วันที่ 17 ส.ค. 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 1 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. 2567 ความว่าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 วรรคหนึ่ง (1) และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

จังหวัดพิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 1 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. 2567”

มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 1

แทนตำแหน่งที่ว่าง

มาตรา 4 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ภูมิธรรม เวชยชัย

รองนายกรัฐมนตรี

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 ส.ค.67 พ.ต.ต.กล้าหาญ ใจกระจ่าง สว ( สอบสวน ) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนผูกคอตายที่บ้านเลขที่ 56/2 หมู่ 4 ต.นาทราย อ.เมือง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรณรา ผกก.,พ.ต.ท.จรินทร์ ขาวเอี่ยม รอง ผกก.(สอบสวน) ตำรวจสืบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ เดินทางไปร่วมชันสูตรพลิกศพ

เมื่อถึงบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบผู้เสียชีวิตชื่อ น.ส.ภวิกา สังขวิเชียร อายุ 51 ปี สภาพศพใช้สายไฟฟ้าปลั๊กพ่วงผูกคอกับบานพับเหล็กหน้าต่างห้องนอน ศพห้อยออกมานอกบ้าน ในชุดสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นลายดอก จึงนำศพลงมาชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบเพียงรอยฟกช้ำที่หางคิ้ว ส่วนตามร่างกายไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 – 4 ชั่วโมง

จากการสอบสวนนายภควัต พหลภักดี อายุ 40 ปี สามีผู้ตาย (เสื้อยืดคอกลมสีดำ ) ให้การเบื้องต้นว่า ตนและภรรยา มีอาชีพคนงานแผงมังคุดในหมู่บ้าน ก่อนหน้านี้ตนคบกับภรรยาอยู่กินกันที่ จ.จันทบุรี ได้ระยะหนึ่ง กระทั้ง 3 เดือนที่ผ่านมา ตนและภรรยากลับมาอาศัยมาบ้านเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของตนเอง กระทั้งวันที่ 5 ส.ค.67 ที่ผ่านมา ตนและภรรยาได้จดทะเบียนสมรส อย่างไรก็ตามตนยอมรับว่าเคยทะเลาะกับภรรยาเหมือนกัน ในเรื่องส่วนตัว เรื่องเงินค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่ไม่เคยทำร้ายภรรยา ส่วนภรรยาเป็นคนขี้น้อยใจ โดยก่อนเกิดเหตุช่วงสายตนทะเลาะกับภรรยา ก่อนที่ตนจะออกนอกบ้าน โดยชวนภรรยาไปด้วย แต่ภรรยาไม่ไป กระทั้งเพื่อนบ้านแจ้งว่า ภรรยาของตนผูกคอตาย ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายภรรยา ส่วนสาเหตุที่ภรรยาผูกคอตาย น่าจะเกิดความน้อยใจเรื่องบางอย่าง

ขณะที่นายอำนวยโชค คงเสน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.นาทราย ให้ข้อมูลว่า ช่วงสายได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่า สองสามีภรรยาคู่นี้ ทะเลาะวิวาทกัน จึงให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบที่บ้าน แต่พบว่าบ้านปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่บ้าน ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิต ยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากผู้ตาย ไม่มีเหตุใดที่จะผูกคอตาย ตำรวจจึงส่งศพให้แพทย์นิติเวชชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการเสียชีวิตให้แน่ชัดอีกครั้ง หลังเกิดเหตุชาวบ้านในหมู่บ้านลืออาถรรพ์เลข 13 เนื่องจากผู้ตายไม่มีมูลเหตุใดๆ ที่จะผูกคอฆ่าตัวตาย ประกอบกับผู้ตายและสามีเพิ่งจดทะเบียนสมรสกันได้ 13 วัน

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช รายงาน

วันที่ 17 สิงหาคม 2567 มีรายงานการเสียชีวิตของ “สาธิต บ้านนา” นักร้องชื่อดังเจ้าของฉายา ไอ้หนุ่มกันตรึมยอดฮิต เจ้าของบทเพลงฮิตคุ้นหูหลายต่อหลายเพลงด้วยกัน โดยเสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านพักในจังหวัดสุรินทร์

สาธิต บ้านนา เสียชีวิตในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2567 โดยเพจ ชุมชนคนสุรินทร์ ได้โพสต์ข้อความไว้อาลัยเอาไว้ดังนี้

