หวาย ปัญญ์ธิษา สุดรักอาลัย ชรินทร์ นันทนาคร คุณตา เปิดภาพ เพชรา นางเอกคู่ชีวิตอยู่เคียงข้างไม่ห่างในช่วงสุดท้ายก่อนจากลาอย่างสงบ

นักร้องสาว หลานสาว หวาย ปัญญ์ธิษา โพสต์อาลัยศิลปินแห่งชาติ ชรินทร์ นันทนาคร โดยเปิดภาพกับคุณตา และความทรงจำไม่เคยลืม ตั้งแต่เจ้าตัวยังวัยเด็กและไปขึ้นคอนเสิร์ตกับคุณตาในวัย 11 ขวบด้วย โดยชื่นชมคุณตาที่น่ารักและสนับสนุน ให้หวายทําตามความฝันเสมอ

และภาพในช่วงบั้นปลายก่อนสูญเสียคุณตาไป ซึ่ง เพชรา เชาวราษฎร์ นางเอกดังภรรยาคู่ชีวิต ก็คอยนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง พร้อมข้อความอาลัยคุณตาอันเป็นที่รักว่า

“At 2:23 AM 20th of August 2023, the world lost a legend คุญ ชรินทร์ นันทนาคร, but for me, I lost my beloved grandfather. He was more than just a legendary singer in Thailand; he was the melody in our hearts and the rhythm that brought us all together. His love for singing and entertaining was contagious, and he used his voice to bring joy to countless people.

I’ll never forget the moment when I was 11 years old, standing on stage with him during one of his concerts. It was a night filled with music, but more than that, it was filled with love—a love that my grandfather poured into every note he sang and into every moment we shared.

He was a loving and supportive grandfather, always encouraging me to follow my dreams. I know he took great pride in watching me grow into a singer, just like him. The bond we shared through music is something I will cherish forever.

Grandpa, you may no longer be with us, but your voice and your legacy will live on in our hearts. Thank you for being a guiding light in my life, for teaching me the power of music, and for showing me what it means to love unconditionally. I will carry your memory with me in every song I sing.

Rest in peace, Grandpa. Your song and legend will never end.” โดยมีคนบันเทิงเข้ามาร่วมแสดงความเสียใจด้วยจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวถึงความชัดเจนในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมหรือไม่ ว่า ขณะนี้ยังเชื่อว่าทันกรอบเวลาเดิม ตอนนี้ต้องมองว่าทันไว้ก่อน และยังไม่มีการทบทวนเรื่องปฏิทินงบประมาณในส่วนของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เนื่องจากอยู่ระหว่างรอทูลเกล้าฯ ส่วน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นไปตามกระบวนการของสภา

ซึ่งจะเข้าวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 4-6 ก.ย. หากรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาต้องการที่จะเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อจำเป็นต้องใช้เงินให้ทันเดือน ก.ย.นี้ หรือไม่นั้น นายเฉลิมพล กล่าวว่า ต้องใช้จ่ายให้ทันเดือน ก.ย.นี้ แต่หากเข้าสู่กระบวนการใช้จ่ายเงินตามระเบียบภายในเดือน ก.ย. สามารถใช้เป็นงบผูกพันได้

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะเปลี่ยนการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นแจกเงินสดแทน มีการเสนอมาถึงสำนักงบประมาณแล้วหรือไม่ นายเฉลิมพล ระบุว่า ยังไม่มีแต่สามารถทำได้ หากยังมีวัตถุประสงค์เดิมได้ คือ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ที่จะพิจารณา แต่ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการตั้งงบประมาณ

ส่วนงบประมาณปี 2568 หากใช้เพื่อรับวิกฤตเศรษฐกิจตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอได้หรือไม่ นายเฉลิมพล ยืนยันว่า หากมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสามารถทำได้ แต่ต้องมาเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับกรอบของโครงการที่ ครม.เคยเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 23 ก.ย. นายเฉลิมพล ระบุว่า

