ข่าวด่วน

Home ข่าวด่วน Page 6
Featured posts

นายเปรม เสียชีวิตกะทันหัน ขอแสดงความเสียใจ

เวลา 03.20 น. ตำรวจ สน.บางเขนได้รับแจ้ง มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักชนขอบทาง เกาะกลางถนนและเสาตอม่อBTSมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตถนนพหลโยธินขาออก เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จึงได้ประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบศพนายเปรม  (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ช่องจราจรช่องที่ 3 สภาพศพมีบาดแผลตามร่างกายกรามหักใบหน้า มีบาดแผลฉกรรจ์และศีรษะแตกเสียเลือดจำนวนมาก ตัดผมสั้น แต่งกายใส่กางเกงขายาวสีเขียวเสื้อยืดคอกลมสีดำ ใกล้กันพบหมวกกันน็อกสีเขียวแบบเต็มใบตกอยู่ ห่างไปประมาณ 2 – 3 เมตร พบผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย นอนหมดสติอยู่กลางถนนมีบาดแผลตามร่างกาย กู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลเปาโลเกษตรโดยด่วน เป็นคน ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว

ทราบชื่อ น.ส. นันทิกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี และพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น แกนฟรีร้านโน่ หมายทะเบียน 4 ขษ 427 กรุงเทพมหานคร พลิกคว่ำอยู่ด้านขวารถมีรอยขูดกับถนนได้รับความเสียหาย

จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่ใต้เบาะรถพบเสื้อราชการทหารสังกัด ทอ. 1 ตัว บริเวณปกคอเสื้อมีอักษร บ.น. 6 ติดอยู่ และ มี บัตรผ่านป้ายวงกลมเข้าออก ทอ. อีก 1 แผ่น

สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่าตนได้ขับรถตามหลังมาแล้วมองเห็นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวขับ อยู่ช่องจราจรที่ 2 จู่ๆ รถก็ได้เหวี่ยงมาเลนขวาสุดพุ่งชนกับเกาะกลางถนน และเสาตอม่อ BTS  ตนจึงได้จอดรถยังคนเจ็บไว้แล้วโทรแจ้งตำรวจกับกู้ภัยให้เข้าช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุอีกครั้ง ส่วนล่างผู้เสียชีวิตกู้ภัย นำส่งพิสูจน์สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯ และติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.กรุงเทพมหานคร รายงาน

กรมอุตุฯ ประกาศเตือนแล้ว พายุไต้ฝุ่นยางิ ไทยเตรียมรับมือมรสุมถล่ม

วันที่ 4 ก.ย. 67 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 (164/2567) เรื่อง พายุ “ยางิ” เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (4 ก.ย. 67) พายุไต้ฝุ่น “ยางิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 117.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้าๆ คาดว่าในช่วงวันที่ 6-7 ก.ย. 67 จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 4-6 ก.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 8 ก.ย. 67 นี้ไว้ด้วย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 17.00 น.

ดราม่า อาหาร 400 ชุด ช่วยน้ำท่วม ผู้นำไม่รับแถมไล่ให้เอาไปแจกที่อื่น

วันที่ 4 ก.ย 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพะเยาส่งผลทำให้ น้ำท่วมหลายพื้นที่โดยเฉพาะน้ำในกว๊านพะเยามีปริมาณล้นเกินกักเก็บจนเอ่อท่วมรอบๆๆกว๊านพะเยาและชุมชนท้ายน้ำ จนต้องมีการระบายน้ำออกทางประตูระบายน้ำสถานีประมง ให้น้ำไหลลงสู่ลำน้ำอิง ทำให้ชุมชนในพื้นที่บ้านฝั่งหมิ่น หมู่ 4 ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ และบ้านแม่ต๋ำเมืองชุม ตำบลแม่ต่ำอำเภอเมือง ได้รับผลกระทบน้ำไหลเข้าท่วม บ้านเรือน ถนน วัด จนมีบรรดาผู้ใจบุญและผู้นำ ร่วมกันนำสิ่งของ อาหารกล่อง น้ำดื่มไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

