ข่าวด่วน

Home ข่าวด่วน Page 35
Featured posts

ลูก 4 ขวบแอบหยิบขนมในซุปเปอร์มาร์เก็ต พนง.ขอปรับเงิน 10 เท่า แต่แม่ ไม่ยอมจ่าย เหตุผลโดนใจทั้งโซเชียล

เรียกได้ว่าเป็นภาพที่ใครหลายคนเห็นชินตา ตามร้านสะดวกซื้อหรือว่าซุปเปอร์มาร์เก็ต เมื่อเวลาที่ครอบครัวพาลูกเล็ก ๆ มาซื้อสินค้าด้วย เด็กอาจคิดว่าสามารถเลือกสิ่งที่พวกเขาชอบได้อย่างอิสระ ไม่ได้มีแนวคิดเรื่องการใช้เงิน โดยคิดว่าพวกเขาสามารถหยิบอะไรก็ได้โดยไม่ต้องจ่าย นี่เป็นอีกหนึ่งในเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับผู้ปกครอง ดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้

โดยเรื่องนี้มีที่มาจาก สำนักข่าวต่างประเทศ tintuconline ได้มีการเผยเรื่องราวของคุณแม่รายหนึ่ง ที่พาลูกชายวัย 4 ขวบ ไปร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตในช่วงสุดสัปดาห์ เธอให้ลูกนั่งบนรถเข็นในระหว่างที่จับจ่ายซื้อของหลายอย่าง จนกระทั่งถึงเวลาชำระเงินที่แคชเชียร์เรียบร้อยแล้ว ในจังหวะที่กำลังจะเดินออกไปข้างนอก ก็มีเสียงสัญญาณที่ร้องแจ้งเตือนว่ามีของ ค้างชำระ

จากนั้น เจ้าหน้าที่ซูเปอร์มาร์เก็ตตรงเข้ามาตรวจสอบทันที โดยใช้วิธีเปรียบเทียบสิ่งของและใบเสร็จรับเงิน และพบว่าสินค้าทุกชิ้นถูกชำระเงินครบถ้วน จึงปล่อยให้เธอเดินผ่านเครื่องตรวจสอบอีกครั้ง คราวนี้เครื่องไม่ร้องแจ้งเตือนแล้ว ทุกคนคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาของระบบที่ทำงานผิดพลาด แต่ในตอนที่ลูกชายเดินตามแม่ไปนั่นเอง เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เมื่อตรวจสอบ ปรากฎว่าลูกชายวัย 4 ขวบ หยิบช็อกโกแลตแท่งมาใส่ไว้ในกระเป๋าของตนเอง ผู้เป็นแม่ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว จึงไม่ได้นำออกมาชำระเงิน เธอจึงรีบขอโทษเจ้าหน้าที่ซุปเปอร์มาร์เก็ พร้อมกับบอกว่า เธอจะจ่ายค่าขนมแท่งที่ลูกชายของเธอหยิบมา อีกทั้งยังสอนให้ลูกชายขอโทษทุกคนด้วย แต่ผลที่ตามมาก็คือ ทางซุปเปอร์มาร์เก็ตตัดสินใจจะปรับเงินเธอและลูกเป็นจำนวน 10 เท่าของมูลค่าช็อกโกแลตแท่งนั้น

เมื่อเห็นทัศนคติของเจ้าหน้าที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นเช่นนั้น คุณแม่จึงตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า ลูกไม่มีความรู้เรื่องเงิน ถือเป็นความผิดพลาดทางการสอนของฉัน ฉันสามารถชดเชยตามราคาของผลิตภัณฑ์ได้ แต่ยอมรับไม่ได้กับการปรับ 10 เท่า ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่มีสิทธิ์กำหนดมาตรการเช่นนี้ หากคุณไม่ว่าอะไรก็สามารถแจ้งตำรวจเพื่อจัดการเรื่องนี้ได้