โครงการนี้ยังไม่ได้อนุมัติอย่างเป็นทางการ แต่ ครม.ได้เห็นชอบกรอบโครงการและวงเงินเพื่อให้สำนักงบประมาณมาตั้งงบประมาณ ดังนั้นเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่จะต้องมีการจัดทำนโยบาย แต่ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งงบประมาณไว้ ซึ่งงบประมาณนี้ถูกตั้งวัตถุประสงค์ไว้กว้าง ๆ เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และชื่อถูกกำหนดเป็นงบกลางไม่ใช่งบสำหรับดิจิทัลวอลเล็ต

ที่มา thaipbs

ประวัติ ปอ ปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ปิฎก สุขสวัสดิ์ เกิดวันที่ 21 มิถุนายน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

หลังสำเร็จการศึกษา ปอ ปิฎก เริ่มงานเป็นนักบิน ประจำสายการบินชื่อดัง และได้ลาออกหลังจากแต่งงานกับแพทองธาร

ปัจจุบัน ปอ ปิฎก ดำรงตำแหน่ง รองประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุน บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ดูแลพอร์ตลงทุนในด้านต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เส้นทางความรัก ปอ ปิฎก กับ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ปอ ปิฎก และ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร รู้จักกันผ่านการแนะนำของเพื่อน ๆ จากการเรียนโปรแกรมพิเศษโปรแกรมหนึ่ง โดยหลังจากรู้จักกันประมาณ 2 ปี ก็ได้เปิดตัวคบหาดูใจกันได้ประมาณปีกว่า ๆ จนกระทั่งความรักสุกงอม หนุ่ม ปอ ปิฎก ก็ได้ทำเซอร์ไพรส์ขอสาวอุ๊งอิ๊งแต่งงานในที่สุด โดยทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานกันเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2562 ปัจจุบันมีโซ่ทองคล้องใจ 2 คน คือ น้องธิธาร ลูกสาวคนโต และน้องธาษิณ ลูกชายคนเล็กที่คลอดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566

จั๊กกะบุ๋ม มาขายข้าวกะเพราควายและปลาร้าทอด ในงาน สุภาพบุรุษ Healthy ที่เซ็นทรัลเวสต์เกต กำลังทำงานขายของเร่งหาเงินปิดยอดหนี้ให้ได้ครบตามที่พูดไว้ สำหรับ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ที่ตอนนี้ได้ทยอยจ่ายหนี้ แม่ปูนา ไปได้ครึ่งทางแล้ว จากยอด 284,000 บาท ซึ่งล่าสุดเหลือยอดหนี้ของแม่ปูนา 180,000 บาท ซึ่งทางเจ้าตัวก็ได้ให้สัมภาษณ์ โดยเผยว่าตอนนี้ทยอยใช้หนี้ทั้งหมดมาได้ครึ่งทางแล้ว และตั้งใจจะใช้หนี้ให้หมดภายในปีนี้

โดย จั๊กกะบุ๋ม ได้เผยว่า “ตอนนี้ก็เร่งหาเงินครับ อยากจะใช้หนี้สินที่มีให้หมดให้เร็วที่สุดครับ ยอดของแม่ปูนาล่าสุดเหลือประมาณ 180,000 บาท แล้วก็เจ้าอื่นอีกประปราย รวมๆ แล้วกลมๆ ประมาณ 3 แสน หนี้ของผมทั้งหมดมันประมาณ 5 แสนกว่า ของแม่ปูนา 284,000 บาท แล้วก็เจ้าหนี้รายวันรวมๆ ประมาณเกือบ 6 แสน ตอนนี้ก็เดินมาครึ่งทางแล้วครับ หายใจคล่องขึ้น มันได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก มีช่องทางในการที่เราจะมีรายได้จากงานที่พี่ๆ เขาให้โอกาสผม พอรายได้เข้ามาเราก็ทยอยให้ ไม่ได้เก็บไว้กับตัวนะครับ ทยอยทุกคน มากบ้าง น้อยบ้าง ให้มันหมดเร็วที่สุดครับ