แต่เกิดเหตุดราม่า ที่มีผู้ใจบุญนำเอาหารปรุงสุก และน้ำ ไปแจกชาวบ้านฝั่งหมิ่น ต.ดอกคำใต้ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ที่ถูกน้ำท่วมขัง  เมื่อวานที่ผ่านมา เพื่อช่วยชาวบ้าน หลังจากที่ขับรถอ้อม กว่า 2 กิโลเมตร เพื่อนำไปถึงที่จุดบริการ ของหมู่บ้าน ได้รับคำตอบ จากผู้นำในพื้นที่ว่าก่อนมาประสานใครหรือยัง ถ้าจะมาต้องประสาน ถ้าไม่ประสานจะมาเอาหน้าเอาตาทำไม จะขนมาทำไม ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใจบุญที่จะมาช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมจึงต้องขนเอา อาหารปรุงสุกและน้ำอ้อมมากองไว้ที่วัดเมืองชุม ต.แม่ต๋ำ แทนเพื่อให้ชาวบ้านลุยน้ำที่มีระดับลึกและระยะทางไกลมารับเอาอาหารและน้ำที่ผู้ใจบุญนำมามอบให้เอง

นาย ภานุ บุญธรรม ผู้ใจบุญที่นำน้ำและอาหารปรุงสุกไปช่วยเหลือชาวบ้านน้ำท่วม เล่าว่า จากเมื่อวานที่ได้ นำเข้ากล่องและน้ำจำนวน 400 ชุด เดินทางกว่า 20 กิโลเมตร เพื่อจะไปช่วยชาวบ้าน บ้านฝั่งหมิ่น ตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ที่ถูกนำท่วม หลังจากเข้าไปถึงหมู่บ้านทางชาวบ้านให้ไปประสานผู้นำที่ศูนย์บรรเทาทุกข์ หลังจากได้ประสานผู้นำได้คำตอบว่าวันนี้มีกับข้าวแล้วเอาไปแจกที่อื่นเถอะ ขนมาทำไม ถ้าอยากได้หน้าได้ตาทำไมไม่แจกเอง  ถ้าจะมาแจกต้องประสานก่อน ทางชุมชนจะไม่ได้สั่งข้าวจากที่อื่น ซึ่งตนเองตั้งใจที่ นำข้าวและน้ำมาแจกในชุมชนฝั่งหมิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการปล่อยน้ำกว๊านพะเยาเข้าท่วมสูง และชาวบ้านได้รับผลกระทบหลายหลังคาเรือน ด้วยความมีน้ำใจ ที่นำไปช่วยชาวบ้าน แต่ได้รับคำตอบแบบนี้  หลังจากที่คุยกับผู้นำแล้วได้รับคำตอบแบบนี้ ตนเองจึงเอาน้ำและอาหารปรุงสุก นำไปไว้ที่ วัดเมืองชุม และชาวบ้านต้องเดินกว่า 2 กิโลเมตรเพื่อจะมารับ จึงสร้างความลำบากให้ชาวบ้านและตนเองรู้สึกว่าเสียใจมากทีได้นำน้ำใจเพื่อช่วยชาวบ้าน แต่ได้รับคำตอบจากผู้นำแบบนี้อยากฝากถามผู้นำว่า ท่านจะให้คำตอบยังไงกับผู้ที่มาช่วย ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้

