วันที่ 24 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เขตอำเภอศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งว่า มีเหตุคนถูกวัวชนจนซี่โครงหักได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่หมู่3 ต.ศรีมหาโพธิ

หลังจากได้รับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ พบนายชมพู แซ่ปัง อายุ 58 ปี บาดเจ็บบริเวณชายโครงซ้าย พร้อมบอกกับเจ้าที่หน่วยกู้ภัยว่า “ไม่ไหวแล้วเจ็บปวดทรมานมาก ขอให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล”

ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลทันที จากการตรวจของแพทย์ทราบว่า ถูกวัวที่เลี้ยงไว้ชนทำให้ซี่โครงซ้ายหัก

สอบถาม นายชมพู เผยว่า ได้เลี้ยงวัวลูกพันธุ์ผสมบรามัน ไว้จำนวน 5 ตัว มีตัวเมีย 2 ตัว ตัวผู้ 3 ตัว ขณะที่กำลังจะพาวัวเข้าคลอก ถูก ไอ้แดงใหญ่ อายุ 5 ปี มีน้ำหนักเกือบ 400 กิโลกรัม พุ่งชนอย่างแรงจนทำให้บาดเจ็บ

ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเจ้าแดงนี้พุ่งชน ส่วนเจ้าแดงใหญ่ชอบเข้ามาชนตนเองเป็นประจำแต่ไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่ แต่ก็ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จึงตัดสินใจจะขายทั้งหมดที่มีอยู่ เพราะชอบทำร้ายเจ้าของแบบนี้ ก็ไม่อยากจะเอาไว้เหมือนกัน ถ้าหากใครสนใจอยากจะได้วัว จำนวน 5 ตัวไปเลี้ยง สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 098-842-7290 ส่วนราคามาคุยกันอีกที

เรียกได้ว่า เป็นนักร้องเสียงทรงพลัง อย่าง เจ๋ง Big Ass หรือหรือ เดชา โคนาโล ที่เผยภาพนั่งบนรถเข็นในโรงพยาบาล พร้อมระบุข้อความว่า ผลงานของการไปเล่นบาสมา พลาดท่า เอ็นเข่าขวาด้านในฉีก

ล่าสุด เจ้าตัวอัพเดตอาการเผย ครบ 3 เดือนจะไปเช็คอาการอีกที ตอนนี้ยังมีอาการเจ็บแป๊บๆ เดินกะเผลก สาเหตุอาการบาดเจ็บนี้เกิดจากไปเล่นบาส เอ็นไขว้หน้าขาด ใช้ชีวิตลำบากมาก เพราะเราใช้ขาในการเดิน และเล่นคอนเสิร์ต แต่ดีขึ้นแล้วประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ต้องงดกระโดด วิ่ง อะไรที่กระทบกับเข่า และตนนั้นไม่อยากผ่าตัด ซึ่งหมอก็บอกว่ายังไม่จำเป็นต้องผ่า

เมื่อวันที่ 23 กรกฑาคม 2567 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า พระครูนิวิฐสาธุวัตร (หลวงปู่ทองล่ำ ยโสธโร) เจ้าอาวาสวัดเจ้าอาม รองเจ้าคณะเขตบางกอกน้อย ได้มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. สิริอายุ 87 ปี 66 พรรษา โดยทางวัดเจ้าอาม แจ้งกำหนดการพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ วันที่ 24 ก.ค. โดยจะเปิดให้พระเถระ คณะศิษยานุศิษย์ ถวายน้ำสรงศพ เวลา 14.00น. ก่อนที่ในเวลา 17.00น. จะเป็นพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ

พระครูนิวิฐสาธุวัตร หรือ หลวงปู่ทองล่ำ นับเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ศรัทธาในวัตรปฏิบัติจำนวนมาก ขณะที่วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้ก็ได้รับความนิยมจากนักสะสมอย่างมาก ท่านมีนามเดิมว่า ทองล่ำ เงินลี เกิดเมื่อวันพุธที่ 9 ธ.ค.2479 ที่ ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ หลังพ้นเกณฑ์ทหาร ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.2500 ที่พัทธสีมาวัดคลองขวาง ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี มีพระครูนนทปรีชา วัดละหาร ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์โดด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการชอบ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