เจ้าหนี้เขาก็เห็นถึงความพยายามของผมนะ มันก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากอยากให้เขาเข้าใจ เขาก็เห็นว่าเราตั้งใจจริงๆ มันช้าหน่อยแต่เราก็ตั้งใจที่จะหาเงินมาคืนเขาจริงๆ ไม่ได้อยากยืดเยื้อแล้ว ก่อนหน้านี้เราไม่มีช่องทาง พอมีเราก็อยากจะเร่ง เราไม่อยากมีดินพอกหางหมูไปนานๆ ครับ”

ส่วนยอดหนี้ทั้งหมดประมาณ 5 แสนบาท จั๊กกะบุ๋มก็ได้เผยว่า ตั้งใจจะใช้ให้หมดภายในปีนี้ “ยอดหนี้ทั้งหมด ไม่น่าจะเกินปีนี้ครับ รายวันตอนนี้ยังต้องจ่ายทุกวันครับ ลดขนาดลงมาเป็นวันละ 2 พันกว่าบาท จากที่เคยส่งวันละ 4-5 หมื่น ก็ขอทุกคนได้วันละ 200 วันไหนมีมากก็จะแบ่งให้เขามาก หยุดบ้างส่งบ้าง เอาก้อนนี้มาใส่ก้อนนี้ เงินที่เหลือในแต่ละวัน ส่วนมากจะเป็นเงินทุนที่เอามาต่อยอดงานต่อไป ซื้อของเป็นต้นทุนอะไรแบบนี้ครับ เผื่อแอคซิเดนต์ก็ยังมีทุนสำรองเก็บไว้ ไม่ได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย”

ผมมองเห็นโอกาส เห็นแสงสว่าง ผมมีกำลังใจจากงาน จากโอกาสที่ผู้ใหญ่ให้ เว้นที่เล็กๆ ให้ผมได้มีที่ยืนทำมาหากิน พอที่จะมีรายได้ใช้หนี้ ต้องกราบขอบคุณ พ่อเป็ด เชิญยิ้ม แล้วก็ทางออร์แกไนเซอร์ที่จัดงานทุกท่านเลย ที่เปิดโอกาสให้ผมได้มีช่องทางในการลืมตาอ้าปากได้ ผมคิดว่าผมยังมีบุญเหลืออยู่หน่อยนึง (หัวเราะ) อย่างที่ผมบอก มันเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับผมจริงๆ ก็รับโอกาสนั้นไว้ แล้วก็สัญญากับทุกคน ว่าจะทำให้ดีที่สุด

วันที่ 20 ส.ค.67 สมาชิก TikTok @autowheel ซึ่งเป็นเจ้าของร้านหมูกระทะ โพสต์คลิปหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาสั่งหมูกระทะแล้วหวังจะตีเนียนกินฟรี สุดท้ายต้องเรียกตำรวจมาพาตัวไป

โดยในคลิปเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ชายหนุ่มคนดังกล่าวสะพายกระเป๋า ใส่แว่นดำเดินเข้ามาสั่งอาหารเหมือนลูกค้าปกติทั่วไป ระหว่างกินอาหารก็สั่งเบียร์มากิน 1 แก้ว

จากนั้นกินอาหารเสร็จก็ถือบิลเหมือนจะเดินมาจ่ายเงิน แต่แล้วก็ทำชี้มือชี้ไม้ไปข้างนอก โดยมีเจ้าของร้านยืนอยู่ที่ทางออก ซึ่งหนุ่มคนนี้เหมือนจะไม่ยอมจ่ายเงิน แล้วหาข้ออ้างไปเรื่อย แต่พอถูกกดดันเรื่อยๆ ก็เปิดกระเป๋าแล้วควักเงินออกมา 20 บาทพร้อมกับยื่นให้เจ้าของร้าน

