ข่าวด่วน

Home ข่าวด่วน Page 18
Featured posts

ทักษิณ ตอบคำถามสื่อ ยอมรับเปลี่ยนรูปแบบ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 ส.ค. ที่อาคารชินวัตร 3 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ควรต้องปรับเปลี่ยนนโยบายหรือไม่ว่า ท่านนายกฯ ฝ่ายงบประมาณ และฝ่ายเศรษฐกิจกำลังคุยกันถึงแนวทาง

ทั้งนี้ ความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องมีแน่นอน และต้องทำอย่างเร็ว ช้าไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจกำลังไหลลง ยิ่งลึกเท่าไหร่ก็ดึงขึ้นมายากเท่านั้น นายกฯ กำลังวางแผนกันอยู่ หลังจากทำงานได้แล้วคงสั่งการเลย

เมื่อถามย้ำว่าจากมุมมองอดีตนายกฯ ดิจิทัลวอลเล็ตควรต้องเดินต่อหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า คำว่าดิจิทัลวอลเล็ต มี 3 เรื่องในนั้น

1.การกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องทำ

2.การให้ประชาชนเรียนรู้เทคโนโลยี เพื่อใช้ประโยชน์ในโอกาสต่อไปข้างหน้า เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันเทคโนโลยีต้องทำต่อไป แต่ความเร่งด่วนอาจรอได้

3.อนาคตของดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อวางไว้แล้วจะสามารถเชื่อมต่อเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลกับประชาชนได้ และเป็นช่องทางให้ประชาชนทำธุรกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเรื่องของเทคนิคที่ต้องมีต่อไป ซึ่งอันที่ 2 กับ 3 รอได้ แต่อันที่ 1 รอไม่ได้ แต่รูปแบบอาจอิงเทคโนโลยีบ้างหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องถูกกฎหมายและไม่ให้ขัดแย้งกับคนที่เห็นต่างเยอะเกินไป

เมื่อถามอีกว่าโครงการอาจเปลี่ยนแปลงแต่การอัดฉีดมีเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เท่าที่ตนเดินผ่าน ได้ยินนายกฯ คุยกับฝ่ายงบประมาณ ควรจะต้องทำ

เมื่อถามอีกว่าการแจกเป็นเงินสดจะตอบโจทย์กว่าหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ข้อดีของการแจกเงินสดคือเร็ว แต่ข้อเสียคือกลัวจะใช้ในสิ่งที่กระตุ้นเศรษฐกิจไม่เต็มที่เท่านั้นเอง

ทักษิณ แถลงด่วนวันนี้ เรื่องเงินดิจิทัลให้เป็นเงินสด

จากกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แถลงภายหลังรับรับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31

ล่าสุดมีรายงาน อ้างว่า จะมีการทบทวนและยกเลิกโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หลังมีการหารือกับผู้ใหญ่ภายในพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ชินวัตร มาระยะหนึ่งแล้ว

แม้จะมีการยกเลิกโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทไป แต่รัฐบาลนางสาวแพทองธาร จะใช้วิธีแจกเงินสดแทน โดยเน้นไปที่กลุ่มเปราะบาง เพื่อลดภาระงบประมาณลง และง่ายต่อที่มาของแหล่งเงิน

ล่าสุดวันนี้ 20 สิงหาคม 2567 ทักษิณ ตอบคำถามนักข่าว หลังถูกถามมีความคิดเห็นอย่างไรถ้าเปลี่ยนมาแจกเงินสด ทางด้านทักษิรก็ได้ยืนยันว่า ข้อดีของการแจกเงินสดคือเร็ว แต่ข้อเสียคือไม่กระตุ้นเศรษฐกิจสักเท่าไหร่ แต่ยังจะยืนยันเดินหน้าต่อไป คาดว่าทางด้านนายกฯแพทองธาร เข้ามาทำงานก็จะสั่งการเลย

ธรรมนัส ประกาศด่วน รับใช้ ลุงป้อม มามากพอแล้ว ลั่นอย่าหลงอำนาจจนไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้จักความชั่วดี

“ธรรมนัส” ประกาศ อิสรภาพ บอก 6 ปี ผมรับใช้ คนๆ นึงมาพอแล้ว ใช้ให้ไปตายก็ไป ไม่คุยลุงป้อมแล้ว จะคุยทำไม เขาไม่ใช้งานแล้ว ขณะบ่ายนี้นัดทานข้าว สส. ในกลุ่ม ที่ กระทรวงเกษตร มั่นใจคุณสมบัติตนเองไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

ร้อยเอก ธรรมมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีโดยมีนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและ สส. ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นคนสนิทยืนรอรับ