พ.ศ.2503 ได้ย้ายมาจำพรรษา อยู่ที่วัดเจ้าอาม บางกอกน้อย เพื่อศึกษานักธรรมเอก และภาษาบาลี พ.ศ.2504 สอบได้นักธรรมชั้นเอก ที่สำนักเรียนวัดสุวรรณาราม กรุงเทพฯ หลังจากนั้นสอบได้ชั้นเปรียญธรรม 5 ประโยค ที่สำนักเรียนวัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ และในปี 2509 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ที่สำนักเรียนวัดสุวรรณาราม พ.ศ.2512 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเจ้าอาม

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ. 2551 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะแขวงเทียบเจ้าคณะเขตชั้นพิเศษในราชทินนามที่ พระครูนิวิฐสาธุวัตร

จากกรณี อดีตผัวโหด บุกสังหารยกครัว ผอ.โรงเรียนภรรยาเก่า และทนายสามีใหม่ พร้อมแม่ และน้องเขยแม่รวม 4 ศพ โดยเหตุเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ ต่อมามีรายงานว่าผู้ก่อเหตุได้ หลบหนีไปก่อนปลิดชีพตัวเองเสียชีวิต ภายในรถคันก่อเหตุ ในพื้นที่ ต.ไพศาล อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์

นอกจากนี้ยังมี เด็กชายจอมพล  อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นลูกของ นางดวงเดือน รอดชีวิตปาฏิหาริย์ เนื่องจากหลบอยู่ในห้องน้ำภายในบ้านหลังเกิดเหตุ

ต่อมาเพจเฟซบุ๊ก บิ๊กเกรียน ก็ได้ออกมา เผยชีวิต อีกมุมหนึ่งของอดีตผอ.รร. ปืนโหด ฆ่ายกครัว พร้อมกับเปิดเส้นทางรักอดีตภรรยา ซึ่งเป็นผอ. โรงเรียน โดยทางเพจระบุว่า “เผยชีวิต อดีตผอ. ฆ่ายกครัว ป่นปี้ ถูกอดีตเมีย ให้ผัวใหม่เป็นทนายฟ้องอุตลุด​ จนโดนวินัยให้ออก จากปมแค่ขอแบ่งสมบัติฯ”

โดยทางเพจเปิดเผยอีกว่า นายปฐพี มีบาง เคยเป็น ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เฉลิมพระเกียรติ อยู่กินกับ ผอ.ดวงเดือน แบบไม่เปิดเผย ไม่มีลูกด้วยกัน ได้แยกทางกันแล้วมีคดีฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สิน คดีหมิ่นประมาท ร้องวินัยข้าราชการ ศาลได้นัดสืบพยานในวันที่ 22-23 สิงหาคม 2567

ส่วน ผอ.ดวงเดือน เคยมีสามีคนแรกเป็นตำรวจ ไม่มีลูก สามีคนที่ 2 เป็นตำรวจ มีลูกด้วยกัน 1 คน อดีต ผอ.ปฐพี เป็นสามีคนที่ 3 ไม่มีลูก และได้สามีคนที่ 4 อาชีพทนายที่เสียชีวิต เพิ่งแต่งงานกันได้ประมาณ 2 เดือนและเป็นทนายที่ว่าความให้กับ ผอ.ดวงเดือน

นอกจากนี้เพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว3 ก็ได้ออกมาเปิดภาพจากคอมเมนท์ ถึงเหตุแรงจูงใจที่ต้องทำการฆ่ายกครัว โดยภาพระบุว่า “อย่าด่ากูนะ แค่จะบอกสาเหตุคนร้าย คือได้ข่าวว่าคนร้ายกับ ผอ.ได้ทำบ้านใหม่จนเสร็จ และน่าจะเป็นเงินผัวเก่า พอทำบ้านเสร็จก็เลิกกัน ฝ่ายเมียเอาหมดทั้งบ้านและทรัพย์สิน ฝ่ายผัวเก่าก็เคยมาคุยเรื่องนี้ ขอเงินไปเริ่มต้นใหม่แต่เมียไม่ให้ สุดท้ายเมียไปได้กับทนาย คิดว่าผัวเก่าจะกลัวไม่กล้ามายุ่งอีก ที่ไหนได้เหมือนเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก คงจะแค้น ตัวเองทำบ้านจนเสร็จ แต่ไปเอาผัวใหม่มาอยู่แทน”