นายณรงค์ นามวงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอกคำใต้  กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ได้มีผู้ใจบุญนำข้าวมันไก่ จำนวน 400 กล่องและน้ำเพื่อจะมาช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมบ้าน ฝั่งหมิ่น ในช่วง ตอนเย็น แต่ปรากฏว่าสื่อสารกันไม่เข้าใจ เพราะเนื่องจาก ทางเทศบาล ได้นำอาหารแจกให้กับ ชาวบ้านแล้ว เพราะเกรงจะซ้ำซ้อน กลัว ของจะเสียและบูดเน่า จึง แจ้งให้ทางผู้ใจบุญ ได้นำ ไปแจก บริเวณหัวบ้าน หรือบ้านแม่ต๋ำเมืองชุม ที่ยัง ไม่ได้รับ ข้าวกล่อง แต่ปรากฏว่ามีการไปโพสต์ เพจ Facebook ว่า ทางผู้นำ ได้ไล่ ไม่รับข้าวกล่อง จึงเป็นประเด็นขึ้นมาดังกล่าว ซึ่งทางเทศบาลตำบลดอกคำใต้ และผู้นำในชุมชน ได้ดูแลชาวบ้าน มากกว่า 2 อาทิตย์ ช่วงน้ำท่วม และดูแลได้ทั่วถึงทุกครัวเรือนไม่ได้ปฏิเสธผู้ที่จะนำของมามอบและบริจาค แต่อย่างใดซึ่งเป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิดกัน และในวันนี้ จึงได้ประสานให้ทางผู้ใจบุญที่นำเข้ามันไก่มาแจกให้มาในวันนี้อีกครั้งแล้ว

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดพะเยา รายงาน

ด่วน! แจกเงิน 10,000 อัพเดทล่าสุดมีการปรับเปลี่ยน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.ย.67 ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงภาพประชุม สส.เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในวันละ 2 และวาระ 3 วันแรกว่า เป็นไปอย่างราบรื่น เดินหน้าได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในช่วงเช้ามีการเจรจาระหว่างสองฝ่าย ก็คาดว่าจะเดินหน้าได้ 13 ถึง 14 มาตรา และจบในเวลา 4 ทุ่มเมื่อคืนนี้ ส่วนการลงมติก็ผ่านความเห็นชอบไปได้ด้วยดี ขณะที่การอภิปรายในสภา เป็นการหยิบยกเอาประเด็นข้อสงสัยข้อห่วงใยและมีการถามตอบชี้แจงได้ครบถ้วนในแต่ละประเด็น ซึ่งภาพรวมเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อถามว่าเรื่องนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถชี้แจงให้ความมั่นใจแก่ฝ่ายค้านได้มากน้อยแค่ไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราสามารถยืนยันได้ว่า นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าจะเดินหน้าโครงการดิจิทัล 10,000 บาท แต่แน่นอนว่ารูปแบบอาจจะมีการปรับเปลี่ยน แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการแถลงนโยบาย แม้ว่าตนเองจะพอรับทราบโครงสร้างใหม่มาแล้วบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนต้องรอให้กระบวนการครบถ้วนก่อน ซึ่งคาดว่าประมาณ 10 วันน่าจะรู้เรื่อง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า

ช่วงราววันที่ 15-17 ก.ย. คาดจะมีการแถลงนโยบาย ซึ่งหากเป็นไปตามกรอบเวลา จะทราบว่าโครงสร้างของโครงการ ปรับเปลี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตามเงินที่ได้เตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นงบกลางปี 67 จำนวน 1.22 แสนล้าน และงบ 68 ที่กำลังพิจารณาอยู่ จะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติมเงินให้กับประชาชนได้อย่างแน่นอน เมื่อถามอีกว่าเรื่องการจ่ายเงินสดเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เนื่องจากกลัวว่าการจ่ายเงินสดจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายและไม่กระจายลงฐานรากอย่างแท้จริง นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า มีหลายมุมมอง เพราะลักษณะการดำเนินนโยบายสาธารณะมีมุมมองที่แตกต่าง และในวันที่เราจะทำในรูปแบบดิจิทัล 100% ก็มีข้อท้วงติงบอกว่าให้ไปดูกลุ่มเปราะบาง และทางวุฒิสภา (สว.) ก็เห็นร้องห่มร้องไห้ ให้แจกเป็นเงินสด