อย่างไรก็ตาม คำตอบของคุณแม่ทำให้คนรอบข้างชื่นชม ส่วนใหญ่มองว่าคำพูดของเธอนั้นสมเหตุสมผล วิธีการนี้สมควรได้รับการยกย่อง เพราะมันมีคุณค่าทั้งในการให้ความรู้แก่เด็กๆ และให้เกียรติ เพื่อปกป้องความภาคภูมิใจในตนเองของเด็กด้วย ท้ายที่สุด พนักงานซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ต้องคิดเงินตามมูลค่าของช็อกโกแลตแท่งนั้น แล้วปล่อยให้แม่และเด็กกลับบ้านไปตามระเบียบ

ทั้งนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นเรื่องราวข้างต้น สิ่งแรกที่พ่อแม่ควรทำคือปกป้องลูก ยอมรับความผิดพลาด ช่วยเด็ก ๆ ขจัดแนวคิดเรื่องการขโมย และพูดคุยทำความเข้าใจกับคู่กรณีว่า เด็กไม่อยากขโมย เขาแค่ไม่ได้รับการสอนเรื่องเงินจากฉัน พร้อมสัญญาว่าจะให้ความรู้แก่ลูกให้ดีขึ้นในอนาคต จากนั้นต้องให้เด็กขอโทษด้วย

‘เอก สายเต๊าะ’ คอตกนอนคุก ตร.หิ้วฝากขังพรุ่งนี้ เร่งหาหลักฐาน แจ้งข้อหาเพิ่ม

ตำรวจหิ้ว ‘เอก สายเต๊าะ’ นอนคุก ฝากขังพรุ่งนี้ เผยตำรวจทุกนายอยากจะลุย แต่บางครั้งติดเรื่องข้อกฎหมาย ทำให้ไม่ทันใจชาวบ้าน ขอให้อดใจรอ

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2567 ที่สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รองผกก.สืบสวน.สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายเอกรัฐ หรือ “เอก สายเต๊าะ” อายุ 41 ปี ให้การปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะให้การ โดยตำรวจเองจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติก่อนหน้านี้ที่ถูกดำเนินคดี และข้อมูลจากชาวบ้าน

โดยยืนยันว่าจะดำเนินการทุกมิติและรอบคอบอย่างถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้จากการตรวจค้นบ้านของนายเอก พบสิ่งเทียมอาวุธปืน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นปืนจริงหรือไม่ นอกจากนี้บริเวณรั้วบ้านยังพบกระเป๋าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ที่นายเอกใช้อาวุธมีดยาวไปชิงทรัพย์เมื่อล่วงเช้ามืดที่ผ่านมา

ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด ซึ่งตำรวจก็ได้ตรวจยึดอาวุธมีดใช้ก่อเหตุเอาไว้แล้วด้วย เบื้องต้นการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ส่วนการตรวจจิตเวชแพทย์วินิจฉัยว่าไม่ว่ามีอาการทางจิต

พ.ต.ท.อำนาจ กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ตำรวจจะนำตัวนายเอกไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาในวันพรุ่งนี้ โดยในสำนวนตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพนักงานสอบสวนจะต้องบรรยายพฤติการณ์ และประวัติการกระทำความผิดของนายเอกที่พบว่ามีการกระทำความก่อนหน้านี้

โดยจะบรรยายในเรื่องของพฤติกรรมเพื่อให้ศาลพิจารณาเรื่องของความรุนแรงและมีผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง เชื่อว่าจะมีผลในการพิจารณาของศาลอย่างแน่นอน เพราะอัตราโทษของผู้ที่เคยกระทำความผิด

หากพบว่ามีการประทำความผิดซ้ำ ศาลจะหยิบยกมาให้ความสำคัญในการพิจารณา ส่วนการดำเนินการตามกฏหมายอาญาตามมาตรา39 ห้ามเข้าเขตกำหนดหรือควบคุมตัวในกรณีจำเลยกระทำตัวเป็นอันตรายต่อสังคม และมาตรา45 ศาลสั่งห้ามจำเลยเข้าเขตที่กำหนดไม่เกิน5ปี ทางตำรวจก็จะมีการบรรยายไปในสำนวน แต่จะมีการบังคับใช้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