หนุ่มก่อสร้างขี้เหงา ปิ๊งสาวพยาบาลในแอพหาคู่นัดเดทแรกที่รีสอร์ต ตื่นมาทองหนัก 3 บาทหาย ติดต่อไม่ยอมคืน อ้างโน้นอ้างนี่ วอนเอามาคืน ทำงานเก็บเงินซื้อมาจากน้ำพักน้ำแรง

วันที่ 23 ก.ค. 2567 ที่ สภ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี นายนัย (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ชาว อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ประวิทย์ อิ่มใจ รอง สว.(สอบสวน) ด้วยความเจ็บใจหลัง สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทหายไปพร้อมกับหญิงสาวที่นัดหมายมาพบกันเป็นครั้งแรก

นายนัย เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่า มาทำงานก่อสร้างกับน้าอยู่ที่ ต.โคกสะอาด อ.เมืองอุดรธานี 3-4 เดือนแล้วรู้สึกเหงาจึงเข้าไปในแอพหาคู่ ทำให้ได้รู้จักกับ น.ส.เซียส ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง อ้างว่าเป็นพยาบาล อยู่จ.ขอนแก่น ซึ่งรูปโปรไฟล์ก็สวมชุดพยาบาล หน้าตาสวย ได้ทักทายพูดคุยจีบกันทางไลน์ ประมาณ 1 เดือน ต่อมาวันที่ 11 ก.ค. น.ส.เซียส นัดพบที่รีสอร์ตบริเวณสี่แยกเขื่อนห้วยหลวง ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมืองอุดรธานี

” หลังเลิกงานผมก็รีบไปหาเซียสตามนัด ก็ได้พบกับเซียส ซึ่งสวยตรงปก บอกว่ามากับแม่และน้องชาย เปิดห้องพักไว้ 3 ห้อง หลังพูดคุยกันเสร็จก็เข้าไปคุยกันต่อในห้อง ต่อมาเซียสขอตัวออกไปทำธุระกับแม่และน้องชาย ส่วนผมก็นอนเล่นอยู่ในห้อง ระหว่างนั้นเดินไปเดินเล่นนอกห้องโดยล็อกประตูห้องพักไว้ พอจะกลับเข้าห้อง พบว่าเอากุญแจผิดห้อง กลายเป็นกุญแจห้องน้องชายเซียส

ผมโทรไปบอกเซียส ว่าลืมกุญแจในห้อง และกระเป๋าสะพาอยู่ในห้องซึ่งมีสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทและเอกสารทางราชการอยู่ในกระเป๋า เซียสบอกว่าโทรติดต่อเจ้าของรีสอร์ตให้มาเปิดห้องให้แล้ว เจ้าของรีสอร์ตจะเข้ามาพรุ่งนี้ให้ผมนอนรอที่ห้องพักน้องชายไปก่อนกลับมาแล้วจะเรียก ผมก็ไปนอนรอแล้วเผลอหลับไป

ตื่นมาตี 4 โทรหาเซียสบอกว่ากลับมารีสอร์ตแล้วไปเปิดห้องเก็บสร้อยไว้ให้แล้ว ตอนนี้ออกไปทำธุระกับแม่และน้องไม่ต้องห่วง แต่ปรากฎว่าพอไปสอบถามพนักงาน ถึงรู้ว่าเซียสมาเปิดห้องพัก 2 ห้อง ไม่ใช่ 3 ห้อง พยายามโทรติดต่อให้นำสร้อยมาคืน แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง อ้างไปทำธุระบ้าง ไปต่างจังหวัด ขึ้นเวรบ้าง สุดท้ายบอกว่าสร้อยอยู่กับแม่ ”