ซึ่งต้องยอมรับว่าได้ยินมาจริงๆ จากตัวแทนของประชาชน ซึ่งทางเราก็รับฟัง และตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา มาจนถึงรัฐบาลแพทองธาร ก็เชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน และทุกฝ่าย รวมถึงฝ่ายค้านและภาคราชการ

ซึ่งเมื่อมีเสียงสะท้อนมาเราก็รับฟัง เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่าควรเป็นแบบไหนเพื่อให้การใช้จ่ายง่ายขึ้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่อยากตอบ อยากให้รอฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล แต่สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนประเด็นแรก กลไกการเดินหน้ารัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยเต็มไปด้วยนักร้อง เมื่อมีการลองเข้ามาแล้วก็มีการสะดุดติดขัดไม่ใช่แต่เพียงรัฐบาลเท่านั้น แต่กระทบไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง

ซึ่งเมื่อมีเรื่องร้องเข้ามาและคาอยู่เป็นปี ทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นต่อการบริโภค การลงทุน การเดินหน้าชีวิตให้สะดุดติดขัดขัดไป วันนี้มองว่า อะไรที่เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง ตนมองว่ารัฐบาลแพองธาร ต้องปรับให้มีความปลอดภัยมากขึ้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่สอง มีข้อสังเกตและข้อห่วงใยจากหน่วยงานของรัฐ

และจากประชาชนฝ่ายค้านในเรื่องของการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางจุด เพื่อให้เกิดประโยชน์โดยเร็ว กระตุ้นเศรษฐกิจในการเป็นเม็ดเงินให้กับประชาชน ซึ่งเราก็รับฟังมา และยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนเป็นเงินสดมีความเป็นไปได้ในบางส่วน แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ต้องให้มีการพิจารณาร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งวันนี้ก็ได้รับหนังสือจากพรรคภูมิใจไทยแล้วจะต้องนำทั้งหมดมารวมกัน คลุกรวมกัน เพื่อให้เป็นแนวนโยบายแห่งรัฐที่ทุกคนยอมรับกันได้

เมื่อถามว่าประชาชนที่ลงไปทะเบียนไปแล้วจะทำอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังเดินหน้าต่อ ตนไม่ได้หมายความว่าไม่มีโครงการที่เป็นในลักษณะของดิจิทัลวอลเล็ต เราต้องมาดูรายละเอียดกัน แต่เรื่องการทำโครงการเงินดิทัลวอลเล็ต ยังมีอีกหนึ่งวัตถุประสงค์ที่ทราบกันมาตลอดคือ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราไม่อัดละเลยได้ ยังอยู่ในวัตถุประสงค์อยู่ แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับที่น่าพึงพอใจในระดับที่ยอมรับได้ เรื่องนั้นต่างหากที่เป็นคำตอบ เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนรูปแบบจะมีผลต่อแรงส่งต่อพายุหมุนที่ตั้งไว้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า แน่นอนครับ การปรับเปลี่ยนอะไรก็ตาม ก็มีทั้งในแง่บวกและแง่ลบในตัวของมันเอง เราต้องหาจุดสมดุลที่มีความเหมาะสมที่สุดเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ และบรรลุวัตถุประสงค์ ทำอย่างไรให้ได้ทุกอย่างในระดับที่ยอมรับได้

ประกาศเพิ่มเงินอุดหนุนบุตร

ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม มีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร อายุ 0-6 ปี ของผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 จากเดิม 800 บาทต่อเดือน เป็น 1,000 บาทต่อเดือน โดยจะเริ่มประกาศใช้ภายในเดือน ม.ค. 68