แต่เจ้าของร้านไม่ใจดีด้วย ทำให้หนุ่มคนนี้เริ่มเดินป่วนไปทั่วร้าน เจ้าของร้านก็เดิมตาม ก่อนจะพาตัวไปนั่งรอที่โต๊ะแล้วเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเคลียร์ที่ร้าน ก่อนพาตัวไป

ส่วนอีกคลิปเป็นตอนที่พูดคุยกับหนุ่มคนนี้ ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่า จะมากินข้าว เลยกินรอแฟน แต่แฟนยังไม่มา จึงนั่งกินเดียว พออิ่มแล้วก็ไม่อยากรอแฟน เพราะจะไปทำงานต่อ

เจ้าของร้านเลยถามว่า จะจ่ายเท่าไร เราสั่งเบียร์ไป 2 แก้ว จะจ่าย 20 บาทไม่ได้ ชายหนุ่มก็บอกว่า ขอโทษครับ แล้วยังบอกอีกว่า ไม่อยากกิน กลัวมีคนมาแกล้งผม ผมเป็นคนไทยครับ แต่พอดูเอกสารกลับบอกว่า เอกสารอยู่ที่เมียผม เจ้าของร้านบอกว่า เดี๋ยวรอตำรวจมานะ รอก่อน แต่เจ้าตัวบอกว่า เดี๋ยวผมเดินไปบางบอน หรือจะเดินไปโรงพักเองก็ได้ ผมชื่อสอง ส่วนแฟนชื่อดา ก่อนที่ตำรวจจะมาแล้วพาตัวไป

นับเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ ที่ทำเอาชาวเน็ตต่างอิจฉา กับประเด็นหนุ่มคนหนึ่งออกมาโพสต์ระบายชีวิต ที่เคยทำงานมาก่อน แต่ภรรยากลับจ้างให้อยู่บ้านเฉย ๆ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ชีวิตกลับไม่ได้มีความสุขเหมือนที่คิดไว้

“เบื่ออยู่บ้านเฉย ๆ อายุ 35 ครับ แต่ก่อนผมทำงานโรงงานเป็นวิศวะกรเเถวระยอง
ภรรยาเป็นหมอ Anes พอแต่งงานภรรยาให้ผมลาออกมาอยู่บ้าน

เพราะทำงานไกลกันกลัวผมมีกิ๊กในโรงงาน พอลาออกมาภรรยาให้วันละ 1,000 บาท เอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ไม่รวมค่าน้ำมันรถ + ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เบิกที่ภรรยา

หน้าที่ตอนเช้าจัดเตรียมข้าวกล่องให้ภรรยาไปทำงาน เที่ยงส่งข้าว เย็นไปรับ รู้สึกเบื่อ จำเจ ว่างมาก เคยบอกภรรยาว่าเบื่อ อยากกลับไปทำงาน เธอก็ไม่ให้กลับ วันๆทำงานบ้านเสร็จเปิดซีรีย์จีนดู ดูข่าว ดูโน้นนี่ จบวัน วนลูป เบื่อที่สุด”

งานนี้ หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป เรียกได้ว่ามีชาวเน็ตต่างเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นกันล้นหลาม

โดยเสียงส่วนใหญ่มองว่า นี่คือหน้าที่ในฝัน คือ การเป็นพ่อบ้านที่ได้เงิน แถมมีสวัสดิการเบิกได้ไม่จำกัด แต่ต้องทำตามเงื่อนไขเล็ก ๆ น้อย ๆ

คอมเมนต์บางส่วน

-ขิงใช่มั้ยครับ
-ต้องลดค่ากินเหลือ 500 จะได้หายเบื่อ
-ชีวิตที่ใครหลายๆ คนโหยหาเลยนะแบบนี้
-วาสนาดีน๊า
-แลกชีวิตกันมั้ยครับ
-มีลูกค่ะ จะได้ไม่ว่าง