โดยร้อยเอกธรรมนัส กล่าวถึงกรณีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐใ ห้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่ารายชื่อรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐไม่มีตน ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส ได้หันกลับไปถามสื่อว่า ”เธอไปปลุกท่าน ให้ขึ้นมาสัมภาษณ์หรือเปล่า ท่านหลับอยู่หรือเปล่า“

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้คุยกับพลเอกประวิตร แล้วหรือไม่ ร้อยเอกธรรมมนัส กล่าวว่า “ตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากพะเยา ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยากจะบอกกับทุกท่านว่าผมไม่ทะเลาะกับใคร ประสบการณ 6 ปีที่ผ่านมา ผมรับใช้บุคคลๆ หนึ่ง พรรคๆ หนึ่ง มาพอสมควรแล้ว มันถึงเวลาที่ผมต้องเดินออกมาไม่ทะเลาะกับใคร”

เมื่อถามว่าแสดงว่าจะไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมมนัส กล่าวว่าชีวิตตนไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่ไหน และชีวิตตนไม่จำเป็นต้องฝากไว้กับการเมือง ปี 2561 ตนเข้ามาสู่การเมืองด้วยความบังเอิญ มาสร้างพรรคพลังประชารัฐกับพี่น้อง กับกลุ่มทหาร จปร. หลายท่าน และบางท่านก็เกษียณไปแล้ว เหลือตนยังอยู่คนเดียว วันนี้คงถึงเวลาที่ผมต้องประกาศความเป็นอิสรภาพของผมเอง

และเมื่อถามว่าพูดแบบนี้ ตำแหน่งรัฐมนตรีก็น่าจะหลุดตามที่พลเอกประวิตรพูดใช่หรือไม่ เอกธรรมมนัสกล่าวว่าเราต้องเคารพ การตัดสินใจของผู้นำรัฐบาล ไม่ใช่ใครคิดจะเขียน หรือเสนอชื่อใคร ผู้นำรัฐบาลจะต้องเอาตามนั้น โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี

ดังนั้นจะทำอะไรก็ตาม เราต้องคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก อย่าหลงอำนาจจนไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้จักความชั่วดี บ้านเมืองบอบช้ำมามากพอแล้ว อย่าให้เกิดความแตกแยกอีกเลย ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ตนทำหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชาชนก็เห็นว่าใครทำงานให้บ้านเมือง และประชาชน หลังจากนี้ผมและพี่น้อง พร้อมจะไปไหนก็ได้ที่มีความสุข ไม่แสวงหาความทุกข์ให้ตัวเอง

และเมื่อถามว่าได้คุยกับพลเอกประวิตร แล้วใช่หรือไม่ ร้อยเอกมนัสกล่าวว่า ไม่คุยครับ คุยทำไมในเมื่อท่านไม่ใช้ผม ผมก็ไม่ควรจะต้องคุย ส่วนจะอยู่ในพรรคอย่างไร ถ้าไม่ถูกขับออก จะไปได้อย่างไร ร้อย้อกธรรมนัส กล่าวว่า ก็อยู่กันแบบนี้

เมื่อถามว่า มีอยู่ในกลุ่มกี่คน ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่าบ่ายนี้ก็รู้มีกี่คน ส่วนบ่ายนี้จะเป็นการแสดงพลัง ใช่หรือไม่ เอาเป็นว่าเราแยกออกมาชัดเจนเลยว่าจะอยู่อย่างไรกัน แต่ตนจะไม่ทำลายบ้านเมือง และทำลายรัฐบาล ไม่ใช่แตกหัก แต่ตนเลือกที่จะไม่ทะเลาะกับใคร ประชาชนคงจะเห็นแล้วว่ารัฐบาลที่แล้ว ผมรักคนๆ หนึ่งมากใช้ผมไปไปตาย ผมก็ไป ท้ายสุดผมก็ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง ผมว่าผมพอแล้ว

เมื่อมาถามอีกว่า การให้สัมภาษณ์ของพลเอกประวิตร ไม่ได้พูดคุยกันมาก่อนใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ได้ถาม ยืนยันไม่ได้แตกหักกับท่านหัวหน้า แต่ผมอยากใช้ชีวิตให้มันสงบสุข

ส่วนตัดสินใจแล้วจะมีการคุยกันรอบใหม่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ตนคุยกับคนในครอบครัวตนแล้ว ตนพอแล้ว