นายนัย เล่าต่อว่า ตนขอเบอร์แม่แล้วโทรไปหา แม่เซียสบอกว่าสร้อยอยู่กับแม่ แต่ยังกลับอุดรไม่ได้ เพราะว่าเซียส เกิดอุบัติเหตุที่ขอนแก่น เข้ารักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพ มีอาการเลือดคั่งในสมอง ส่งรูปคนป่วยนอนอยู่บนเตียงมาให้ดูด้วย ตนก็ให้กำลังใจแต่ก็ยังไม่คืนสร้อย

สุดท้ายโทรไปก็ไม่รับสาย กระทั่งวันนี้ตัดสินใจมาแจ้งความให้ตำรวจติดตามเซียส เอาสร้อยทองมาคืน ฝากถึงเซียส ด้วยว่า “สร้อยทองเส้นนี้ผมทำงานเก็บหอมรอมริบซื้อเก็บไว้ ตั้งแต่ทองบาทละ 3 หมื่นบาท เป็นน้ำพักน้ำแรงของผม ไม่ใช้ทรัพย์สินของคุณ”

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนติดต่อน.ส.เซียส ให้นำสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทมาคืนต่อไป

ภายหลังจากที่ วัน อยู่บำรุง อดีตสส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก่อนมาเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมชายคากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค

ซึ่ง วัน ไลฟ์สดเปิดใจว่า ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากลุงป้อม และผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ แม้จะมีเอฟซีบางส่วนไม่เห็นด้วย แต่ไม่โกรธ เพราะตนมีความคิดของตัวเอง และมีสิทธิที่จะเดินตามเส้นทางการเมืองของตน

ล่าสุด ไอซ์-รักชนก ศรีนอก สส.เขตบางบอน พรรคก้าวไกล ได้แชร์โพสต์ของ วัน อยู่บำรุง ซึ่งเป็นภาพกราฟิกของ นายวัน คู่กับ พล.อ.ประวิตร พร้อมมีข้อความระบุว่า “ใจถึง พึ่งป้อม”

ไอซ์ รักชนก ระบุว่า “คนเราตกได้ แต่อย่าต่ำ Couldn’t agree more!!”

“ขอแสดงความยินดีกับพี่วันด้วยค่ะ ได้พรรคใหม่ที่เหมาะสมกับพี่และครอบครัว”

source / Photo : FB รักชนก ศรีนอก – Rukchanok Srinork

หนุ่มโพสต์ถามในกลุ่ม นี่ตัวอะไร หลังกินส้มตำใส่ปูแล้วเจอบางอย่างในกระดองปู เป็นลักษณะเส้นสีเหลืองในกระดองปู มองๆแล้วคล้ายพยาธิหรือไข่อะไรสักอย่าง ก่อนชาวเน็ตมาเฉลยให้ว่านี่แหละคือของอร่อย แต่ไม่แนะนำให้กินดิบๆเพราะเสี่ยงเรื่องพยาธิ

เขาโพสต์ถามว่า “มันคืออะไรครับ เจอในปูที่ใส่ในส้มตำ” พร้อมรูปกระดองปูที่หงายอยู่ มีเส้นสีเหลืองเล็กๆเกาะอยู่เต็มกระดอง

ชาวเน็ตมาเฉลยว่าเป็นมันปู ของอร่อย เป็นส่วนที่นำไปทำเป็นอ่องมันปู แต่แนะนำว่าไม่ควรกินดิบเพราะเสี่ยงพยาธิใบไม้ในตับ ถ้าจะกินควรทำให้สุกก่อน เป็นส่วนที่อร่อยคนนิยมกิน แต่ถ้ามันดิบจะมีลักษณะเป็นเส้นๆแบบนี้

หลายคนบอกว่าเห็นแล้วขนลุกเลย

คอมเมนต์ชาวเน็ต

“ไขมันปู ถ้าปูดิบจะเป็นแบบนี้แต่เราไม่กินแบบนี้ ชอบกินแบบสุกๆมันจะหอมๆ มันๆ หวานๆ จิ้มข้าวเหนียวเริศมาก”

“มันปู ถ้าเป็นดำๆลอยๆลูกปลิงเข็ม”