สำหรับสิทธิประโยชน์เงินอุดหนุนบุตรอายุ 0-6 ปี ของประกันสังคม เป็นสิทธิที่ให้ประโสชน์แก่เด็กราว 1.2 ล้านคน ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมามีการปรับขึ้นเงินอุดหนุนบุตรเพียง 6 ครั้งเท่านั้น ล่าสุดเมื่อปี 2564 อยู่ที่เดือนละ 800 บาท โดยการปรับขึ้นเป็นเดือนละ 1,000 บาท ในครั้งนี้จะใช้งบประมาณเพิ่มเพียงปีละ 3,225 ล้านบาท

นอกจากนี้ การศึกษาของอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า งบประมาณจะใช้เพิ่มขึ้นเป็น 83% ของส่วนเงินเด็ก แต่เนื่องด้วยการลดลงของอัตราการเกิดในปี 2572 งบประมาณจะลดลงเหลือเพียง 74% ซึ่งการเพิ่มเงินส่วนนี้จะสอดคล้องกับค่าครองชีพมากขึ้น ทำให้ผู้ประกันตนตั้งครรภ์ และมีบุตรได้รับผลประโยชน์ ตั้งแต่ฝากครรภ์ คลอดบุตร ลาคลอด และเงินเด็กถึงรายละ 100,000 บาท ตลอด 6 ปี 9 เดือน

หลังจากที่บอร์ดมีมติเห็นชอบแล้ว โดยขั้นตอนสำนักงานประกันสังคม จะนำมตินี้พร้อมกับร่างแก้ไขประกาศเสนอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเห็นชอบ และประกาศลงราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ในที่ประชุมบอร์ด ยังมีข้อเสนอของคณะอนุกรรมการที่เห็นชอบคือเรื่องการปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 0-6 ขวบเป็น 0-12 ปีซึ่งมีความเป็นไปได้ แต่ทางสำนักงานประกันสังคม ขอให้เชื่อมโยงกับการปรับขยายเพดานการเก็บเงินสมทบจาก 15,000 บาทเป็น 17,500 บาทซึ่งคาดว่าจะปรับในปี 2569 ซึ่งถือว่าเป็นการหาทางออกร่วมกัน

ด่วน!! นักโทษแหกคุกเรือนจำ

เกิดเหตุนักโทษพยายามแหกคุกในกรุงกินชาซา เมืองหลวงของประเทศดีอาร์คองโก ซึ่งเป็นเรือนจำที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 129 ราย

ชาบานี ลูกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคองโก กล่าวว่า นักโทษ 24 รายเสียชีวิตจากบาดแผลจากกระสุนปืน หลังจากมีการยิงปืนเตือนในช่วงเช้าตรู่ของวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ซึ่งเป็นผลจากการเบียดกันระหว่างการแหกคุกที่เรือนจำมาคาลา

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่รัฐบาลได้กล่าวในตอนแรกว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย เท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อ 7 ปีก่อน เคยเกิดเหตุนักโทษอย่างน้อย 4,000 ราย หลบหนีออกจากเรือนจำแห่งนี้ ซึ่งเป็นเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รายงาน ระบุว่า

ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เรือนจำดังกล่าวเล่าว่า ได้ยินเสียงปืนตั้งแต่ราวตี 1 หรือ ตี 2 จนถึงตี 5 แต่ความพยายามของนักข่าวที่จะเข้าถึงสถานที่เกิดเหตุกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวาง ด้วยการปิดกั้นทางเข้าเรือนจำ พร้อมเสริมว่า กองกำลังความมั่นคงกำลังนำร่างผู้เสียชีวิตออกไป ขณะที่ ภาพเหตุการณ์หลังจากความพยายามแหกคุก เผยให้เห็นโพรงขนาดใหญ่บนผนังอิฐ อาคารที่ไหม้เกรียม เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังทำงานอยู่ในบริเวณดังกล่าว และสำนักงานที่มีเอกสารกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น