R.I.P. สาธิต บ้านนา ปิดตำนานเจ้าของบทเพลง สาธิตติดทหาร, ทหารเกณฑ์พลัด2, น้ำตาเปียกหมอน และผลงานเพลงอีกมากมาย

ขอแสดงความไว้อาลัยแด่ลุง สาธิต และขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัว ญาติ มิตรของคุณลุงท่านด้วย

ขอให้ลุงไปสู่ภพภูมิที่ดีไปสร้างเสียงเพลงอยู่บนสรวงสวรรค์นะครับ

ด้วยรักและอาลัยยิ่ง เพจ ชุมชนคนสุรินทร์

นอกจากนี้ยังมีบรรดาลูกหลานและแฟนเพลงร่วมโพสต์ไว้อาลัยต่อการจากไปของตำนานนักร้องดังคนนี้อีกเป็นจำนวนมาก

ทักษิณ เสริมหล่อ หลังได้รับ อภัยโทษ เตรียมร่วมยินดี อุ๊งอิ๊งค์ ทำพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่31

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 17 ส.ค. 67 นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตัดผม ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านเพลิน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง ภายหลังที่วันนี้ช่วงบ่าย เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษฯ ซึ่งมีรายงานว่ามีชื่อนาย ทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดโทษในวันที่ 31 ส.ค. 67

เนื่องจากนาย ทักษิณ เป็นผู้ถูกคุมประพฤติตามมาตรการพักโทษ เข้าข่ายตามมาตรา 3 ของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ที่ระบุว่า ผู้ต้องโทษดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป (1) ผู้ต้องกักขัง (2) ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ (3) ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ

ทั้งนี้มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค. 67) นาย ทักษิณจะเดินทางไปร่วมยินดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่31 ซึ่งเป็นบุตรสาวที่จะทำพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็น นายกรัฐมนตรี คนที่31 ที่อาคารวอยซ์ สเปซ ซึ่งเป็นที่ทำการพรรคเพื่อไทยใหม่

วันที่ 17 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการตั้ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) “อุ๊งอิ๊ง” มีความเคลื่อนไหวและชัดเจนมาตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

โดยนายทักษิณ ชินวัตร ได้เล่นเกมเร็ว โทรเรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค รวมถึงแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย และมีการพูดถึงการตั้ง ครม.ชุดใหม่ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ

เบื้องต้นสัดส่วนโควตาของทุกพรรคการเมืองจะอยู่ที่เดิมไม่มีการขยับ รวมถึงไม่มีความจำเป็นในการนำพรรคการเมืองใดๆ เข้ามาเพิ่ม เพราะเสียงพรรคร่วมรัฐบาล 314 เสียง เพียงพอแล้ว ส่วนพรรคการเมืองไหนต้องการจะปรับเปลี่ยนรัฐมนตรี ก็ให้เป็นสิทธิ์และอำนาจภายในพรรคนั้นๆ ได้เลย

ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ นายทักษิณ ได้บอกกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พปชร. ว่า รัฐมนตรีของพรรค จะต้องไม่มีคนนามสกุล “วงษ์สุวรรณ” รวมถึงต้องไม่มีชื่อของ พล.ต.อ.พัชรวาท รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาร่วมใน ครม. “อิ๊งค์”

คาดว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรค จะโยกมานั่งเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีรายงานว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า นายสันติ จะนำ สส. ในสังกัด 10 คน ย้ายกลับไปพรรคเพื่อไทย

ส่วนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี อาจตกเป็นของ ร.อ.ธรรมนัส ขณะที่อีกกระแสข่าวระบุว่า อาจเป็นของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค พปชร

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2567 จะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ จำนวนประมาณ 50,000 ราย จากเรือนจำทั่วประเทศ ตามมาตรา 5 นอกจากนี้ ยังมีนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับสิทธิ เข้าหลักเกณฑ์ลดวันต้องโทษ ตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับดังกล่าวอีกกว่า 200,000 ราย ทั้งนี้มีรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ได้เตรียมประชุมเตรียมความพร้อมรองรับผู้ต้องที่จะได้รับการปล่อยตัวพ้นเรือนจำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขังเด็ดขาดทั่วประเทศ ที่ควบคุมอยู่ในเรือนจำ จำนวน 220,094 ราย เป็นนักโทษชาย 192,898 และ นักโทษหญิง 27,196 ราย จากผู้ต้องขังทั้งหมด 290,749 ราย จากข้อมูลกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2567