พ.ต.ท.อำนาจ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อหาอื่น ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานอื่น ๆ มาประกอบให้รอบด้านเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยตำรวจเข้าใจความรู้สึกและความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่การดำเนินคดีจะต้องขึ้นอยู่กับกรอบของกฎหมาย

ทั้งนี้ตำรวจทุกนายอยากจะลุย แต่บางครั้งติดเรื่องข้อกฎหมายทำให้ไม่ทันใจชาวบ้าน ขอให้อดใจรอ ส่วนการไลฟ์สดโชว์อาวุธปืนและก่อความเดือดร้อนรำคาญเดินไปมาในหมู่บ้านนั้น ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้วและจะต้องมีการถอดถ้อยคำจากคลิปวิดีโอไลฟ์สด เพื่อดูว่าเข้าข่ายว่าการกระทำผิดกฎหมายข้อใดบ้าง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด โดยนายเอกขอปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ถูกนำตัวส่งห้องขัง โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เตรียมนำตัวส่งศาลอาญารัชดาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด่วน 3 กลุ่มนี้ ลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บ. ไม่พร้อมกัน รีบเช็กวัน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รายงานความคืบหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ระบุว่าจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 ซึ่งจะแบ่งประชาชนออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ใช้สมาร์ตโฟน, กลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน และกลุ่มร้านค้า ในแต่ละกลุ่มจะเปิดลงทะเบียนไม่พร้อมกัน

กำหนดการลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต

1. กลุ่มผู้ใช้สมาร์ตโฟน

เริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

2. กลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน เปิดลงทะเบียนในรอบถัดไป แต่ยังไม่มีการประกาศวันเวลาที่แน่ชัด

3. กลุ่มร้านค้า

เปิดลงทะเบียนหลังจากวันที่ 1 สิงหาคม 2567 แต่ยังไม่มีการประกาศวันเวลาที่ชัดเจน

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะอัปเดตความคืบหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 24 กรกฎาคม 2567

วิธีลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ทางแอปพลิเคชั่นแอปทางรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 67

3 กลุ่มต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

กลุ่มผู้ใช้สมาร์ตโฟน

ผู้ใช้สมาร์ตโฟนเริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป ทางแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ทั้งระบบแอนดรอยและไอโอเอส

1. สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอย (Android) โหลดผ่านเว็บไซต์ Google Playstore

2. สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ ไอโอเอส (iOS) โหลดผ่านเว็บไซต์ Apple Store

2. กลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน

ผู้ที่ไม่มีสมาร์ตโฟนสามารถลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยใช้บัตรประชาชนเป็นเอกสารยืนยันตัวตน ส่วนสถานที่และวันเปิดรับลงทะเบียนยังต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

3. กลุ่มร้านค้า

ร้านค้าที่ต้องการเข้ารร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เริ่มลงทะเบียนหลังวันที่ 1 สิงหาคม 2567 มีขั้นตอนเตรียมหลักฐานเพื่อสมัครเข้าโครงการ ประกอบด้วย

1. เลขบัตรประชาชน หรือเลขนิติบุคคลของผู้ประกอบการ

2. หมายเลขโทรศัพท์

3. สถานที่ตั้งร้านค้า

4. รูปถ่ายร้านค้า

5. รายชื่อประเภทสินค้าที่จัดจำหน่าย

จากนั้นนำหลักฐานไปลงทะเบียนได้ทางธนาคารของรัฐบาล ธนาาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ สำนักงานเขตอบต.และอบจ. ประจำจังหวัด หรือสมัครผ่านทางแอฟพลิเคชั่นทางรัฐ

ร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT), ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร และภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax CIT)