ทั้งนี้ เรือนจำมาคาลา สามารถรองรับนักโทษได้ 1,500 คน แต่มีผู้ต้องขังมากกว่า 14,000 คนถูกคุมขังอยู่ที่นั่น โดยเมื่อปี 2020 สำนักข่าวต่างประเทศ ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่เรือนจำซึ่งเล่าว่า มีคนจำนวนมากเสียชีวิตที่นั่น เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ รวมถึงการขาดแคลนอาหารและสุขอนามัยที่ไม่เพียงพอ ในขณะนั้น คาดว่ามีนักโทษเพียง 6% เท่านั้นที่รับโทษ ส่วนที่เหลือติดอยู่ในระบบกฎหมายของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งคดีความอาจยืดเยื้อไปอีกหลายปี

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก ch3plus

เสี่ยร้านมือถือ โดนสาวร้านนวดหลอก ก่อนแอบโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง สูญเกือบ 2 ล้านบาท

วันที่ 3 กันยายน 2567 นายวิทวัส (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี เจ้าของร้านขายโทรศัพท์ชื่อดัง เข้าขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ตามจับกุมหมอนวดสาว ที่หลอกโอนเงินมาดำเนินคดี

นายวิทวัส ผู้เสียหาย เล่าว่า ช่วงต้นเดือนสิงหาที่ผ่านมา ได้ไปใช้บริการร้านนวดย่านซอยวัดโพธิ์แมน ถนนนราธิวาส กทม. ไปเจอหมอนวดคนหนึ่งชื่อ น.ส.เลย์ (สงวนชื่อ-สกุลจริง) ระหว่างที่นวดใกล้จะเสร็จ น.ส.เลย์ได้เสนอการนวดแบบพิเศษ(ขายบริการ) ตนจึงตกลงที่จะซื้อบริการ หลังใช้นวดเสร็จ โดยได้นำเงินสดให้ น.ส.เลย์ 5,500 บาท แต่ น.ส.เลย์ ปฏิเสธไม่รับเงินสด ขอให้โอนให้แทน

และได้ขอให้ตนไปส่งบ้านย่านรามคำแหง โดยให้โอนเงินบนรถ และตนได้โอนเงินค่านวดให้ จังหวะนั้นตนไม่ทราบเลยว่า น.ส.เลย์ ได้แอบดูรหัสบัญชีธนาคารบนมือถือ หลังโอนเงินเสร็จก็ไปส่งบ้านตามปกติ

จากนั้น น.ส.เลย์ ได้ทักมาพูดคุย ชวนตนมาเที่ยวที่ร้านนวด ชวนมาไปกินข้าว หากวันไหนตนไม่รับโทรศัพท์ ก็จะบุกมาถึงร้านขายโทรศัพท์ของตนทันที ตอนนั้นตนคิดว่า ผู้หญิงคนนี้คงชอบเราจริงๆ ตนก็ยอมไปกินข้าวด้วยและไว้ใจ ทุกครั้งที่ น.ส.เลย์มาเจอตน ก็จะทำทีว่าหึงหวง แล้วเอาโทรศัพท์มือถือตนไปเช็กอยู่ทุกครั้ง

ต่อมาวันที่ 15 ส.ค.67 น.ส.เลย์ได้ขอยืมเงิน 20,000 บาท ตนก็โอนเงินไปให้ สังเกตเห็น น.ส.เลย์ จ้องดูโทรศัพท์ตนเวลาโอนเงิน แต่ไม่รู้เลยว่ากำลังจดจำรหัสเข้าแอปฯธนาคาร กระทั่งวันถัดมา (16 ส.ค.67) น.ส.เลย์ได้มาหาตนที่ร้าน และทำทีหึงหวงก่อนนำโทรศัพท์ของตนไปเช็ก ว่ามีใครมาติดพันตนหรือไม่ แต่หญิงสาวได้แอบโอนเงินออกไปเข้าบัญชีตัวเอง 1,000 บาท เหมือนเป็นการหยั่งเชิง และได้โอนออกไปอีก 3 ครั้งๆละ 49,999 บาท (ที่โอนยอดเท่านี้เป็นการเลี่ยงสแกนหน้า)

