซึ่งตนเองไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่งแต่อย่างใดตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ให้ระมัดระวังในการใช้เสื่อสังคมออนไลน์ในยุคที่ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไร้พรมแดน อาจตกเป็นเหยื่อถูกติดต่อชักชวนจากบุคคลทั้งทางสื่อออนไลน์จากบุคคลแปลกหน้าที่พบ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนให้พึ่งใช้ความระมัดระวังในการที่จะพูดคุยติดต่อจากบุคคลแปลกหน้า อาจตกเป็นเหยื่อของมิสสาชีพและถูกล่อลวงไปกระทำสิ่งไม่ดี ซึ่งสิ่งที่ต้องพึงระวังคือถ้าไม่จำเป็นอย่าเชื่อใจคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันอาจนำภัยมาให้แก่ตนเองและเป็นอันตรายต่อร่างกาย ชีวิต หรือทรัพย์สินสิ่งมีค่า หากวัยรุ่นและเยาวชนคนใดที่ตกเป็นเหยื่อถูกล่อลวงไปมีเพศสัมพันธ์และถูกถ่ายคลิปวีดิโอไว้ประสงค์จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ให้มาแจ้งความดำเนินคดีได้ที่ กก.2 บก.ปคม.เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน

รุนแรงเหลือเกิน 10 วินาที บ้านหายวับไปกับตา เพิ่งล้างบ้านตอนเช้า กระแสน้ำ ก็เอาบ้าน และทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านไปหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเย็นวันที่ 28 ส.ค .67เวลา 18.30 น. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญกุล สส.แพร่ เขต 3ได้เดินทางเข้าพื้นที่อ.วังขิ้น เพื่อปลอบขวัญช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำยมท่วมและได้โพสต์ว่า

10 วินาที บ้านหายวับไปกับตา วิกฤติอุทกภัยแม่น้ำยมปี67 นางบัวปอย ดอกไม้ บ้านวังแฟน หมู่5ตำบลวังชิ้น เพิ่งล้างบ้านตอนเช้า ตี5 กระแสน้ำ ก็เอาบ้าน และทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านไป ตอนนี้ ทุกคนนึกไม่ออก ว่าจะทำยังไงดี อุทกภัยครั้งนี้ รุนแรงเหลือเกิน หลายคน หมดเนื้อหมดตัว เศร้า

ภาพดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.แพร่ รายงาน

เจอแล้ว 1 คนงานติดอุโมงค์รถไฟถล่ม ส่งสัญญาณตอบกลับ

อัปเดต”อุโมงค์รถไฟ”ล่าสุด วันที่ 28 ส.ค.67 เวลา 14.55 น. ความคืบหน้าอุโมงค์รถไฟถล่ม เจ้าหน้าที่ เจอ1ใน3คนงาน ติดในอุโมงค์รถไฟความเร็งสูง แล้ว ล่าสุดมีรถกู้ภัย พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตเข้าไปแล้วเพื่อประเมินความเสี่ยงในการช่วยเหลือออกมา และพิจารณาว่าจะนำตัวส่งโรงพยาบาลทางเฮลิคอปเตอร์หรือทางรถ

ด่วน เจอแล้ว 1 คนงานติดอุโมงค์รถไฟถล่ม ส่งสัญญาณตอบกลับ

โดยอัปเดต วันที่ 28 ส.ค.67 เวลา 14.55 น. เจอ1ใน3คนงาน ติดในอุโมงค์รถไฟถล่มแล้ว ล่าสุดมีรถกู้ภัย พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตเข้าไปแล้ว โดยเป็นคนงานชาวเมียนมา ส่งเสียงเคาะตอบให้สัญญาณกลับมา แต่ยังไม่สามารถนำตัวออกมาได้

ด่วน เจอแล้ว 1 คนงานติดอุโมงค์รถไฟถล่ม ส่งสัญญาณตอบกลับ

ด่วน เจอแล้ว 1 คนงานติดอุโมงค์รถไฟถล่ม ส่งสัญญาณตอบกลับ

โดยเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยเคาะประตูรถที่ติดภายในและมีสัญญาณเคาะตอบกลับมา จึงรีบเรียกทีมเสริมและทีมแพทย์เข้าไปเสริมพร้อมอาหารและยา เพื่อประเมินสถานการณ์ในการเคลื่อนย้ายนำตัวออกมา

ด่วน เจอแล้ว 1 คนงานติดอุโมงค์รถไฟถล่ม ส่งสัญญาณตอบกลับ

ด่วน เจอแล้ว 1 คนงานติดอุโมงค์รถไฟถล่ม ส่งสัญญาณตอบกลับ

ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้ามีอุปสรรคใหญ่ในการช่วยเหลือ นายเกริกเสกข์สัณห์ วาสะศิริ ผอ.ส่วนปฏิบัติ พิเศษค้นหา และกู้ภัยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึงขั้นตอนการขุดเจาะอุโมงค์ช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุ 3 รายว่า เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวบ่งชี้ว่า ผู้ประสบเหตุรายแรกอยู่ห่างจากเครื่องตรวจวัด 1.2 เมตร ส่วนอุปสรรคพบว่า ฝั่งซ้ายของผนังดินจะมีดินสไลด์ลงมาอยู่ตลอด ต้องนำกระสอบทรายไปวางถ่วงสมดุล เพื่อป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงมา

ในตอนแรก คาดว่า น่าจะนำผู้ประสบเหตุออกมาเป็นคนแรก ภายในช่วงเที่ยงวันนี้ เบื้องต้นจากการใช้เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวของร่างกายพบว่า ยังมีความเคลื่อนไหวที่บริเวณหน้าอก ลักษณะคล้ายหายใจ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ประสบเหตุรายที่ 2 อยู่ห่างจากรายแรก 8 เมตร ส่วนรายที่ 3 อยู่ห่างไปอีก 14 เมตร

ทั้งนี้จะติดตามความคืบหน้าและรายงานให้ทราบต่อไป

Popular Posts

My Favorites

เปิดเหตุ มอส– เต๋า ทะเลาะถึงขั้นเลิกคบกัน พชร์ อานนท์ เป็นคนกลางให้คืนดีกัน ไม่งั้นโดนแน่

0
เรียกได้ว่า เป็นดารา-นักร้องยุค 90 อย่าง เต๋า สมชาย กับ มอส ปฏิภาณ ที่ทะเลาะกัน ถึงขั้นประกาศเลิกคบ แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาพูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนนั่นเอง ล่าสุด ผู้กำกับชื่อดัง อย่าง พชร์ อานนท์ ได้มาเป็นแขกรับเชิญ ในรายการ ขอข้าวกินหน่อย Season2 โดยมี แท่ง ศักดิ์สิทธิ์...