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากการออกพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2567 นั้น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้พ้นโทษ เป็นอิสระทันที ไม่ต้องรอให้ครบกำหนดโทษในวันที่ 31 ส.ค. เนื่องจาก เป็นผู้ถูกคุมประพฤติ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ตาม มาตรา 3 ของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2567 ฉบับนี้ ที่ระบุว่า ผู้ต้องโทษดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป (1) ผู้ต้องกักขัง(2) ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ (3) ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ

รายงานงานแจ้งว่าสำหรับกลุ่มผู้ถูกคุมประพฤติที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ปล่อยต้นพ้นจากการเป็นผู้ถูกคุมประพฤติ ครั้งนี้ประมาณ 7,500 รายทั่วประเทศ ซึ่งนายทักษิณ เป็นหนึ่งในผู้ถูกคุมประพฤพติ ทั้งนี้สามารถเดินทางไปรับใบบริสุทธิ์ จากเรือนจำได้ในภายหลัง เนื่องจากกลุ่มคนหลุ่มนี้ตัวไม่ได้อยู่ในเรือนจำได้รับการพักโทษไปอยู่นอกเรือนจำแล้ว

วันนี้ 16 ส.ค. 2567 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 15 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ต่อจาก นายเศรษฐา ทวีสิน หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

โดยที่ประชุมสภาฯมีการเสนอชื่อแคนดิเดตเพียงท่ายเดียว ซึ่งนายสรวงค์ เทียนทอง สส.พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และมีสมาชิกรับรองผู้ถูกเสนอชื่อ 291 เสียง

จากนั้นประธานสภาฯ ชี้แจงขั้นตอนการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 โดยจะใช้การขานชื่อตามลำดับอักษร และให้ สส. ออกเสียง เห็นชอบ ไม่เห็นชอบ งดออกเสียง โดยในการประชุมมีจำนวนสมาชิก 493 คน และมีผู้มาร่วมประชุม 489 คน

ล่าสุดเวลา 12.30 น.ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง เลือก น.ส.แพทองธาร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้หลังจากสภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแล้วเสร็จ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป

วันนี้ขอพาทุกคนมาทำความรู้จัก ปอ ปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีหนุ่มข้างกายของอิ๊งค์ ระดับลูกเขยคนเล็กของ ทักษิณ ชินวัตร ดีกรีย่อมไม่ธรรมดา

ประวัติส่วนตัว

ปิฎก สุขสวัสดิ์ เกิดวันที่ 21 มิถุนายน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

หลังสำเร็จการศึกษา ปอ ปิฎกได้ทำตามความฝันวัยเยาว์ ด้วยการสมัครเป็นนักบินประจำสายการบินชื่อดัง และได้ลาออกหลังจากแต่งงานกับแพทองธาร เนื่องด้วยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ กังวลเรื่องเวลาการทำงานที่ต้องห่างกันและเวลากลับบ้านไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของครอบครัวและความปลอดภัยเข้ามาเกี่ยว

ปัจจุบัน ปอ ปิฎก ดำรงตำแหน่ง รองประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุน บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ดูแลพอร์ตลงทุนในด้านต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเขากล่าวว่า ทักษะการคิดและวิเคราะห์ที่ได้ฝึกฝนตอนเป็นนักบินมีประโยชน์อย่างมากกับงานในปัจจุบัน

ด้านความรักและชีวิตครอบครัว ปอ ปิฎก และ อิ๊งค์ แพทองธาร รู้จักกันผ่านการแนะนำของเพื่อน ๆ จากการเรียนโปรแกรมพิเศษโปรแกรมหนึ่ง โดยทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานกันเมื่อต้นปี 2562 ณ โรงแรมโรสวูด ฮ่องกง โดยมีทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นประธานในพิธี

ปัจจุบันมีโซ่ทองคล้องใจ 2 คน คือ น้องธิธาร ลูกสาวคนโต และน้องธาษิณ ลูกชายคนเล็กที่คลอดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566