  • วันที่ 19 ส.ค.67 โอนออกไปเข้าบัญชีตัวเองอีก 4 ครั้งๆละ 49,000 บาท
  • นที่ 24 ส.ค.67 โอนเข้าบัญชีตัวเอง 6 ครั้งๆละ 49,0000 บาท
  • วันที่ 29 ส.ค.67 โอนเข้าบัญชีตัวเอง 5 ครั้งๆละ 49,000 บาท
  • วันที่ 30 ส.ค.67 โอนเข้าบัญชีตัวเอง 4 ครั้งๆละ 49,000 บาท 
  • วันที่ 31 ส.ค.67 โอนไป 17 ครั้ง ได้เงินไป 725,997 บาท 

โดยรวมยอดทั้งหมด ที่ น.ส.เลย์โอนเงินไปเข้าบัญชีตัวเอง เป็นเงิน 1,788,594 บาท

ตนมาทราบเรื่อง ในวันที่ 1 ก.ย.67 ที่ผ่านมา เพราะว่ามีเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ของตน โอนเข้ามาธนาคารกสิกรไทยของตน จึงแปลกใจว่าตนไปโอนตอนไหน ก่อนเปิดเข้าไปดูหลักฐานการโอนเข้าโอนออกของธนาคาร ปรากฏว่า เงินในบัญชีหายไปเป็นจำนวนมาก ตรวจสอบพบว่า เงินถูกโอนไปยังบัญชีของ น.ส.เลย์ ตนจึงรีบไปแจ้งความ เพื่อทำการอายัดบัญชีของ น.ส.เลย์ทันที และต้องการดำเนินคดีด้วย

และจากการตรวจสอบว่า ทำไม SMS ไม่แจ้งเตือน ขณะที่มีเงินโอนเข้าโอนออก ปรากฏว่า น.ส.เลย์ ได้แอบปิดข้อความ SMS ไว้ไม่ให้แจ้งเตือน และคอยลบภาพ slip ในอัลบั้มออก แต่ก็ลบรูปออกไม่หมด ทำให้ตนจับได้ โดยตอนนี้ นส.เลย์ พยายามติดต่อมาขอเจรจากับตน ไม่ให้เอาความ แต่ตนยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากไม่ได้เงินคืนตามจำนวน

วันขอเงินพระจันทร์ 3 กันยายน 2567 วันของการเรียกทรัพย์ ขอโชค

วันขอเงินพระจันทร์ หรือ วันอมาวสี คือวันที่เชื่อกันว่าเป็นวันมงคล เหมาะแก่การขอพรและเรียกทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอให้เงินทองไหลมาเทมา ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำของทุกเดือน เชื่อว่าเป็นวันที่พระจันทร์มีพลังมากที่สุด และเชื่อว่าหากใครได้สวดคาถาบูชาพระจันทร์ในวันนี้ จะช่วยเสริมดวงชะตาให้มีโชคลาภ และเงินทองไหลมาเทมา โดยจะเกิดขึ้นเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่ง ในเดือนกันยายน 2567 นี้ วันขอเงินพระจันทร์ ตรงกับวันที่ 3 กันยายน 2567 เวลา 08.56 น.