ร้านค้าที่ร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท โดยจ่ายเงินทางแอปพลิเคชั่นทางรัฐ

ผู้มีสิทธิลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต

บุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

คนสัญชาติไทย อายุ 16 ปีบริบูรณ์ ภายใน 30 กันยายน 2567

มีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567

มีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี ตามข้อมูลภาษีปี 2566

มีบัญชีดิจิทัลวอลเล็ตสำหรับรับเงินตามนโยบาย

เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท

ประชาชนสามารถใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐได้ ตามเงื่อนไขดังนี้

ใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตภายในอำเภอ

ใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตภายใน 6 เดือน

ใช้ซื้อสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ หรือร้านค้ารายย่อยเท่านั้น

ไม่ต้องมาถามแล้ว! หมอเกศ แจ้งผ่านทนายเดชา ไม่ขอให้สัมภาษณ์สื่ออีกต่อไป

ไม่ต้องมาถามแล้ว! หมอเกศ แจ้งผ่านทนายเดชา ไม่ขอให้สัมภาษณ์สื่ออีกต่อไป หลังจากนี้ทนายจะไม่มีข้อมูลให้สื่อแล้ว จนกว่าจะได้รับแจ้งจากลูกความ

วันที่ 18 ก.ค. 2567 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ทนายความของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก “ทนายคลายทุกข์” เพื่อแจ้งสื่อมวลชน โดยระบุว่า

“เรียนพี่น้องสื่อมวลชน คุณหมอเกศ แจ้งมายังทนายเดชาว่าไม่มีความประสงค์ที่จะให้ข้อมูลหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป ดังนั้นหลังจากนี้ไปทนายเดชาก็จะไม่มีข้อมูลให้กับพี่น้องสื่อมวลชนอีกแล้วนะครับจนกว่าจะได้รับการแจ้งจากคุณหมอ”

“นับแต่วันนี้เป็นต้นไปผมไม่ต้องตอบคำถามสื่อมวลชนแล้วนะครับ รวมถึง FC ก็ไม่ต้องมาถามผมแล้วนะครับ เพราะเป็นคำสั่งของลูกความมีความประสงค์ที่จะให้ข้อมูลแค่วันนี้เท่านั้นนะครับ”

“หลังจากนี้เป็นต้นไปผมคงนำเสนอข่าวหรือให้ความรู้ทางกฎหมายเกี่ยวคดีอื่นต่อไปนะครับ คดีหมอเกศคงไม่ต้องมาถามผมแล้วนะจ๊ะจุ๊กกรู”

แพทยสภา แจง ‘หมอเกศ’ สว.คะแนนอันดับ 1 ไม่ได้เป็นแพทย์เชี่ยวชาญด้านความงาม

พ่อบุก รร. วีนฉ่ำคำตอบเลขข้อนี้ “ต่างกันยังไง?” แต่ครูอธิบายคำเดียว อายจนยอมขอโทษ

พ่อวีนฉ่ำ ลูกคิดเลข 4×5=20 ครูตรวจว่าผิด เห็นเฉลยคำตอบ 4×5=20 ยิ่งฉุน งงต่างกันตรงไหน แต่ฟังครูอธิบายคำเดียว ยอมรับเป็นตัวเองที่คิดผิด

โจทย์คณิตศาสตร์ในบทเรียนของเด็กนักเรียนในปัจจุบัน หลายข้อต้องใช้สมองคิดวิเคราะห์อย่างหนัก แม้กระทั่งผู้ใหญ่ยังเรียกได้ว่าแทบ “สมองระเบิด” เมื่อช่วยลูกๆ แก้โจทย์การบ้าน และมีหลายครั้งที่กลายมาเป็นประเด็นถกเถียงกันไม่จบสิ้น ทั้งความไม่ชัดเจนของคำถาม วิธีคิดคำนวนที่แตกต่างกัน หรือแม้แต่ข้องใจว่าคุณครูอาจจะตรวจผิดพลาด

ดังเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ คุณพ่อคนหนึ่งแสดงความไม่พอใจลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยชี้ให้เห็นว่าแบบทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ของลูกที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษา ถูกคุณครูตรวจอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้พลาดคะแนนในข้อดังกล่าวไป โดยโจทย์ข้อดังกล่าวมีอยู่ว่า “มีนักเรียนนั่งเรียงกัน แต่ละแถวมี 5 คน เรียงกันเป็น 4 แถว รวมทั้งหมดมีนักเรียนกี่คน?”