วันที่ 20 สิงหาคม ในเฟซบุ๊กเพจ นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ ได้มีการโพสต์เรื่องราวระบุว่า ชาวเน็ต ประกาศล่าตัวหนุ่มเมียนมาร์ ที่ไลฟ์สด บอกจะเก็บแต้มสาวไทย พร้อมชวนเพื่อนร่วมชาติให้มาทำด้วยกันแบบตน ที่ตลาดบางบอล ซึ่งหลังจากที่ได้มีการโพสต์ออกไป ก็มีชาวเน็ตแห่เข้าไปคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก

โพสต์ดังกล่าว

วันที่ 20 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจอีซ้อขยี้ข่าว3 ได้โพสต์เรื่องราวสุดสะเทือนขวัญกับพฤติกรรมการก่อเหตุของกลุ่มวัยรุ่นชายและหญิงนับ 10 คน หลอกสาวคนหนึ่งเพื่อไปรุมโทรม แต่เหยื่อไม่ยอมจึงลากมารุมตบกลางถนน โดยมีไทม์ไลน์ ดังนี้

1.ผู้เสียหายโดนเพื่อนหลอกให้มาที่บ้าน ก่อนจะถูกกักขังไว้ เพื่อให้เพื่อนผู้ชายมารุมโทรม
2.ผู้เสียหายไม่ยอมจึงถูกทำร้ายร่างกายในบ้าน โดยวัยรุ่นกลุ่มผู้ก่อเหตุข่มขู่ว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่งั้นจะโดนอีก

3.น้องผู้เสียหายพยายามขัดขืนและหนีออกมา แต่ถูกจับตัวไว้ ก่อนลากไปกระทืบที่หน้าบ้านแล้วถ่ายคลิปไว้
4.ต้นเหตุมาจากมีเพื่อนผู้ชายในกลุ่มชอบน้องผู้เสียหายและอยากมีอะไรด้วย แต่ทางน้องไม่ยอม จึงสั่งให้เพื่อนผู้หญิงมารุม

5.วัยรุ่นชาย-หญิงกลุ่มนี้ รุมทำร้ายน้องจนเลือดอาบเสร็จแล้วพาไปล้างเลือดแล้วมาทำร้ายใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำๆ 3 รอบ ก่อนบังคับให้น้องกราบเท้าและพาน้องไปรุมโทรม
6.วัยรุ่นกลุ่มนี้บอกกับทางญาติของน้องผู้เสียหายว่า ไม่มีใครทำสามารถอะไรพวกมันได้ มันบอกเดี๋ยวได้เจอกันอีก

จากกรณี สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ พูดคุยกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึงประเด็นเกี่ยวกับ ดิจิทัลวอลเล็ต โดยช่วงหนึ่งสอบถามเรื่องข้อกังวลว่า อาจจะเกิดช่องโหว่ที่ทำให้บางกลุ่มได้ผลประโยชน์ รวมทั้งเมื่อแจกเงินดิจิทัลแล้ว ก็อาจจะถูกนำไปแลกเป็นเงินสด ดังนั้นจะมีวิธีดูแลจัดการอย่างไร

ทั้งนี้ นายสรยุทธถามว่า เราจะสามารถป้องกันคนเอาเงินดิจิทัลวอลเล็ต ไปแลกเป็นเงินสดอย่างไร ในกรณีที่คนที่ต้องการที่จะแลก อยากได้เงินสดไปซื้อเหล้า เอาไปจ่ายค่าไฟ โดยยอมที่จะเสียส่วนต่าง เช่น มีเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่ขอแลกเป็นเงินสด 7,000 บาท ให้ร้านกินกำไรไปเลย 3,000 บาท

ซึ่งนายจุลพันธ์ยอมรับว่า เรื่องนี้มันยากที่จะป้องกันได้ 100% แต่ตนจะบอกว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท มีค่าเท่ากับเงินสด 10,000 บาท การจะเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินสดในราคาที่ลดลง มันไม่ฉลาด และเงินดิจิทัลใช้ได้กว้าง ใช้ได้ทุกที่ อีกอย่างคือ หากต้องการซื้อสินค้าที่อยู่ในลิสต์ต้องห้าม คุณสามารถเอาเงินสดไปซื้อได้ แล้วค่อยใช้เงินดิจิทัลไปซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคแทน การจะเอาเงินดิจิทัลไปแลกเงินสดในมูลค่าที่ลดลง ถือเป็นเรื่องไม่ฉลาด