เคล็ดลับขอเงินพระจันทร์ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ แจ่มใส คิดดี ทำดี พูดดี ทำความสะอาดกระเป๋าสตางค์ใบเดิมก่อนนำมาใช้ หรือเปลี่ยนใบใหม่ ใส่เงินเต็มกระเป๋า เรียงเงินธนบัตรให้เป็นระเบียบ ไม่ควรให้ผู้อื่นยืมเงิน

บูชาในช่วงก่อน หรือหลังฤกษ์ 12 ชั่วโมง

คาถามหาลาภ (สวด 3 จบ)

นะมามีมา มะทาลาภา อิติพุทธัสสะ

สุวัณณังวา ระชะตังวา มะณีวา

ธะนังวา พิชังวา อัตถังวา ปัตถังวา

เอหิ เอหิ อาคัจเฉยยะ อิติมีมา นะมามิหัง

คาถาขอเงินพระจันทร์

โอมจันทรา ศศิประภา นะมาฮา

ขอบารมีเทพจันทรา ผู้ให้แสงสว่างยามราตรี ได้โปรดประทานความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ ความสุขสงบ ร่มเย็น ให้ข้าพเจ้าตลอด 30 วัน จวบจนวันพระจันทร์ใหม่

อัพเดทเส้นทางพายุโซนร้อน “ยางิ” กำลังเคลื่อนตัว จะทวีกำลังแรงขึ้น ไทยเตรียมรับมือ

วันนี้ (3 ก.ย. 67) กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 1 เรื่อง พายุโซนร้อน ยางิ บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงแล้ว และเมื่อเวลา 16.00 น. มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นต่อไป

คาดว่าในช่วงวันที่ 6 – 8 ก.ย. 67 จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 7 – 8 ก.ย. 67

ล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยา อัพเดทสถานการณ์ล่าสุดพายุโซนร้อน ยางิ (YAGI) ได้เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย คาดว่าพายุนี้จะทวีกำลังแรงขึ้นอีกเมื่ออยู่ในทะเล และเคลื่อนตัวผ่านเกาะไหลหลำ อ่าวตังเกี๋ย และขึ้นฝั่งที่ประเวียดนามตอนบน

ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย.67 และอาจจะอ่อนกำลังลงที่ สปป.ลาว ยังคงต้องติดตามเนื่องจากทิศทางของพายุยังมีปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ยังไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่จะช่วยดึงให้มรสุมที่พัดปกคลุมบ้านเรามีกำลังแรงต่อเนื่อง

ส่วนฝนที่ตกเพิ่มขึ้นในขณะนี้ยังมาจากมรสุม ร่องมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำ

(ข้อมูลนี้ใช้เป็นแนวทางในการติดตามสภาพอากาศ ยังต้องติดตามด้วยข้อมูลจากผลการตรวจอากาศอื่นๆ ร่วมด้วย และข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ตามข้อมูลที่มีการประมวลผลใหม่)

พรุ่งนี้ฝนฟ้าคะนอง เตือนไทยรับมือพายุ ยางิ ฝนถล่มหนัก

วันที่ 3 ก.ย.2567 กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง พายุ “ยางิ” ฉบับที่ 1 (160/2567) ระบุ เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (3 ก.ย.67) พายุโซนร้อน “ยางิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงแล้ว และเมื่อเวลา 16.00 น. มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นต่อไป

คาดว่าช่วงวันที่ 6–8 ก.ย.67 จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 7–8 ก.ย.67

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 3–6 ก.ย.67 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 4–8 ก.ย.67 ทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูง 2–3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1–2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Popular Posts

My Favorites

ฟอร์จูนเนอร์ พาครอบครัวมาเที่ยว เบรกแตก แหกโค้งภูทับเบิก

0
ฟอร์จูนเนอร์ เบรกแตก แหกโค้งภูทับเบิก พุ่งชนอัดต้นไม้พังยับ ดับ 1 ราย บาดเจ็บ 4 ราย เผย พาครอบครัวมาเที่ยว ระหว่างทางรถที่ขับไม่มีสัญญาณบอกความผิดปกติ วันที่ 3 ก.ย.2567 ร.ต.ท.พงศธร โลหะบาล พนักงานสอบสวน ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน สภ.หล่มเก่า รับแจ้งเหตุรถยนต์เสียหลักพลิกคว่ำบนถนนทางขึ้นภูทับเบิกใกล้กับโค้ง S1 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า...