จากปัญหาข้างต้น ลูกของเจ้าของโพสต์จึงคำนวณได้ดังนี้ 4 x 5 = 20 คน แต่เมื่อส่งคำตอบไปกลับถูกครูขีดฆ่าว่า “ผิด” พร้อมทั้งเฉลยวิธีคำนวณที่ถูกต้อง ว่าควรเป็น 5 x 4 = 20 คน

โพสต์ของคุณพ่อคนนี้ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในหมู่ชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว เพราะคนส่วนใหญ่ก็คิดเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วคำตอบคือ นักเรียน 20 คน ดังนั้นจึงไม่มีความแตกต่างว่าไม่ว่าจะใช่วิธีคำนวณ 4×5 หรือ 5×4

สุดท้ายคุณพ่อคนนี้ตัดสินใจไปสอบถามคุณครูถึงโรงเรียน หลังจากได้รับฟังความคับข้องใจของผู้ปกครองแล้ว ครูประจำชั้นก็ยิ้มแล้วจึงอธิบายอย่างใจเย็นว่า “หน่วยนี้ถามจำนวนคน เลยต้องใช้จำนวนคนคูณ ไม่ใช่จำนวนแถวที่จะคูณ คำตอบที่ถูกต้องก็สำคัญ แต่สิ่งสำคัญมากกว่าคือ นักเรียนเข้าใจปัญหาอย่างชัดเจน ในระดับผู้ใหญ่ 4×5 หรือ 5×4 ก็ไม่แตกต่างกัน แต่ในการเรียนระดับประถมศึกษา การคำนวณนี้จะต้องเป็น 5×4”

หลังจากได้ยินคำอธิบายและเข้าใจถึงวิธีการเรียนการสอนทั้งหมดแล้ว ผู้เป็นพ่อก็ได้แต่นิ่งอึ้งและเขินอายกับความจริงตรงหน้า ปรากฏว่าเขาเอ่ยปากกล่าวตำหนิคุณครูไปแบบผิดๆ เพราะแท้จริงแล้วผู้ที่ต้องทบทวนความรู้ก็คือตัวเขาเอง

Popular Posts

My Favorites

แห่แชร์คลิปจอดรถให้คนข้ามทางม้าลายสี่แยกอโศก ขยี้ตารัว ๆ ที่แท้ นางเอกดังติดดิน

0
แห่แชร์คลิปจอดรถให้คนข้ามทางม้าลายสี่แยกอโศก ขยี้ตารัวๆ ที่แท้ ‘ปู ไปรยา’ นางเอกดังติดดิน ชาวเน็ตแห่ชม แชร์กระหึ่มไวรัลชั่วข้ามคืน กลายเป็นคลิปที่มีคนพูดถึง ถูกแชร์กระหึ่มโซเชียลฯ เมื่อมีผู้ใช้ช่องTiktok “@kttob_91” ออกมาเผยคลิปที่จอดรถรอคนข้ามถนน และได้เจอกับสาวสวยคนหนึ่งกำลังรอข้ามถนนพอดี ก่อนจะพบว่าสาวคนดังกล่าว คือ นางเอกดัง โดยสาวสวยคนนั้นก็คือ “ปู ไปรยา” ที่มาในลุกส์สุดชิล แต่ออร่าความสวยตะโกนมาก ซึ่งทางเจ้าของคลิปยังได้ระบุแคปชั่นไว้ด้วยว่า “ถนนคนฝัน ชีวิตจริง...