ส่วนเป็นไปได้หรือไม่จะเสนอชื่อในกลุ่มให้กับ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุรีย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร้อยเอกธรรมมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจ พรรคจะเสนอ นาย ก นาย ข ไม่ใช่เขาเอาทุกอย่าง และประเพณีปฏิบัติเขาไม่เคยทำ เที่ยวที่แล้วก็ไม่ได้ส่งชื่อใคร

และเมื่อถามว่า ให้ความมั่นใจในเรื่องคุณสมบัติตัวเองกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร้อยเอกธรรมมนัสกล่าวว่าตัวเราเอง ต้องรู้ตัวเราเอง เราเป็นนักการเมือง ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ อย่าไปคิดในทางลบให้มาก จนทำให้คนในครอบครัวเป็นทุกข์

ส่วนที่มีข่าวว่า ได้คุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่าเรื่องต่างๆตนอยู่ในสังคม ชีวิตการเมืองตน เกิดมาจากพรรคไทยรักไทย พี่น้องตนก็อยู่กันเยอะ ส่วนที่ผ่านมา เป็นผู้ประสานงานกับพรรคเพื่อไทยมาตลอด การที่พลเอกประวิตร พูดแบบนี้ พรรคเพื่อไทยคิดอย่างไร ร้อยเอกธรรมนัส ถามกลับว่า ถามเขาหรือยังล่ะ ตนหมายถึงว่าได้คุยกันหรือยังกับทางรัฐบาล ไปคุยกับแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือยัง

และเมื่อถามว่าได้ คุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมฯ หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส ยอมรับว่าคุยกับทุกคนที่สื่อถามมา

ส่วนได้เสนอชื่อในกลุ่มตนเองให้กับรัฐบาลด้วยหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส บอกว่าไม่ทราบ ส่วนข่าวที่บอกว่าพล.อ ประวิตร โทรเคลียร์ใจกับนายทักษิณ ยังไม่น่าจะใช่ความจริงใช่หรือไม่ ร้อยเอกเอกธรรมนัส บอกว่าให้ถามสื่อ ฝันไปหรือเปล่า ร้อยเอกธรรมนัส ย้ำว่าตนจะไม่ทะเลาะกับใคร

ส่วนรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ จะแบ่งออกเป็น2 ส่วนใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมมนัส กล่าวว่าไม่ทราบ ส่วนตัวตัวเลข สส. ในกลุ่มมีมากกว่ากลุ่มพลเอกประวิตร และจะได้รัฐมนตรีว่าการหนึ่งตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการหนึ่งตำแหน่งหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า เดี๋ยว บ่ายนี้ก็รู้กัน

ส่วนบ่ายนี้จะเดินทางเข้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ร้อยเอกธรรมมนัส กล่าวว่า ไม่ครับ ไม่มีอะไรต้องไป โดยบ่ายนี้จะมีการนัดรับประทานอาหารในกลุ่ม สส. ที่บ้านของตน ก่อนจะหัวเราะและบอกว่าบ้านหลังไหน ก่อนจะบอกว่า นัดที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ในช่วงท้ายสื่อได้ถามยืนยันว่า มั่นใจว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีแน่นอนแล้วหรือไม่ ร้อยเอกธรรมมนัสยืนยันจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

ส่วนจะส่งชื่อในโควตาของใคร หรือ โควตาในพรรคพลังประชาประชารัฐ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า อย่าคิดมาก ถึงขนาดนั้น

พร้อมกันนี้ย้ำเรื่องคุณสมบัติว่าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ตนต้องการให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ

และเมื่อถามว่าไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งใน ครม.นี้ ก็ได้ใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส ย้ำว่า ไม่ทะเลาะกับใคร บทเรียนชีวิตตนพอแล้ว ตนมั่นใจในสิ่งที่ตนตัดสินใจไม่ต้องห่วง ตนถอยออกมาสุดๆแล้ว ส่วนถ้าไม่มีชื่อ เป็นรัฐมนตรี จะมีชื่อรัฐมนตรีในสังกัดแทนใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส ไม่ตอบ โยนให้ไปถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่มาถึงพอดี ให้เป็นคนตอบ พร้อมทักทายว่า สวัสดีท่านรองนายกฯ

อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ร.อ ธรรมนัส มีสีหน้ายิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่ดวงตาดูแข็งกร้าว

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน

134 คณาจารย์ ออกแถลงการณ์ด่วน

วันที่ 19 ส.ค.67 134 คณาจารย์นิติศาสตร์และนักกฎหมาย ออกแถลงการณ์กรณีการยุบพรรคก้าวไกลและกรณีความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ใจความว่า

ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคในการมีส่วนร่วมทางการเมืองเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 (“คำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล”) และวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 (คำวินิจฉัยปลดนายกฯ) นั้น คณาจารย์และนักกฎหมายซึ่งมีรายชื่อท้ายแถลงการณ์นี้ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองคดี ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับใช้กฎหมายและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานแห่งกฎหมายและมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดปัญหาอย่างร้ายแรงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ดังจะกล่าวต่อไปนี้

ประการแรก ศาลรัฐธรรมนูญตีความขยายเขตอำนาจของตัวเองและตีความบทบัญญัติของกฎหมายให้มีขอบเขตการบังคับใช้ที่กว้างขวางจนไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนเพื่อยุบพรรคและตัดสิทธินายกรัฐมนตรี ซึ่งขัดต่อหลักการพื้นฐานแห่งกฎหมายที่การใช้การตีความกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของบุคคลจะต้องตีความอย่างแคบและด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ทั้งที่มีแนวทางในการตีความการกระทำที่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาชาธิปไตยอย่างชัดเจนและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่ศาลกลับตีความขยายความให้รวมถึง การเสนอนโยบายของพรรคการเมืองและการเสนอแก้ไขกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ ในคำวินิจฉัยปลดนายกฯ ศาลตีความการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้รวมถึงการขาดความระมัดระวังในการเสนอชื่อบุคคลที่ศาลเชื่อว่าน่าจะมีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี โดยศาลอ้างอิงความคิดเห็นของสาธารณชนเพื่อสนับสนุนความเชื่อดังกล่าว ทั้งที่ไม่เคยมีการพิสูจน์การขาดคุณสมบัติของบุคคลดังกล่าวภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

ประการที่สอง คำวินิจฉัยทั้งสองคดีเป็นผลของการดำเนินการกระบวนพิจารณาที่ไม่สอดคล้องกับหลักการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม (due process) โดยศาลอ้างอำนาจตามกฎหมายในการกำหนดกระบวนพิจารณาตามที่เห็นสมควรเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่เพียงพอในการตัดสินคดี การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลจึงเกิดความไม่แน่นอนทั้งต่อการเตรียมการต่อสู้คดีของผู้ที่ถูกกล่าวหาและการติดตามความคืบหน้าของสาธารณชน ทั้ง ๆ ที่ตามหลักการพื้นฐานของกฎหมายนั้น กระบวนพิจารณาคดีที่จะนำไปสู่การจำกัดสิทธิผู้ถูกกล่าวหาจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้นำเสนอพยานหลักฐานเพื่อต่อสู้คดีอย่างเต็มที่และเป็นธรรม พยานหลักฐานบางส่วนที่ศาลรับในคดีล้มล้างการปกครองซึ่งมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 และถูกอ้างอิงในคดียุบพรรคก้าวไกลในเวลาต่อมา เช่น พยานหลักฐานจากหน่วยงานความมั่นคง เป็นพยานหลักฐานที่ศาลรับฟังโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ถามค้านหรือโต้แย้ง ภายใต้หลักการพื้นฐานแห่งกฎหมาย คำวินิจฉัยที่เป็นผลจากกระบวนพิจารณาคดีที่ไม่ชอบย่อมเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประการที่สาม การที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความขยายเขตอำนาจของตนเองให้เข้าไปตรวจสอบการกระทำทางนิติบัญญัติและการกระทำทางรัฐบาล เกินไปกว่าที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจและไม่สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นการทำลายหลักการแบ่งแยกอำนาจและเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อกลไกคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติและการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหารเกิดความไม่แน่นอนและไม่เป็นอิสระ

ประการสุดท้าย คำวินิจฉัยทั้งสองคดีของศาลรัฐธรรมนูญลดทอนความเชื่อมั่นศรัทธาที่ประชาชนชาวไทยและต่างชาติมีต่อระบบกฎหมายและการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของไทยอย่างรุนแรง คำวินิจฉัยที่มีผลให้พรรคการเมืองที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุดต้องสิ้นสุดลงและมีผลให้นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะการตีความกฎหมายและวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นไปตามหลักการของกฎหมายย่อมทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มีต่อระบบกฎหมายและระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอย่างรุนแรง และก่อให้เกิดความรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังจากการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการประหัตประหารทางการเมือง ทำลายคู่ต่อสู้ในทางการเมือง การที่ประชาชนทั่วไปสามารถทำนายผลคดีได้อย่างแม่นยำ และเห็นได้ว่าเป็นการตัดสินคดีที่เป็นเพียงเกมการเมือง ไม่ใช่การตัดสินคดีอันเป็นกระบวนการทางกฎหมาย ทัศนคติเช่นนี้เป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าสังคมและประชาชนขาดความเชื่อมั่นศรัทธาที่มีต่อระบบกฎหมายและระบบการเมืองอย่างรุนแรง ระบบกฎหมายที่อาศัยเฉพาะแต่อำนาจแต่ขาดซึ่งความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนย่อมไม่อาจดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและในท้ายที่สุดแล้วจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือข้อขัดแย้งทางสังคมและการเมืองใด ๆ ได้เลย