อีกประเด็นคือ เรามีระบบการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ข้อมูลในระบบไม่หาย เช่น ร้านค้าร้านหนึ่ง ปกติขายได้เฉลี่ย 4,000 แต่อีกวันขายได้กระโดดไป 80,000 ระบบจะต้องแจ้งเลย แล้วหน่วยงานก็จะต้องไปตรวจสอบ หากพบว่าไม่ได้มีการซื้อขายสินค้าจริงก็จะดำเนินการ ซึ่งในอดีต เคสที่รัฐดำเนินคดีและเรียกเงินคืนรวมทั้งตัดสิทธิ

ด้านนายสรยุทธถามต่อว่า ในมุมของร้านค้าร้านเล็ก เนื่องจากกว่าจะได้เงินสดก็นาน ร้านจะไม่มีเงินสดไปซื้อกับร้านรายย่อยอื่น ๆ ได้ แบบนี้สุดท้าย เงินก็จะหมุนเข้าสู่ร้านใหญ่ นายจุลพันธ์ก็ตอบว่า ร้านรายย่อยสามารถขึ้นทะเบียนกับเราได้ เพื่อให้มีตัวเลือกที่กว้างขึ้น และเราจะดึงซัพพลายเชนเข้ามาถึงผู้บริโภคดีขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัว อีกอย่างคือ เงินสดในระบบมีอยู่ 10 ล้านล้าน ส่วนเงินดิจิทัลนั้นเพียง 5 แสนล้าน ดังนั้นเงินในระบบไม่ได้หายไปไหน ดังนั้น การที่ร้านไปซื้อข้าวของมาขาย ไม่จำเป็นต้องใช้ดิจิทัลวอลเล็ตทุกเคสอยู่แล้ว

สุดท้าย นายจุลพันธ์ยืนยันว่า เชื่อว่าหลังจากรัฐบาลแถลงครั้งล่าสุด จะเกิดผลในทางบวกต่อเศรษฐกิจ เมื่อทุกคนรู้ว่าช่วงปลายปีเงินจะลงมา จีดีพีปีนี้ขยับแน่นอน ร้านค้าและโรงงานต้องเริ่มผลิตสินค้า ขยับจ้างงาน และหลังจากนั้นจะเกิดผลเต็มรูปแบบ และคาดว่าประชาชนจะได้ทันใช้เงินดิจิทัลก่อนสงกรานต์และปีใหม่

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 ส.ค.2567 พ.ต.ท. สมภพ เขมะกนก สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง รับแจ้งเหตุชายพลัดตกจากที่สูงเสียชีวิต ภายในอาคารแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 64/2 แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กทม. จึงรุดไปตรวจ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง49ชั้น ซึ่งอยู่ระหว่างปรับปรุง บริเวณด้านข้างอาคาร พบร่างนายซายาเล่ เซียน อายุ 30 ปี สัญชาติสปป.ลาว นอนคว่ำหน้าอยู่ในสวนหย่อม สภาพร่างกายแหลกเหลว

สุดสลด ช่างทาสีอาคารวัย30 โรยตัวจากตึกสูงชั้น49 แล้วพลาด ร่วงลงมาเสียชีวิตคาที่

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายซายาเล่ ซึ่งเป็นช่างทาสีของอาคารได้ขึ้นไปที่ชั้น 49 เพื่อโรยตัวออกไปทาสีด้านนอกอาคาร ขณะนั้นเชือกสลิงที่ผูกมัดติดกับอุปกรณ์เซฟตี้ได้เคลื่อนตัว สันนิษฐานคาดเกิดจากความประมาท จึงทำให้ร่างร่วงลงมาเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ประสานสถานทูตสปป.ลาว เพื่อให้ญาติมาติดต่อรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ประเทศลาวต่อไป