นอกจากนี้ ปอ ปิฎก ยังเป็นเบื้องหลังคอยผลักดันและสนับสนุน อิ๊งค์ แพทองธาร ทำหน้าที่ด้านการเมืองตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า หน้าที่ของเขาคือทำให้ภรรยาไม่กดดัน หรือเกิดความกดดันน้อยที่สุด เขาจะคอยให้กำลังใจดูแลภรรยาอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายหรือยุ่งในภารกิจ

หากไม่มีธุระสำคัญ ปอ ปิฎก มักรับบท ผู้ติดตามหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในการลงพื้นที่หาเสียง เขาจะคอยอำนวยความสะดวกและจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เรียกได้ว่าคอยอยู่เคียงข้างไม่ห่าง

เราก็คอยดูแลอยู่ห่างๆ ดูว่าเขาทำอะไร มีอะไรที่เราพอช่วยได้ไหม แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งในภารกิจของเขา เพราะมีทีมงานทำหน้าที่ดูแลส่วนต่าง ๆ อยู่แล้ว จริง ๆ เวลาผมมาอย่างนี้ ก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรนะ เหมือนมาให้กำลังใจมากกว่า ให้เขาอุ่นใจ หันมาก็เห็นเรา

ศิษยานุศิษย์อาลัย! สิ้น พระนักอนุรักษ์ผืนป่า พระโสภณพัฒโนดม​ ​อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดพะเยา​ ละสังขารสงบ สิริอายุ 77 ปี พรรษา 57

เมื่อวันที่ 15 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงพ่อพระโสภณพัฒโนดม ​(ศรีเหลา อคฺคปญฺโญ) อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดพะเยา​ กิตติมศักดิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธาราม​ ตำบลศรีถ้อย​ อำเภอแม่ใจ​ จังหวัดพะเยา ละสังขาร​​ในวันนี้​ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 18.14 น. สิริอายุ 77 ปี​ พรรษา 57 ณ วัดโพธาราม ต.ศรีถ้อย อ.แม่ใจ จ.พะเยา

ศิษยานุศิษย์อาลัย! สิ้น พระนักอนุรักษ์ผืนป่า พระโสภณพัฒโนดม​

สำหรับพิธีการนั้น ในวันนี้เวลา 17.00 น. จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ วัดโพธาราม ตำบลศรีถ้อย อ.แม่ใจ จ.พะเยา และตั้งศพสวดพระอภิธรรม ที่วัดโพธาราม ซึ่งจะกำหนดวันพระราชทานเพลิงศพอีกครั้ง

ประวัติ หลวงพ่อพระโสภณพัฒโนดม ปี พ.ศ.2525 เป็นเจ้าคณะอำเภอแม่ใจ

พ.ศ.2545 เป็น รองเจ้าคณะจังหวัดพะเยา

พ.ศ.2558 เป็น รองเจ้าคณะจังหวัดพะเยา กิตติมศักดิ์ เจ้าอาวาสวัดโพธาราม

สมณศักดิ์ ปี พ.ศ.2525 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอ ชั้นโท ที่ พระครูมานัสนทีพิทักษ์

พ.ศ.2531 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2543 เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอ ชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2546 เป็นพระครูสัญญาบัตร รองเจ้าคณะจังหวัด ในราชทินนามเดิม

และวันที่ 5 ธ.ค. พ.ศ.2549 เป็นพระราชาคณะ

หลวงพ่อพระโสภณพัฒโนดม ​เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ ที่สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม สิ่งสาธารณประโยชน์ศาสนสถานต่างๆ ในอำเภอแม่ใจ และเป็นผู้ริเริ่มอนุรักษ์ รักษาสิ่งแวดล้อมแหล่งต้นน้ำ โดยบวชป่าต้นไม้แหล่งต้นน้ำบนเขา ที่ไหลลงสู่ลำน้ำอิง ในกว๊านพะเยา

การละสังขารของหลวงพ่อครั้งนี้ สร้างความเศร้าโศกเสียใจ ให้กับบรรดาศิษยานุศิษย์ และญาติมิตร เป็นอย่างยิ่งสำหรับกำหนดพิธีพระสวดพระอภิธรรม และพิธีพระราชทานเพลิงยังไม่มีกำหนด

รัฐบาลเปิดระบบให้ลงทะเบียนร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รับ 1 หมื่นบาท ผ่านแอปทางรัฐ เริ่ม 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 67 สำหรับประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ใช้บัตรประชาชนลงทะเบียนผ่านจุดลงทะเบียนได้ที่ 1.ศูนย์ดิจิทัลชุมชน 2.ที่ทำการไปรษณีย์ 3.ธนาคารออมสินและ 4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมแล้ว 5,199 แห่งทั่วประเทศ เริ่ม 16 ก.ย. – 15 ต.ค. 67 และสำหรับร้านค้าเปิดให้ลงทะเบียน ตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 เป็นต้นไป

ความแตกต่างของการใช้จ่ายแต่ละรอบ เปรียบได้กับพายุหมุน 4 ลูก

รอบที่ 1 การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก เป็นการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับพ่อค้าแม่ค้าร้านค้าขนาดเล็ก ซึ่งเป็นการใช้จ่ายในพื้นที่ระดับอำเภอ โดยที่อยู่ตามทะเบียนบ้านต้องเป็นอำเภอเดียวกับร้านค้าและมีการซื้อขายสินค้าจริง และในการชำระสินค้าต้องทำธุรกรรมการซื้อขาย และสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้ากันแบบพบหน้ากัน (face-to-face)

รอบที่ 2 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า รอบนี้เจ้าของร้านค้าต้องชำระค่าสินค้าผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์บนแอปพลิเคชันของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้แก่ร้านค้าอีกแห่ง

รอบที่ 3 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ นับเป็นการทำให้เกิดการต่อยอดกำลังซื้อ การบริโภค หรือสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ

รอบที่ 4 การใช้จ่ายของประชาชนจะเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ พลังการใช้จ่ายของประชาชนจะเป็นการฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม

อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ลงทะเบียนไว้จะได้รับผลการแจ้งสิทธิ์พร้อมกัน ตั้งแต่ 22 ก.ย. 67 เป็นต้นไป ผ่านการแจ้งเตือนในแอปทางรัฐ ซึ่งรัฐบาลให้คำมั่นว่าจะโอนเงินเข้ากระเป๋าดิจิทัลและเริ่มใช้จ่ายได้ภายในไตรมาสที่ 4 หรือก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน

เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ต่างประเทศ footyheadlines รายงานว่า Nike บริษัทเสื้อผ้ากีฬายักษ์ใหญ่ระดับโลกกำลังพิจารณาการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการดำเนินงานด้านการผลิต โดยมีแผนที่จะย้ายการผลิตชุดฟุตบอลส่วนใหญ่จากประเทศไทยไปยังอียิปต์ ข้อมูลนี้รายงานโดยวงในเสื้อบาร์เซโลน่า

Nike เล็งอียิปต์เป็นศูนย์กลางการผลิต ย้ายจากประเทศไทยไปผลิตชุดฟุตบอล

ประเทศไทยถือเป็นแหล่งผลิตชุดฟุตบอลที่สำคัญ โดยเฉพาะในแง่ของคุณภาพ และแบรนด์ต่าง ๆ ก็ใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตเสื้อผ้าฟุตบอล หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าก๊อบปี้จากจีน ก็ยังต้องติดป้ายว่าผลิตในประเทศไทย

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อียิปต์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านการผลิตและการส่งออกผ้าทอและผ้าถัก โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ร้อยละ 12 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างปี 2011 ถึง 2020 นอกจากนี้ อียิปต์ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในการเป็นผู้ผลิตเสื้อฟุตบอล เช่นชุดฟุตบอลของพูม่าหลายชุด ก็ผลิตในอียิปต์

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่างๆ ได้ย้ายการผลิตชุดฟุตบอลจำนวนมากไปยังเวียดนามและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย สาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่ต่ำกว่าในประเทศไทย

การเคลื่อนไหวที่เป็นไปได้ของ Nike ในการย้ายการผลิตส่วนใหญ่จากประเทศไทยไปยังอียิปต์อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อแฟนฟุตบอลทั่วยุโรป เนื่องจากอียิปต์มีทางภูมิศาสตร์ที่ใกล้กับทวีปนี้มากขึ้น มีความเป็นไปได้สูงที่เวลาในการจัดส่งชุดฟุตบอลที่ทุกคนตั้งตารอจะลดลงอย่างมาก

นอกจากนี้ Puma ยังมีรายงานว่าจะย้ายส่วนใหญ่ไปยังอียิปต์ แทนที่จะผลิตในตุรกี