คณาจารย์นิติศาสตร์และนักกฎหมาย ขอยืนยันถึงความไม่เห็นด้วยต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคก้าวไกล และการวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และต้องการชี้ให้สังคมไทยได้เห็นว่าการใช้และตีความกฎหมายของศาลรัฐธรรมนูญผิดหลักการทางนิติวิธีที่ได้รับการยอมรับซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของวิชานิติศาสตร์ ดังได้แสดงเหตุผลไว้แล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมไทยได้ถกเถียงในประเด็นดังกล่าวบนพื้นฐานของเหตุและผลอย่างจริงจัง รวมถึงการถกเถียงในประเด็นเรื่องการปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญในอนาคตต่อไปด้วย ด้วยความเชื่อมันในนิติรัฐ ประชาธิปไตย และอำนาจสูงสุดของประชาชน

รายนามคณาจารย์นิติศาสตร์และนักกฎหมาย

1.กมลนัยน์ ชลประทิน สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

2.กรกนก วัฒนภูมิ

3.กรรภิรมย์ โกมลารชุน คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

4.กรศุทธิ์ ขอพ่วงกลาง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

5.กฤษฎา ใจแก้วทิ

6.กฤษณ์พชร โสมณวัตร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

7.กิตติยา พรหมจันทร์

8.ขรรค์เพชร ชายทวีป

9.ขริสา สร้อยศรี กรมการปกครอง

10.เขมชาติ ตนบุญ

11.เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง

12.เขมภัทร ทฤษฎิคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

13.คงสัจจา สุวรรณเพ็ชร

14.จอมพล พิทักษ์สันตโยธิน

15.จันทร์จิรา จันทร์แผ้ว ทนายความ

16.ฉัตรฑริกา นภาธนาพงศ์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

17.เฉลิมศรี ประเสริฐศรี

18.ชนฐิวัทน์ อุดมศิริพัชร

19.ชาคริต สิทธิเวช คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

20.ฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล

21.ฐิติชญา พนัสนอก

22.ฐิตินันท์ เต็งอำนวย คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

23.ณรงค์เดช สรุโฆษิต คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

24.ณัฏฐพงษ์ ลัทธาพลสกุล

25.ณัฏฐพร รอดเจริญ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

26.ณัฐดนัย นาจันทร์ สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

27.ณัฐพล สุรรัตน์รังษี

28.ณัฐวัฒน์ กฤตยานวัช มหาวิทยาลัยบูรพา

29.ณัฐสุดา อมรสู่สวัสดิ์

30.ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

31.ดิศรณ์ ลิขิตวิทยาวุฒิ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

32.ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

33.ติณเมธ วงศ์ใหญ่ สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

34.ทวีศักดิ์ เอื้ออมรวนิช คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

35.ทศพล ทรรศนพรรณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

36.ธนาชัย ธนาหิรัญบุตร

37.ธนินทร์ เพชรศิริ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

38.ธวัช ดำสอาด

39.ธาดา ชาติอุดม

40.ธีรยุทธ ปักษา

41.ธีรวัฒน์ ขวัญใจ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

42.นนท์ปวิธ แสงเทียนประไพ

43.นพดล เดชสมบูรณ์รัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

44.นฤมล ช้างบุญมี

45.นฤมล ฐานิสโร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

46.นัทมน คงเจริญ คณะนิติศาสตร์ มาหวิทยาลัยเชียงใหม่

47.นันทกานต์ อมรสู่สวัสดิ์

48.นาฏนภัส เหล็กเพ็ชร

49.นายสิทธิพร จึงรุ่งฤทธิ์

50.นิฐิณี ทองแท้

51.นิติ จันจิระสกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

52.นิรันดร์ ลวดเงิน

53.นิสิต อินทมาโน

54.ปพนธีร์ ธีระพันธ์

55.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

56.ปลื้ม บางวัฒนกุล

57.ปารณ บุญช่วย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

58.ปิยอร เปลี่ยนผดุง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

59.พงศ์ธร จิตตาพินิจมาศ

60.พงษ์พันธ์ บุปเก

61.พอชนก คุณวุฒิฤธิรณ

62.พัชร์ นิยมศิลป คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

63.พันธุ์ทิพย์ สายสุนทร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

64.พิไลวรรณ ศรีประเสริฐ

65.พุฒิพันธุ์ อภิไชยาวาทย์

66.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความ

67.เพชรณพัฒน์ ศรีวุทธิยประภา สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