“แต่ถ้าเป็นปูดิบอย่ากินดีกว่า พยาธิเยอะมาก แต่ถ้ามันทำรวมไปกับอาหารแล้วมันก็อาจจะปะปนมาในอาหารแล้วแหละ”

“มันปูค่ะ ส่วนที่อ้วนที่สุด คอเลสเตอรอล 100%”

“ปูที่ไม่ใช่ปูทะเล พวกปูนา ปูที่จับได่ตามคลอง ถ้ากินดิบจะเสี่ยงมีพยาธิใบไม้ในตับนะครับ”

“มันคือ “มันปู” ค่ะ ถ้าไม่คิดมากเรื่องกินดิบก็กินได้ค่ะ ถ้าคิดมากก็ไม่ต้องกินค่ะ เพราะบางคนก็กลัวเรื่องพยาธิ”

“ของดิบจากบกหรือน้ำจืด ไม่ว่าสดหรือหมักหรือดองมีพยาธิทั้งหมด #ทำสุกเท่านั้น หมู-วัว ->ตัวตืด ปลา กุ้ง หอย ปู-> ใบไม้ในตับ/ปอด เนื้อสัตว์ดิบทุกชนิด มีพยาธิตัวจี๊ดด้วย”

ขอบคุณ นี่ตัวอะไร

เมื่อเวลา 19.46 น. วันที่ 23 กรกฎาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” (Madama Butterfly) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม

ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์อุปถัมภ์มูลนิธิรอยัลแบงค์คอกชิมโฟนีออร์เคสตร้า และองค์ประธานจัดงานการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” ทรงเฝ้าฯ รับเสด็จ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

เมื่อเสด็จเข้าหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยทอดพระเนตรนิทรรศการ “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” บริเวณโถงรับรอง ชั้น 1 ซึ่งมาดามบัตเตอร์ฟลาย เป็นบทประพันธ์ของ จาโคโม ปุชชินี (Giacomo Puccini) คีตกวีชาวอิตาเลียน เป็นอุปรากรที่แสดงถึงความรักระหว่างสาวเกอิชาชาวญี่ปุ่น กับทหารเรือหนุ่มชาวอเมริกัน ที่ยึดมั่นในความรักด้วยการสละชีวิตเพื่อรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตน เปิดการแสดงครั้งแรกเมื่อปี 1904 ที่โรงอุปรากรลา สกาลา ในเมืองมิลาน และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งการแสดงอุปรากรที่ดีที่สุดในโลก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเคยเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงอุปรากรเรื่องนี้ ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส

ซึ่งได้กลายเป็นแรงบันดาลพระทัย แก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ในการทรงประพันธ์ละครเพลงเรื่องสาวเครือฟ้า ดังนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในฐานะองค์อุปถัมภ์มูลนิธิรอยัลแบงค์คอกชิมโฟนีออร์เคสตร้า และองค์ประธานจัดงานการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” จึงทรงมีพระดำริให้จัดการแสดงนี้ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในฐานะทรงองค์อุปถัมภ์มูลนิธิรอยัลแบงค์คอกชิมโฟนีออร์เคสตร้า และองค์ประธานจัดงานการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” และผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงออกแบบเครื่องแต่งกายทั้งหมด จำนวย 53 ชุด อันแสดงถึงพระวิสัยทัศน์ ด้านศิลปะและการออกแบบ เครื่องแต่งกายของอุปรากร นับเป็นงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นจากผืนผ้าที่ได้รับการสืบทอดมาอย่างยาวนาน รวมถึงการออกแบบลวดลายอย่างวิจิตรงดงาม ภายใต้การออกแบบของแบรนด์ SIRIVANNAVARI

จากนั้นเสด็จฯ ไปยังหอประชุมใหญ่ (ชั้น2) พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานฯ แล้วทอดพระเนตรการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” ทั้งหมด 3 องก์ อุปรากรเรื่องนี้ได้ถูกนำออกแสดงครั้งแรกที่โรงอุปรากรสกาลา ในกรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ในปี ค.ศ.1904 (พ.ศ. 2447) เป็นโอเปร่าเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำออกแสดงมากที่สุด 10 อันดับแรกของโลก