68.ภัทรพงษ์ แสงไกร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

69.ภานุวัฒน์ ผ่องใส

70.ภาลฎา อ่ำทรัพย์

71.ภาสกร ญี่นาง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

72.ภิรมย์พร ไชยยนต์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

73.ภูเก็ต ช้างเสวก

74.ภูภัชร พัฒนธารธาดา

75.ภูริวัฒน์ ชัยสิริโรจน์

76.มณฑินี รูปสูง

77.มะปราง สมบัติไทย

78.มาติกา วินิจสร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

79.มาลี พฤกษ์พงศาวลี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

80.มุนินทร์ พงศาปาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

81.เมษปิติ พูลสวัสดิ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

82.เยาวลักษ์ อนุพันธุ์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

83.รัฐพล ปั้นทองพันธุ์ ทนายความ

84.รัดเกล้า นามกันยา ทนายความ

85.รัษฎา มนูรัษฎา สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน

86.วรภัทร วีรพัฒนคุปต์ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.)

87.วรวิทย์ ศิริสุโขดม

88.วัชลาวลี คำบุญเรือง มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม

89.วิชญา รัตนจรัสโรจน์

90.วิเชียร เพ่งพิศ

91.วิทูรย์ ตลุดกำ

92.วิพล กิติทัศนาสรชัย ข้าราชการอัยการ

93.วีระ สมความคิด เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.)

94.วีระยุทธ สิทธิโภชน์

95.ศรัณย์ จงรักษ์

96.ศรัณย์ พิมพ์งาม คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

97.ศราวุฒิ ประทุมราช

98.ศรีประภา เพชรมีศรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

99.ศศิน สุขจรัส

100.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ทนายความ

101.ศศิภา พฤกษฎาจันทร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

102.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ

103.ศิริโสภา สันติทฤษฎีกร

104.ศุภกร ชมศิริ

105.ส.รัตนมณี พลกล้า

106.สงกรานต์ ป้องบุญจันทร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

107.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

108.สมชาย หอมลออ

109.สรรค์ ตันติจัตตานนท์ สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

110.สัญญา เอียดจงดี

111.สันติชัย ชายเกตุ

112.สิทธิกร ศักดิ์แสง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

113.สิริลักษณ์ บุตรศรีทัศน์ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชน

114.สุทธิชัย งามชื่นสุวรรณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

115.สุธารี วรรณศิริ

116.สุรชัย ตรงงาม ทนายความ

117.สุรพี โพธิสาราช

118.สุวิทย์ ปัญญาวงศ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

119.เสาวณีย์ แก้วจุลกาญจน์ นักวิชาการอิสระ

120.อธิรัชต์ ส่านประสงค์ กองทุนประกันวินาศภัย

121.อธิวัฒน์ เส้งคุ่ย

122.อนันต์สิทธิ์ ลัทธพลสกุล

123.อรพรรณ พนัสพัฒนา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

124.อัครชัย ชัยมณีการเกษ

125.อานนท์ ศรีบุญโรจน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

126.อานันท์ กระบวนศรี

127.อารยา สุขสม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

128.อำนาจ ตั้งคีรีพิมาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

129.อิษิรา ธนรัช

130.อุดม งามเมืองสกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

131.เอกรพี หาศรีวงศ์

132.เอกรินทร์ เท่งเจียว

133.เอื้อการย์ โสภาคดิษฐพงษ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

134.เอื้ออารีย์ อิ้งจะนิล คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดาราสาว สุดเศร้า โพสต์ไว้อาลัยการจากไปของคุณตาอันเป็นที่รัก

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าที่โลกออนไลน์เข้ามาแสดงความเสียใจกันเป็นจำนวนมาก หลัง แหวนแหวน ปวริศาได้โพสต์ไอจีสตอรี่ไว้อาลัยการจากไปของคุณตา ชรินทร์ นันทนาคร” ว่า “I love you so much grandpa

สำหรับ ชรินทร์ นันทนาคร เสียชีวิตด้วยโรคชรา ในวัย 91 ปี เมื่อเวลาประมาณ 02.23 น. ของวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ณ โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพมหานคร

เรียบเรียงโดย news.in.th

จับกรรมการบริษัทดัง นำเข้า รถหรู 71 คัน เลี่ยงภาษีกว่า 200 ล้าน

วันที่ 20 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว โดยชุดปฏิบัติการที่ 3 ได้ร่วมกันจับกุม นายสราวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) กรรมการบริษัทแห่งหนึ่ง ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 932/2567 ลงวันที่ 6 มี.ค.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร

ดีเอสไอ นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกบ้านพักย่านนนทบุรี รวบ กรรมการบริษัทดัง นำเข้า รถหรู จำนวน 71 คัน หลบเลี่ยงภาษีกว่า 200 ล้านบาท โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้น ๆ ตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และประมวลกฎหมายอาญา โดยเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านพักใน ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และรวมถึงแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบแล้ว และได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบสำนวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 84/2565 ของสำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ซึ่งมี พ.ต.ท.ชลภัทร ปานสกุณ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ผู้รับผิดชอบ โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์เป็นกรรมการของบริษัทแห่งหนึ่ง ได้ร่วมกันนำเข้ารถหรู 71 คัน จากสหราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยร่วมกันสำแดงราคาซื้อขายรถยนต์ที่นำเข้าดังกล่าวเป็นความเท็จ ต่ำกว่าราคาซื้อขายที่แท้จริง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าใจว่าเป็นราคาซื้อขายที่แท้จริง จึงมีการคำนวณภาษีอากรสำหรับรถยนต์ดังกล่าวผิดไปทำให้รัฐได้รับความเสียหายโดยภาษีอากรขาดรวมทั้งสิ้น จำนวน 222,862,661.19 บาท

ด่วน! รถส่งน้ำแข็ง หลับในข้ามเลน ชนรถรับส่งนักเรียน มีคนเสียชีวิต

วันที่ 20 สิงหาคม เฟซบุ๊กเพจ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง ได้มีการรายงานว่า เวลา 07.15 น. กู้ชีพ อบต.หนองแวง ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถรับส่งนักเรียนชนกับรถส่งน้ำแข็ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 50 ปี และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี สาเหตุเกิดจากรถส่งน้ำแข็งหลับในข้ามเลน มาชนรถรับส่งนักเรียน เหตุเกิด ณ ทางเข้าบ่อน้ำผุด บ้านหนองแวง หมู่ที่ 1 ต.หนองแวง อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี

โพสต์

สะพัด กลุ่มเดียวเท่านั้นที่ได้เงิน 10,000 ในรัฐบาล แพทองธาร พร้อมให้เป็นเงินสด

จากกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แถลงภายหลังรับรับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31

ล่าสุดมีรายงาน อ้างว่า จะมีการทบทวนและยกเลิกโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หลังมีการหารือกับผู้ใหญ่ภายในพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ชินวัตร มาระยะหนึ่งแล้ว

แม้จะมีการยกเลิกโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทไป แต่รัฐบาลนางสาวแพทองธาร จะใช้วิธีแจกเงินสดแทน โดยเน้นไปที่กลุ่มเปราะบาง เพื่อลดภาระงบประมาณลง และง่ายต่อที่มาของแหล่งเงิน

ที่สำคัญจะไม่เสี่ยงต่อการผิดกฎหมายที่จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล และสถานะของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีด้วย แหล่งข่าวให้ข้อมูล

สาวใหญ่โวยวายร้านดัง ลูกสาวสั่งกางเกงชั้นในไปใช้ จู่ๆตั้งท้อง ก่อนเจอตอบกลับ ถึงกับหน้าซีด

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวโซเชียลต่างเข้ามาพูดถึงกันเป็นจำนวนมาก เมื่อโลกออนไลน์ว่อนภาพหน้าจอแชทระหว่างฝ่ายบริการลูกค้าของเถาเป่า (Taobao) เว็บไซต์สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน กับลูกค้าที่เข้ามาร้องเรียนโดยอ้างว่า ลูกสาวของเธอ ตั้งท้อง หลังจากสวมใส่สวมใส่ชุดชั้นในที่เธอซื้อไปให้ระยะหนึ่ง

โดยทางเจ้าหน้าที่พยายามอธิบายอย่างจริงจังว่า ชุดชั้นในไม่สามารถทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ และยังขอให้ลูกค้าผู้หญิงรายดังกล่าวใส่ใจกับความรู้พื้นฐานเรื่องนี้ด้วย แต่อีกฝ่ายยังคงปฏิเสธที่จะยอมแพ้ เจ้าหน้าที่จึงต้องอธิบายกระบวนการผลิตให้ทราบ

พร้อมทั้งยืนยันว่าพนักงานทั้งหมดเป็นผู้หญิงที่มีอายุมากแล้ว เจ้านายเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เขาก็ทำหมันแล้ว ดังนั้น ไม่มีทางที่จะเกิดปัญหาดังที่กล่าวอ้างได้

ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ลูกค้ารายดังกล่าวยังคงเชื่อว่าชุดชั้นในที่สวมใส่คือสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวตั้งครรภ์จริงๆ ถึงขนาดพาไปตรวจกับแพทย์ที่โรงพยาบาล กระทั่งได้ฟังคำยืนยันจากแพทย์ที่ระบุชัดเจนว่า “เรื่องดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ เธอจึงยอมเชื่อว่าการตั้งท้องไม่เกี่ยวอะไรกับชุดชั้นในที่สวมใส่

เหตุการณ์สุดแปลกนี้กระตุ้นให้เกิดการถกเถียงกันดุเดือดในหมู่ชาวเน็ต หลายคนคาดเดาว่าลูกสาวของผู้ซื้อมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่งและบังเอิญตั้งครรภ์ จึงหลอกลวงแม่ว่าการตั้งครรภ์เกิดจากการสวมใส่กางเกงชั้นใน ในขณะที่บางคนยังวิพากษ์วิจารณ์ผู้เป็นแม่ว่าขาดความรู้พื้นฐานทางสรีรวิทยา

เศร้า! นักแสดงรุ่นใหญ่ เสียชีวิตแล้ว ในวัย 88 ปี แฟนๆสุดอาลัย

จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า อแลง เดอลอง ตำนานนักแสดงชื่อดังชาวฝรั่งเศส ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักแสดงหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาที่สุดแห่งยุคทองของภาพยนตร์ฝรั่งเศส เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 88 ปี

โดย ครอบครัวของ อแลง เดอลอง เผยแพร่แถลงการณ์ผ่านสื่อว่า อแลง เดอลอง ถึงแก่กรรมอย่างสงบที่บ้านพักในเมืองดูชี เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น (18 ส.ค.) ด้วยวัย 88 ปี มีสมาชิกในครอบครัว รวมถึงลูกๆ ทั้ง 3 คน อยู่เคียงข้างในวาระสุดท้าย

หนังสือพิมพ์ เดอะ ปารีเซียง กล่าวยกย่อง เดอลอง ว่าเป็นตำนานแห่งยุครุ่งโรจน์ของวงการภาพยนตร์ฝรั่งเศส ขณะที่หนังสือพิมพ์ ลิเบอราซิยง บอกว่า เดอลอง เป็นสัญลักษณ์ของวงการภาพยนตร์ฝรั่งเศส ตัวแทนของพระเอกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ยากจะบรรยาย

อแลง เดอลอง สร้างชื่อในฐานะนักแสดงชื่อดังมาตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1960 เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเอกที่มีหน้าตาหล่อเหลาที่สุดแห่งยุคทองของวงการภาพยนตร์ฝรั่งเศส มีผลงานภาพยนตร์กว่า 90 เรื่อง ส่วนใหญ่เขาจะรับบทเป็นหนุ่มที่มีบุคลิกแข็งกร้าว รวมถึงบทอาชญากร อย่างนักฆ่า และนักต้มตุ๋น ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อของเขา ได้แก่ The Samurai, Borsalino, The Leopard และ Rocco and his Brothers

อย่างไรก็ดี อแลง เดอลอง เริ่มห่างหายไปจากวงการนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 แม้ว่าชื่อของเขาจะยังคงปรากฎเป็นข่าวบ่อยครั้งตามสื่อของฝรั่งเศสก็ตาม

อแลง เดอลอง ปรากฎตัวต่อสาธารณชนครั้งสุดท้าย ระหว่างเข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติ “ปาล์มทองคำ” ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ เมื่อปี 2019 ซึ่งเขาได้กล่าวคำอำลาต่อวงการภาพยนตร์เป็นครั้งสุดท้าย

Popular Posts

My Favorites

ส่องซีนหวาน ‘ นุ่น วรนุช’ อวยพรสามีหมื่นล้าน ด้วยรูปนี้ที่ยังไม่มีใครเคยเห็น

0
เป็นคู่ที่ครองรักกันมาอยางยาวนาน 14 ปี เเล้ว เเม้ว่าจะไม่มีลูกเเต่ขาเตียงมั่นคงสุดๆ สำหรับคู่ของ “นุ่น วรนุช” กับ “ต๊อด ปิติ” โดยเมื่อวันที่ ( 3 กันยายน) เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ต๊อด ล่าสุด นุ่น ได้ออกมาโพสต์ภาพคู่หวานๆในอดีตพร้อมเขียนเเคปชั่นว่า Happy birthday to U @tp12toddpiti