ภายหลังจบการแสดง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโตผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์ ฯ เชิญช่อดอกไม้พระราชทานถวายแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และมอบให้แก่ศิลปินที่ร่วมแสดงในครั้งนี้

โดยการแสดงครั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับเป็นผู้อำนวยการแสดง (Executive Producer) ทรงคัดเลือกคณะนักแสดงจาก Opera Production กรุงเวียนนา และเปิดคัดเลือกนักแสดงไทยในบทนักแสดงสมทบ และนักร้องประสานเสียง ที่สำคัญการแสดงครั้งนี้ ชุดของนักแสดงออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI นำโดยองค์ครีเอทีฟไดเรคเตอร์ ทรงออกแบบเสื้อผ้าจำนวน 14 ชุด ด้วยพระองค์เอง สำหรับ 9 ตัวละครหลักทั้งชายหญิง คือ โจโจ้ซัง (Cio Cio San) นางเอก, พิงเคอร์ตัน (Pinkerton) พระเอก, ซูซูกิ (Suzuki) พี่เลี้ยง, ยามาโดริ (Yamadori) เจ้าชาย, เคท พิงเคอร์ตัน (Kate Pinkerton) ภรรยาใหม่, บอนโซ (Bonzo) พระญี่ปุ่น, โกโร (Goro) พ่อสื่อ, ชาร์พเลส (Sharpless) เพื่อนพระเอก และคอมมิสซาริโอ (Commissario) ขุนนางญี่ปุ่น และอีก 40 ชุด โดยทีมงานของแบรนด์ SIRIVANNVARI ภายใต้แนวคิดทรงกำหนดของพระองค์ นอกจากนี้ ยังทรงมีส่วนร่วมในการออกแบบฉากเวที ร่วมกับทีมงานจากเวียนนาอีกด้วย

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ต.ท.เนติพงษ์ จำนงนิตย์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย รับแจ้งเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิตที่บ้านมะเฟือง หมู่ 7 ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย หลังรับแจ้งได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยร่วมใจอำเภอท่าบ่อ, หน่วยกู้ชีพองค์การบริหารส่วนตำบลโพนสา, แพทย์เวรจากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ, นายพรชัย พรพิรุณโรจน์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ และนายอภิสิทธิ์ วงศ์ศรีแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนสา

เมื่อเดินทางถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นคลองน้ำที่อยู่ภายในสวนซึ่งมีความลึกประมาณ 80 เซนติเมตร พบว่า นายสรายุทธ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาว ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และ น.ส.ทานิกา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี พ่อและแม่ พร้อมด้วยญาติได้นำร่างของ ด.ช.อายุ 1 ปี 3 เดือนขึ้นมาไว้ภายในบ้านแล้ว จากนั้นแพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อจึงได้ทำการชันสูตรพลิกศพ

สอบถาม น.ส.ทานิกา แม่ของด.ช.อายุ 1 ปี 3 เดือน ผู้เสียชีวิตทราบว่า ขณะเกิดเหตุตนได้เข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ลูกเล่นอยู่หน้าบ้านกับสุนัขที่ตนเลี้ยงไว้ โดยตัวบ้านห่างจากคลองน้ำที่ลูกเล่นอยู่ประมาณ 100 เมตร เมื่อตนออกมาจากห้องน้ำพบเพียงสุนัขแต่ไม่พบลูก จึงได้เดินตามหาแต่ไม่พบจึงได้วิ่งไปตามนายสรายุทธ สามีที่อยู่ภายในสวนพร้อมญาติพี่น้องมาช่วยตามหาแต่ไม่พบ จึงได้เดินไปดูที่คลองน้ำแล้วพบร่างของลูกชายอยู่ในน้ำจึงรีบนำขึ้นมาและพบว่าลูกได้เสียชีวิตแล้ว ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติพี่น้องเพราะเด็กผู้ตายกำลังอยู่ในวัยน่ารัก เป็นที่รักของญาติทุกคน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจที่เกิดเหตุอย่างละเอียด สอบถามแพทย์ทราบว่าด.ช.อายุ 1 ปี 3 เดือน เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง และญาติๆ ไม่มีใครติดใจในการเสียชีวิตจึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป